|
Daily VI Discussion (DVD 40) กระทู้การลงทุนแนวเน้นคุณค่า ประจำวันที่ 11/02/10{แตกประเด็นจาก I8865934}
|
|
สวัสดีครับทุกๆท่าน ผมขอเป็นตัวแทนทำหน้าที่แวะมาเปิดบ้่าน VI ให้นะครับ ขอให้ทุกท่านโชคดีในการลงทุน ลงทุนด้วยความรู้และมีความสุขในการลงทุนนะครับ
เก็บตกบทความดีๆประจำกระทู้ DVD (ขอบคุณบทความจากกระทู้ของคุณจิ้งจกเขียวนะครับ)
นักลงทุนกับนักเดินเรือ
หากเปรียบเทียบการลงทุนกับการออกเรือ ก็คงไม่แตกต่างกัน เพราะหากผู้โดยสารทุกคนมีเป้าหมายการออกเรือที่ชัดเจน มีกรอบระยะเวลา สามารถประเมินความเสี่ยง และโอกาส ในการออกเรือเพื่อให้ถึงเป้าหมาย อย่างปลอดภัยนั้น ควรจะต้องเตรียมการและศึกษาวิธีการในการควบคุมเรือให้ได้อย่างเหมาะสม เพราะในทะเลนั้น ยังมีปัจจัยอีกหลายอย่างที่มนุษย์ทั่วไป ไม่สามารถควบคุมได้
โดย นักเดินเรือหรือนักลงทุนที่ดี ควรจะต้องมีศึกษาข้อมูลและมีการวางแผนการเดินทางก่อนออกเดินทางเสมอ เพื่อจะได้ถึงที่หมายอย่างปลอดภัยและไม่ใช้เวลามากจนเกินไป และเพื่อเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางให้ถึงจุดหมายในการออกเรือจึงมีข้อแนะนำดังนี้
1.กำหนดเป้าหมาย และ กำหนดระยะเวลาเดินเรือ (การกำหนดผลตอบแทนและระยะเวลาในการลงทุน) เช่น ระยะทางที่จะเดินทาง ว่าจะใช้เวลาเบื้องต้นเป็นเวลาเท่าไร เช่น กี่เดือนหรือกี่ปี ซึ่งอาจมีทั้งที่หมายระยะสั้น และที่หมายระยะยาว รวมทั้งความสามารถของผู้โดยสารที่จะสามารถอยู่ในเรือได้ยาวนานเท่าไรด้วย
2. การเลือกเส้นทางเดินเรือ (กำหนดนโยบายการลงทุน) ว่าจะเลือกเส้นทางหลัก หรือเส้นทางลัด แต่อาจมีความเสี่ยงเรื่องอุปสรรค ต่างๆที่อยู่ในน่านน้ำ ได้แก่โขดหินโสโครก , กระแสน้ำที่รุนแรง, แหล่งน้ำเน่าเหม็น ซึ่งผู้เดินเรือจะต้องประเมินความเสี่ยงที่เกิดขึ้นหากเลือกเดินทางในเส้นทางดังกล่าว ว่าผลตอบแทนนั้นคุ้มค่ากับความเสี่ยงกับตัวเรือหรือเปล่า (เพราะเมื่อเสียหายอาจซ่อมเรือไม่ได้)
3.การเลือกขนาดเรือ (ขนาดของเงินลงทุน) ควรเลือกขนาดเรือให้เหมาะสมกับตัวผู้โดยสารเอง เพราะจะบ่งบอกถึงความสามารถ ในการบรรจุสัมภาระต่างๆ และความคล่องตัว เพราะหากท่านเลือกเดินทางในกระแส น้ำที่เชี่ยว หรือแคบ ต้องใช้ความคล่องตัว ในการหลบหลีกหรือพร้อมสละเรือได้ตลอดเวลา แต่หากเป็นเรือที่ใหญ่เลือกทางสัญจรทั่วไป จะปลอดภัยกว่า
4.การเลือกสัมภาระที่นำลงไปในเรือ (การจัดพอร์ตลงทุน) ทั้งนี้ผู้เดินทางจะต้องเข้าใจในสินค้าแต่ละประเภทว่ามีคุณสมบัติเช่นไร และควรเลือกสินค้าใด สัดส่วนเท่าไหร่ลงไปในเรือซึ่งสินค้าต่างๆ ก็จะมีคุณสมบัติดังนี้ 4.1 สินค้าที่สามารถออกผลผลิตได้ระหว่างการเดินทาง (เช่นหุ้นปันผล) 4.2 สินค้าที่สามารถขายได้ราคาดี เมื่อนำไปขายที่ท่าเรือเป้าหมาย แต่อาจซื้อขายได้ยากหากไม่ถึงเวลาที่กำหนด (เช่นหุ้นคุณค่า) 4.3 สินค้าที่มีความเสี่ยงของการเน่าเสีย (เช่น หุ้นปั่นหรือหุ้นเล่นตามกระแสนิยม) 4.4 สินค้าพื้นเมืองที่ใครก็รู้จักทำให้ซื้อขายคล่องตัว (เช่น หุ้นในกลุ่ม SET50)
แต่อย่างไรก็ดีสินค้าที่เลือกลงเรือไม่ควรที่จะหลากหลายเกินไปและควรสอดคล้องกับขนาดของเรือ ระยะเวลาการเดินเรือ และเป้าหมายของการเดินเรือ
ทั้งนี้ผู้เดินเรือเองควรศึกษาถึงวิธีวิเคราะห์และประเมินความเสี่ยง ด้านราคาของสินค้า และผลตอบแทนที่เกิดขึ้น ว่ามีราคาถูกหรือแพงอย่างไร คุ้มค่ากับการนำใส่ไปในเรือหรือไม่ (เปรียบเสมือนการวิเคราะห์ด้วยปัจจัยพื้นฐาน) ซึ่งอาจต้องใช้ประสบการณ์และสอบถามผู้รู้หรือดูข้อมุลที่มีผู้วิเคราะห์ไว้แล้ว
5. รู้ทิศทางคลื่นและกระแสลม (การหาจังหวะในการลงทุน) โบราณว่าน้ำเชียวอย่านำเรือไปขวาง เปรียบเสมือนการเดินเรือที่จะได้รับความปลอดภัย หรือใช้เวลาเดินเรือที่สั้นจะต้องรู้ทิศทางของกระแสน้ำและกระแสลม ซึ่งหากเลือกเดินทางในช่วงคลื่นลมไม่สงบ หรือล่องเรือสวนกระแส อาจทำการออกเรือนั้นสูญเปล่า หรือนำมาให้เกิดความเสียหายของตัวเรือ ซึ่งบางครั้ง การไม่ออกเรือเลยจะเป็นวิธีที่ดีกว่า
ดังนั้นผู้ออกเรือควรศึกษาถึงวีธีการประเมินกระแสน้ำว่าอยู่ในทิศทางขึ้นหรือลง หรือเป็นน้ำวน (ไม่มีทิศทางชัดเจน) เพื่อจะได้กำหนดจังหวะในการออกเรือและพักเรือได้ (เปรียบเสมือนการวิเคราะห์ทางเทคนิค)
6. ซ้อมแผนสละเรือ (การรู้จักที่จะหยุดขาดทุน) ผู้โดยสารควรมีแผนสำรองในการรักษาชีวิตของตนเอง หากการเดินเรือนั้นเจออุปสรรคที่จะต้องสละเรือทิ้ง ดังนั้น การเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ด้วยการสมมุติเหตุการณ์ และกำหนดแผนปฎิบัติ ก็จะเป็นตัวช่วยให้การเดินทาง ครั้งนั้น สามารถรักษาชีวิต เพื่อสร้างโอกาสให้กับมาเดินเรือใหม่ได้ ซึ่งผู้โดยสารจะต้องรู้ว่าจะเส้นทางเดินเรือที่เลือกเดินนั้นมีความเสี่ยงอย่างไรด้วยเช่นกัน
หากกล่าวโดยสรุปคือ ผู้เดินเรือมือใหม่ นั้นมีความเสี่ยงอยู่มากมายที่อาจไม่สามารถถึงที่หมายปลายทางได้อย่างปลอดภัย หรือไม่สามารถขายสินค้าอยู่ในลำเรือได้เมื่อถึงที่หมาย แต่อย่างไรก็ดีการวางแผน ศึกษาข้อมูลและเตรียมความพร้อม จะเป็นตัวช่วยในการลดความเสี่ยง ซึ่งแม้จะต้องมีการลองถูกหรือลองผิดก่อน แต่ประสบการณ์ที่สะสมไว้จะเป็นตัวช่วย ซึ่งหากเดินเรือได้แล้วก็จะเป็นทักษะที่ติดตัวไปได้ตลอด และเมื่อถึงเวลาหนึ่งผู้เดินเรือนั้นก็จะสามารถนำเรือที่ใหญ่มาก และมากขึ้นเรื่อยๆถึงฝั่งได้เช่นกัน
แต่ปัญหาของผู้เดินเรือส่วนใหญ่มักชอบที่จะขับเรือเองแต่ไม่ได้ติดตามเส้นทางการเดินเรือของตน คอยแต่รับฟังความเห็นของ ลูกเรือบ้าง หรือเรือลำข้างๆบ้าง หรือรับฟังแต่ข่าวสารจากวิทยุสื่อสารบ้าง ซี่งไม่ได้วิเคราะห์จากเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าที่เกิดขึ้นจริง จึงทำให้เลือกเดินทางตามเส้นทางที่คนอื่นเขาบอกว่าดีหรือปลอดภัย แต่ไม่รู้ว่าจะมีหลุมน้ำวน หรือโขดหินอยู่ตรงไหน และบางครั้งกังวลจนเกินไป ทำให้การเดินเรือเป็นเรื่องที่เครียด ไม่ได้สนุกเหมือนอย่างที่ออกเรือไปในตอนแรก ดังนั้น ก่อนออกเรือทุกครั้งผู้เดินเรือควรวางแผนการเดินเรือของตนว่าคุ้มค่ากับการออกเรือหรือไม่ และมีความเสี่ยงอย่างไรบ้าง ก็จะทำให้การเดินทางเป็นเรื่องสนุกและยอมรับได้หากเกิดปัญหาไม่คาดฝันใดใด เกิดขึ้น
ทั้งนี้จึงขอฝากข้อคิดเหล่านี้ให้กับผู้ลงทุนทุกท่าน สำหรับการเดินทางบนเส้นทางการลงทุน แห่งนี้ ครับ
การลงทุนนั้นไม่ยาก หากเข้าใจ ถึงผลลัพธ์ ของความเสี่ยง และผลตอบแทน เพียงแต่คุณจะเลือกเดินทางในการเดินทางนั้น หรือการเดินทางถัดไป ก็ขึ้นอยู่กับข้อคิดต่างๆ 6 ข้อที่กล่าวมาครับ
ขอให้ทุกท่าน สนุกกับการเดินเรือครับ
Written by Dolnaphat Y. Date: 7 Jan 09
จากคุณ : จิ้งจกเขียว เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 22:03:07
จากคุณ |
:
คนจนที่อยากรวย
|
เขียนเมื่อ |
:
11 ก.พ. 53 07:56:36
|
|
|
| |