|
ความคิดเห็นที่ 20 |
เครดิตภาษี คืออะไร
สำหรับนักลงทุนที่ได้รับปันผลจากบริษัทจำกัด ไม่ว่าจะอยู่ในตลาดหลักทรัพย์หรือไม่ จากนโยบายส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐทำให้เราสามารถเลือกที่จะนำเงินปันผลหลังหักภาษีนิติบุคคลที่บริษัทปันผลมาให้นั้น กลับมาคิดคำนวณใหม่รวมกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของตนหรือไม่ก็ได้ ทำให้เป็นประโยชน์แก่นักลงทุนที่ยังมีฐานภาษีน้อย ได้มีโอกาสขอภาษีที่เสียไปคืนได้
ยกตัวอย่าง ผมเป็นพนักงานประจำกินเงินเดือน มีรายได้เดือนละ 30,000 บาท ส่งประกันสังคมปีละ 9,000 บาท พอครบปี ผมก็ต้องยื่นแบบ ภงด. 91 ด้วยเงินได้ทั้งปี 360,000 บาท ลดหย่อนค่าใช้จ่าย 40% แต่ไม่เกิน 60,000 บาท ค่าลดหย่อน 30,000 บาท และประกันสังคม 9,000 บาท ก็จะเหลือเงินได้ที่ต้องนำไปคำนวณภาษี 360,000-60,000-30,000-9,000 = 216,000 บาท 150,000 บาทแรกไม่เสียภาษี อีก 111,000 ถัดมาเสียภาษี 10% ดังนั้น ปีนี้ผมต้องเสียภาษีให้รัฐทั้งสิ้น 111,000 x 10% = 11,100 บาท
ปีต่อมา เศรษฐกิจไม่ดี ... โชคร้ายเงินเดือนไม่ขึ้น แต่โชคดีไม่โดนไล่ออก เงินเดือนเท่าเดิม 30,000 บาท แต่ผมได้ลงทุนเอาเงินเก็บไปซื้อหุ้นปันผล 100,000 หุ้น ซึ่งเป็นบริษัทที่เสียภาษี 30% และปันผล 0.70 บาทต่อหุ้น ดังนั้นปีนี้ นอกเหนือจากรายได้จากงานประจำที่คงที่ ๆ 30,000 บาทแล้ว ผมยังมีรายได้จากเงินปันผลอีก 70,000 บาท ซึ่งถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายไป 10% จึงเหลือ 63,000 บาท ซึ่งผมสามารถเลือกที่จะเอามาเครดิตภาษีคืนหรือไม่ก็ได้
ถ้าผมไม่เครดิตภาษีเงินปันผลคืน ... ปีนี้ผมก็จะต้องควักกระเป๋าเสียภาษีอีกเหมือนเดิมคือ 11,000 บาท
แต่ถ้าผมเลือกที่จะนำเงินปันผลส่วนที่ว่า มาขอเครดิตภาษีคืนนั้น การเสียภาษีจะเปลี่ยนแปลงไปเท่าไหร่ ??? เงินได้จากงานประจำหักค่าลดหย่อนที่ต้องนำมาคำนวณภาษีคงเดิมที่ 216,000 บาท รายได้จากเงินปันผลก่อนหัก ณ ที่จ่าย 70,000 บาท เงิน 70,000 ส่วนนี้ คือเงินปันผลที่ถูกหักภาษีนิติบุคคลไปแล้ว 30% เท่ากับว่าเงินปันผลก่อนหักภาษีนิติบุคคลคือ 100,000 บาท หรือเข้าใจง่าย ๆ คือ เงินปันผล 70,000 บาท ส่วนที่เป็นเครดิตภาษีอีก 30,000 บาท เมื่อนำมาคำนวณภาษีใหม่ จึงต้องนำเงินปันผล + เครดิตภาษี = 100,000 บาทมาคำนวณในรายได้บุคคลธรรมดา
ดังนั้น เงินต้นที่ต้องนำมาคำนวณคือ 216,000 บาท รวมกับ 100,000 บาท = 316,000 บาท 150,000 บาทแรกไม่เสียภาษี อีก 211,000 ถัดมาเสียภาษี 10% ดังนั้น ปีนี้ผมต้องเสียภาษีให้รัฐทั้งสิ้น 211,000 x 10% = 21,100 บาท แต่เดี๋ยวก่อน เผอิญว่าปีนี้ เสียภาษีในนามภาษีนิติบุคคลของบริษัทไปแล้ว 30% = 30,000 บาท และเงินหักภาษี ณ ที่จ่ายอีก 7,000 บาท ดังนั้นเท่ากับว่า ผมเสียภาษีไปก่อนหน้านั้นแล้ว 37,000 บาท เมื่อผมต้องเสียภาษีปีนี้ 21,000 บาท แต่ได้เสียไปแล้ว 37,000 บาท เท่ากับว่า ถ้าผมไม่มีการเครดิตภาษี ผมจะต้องเสียภาษีปีนี้ 11,000 บาท แต่ถ้ามีการเครดิตภาษี ปีนี้จะได้เงินภาษีคืนมา 16,000 บาท ส่วนต่างระหว่าง เครดิตภาษี กับไม่เครดิตภาษี คือ เงินจำนวน 11,000 + 16,000 = 27,000 บาท
หวังว่าคงพอได้แนวทางในการบริหารจัดการภาษีกันบ้างนะครับ ทีนี้มาต่อเรื่องที่ว่า ทำไมจึงต้อง ลาออก จากงานประจำเมื่อมีรายได้จากเงินปันผลมาก ๆ
สมมติว่า คุณมีรายได้จากเงินปันผลมากเสียจนทำให้ฐานภาษีอยู่ที่ 30% เท่ากับว่า เมื่อนำเงินได้จากการทำงานประจำมารวมด้วย จะทำให้คุณต้องเสียภาษีจากงานประจำในอัตรา 30% นั่นเอง ถ้าคุณทำงานประจำ เงินเดือนหลักแสน ก็คงจะ OK ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าคุณทำงานเงินเดือนซัก 30,000 ในกรณีที่คุณไม่มีเงินปันผล คุณจะเสียภาษีเพียง 11,000 บาท แต่ถ้าเงินปันผลอย่างเดียว มากพอที่จะทำให้ฐานภาษีอยู่ที่ 30% แล้ว มันจะทำให้คุณเสียภาษีในส่วนของรายได้ประจำเกือบ 90,000 บาทเลยทีเดียว สำหรับผม ส่วนต่างที่เกิดขึ้น ก็มากพอที่จะทำให้ผมลาออกจากงานประจำ แล้วมาลงทุนเต็มเวลาดีกว่า แล้วนำเวลาว่างไปหาประสบการณ์ ศึกษาหาความรู้ในส่วนอื่น ๆ หรือประกอบธุรกิจอะไรก็แล้วแต่ ซึ่งดีกว่าเยอะ .....
แค่นี้แหละครับ
จากคุณ |
:
Morning Star
|
เขียนเมื่อ |
:
3 ก.พ. 53 19:38:19
|
|
|
|
|