|
ความคิดเห็นที่ 1 |
หลักการมันคืออย่างนี้คับ ก่อนที่บริษัทเค้าจะเอาปันผลมาจ่ายเรา บริษัทเค้าต้องเอากำไรไปเสียภาษีก่อนแล้ว เช่นสมมติบริษัท Q มีกำไร 10 ล้านบาท มีหุ้นสามัญ 1 ล้านหุ้น ถ้าบริษัทจ่ายปันผล 50% ที่จริงแล้วผู้ถือหุ้นควรได้ปันผลคนละ 5 บาท / หุ้น แต่สมมติว่าบ. ต้องเสียภาษี 20% - -> บ. จะเหลือกำไรมาจ่ายปันผลแค่ 10 2 = 8 ล้านบาท ดังนั้นผู้ถือหุ้นจะได้ปันผลจริงๆแค่ 4 บาท จะเห็นได้ว่า ก่อนที่ผู้ถือหุ้นจะได้ปันผลนั้น แท้จริงแล้วบ. ได้จ่ายภาษีกำไรไปแล้วรอบหนึ่ง หากผู้ถือหุ้น ต้องนำปันผลมาเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอีก ก็จะเป็นการเก็บภาษีซ้ำซ้อน ดังนั้นทางสรรพากรจึงเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้น เรียกเอาภาษีในส่วนที่บริษัทจ่ายไปแต่แรกคืน แล้วเอามาเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพียงครั้งเดียว ยกตัวอย่าง นายทักกี้ ถือหุ้นบ. Q อยู่ 10,000 หุ้น นายทักกี้จะได้ปันผล 10,000 x 4 = 40,000 บาท เทียบบัญญัติไตรยางค์ ปันผลทุก 80 บาท ที่นายทักกี้ได้ บ. Q เสียภาษี ไปแล้ว 20 ดังนั้นปันผล 40 000 บาท ที่นายทักกี้ได้ บ. Q เสียภาษี ไปแล้ว 40 000 x 20 / 80 บาท = 10 000 บาท เทียบออกมาเป็นสูตรก็คือ ปันผลที่ได้ X % ภาษีที่เสีย / ( 100 - % ภาษีที่เสีย ) สรุปก็คือ สรรพากรจะคืนเงินให้นายทักกี้ 10 000 บาท ( นั่นคือนายทักกี้จะได้เงินทั้งหมด 40 000 + 10 000 บาท ) แล้วที่นี้ปลายปีนายทักกี้ต้องนำเงิน 40 000 + 10 000 บาท นี้ไปเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สมมติว่านายทักกี้เป็นเม่าน้อยยากจน มีรายได้เสียภาษีแค่ฐาน 10% นายทักกี้ต้องเสียภาษีปลายปี 50 000 x 10% = 5000 บาท ที่นี้ทาง TSD จะหักณ ที่จ่ายไปแล้ว 10% ให้สรรพากร คือ 40 000 x 10% = 4000 บาท ดังนั้นปลายปีนายทักกี้มีภาระต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพิ่มอีก 4000 5000 = 1000 บาท แต่สรรพากรยังติดค้างไม่ได้คืนเครดิตภาษีให้นายทักกี้อยู่ 10 000 บาท ( ซึ่งเป็นภาษีที่บ. Q ยอมจ่ายไป ) สรุปปลายปีนายทักกี้ต้องได้เงินคืน 10 000 1000 = 9000 บาท
จากคุณ |
:
Idiopathic
|
เขียนเมื่อ |
:
12 ก.พ. 53 00:09:19
|
|
|
|
|