|
ความคิดเห็นที่ 20 |
ปีเตอร์ เบิร์นสไตน์ นักเศรษฐศาสตร์ที่โดดเด่นและมีความเชี่ยวชาญสูงเสนอหนังสือเล่มใหม่ CAPITAL IDEAS ออกสู่สายตานักอ่านในช่วงเวลาที่เหมาะเจาะ
หนังสือเล่มนี้พูดถึงทฤษฎีตลาดทุน ที่ถือเป็นการปฏิวัติการบริหารเงินและก่อกำเนิดเครื่องมือ การลงทุนใหม่ ๆ ที่แตกต่างออกไป ทั้งยังเป็นการเพิ่มศาสตร์เข้าไปในศิลป์ของการทำคอร์ปอเรทไฟแนนซ์
ต้นกำเนิดที่ไม่น่าเป็นไปได้ หรือ IMPROBABLE ORIGINS อันเป็นส่วนหนึ่งของชื่อหนังสือนั้นหมายความถึงกลุ่มศาสตราจารย์กลุ่มเล็ก ๆ ที่ได้ตีพิมพ์แนวความคิดใหม่ ๆ ในวารสาร ทางวิชาการนับตั้งแต่ทศวรรษ 1950 เป็นต้นมา
ในครั้งนั้นศาสตราจารย์เหล่านี้ยังเป็นเพียงบุคคลลึกลับ ไม่ต่างจากบทความที่พวกเขาเขียนมาลงเป็นตอน ๆ ในหนังสือ แต่มาถึงปี 1991 หลายต่อหลายคนกลายเป็นคนเด่นเพราะรางวัลโนเบล
เบิร์นสไตน์เป็นบุคคลในอุดมคติที่ได้บันทึกประวัติศาสตร์ของการก้าวกระโดดจากห้องเรียนสู่วอล์ลสตรีทในฐานะนักเศรษฐศาสตร์ผู้โดดเด่นและหัวหน้าบริษัทที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจที่เขาก่อตั้งขึ้นเอง เบิร์นสไตน์จึงรู้เรื่องการบริหารเงินเป็นอย่างดี เขาได้เข้าครอบครองบริษัท เบิร์นสไตน์-แมคอลเลย์ ของบิดาเมื่อปี 1951 และบริหารงานต่อมาอีกกว่า 20 ปี
เบิร์นสไตน์ เป็นนักเขียนที่ไม่นิยมบอกอะไรจะ ๆ แจ้ง ๆ แต่สำนวนของเขาก็เต็มไปด้วยเสน่ห์ และเป็นที่รู้จักในหมู่นักอ่านมาหลายปีแล้ว เขายังเป็นบรรณาธิการวารสาร THE JOURNAL OF PORTFOLIO หนังสือน้องใหม่ในเครือ INSTITUTIONAL INVESTOR ซึ่งได้เผยแพร่แนวคิดใหม่ ๆ ออกมาอย่างกว้างขวาง
เบิร์นสไตน์ได้เสาะค้นแนวคิดใหม่ ๆ (ซึ่งเขายอมรับว่าในขั้นแรกมันมักจะ แปลกแยกและไม่น่าสนใจ) เพื่อวางรากฐานแนวคิดในฝรั่งเศสในช่วงศตวรรษนี้
เขายังได้ร่วมกับ เฮนรี่ มาร์โควิทซ์ เขียนบทความเรื่อง PORTFOLIO SELECTION ลงในวารสาร JOUMAL OF FINANCE ในปี 1952
บทความดังกล่าวออกมาโต้ว่าความเสี่ยงของบัญชีหลักทรัพย์นั้นมิได้ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงในหุ้นแต่ละตัวในบัญชีแต่อยู่ที่ลักษณะการถือครอง มากกว่า
ดังนั้นหลักทรัพย์ใน บัญชีหลักทรัพย์ที่มีประสิทธิภาพ ของสาวแก่แม่ม่ายจึงอาจจะมีความคล้ายคลึงกับของผู้บริหารธุรกิจก็ได้ ไม่เห็นแปลก
เบิร์นสไตน์ยังให้คำอธิบายว่า วิลเลียม ชาร์ป ได้แนะแบบจำลองการกำหนดราคาหลักทรัพย์ประเภททุนไว้อย่างไรในช่วงต้นทศวรรษ 1960 แบบจำลองที่ว่านี้พูดถึงว่าบัญชีหลักทรัพย์ที่มี
ประสิทธิภาพมากที่สุดก็คือตัวตลาดทุนนั้นเอง
นอกจากนี้ในบทต่อมา เบิร์นสไตน์ยังบอกว่า จอห์น อันดรูว์ แม็คควอน, เจมส์เวอร์ติน และ วิลเลี่ยม เฟาส์ ได้ถ่ายทอดทฤษฎีของตนลงบรรจุเข้าไว้ในเอกสารของธนาคารเวลส์ ฟาร์โก อย่างไร
แน่นอนว่า พวกเราอาจจะกล่าวคำขอบคุณหรือวิพากษ์โจมตีศาสตราจารย์เหล่านี้ ต่อแนวคิด
ต่าง ๆ ที่พวกเขาได้เสนอ ไม่ว่าจะเป็นวิธีการวัดความเสี่ยง , ผลิตภัณฑ์การเงินล่วงหน้(DERIVATIVES), โปรแกรมเทรดดิ้ง การประกันบัญชีหลักทรัพย์และนวัตกรรมใหม่ ๆ อื่น ๆ ที่ยังเป็นที่ถกเถียงกันซึ่งในหนังสือเล่มนี้เบิร์นสไตน์ได้ออกมาปกป้องว่าแนวคิดที่ว่านี้เป็นส่วนหนึ่งของตลาดเสรีที่มีประสิทธิภาพ
เบิร์นสไตน์ ได้พูดถึงคุณูปการของศาสตราจารย์ต่าง ๆ ที่เป็นที่รู้จักกันดีในทุกวันนี้อันได้แก่ เจมส โทบิน, พอล แซมมวลสัน, อูจีน ฟามา, ฟรังโก โมดิกเลียนี เมอร์ตัน มิลเลอร์, แจ๊ค เทรย์เนอร์, ริชาร์ด รอลล์, สตีเฟน รอสส์ และบาร์ โรเซนเบิร์ก ซึ่งได้พูดถึงทฤษฎีต่าง ๆ ในภาษาอังกฤษที่เข้าใจง่ายมิใช่สูตรซับซ้อนที่ใช้ภาษากรีกเป็นสัญลักษณ์
เขายังกล่าวพาดพิงถึงบทบาทของผู้เชี่ยวชาญชั้นรองอาทิ เอ็ม.เอฟ.เอ็ม. ออสบอร์น ที่ได้ตีพิมพ์เอกสารชื่อ BROWNIAN MOTION IN THE STOCK MARKET เมื่อปี 1959 ลงในวารสารของกรมนาวีของสหรัฐ ฯ ที่ชื่อ OPERATIONS RESEARCH
บทความที่เคลือบคลุมเหล่านี้อาจเป็นที่น่าเกรงขามสำหรับนักอ่านที่ไม่ลงรายละเอียดมากนัก แต่สำหรับตัวเบิร์นสไตน์แล้วเขามองว่า บทนำของบทความเหล่านี้ไม่ชัดเจนเนื้อหาก็ไม่สอดคล้องกับบทนำแม้แต่ในประเด็นสำคัญของเรื่องที่เขียนก็ไร้ความน่าเชื่อถือ
เบิร์นสไตน์นั้นไม่เพียงแต่วิจารณ์โดยการอ่านบทความเหล่านั้นเท่านั้น แต่เขายังได้ใช้เวลาหลายชั่วโมงในการพูดคุยกับผู้เขียนซึ่งส่วนใหญ่ยังมีชีวิตอยู่ เพื่อจะได้ทราบคร่าว ๆ ถึงบุคลิกภาพของผู้เขียน อันเป็นต้นตอแนวคิดที่ออกมา
สำนวนของเบิร์นสไตน์นั้นเขียนให้คนธรรมดาสามัญอ่าน เขามักให้คำอรรถาธิบายในคำเฉพาะต่าง ๆ เสมอ บางคนอาจตั้งข้อกังขาว่าทฤษฎีที่ว่าด้วยอัลฟา, เบต้าและกระบวนการสโตแคสติคที่ว่านี้จะมีคนสนใจมากมายเท่าไหร่กันเชียว
อย่างไรก็ดี บรรดาผู้ที่โลดแล่นในโลกของการลงทุนอาจต้องขอบคุณที่ประวัติของแนวคิดเหล่านี้ได้รับการบันทึกไว้แล้วโดยฝีมือของเบิร์นสไตน์ (สำหรับคนทั่วไปและได้ ถูกย่อยให้อยู่ในรูปแบบที่เข้าใจได้ง่ายที่สุดแล้ว)
การถกเถียงในเรื่องประสิทธิภาพของตลาดและความสามารถของผู้บริหารบัญชีหลักทรัพย์ที่เพียรพยายามทำให้ผลตอบแทนเพิ่มพูนเรื่อย ๆ นั้นย่อมไม่ยุติลงในหนังสือเล่มนี้หรือเล่มไหน ๆ
เพราะหลายคนอาจออกมาโต้ความคิดของเบิร์นสไตน์ในภายหลัง
กระนั้นก็ดีอย่างน้อยแนวคิดนี้ก็ได้ก่อผลต่อบริษัทของเบิร์นสไตน์เองเพราะมันช่วยให้เขาสามารถพัฒนาแนวคิดในการลงทุนและยุทธวิธีต่าง ๆ เพื่อเพิ่มพูนผลกำไร
ความยากนั้นคงอยู่ที่การบังคับให้บรรดานักดัชนี นักลงทุนรวมไปถึงเหล่านักวิชาการต่าง ๆ ที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงไว้ในหนังสือเล่มนี้ยังคงเดินหน้าพัฒนาแนวคิดต่อไปเรื่อย ๆ อย่างไม่หยุดยั้ง --------------------------------------------------------------------------------
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
.........................................................................................
เอามาจากที่นี่ค่ะ เค้าเขียนข้างนเเปลว่าเอามาลงได้ใช่ไม๊คะ เราเเสดงที่มาเเล้ว ไม่ใช้เพื่อการค้าเเล้วก็ไม่ได้ดัดเเปลง
..........................................................................................
อ่านเเล้วเห็นว่าน่าสนใจดีค่ะ เเต่อ่านเเล้วส่วนใหญ่เราไม่ค่อยเข้าใจ เพราะคงเป็นเรืองเศรษฐศาสตร์เชิงลึก ที่เราไม่รู้เรื่องไม่เคยได้ยิน
..........................................................................................
http://www.gotomanager.com/news/printnews.aspx?id=31562
จากคุณ |
:
RoseTiara
|
เขียนเมื่อ |
:
21 ก.พ. 53 10:12:53
|
|
|
|
|