ความคิดเห็นที่ 1 ช่วยขนย้ายจากกระทู้เดิมมาให้ ----------------------------------------- ความคิดเห็นที่ 1     วิธีที่จะทำให้ไม่สามารถบัตรเครดิตได้ก็คือต้องขึ้นแบล็คลิสกับเครดิตบูโร วิธีทีจะทำให้ติดแบล็คลิสก็คือ คุณไม่ต้องไปใช้หนี้ให้พวกเค้า จากคุณ : เกาะเป็ด   เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 53 11:43:53   ถูกใจ : ขอบฟ้าบูรพา จากคุณ : วิทยาการ เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 53 12:01:39

ความคิดเห็นที่ 2 ความคิดเห็นที่ 2     ถ้าเทคนิคไม่ให้เปิดเพิ่ม คงยากมากล่ะครับ  แต่ถ้าจะให้เครดิตใน ข้อมูลเครดิตบูโรเสีย ทำได้ง่ายมาก (ซึ่ง ถ้าข้อมูลเสียก็จะทำธุรกรรมการกู้ยาก  >>  ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ดีหรอกครับ ใครๆ ก็อยากมีเครดิตดี เอาไว้ทำนู่น ทำนี่ได้) วิธี คือ ให้เค้าทำบัตรให้เราครับ แล้วใ้ช้ไปซักยอด 5000-10000 แล้ว อย่าไปจ่ายครับ ให้ทวงๆ ปรับๆ จ่ายเค้าไปซัก 2 เดือนครับ พยายามคงยอดให้อยู่แถวๆ 5000-10000 จะได้ ไม่เสียดอกมาก นึกได้แค่นี้อ่ะครับ ไม่รู้จะช่วยได้แค่ไหนครับ ^^ จากคุณ : Fireeater     เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 53 11:43:57 จากคุณ : วิทยาการ เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 53 12:02:14

ความคิดเห็นที่ 3 ความคิดเห็นที่ 3     เห็นใจคุณพ่อ ที่เล่ามาก็เห็นว่าทำถูกหลายอย่างแล้ว แต่สงสัยหน่อยว่า ตอนเปิดบัตร แม้เครดิตจะยังไม่เสีย แต่ก็ต้องมีการแสดงรายได้ , statement   แล้วลูกสาวเอาอะไรไปเป็นหลักฐาน กู้ในระบบพอตามชำระหนี้ไหว  แต่ถ้าเจอนอกระบบก็หนักอยู่ จากคุณ : วิทยาการ   เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 53 11:45:09 จากคุณ : วิทยาการ เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 53 12:02:38

ความคิดเห็นที่ 4 ความคิดเห็นที่ 4     ต้องหาผู้รู้มาตอบละครับ เอาใจช่วยละกันครับ จากคุณ : Mccain   เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 53 11:46:35 จากคุณ : วิทยาการ เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 53 12:03:03

ความคิดเห็นที่ 5 ความคิดเห็นที่ 6     แบบนี้ไม่สวยแน่ๆครับ ถ้ารายได้ไม่พอแต่ยังจมไม่ลง แบบนี้อย่าโทษแต่ลูกเขยเลยครับ การใช้ชีวิตคู่นั้นคือการรับผิดชอบร่วมกัน ถ้าบอกว่าเพราะเหตุอย่างนั้นอย่างนี้เลยต้องเป็นหนี้ ลองคิดถึงคนที่มีสถานะความเป็นอยู่ที่ต่ำกว่าเราสิครับ อีกกี่ครอบครัวที่อยู่ได้และไม่เป็นหนี้ การที่กู้มาเพื่อใช้จ่ายโดยที่ไม่มีรายรับเพียงพอนี่เท่ากับกินยาพิษประทังชีวิตเลยนะครับ ถ้าที่บ้านลูกเขยเป็นแบบนี้ ทำไมไม่ฝากลูกไว้กับพ่อแม่เค้า แล้วทั้งสองคนออกไปหางานทำกัน??? แล้วเสี่ยเองถ้าลูกสาวดิ้นรนมาขอให้ช่วยอีก จะทนได้แค่ไหนครับ เท่าที่ผมอ่านนี่เสี่ยรักลูกสาวมาก จนไม่ยอมให้เค้าได้รับความลำบากที่เค้าได้ทำขึ้นมาเอง แล้วอีกนานแค่ไหนที่เราต้องคอยดูแลเค้าไปครับ อีกนานแค่ไหนกว่าเค้าจะได้เรียนรู้ชีวิต ผมแนะนำให้ไปที่เว็บนี้ดูนะ เค้ามีเป็นชมรม ผมเคยเห็นผ่านๆแต่ไม่เคยเข้าไป เสี่ยลองเข้าไปดูนะครับ แต่คิดแล้วก็เซ็งแทน คนเป็นพ่อมานั่งกลุ้ม นั่งหาข้อมูล คุณลูกสาวจะรู้สึกเดือดร้อนแบบคนเป็นพ่อมั่งไหมนี่ http://www.consumerthai.org/debt/ ถ้ามีอะไรสงสัยมาถามเพิ่มได้ครับ แต่ถ้าให้อธิบายทั้งหมดเลยยาวเกินแน่ๆ เพราะเวลาแก้เรื่องพวกนี้ต้องดูรายละเอียดทั้งหมด การควบคุมทางการเงิน นิสัยการใช้เงิน แล้วที่สำคัญคือวินัยในการใช้จ่าย ยังไงลองเข้าไปอ่านดูก่อนก็ได้ครับ (@_@) จากคุณ : ขอบฟ้าบูรพา     เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 53 11:47:54 จากคุณ : วิทยาการ เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 53 12:03:28

ความคิดเห็นที่ 6 ความคิดเห็นที่ 7     ปล่อยเขาไป..  แต่งงานมีครอบครัวแล้ว  ต้องพร้อมที่จะเผชิญโลกด้วยตัวเองแล้ว  ติดหนี้ไม่ถึงตายหรอกครับ..  ช่วยด้วยการไปเคลียร์บัตรให้  เป็นการกระทำที่ผิดครับ  ไม่น่ายื่นมือเข้าไปช่วยเลย  ยังไงก็ต้องให้ถึงที่สุด  ถึงกับน้ำตาเป็นสายเลือดก่อน  ถึงค่อยยื่นมือเข้าไป  ไม่งั้นมันจะดูง่ายสำหรับคนที่ได้รับครับ ชีวิตเรา..  เราเลือกของเราเอง  ใครก็มาบงการชีวิตเราไม่ได้  ลองคิดดีๆครับ จากคุณ : nai_aoum   เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 53 11:51:07 จากคุณ : วิทยาการ เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 53 12:03:52

ความคิดเห็นที่ 7 ความคิดเห็นที่ 8     เป็นคุณพ่อที่ประเสริฐมาก  ๆ ครับ ผมขอให้กำลังใจ ส่วนเรื่องทำบัตรเครดิตนั้น ถ้าเขาไม่ติด blacklist     เขาทำไม่ยากหรอกครับ ถ้าหลักฐานครบ แบงค์แทบจะส่งบัตรมาให้ถึงบ้านเลยด้วยซ้ำไป   ปล. เรื่องในครอบครัวผมไม่อยากก้าวกายนะครับ แต่ถ้าให้ผมแนะนำ คงต้องปล่อยไปครับ การช่วยเรื่องพวกนี้ ครั้งเดียวพอแล้ว คิดถึงลูกอีก 2 คนบ้างนะครับ คุณพ่อไม่ได้มีลูกคนเดียว เขาผิดคำพูดได้ครั้งหนึ่งครั้งต่อไปก็ต้องมีอีก แต่ลองคุยกับลูกคนอื่น ๆ ดูก่อน       ถ้าทุกคนคิดว่าทำแล้วสบายใจไม่มีใครคัดค้านก็ทำเลยครับ แต่ถ้ามีคนค้านให้อยู่ครับ เพราะถ้าอนาคตข้างหน้ามันไม่เป็นไปอย่างที่คิด รับรองทะเลาะกันบ้านแตกแน่ครับ จากคุณ : ZOFFY   เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 53 12:00:0 จากคุณ : วิทยาการ เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 53 12:04:14

ความคิดเห็นที่ 8 ไม่มีความรู้เรื่องพวกนี้ แต่ในระยะยาวแล้ว ต้องให้เค้าคิดเป็นและสามารถยืนได้ด้วยลำแข้งของตัวเองให้ได้ครับ ให้ลูกเรียนรู้จากข้อผิดพลาดก็นับว่าเป็นการเรียนรู้ที่ดีอย่างหนึ่ง แต่ข้อผิดพลาดนั้นต้องไม่ร้ายแรงจนเกินไป เป็นกำลังใจให้คุณพ่อละกันครับ จากคุณ : +Benex+ เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 53 12:20:41

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบคุณ คุณวิทยาการครับ เอาจากกระทู้ที่ ด๋อยไปแล้วมาแปะให้ จากคุณ : Mccain เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 53 12:20:46

ความคิดเห็นที่ 10 คุณพ่อครับ เข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อเหมือนกัน ผมเองเลี้ยงลูกเลี้ยงมาสิบกว่าปีจนแกโตเป็นสาว ตั้งความหวังอยากเห็นอนาคตแกดีๆ สุดท้ายแกก็ทำตัวเองแย่ลง ตอนนี้เลี้ยงลูกตัวเองอีกสองคน กลัวมากมาย กลับมาเรื่องของคุณพ่อนะ ผมอยากบอกอยู่อย่างหนึ่ง คนเป็นหนี้ทำนองนี้ มักเกิดจากนิสัยการบริหารเงินที่ไม่ถูกต้อง พูดง่ายๆ จะช่วยใช้หนี้ให้เท่าไหร่ สุดท้ายก็เหมือนเดิม เพราะ 1 รายได้ต่ำกว่ารายจ่าย 2 ไม่หรือไม่สามารถเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย 3 แก้ปัญหาด้วยการดึงเงินอนาคตมาใช้ มันเป็นนิสัยการแก้ปัญหา ที่ คนเราพอเจออุปสรรคปุ๊บ ก็จะเลือกแก้ด้วยวิธีที่เคยใช้ เงินขาดมือ กลุ้มใจ คนสมัยนี้รูดบัตรง่ายที่สุด เขาก็ดับความกลุ้มในใจด้วยการรูดบัตร คนสมัยเรา บัตรยังไม่เฟื่อง ไม่มีคือไม่มี อย่างผมลำบากมาจนรู้แล้วว่าไม่มีเงินยังไงก็ไม่มีวันอดตาย ดิ้นรนไปเรื่อยๆ สุดท้ายมันจะมีเหตุการณ์อะไรสักอย่างมาช่วยให้เราผ่านวิกฤตไปได้ คนเราไม่มีเงิน มันน่ากลัว มันกังวล โดยเฉพาะเมื่อเงินก้อนสุดท้ายกำลังจะหมด คนที่กู้หนี้ยืมสินมาส่วนใหญ่ไม่สามารถเอาชนะความกังวลตรงนี้ได้ ก็ต้องไปกู้มา พอมีเงิน มันโล่ง ผลักภาระไปที่อนาคต อย่างผมผ่านมาแล้ว ไม่มีจนรู้ว่า ไม่มีก็คือไม่มี แต่มันก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด คุณพ่อต้องสอนลูกตรงนี้ครับ ถ้าเขาไม่ปฏิบัติตามก็ช่วยไม่ได้แล้ว เพราะเขาโตจนนิสัยบางอย่างอาจไม่เปลี่ยนแล้ว แน่นอน ลูกต้องอ้างว่าลูกยังเล็ก บ้านต้องผ่อน แต่อย่างที่ผมบอก สุดท้าย อะไรบางอย่างจะทำให้เราผ่านมันไปได้ ขอให้การแก้ปัญหาของคุณพ่อลุล่วงไปได้ด้วยดีครับ จากคุณ : พ่อโปรเจ็กต์ เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 53 12:36:13

ความคิดเห็นที่ 11 เข้าใจและเห็นใจหัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่ค่ะ แต่คุณพ่อต้องระวังอย่าเป็นพ่อแม่รังแกฉัน อย่างที่คุณข้างบน ๆ ว่าไว้แหละค่ะ เราจะช่วยค้ำจุนเขาไปได้แค่ไหน ถ้าไม่ปล่อยให้เขาได้รับผิดชอบตัวเอง มีครอบครัวแล้ว ต้องสามารถรับผิดชอบชีวิตตัวเองได้ในระดับหนึ่งค่ะ การป้องกันไม่ให้เขากู้ในระบบไม่ยากค่ะ ให้เขาติดแบล็คลิสต์ก็กู้ในระบบไม่ได้แล้ว รวมถึงทำบัตรเครดิตด้วย แต่จะป้องกันไม่ให้เขากู้นอกระบบได้อย่างไรคะ ถ้าเขาเป็นหนี้ในระบบไม่ได้ เขาก็ต้องดิ้นรนไปกู้หนี้ยืมสินที่อื่นจนได้ คุณพ่อต้องใจแข็งค่ะ ถ้าไปช่วยเขาเรื่อย ๆ เขาก็จะไม่โตสักที และรู้ว่าถึงอย่างไรพ่อก็ต้องช่วย อาจต้องลองเรียกคุณลูกมาคุยว่าใช้จ่ายอะไร เป็นหนี้เพราะอะไร จำเป็นแค่ไหน อะไรตัดค่าใช้จ่ายได้ต้องตัด ส่วนลูกเขย ถ้าตกงานก็ต้องหางานทำให้ได้ มีอะไรก็ทำไปก่อน ไม่ทราบว่าคุณลูกสาวมีลูกหรือยังคะ ช่วงนี้ถ้ายังไม่พร้อม คงต้องวางแผนครอบครัวด้วยนะคะ จากคุณ : หนูชื่อน้องเก่ง เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 53 12:39:43

ความคิดเห็นที่ 12 หยุดให้ความช่วยเหลือ เรื่องจ่ายหนี้ใดๆ ทั้งสิ้น เดือดร้อนให้ตายยังไง คุณพ่อก็ต้องทน(เพื่อลูก) ให้เขาได้รับรู้ความเจ็บปวด ลำบาก ยากเข็ญ จะได้เข็ดขยาด ไม่ใช้เกินตัว ไร้ประโยชน์อีก ยังไงๆ ที่บ้านพ่อ มีข้าวให้กินตลอด มีคำแนะนำที่ดีให้ ส่วนตังค์น่ะ.....ไปหาเอาเอง... จากคุณ : afood เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 53 12:40:59

ความคิดเห็นที่ 13 อ่านแล้วเห็นใจจริงๆครับ หัวอกคนเป็นพ่อเช่นกัน ให้กำลังใจ ทุกปัญหามีทางออก ให้เขาแก้ปัญหาจนหมดความสามารถก่อนค่อยยื่นมือเข้าช่วย เรารักลูก เราเองก็ต้องอดทนครับ ปล่อยให้เขาเจ็บบ้างเขาจะได้จำ สิ่งที่เขาทำเขาก็ต้องรับผิดชอบ  ยืนดูอยู่ห่างๆถึงที่สุดแล้วค่อยช่วย จากคุณ : sukineko เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 53 12:44:38

ความคิดเห็นที่ 14 ทำประกันชีวิตให้ลูกเขยเลย... แล้วก็จัดการซะ....ได้ลูกคืนมาด้วย... แต่....ค่อนข้างโหด.... แหะๆๆๆ...ล้อเล่นนะครับ.... จากคุณ : armeh เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 53 12:53:41

ความคิดเห็นที่ 15 ไม่รู้จะช่วยยังไง น่าสงสารคุณพ่อจังเลยค่ะ จากคุณ : I Promise เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 53 13:23:18

ความคิดเห็นที่ 16 วิธีที่จะไม่ให้ทำบัตร เครดิตได้ ก็ต้องทำให้เขาไม่มีเครดิตครับ เช่นพวกติด เครดิตบูโร แต่ผมว่า มันไม่ใช้การแก้ปัญหานะครับ ถึงเขากู้ในระบบไม่ได้  เขาก็จะไปหากู้นอก ระบบที่นี้ละ อันตรายถึงชีวิตเลยครับ ผมว่าคุณควรหยุดส่งเงินให้เขา แล้ว หาเรือ กับพาย ให้ เขา พายเรือไปหาจุดหมายเอง จากคุณ : ton_21 เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 53 13:49:06

ความคิดเห็นที่ 18 ห่วงได้ แต่ไม่ควรช่วยค่ะ ไม่ควรไปยุ่งด้วยซ้ำ เราคิดว่า ถ้าแต่งแล้วก็เท่ากับแยกครอบครัวไปแล้ว ควรเกื้อกูลกันในระดับหนึ่งพอ ใครทำก็ควรรับเอง เจ็บเอง จะได้จำ ถ้าคุณพ่อคอยจ่ายให้ เขาก็ทำบัตรได้อีก เพราะเดี๋ยวคุณพ่อก็ช่วยจ่าย (และช่วยเจ็บยิ่งกว่า) เป็นการล้อมคอกที่ไม่รู้จักจบจักสิ้น แก้ที่ต้นตอปัญหาดีกว่า ถ้าเกิดจากความฟุ้งเฟ้อก็ต้องเปลี่ยนนิสัยด่วน แต่ถ้าเป็นเพราะลูกเขยตกงาน ธุรกิจล้มเหลว ก็อาจจะถามว่าทำธุรกิจอะไรไหม จะออกทุนให้ ธุรกิจขายอีคอมเมิร์สเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ได้ แต่กำชับว่าจากนี้ ต้องลุกให้ได้ และจะไม่ช่วยแล้ว ถ้าในกระเป๋ามีเงินน้อย ก็อย่ากินหรูอยู่แพง ใช้แค่ที่จำเป็น ถึงไม่มีเงินยังไงอย่าไปกู้เขาให้เป็นหนี้ มากินข้าว มาปรับทุกข์ ขอคำปรึกษากับพ่อได้เสมอ อย่าคิดว่าเขาตกต่ำ อย่าคิดว่าเขาเลือกคนผิด มันจะทำให้เขารู้สึกแย่ ในฐานะลูก เรามองว่าพ่อแม่รักลูก ห่วงลูกยังไง ก็ควรมองเขาเป็นคนหนึ่งคนที่ต้องรับผิดชอบตัวเอง ถึงจะมีปัญหา แต่ถ้าปรับเปลี่ยนทัศนคติ-การใช้ชีวิตไปเรื่อย ๆ และประคองชีวิตคู่ให้มีความสุขร่วมกันได้ พึ่งตัวเองได้ตามอัตภาพ ก็ถือว่าดีแล้วค่ะ แก้ไขเมื่อ 25 ก.พ. 53 14:13:49 จากคุณ : atihasita เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 53 14:10:08

ความคิดเห็นที่ 19 ใจแข็งนิดนึง อย่าเอาเงินที่มีให้ลูกหมด ค่อยๆคิดครับ ทุกปัญหาย่อมมีทางออกเสมอ  เป็นกำลังใจให้ครับ จากคุณ : jek ae เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 53 14:16:55

ความคิดเห็นที่ 20 เข้ามาโหวตและให้กำลังใจคุณพ่อค่ะ อาจจะต้องเรียกทั้งลูกสาวและลูกเขยมานั่งคุยกันแบบเปิดอก ให้พวกเขาทำรายการทรัพย์สินทั้งหมดแล้วมาไล่ดูแต่ละรายการ ว่าสามารถนำไปขายแล้วนำเงินไปใช้หนี้ส่วนหนึ่งก่อนได้หรือไม่ ให้ทำรายการค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้วมาไล่ดูแต่ละรายการ ว่าสามารถตัดค่าใช้จ่ายส่วนไหนที่ไม่จำเป็นออกไปได้หรือไม่ ส่วนใดที่คุณพ่อสามารถช่วยพวกเขาได้อีกสักครั้งก็ให้ช่วยไปก่อน แล้วต้องมาตกลงกันอย่างจริงจังว่าการช่วยครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งพวกเขาสามีภรรยาจะต้องรับปากว่าจะไม่ก่อหนี้เพิ่มอีก พวกเขาจะต้องรัดเข็มขัดและใช้จ่ายอย่างประหยัดที่สุด และที่สำคัญตอนนี้จะต้องคิดหาวิธีเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว หากยังไม่สามารถหางานได้ก็อาจจะต้องลุกขึ้นมาประกอบอาชีพสักอย่าง การขายอาหารของกินทั้งที่ทำเองถ้ามีฝีมือหรือการซื้ออาหารสำเร็จแล้วหาแหล่งขาย เป็นการซื้อมาขายไปแบบไม่ต้องลงทุนมาก ขอเอาใจช่วยให้พวกเขาพบแนวทางในการแก้ไขเพื่อหลุดพ้นจากปัญหาโดยเร็วค่ะ จากคุณ : ยากแท้หยั่งถึง เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 53 14:17:28

ความคิดเห็นที่ 22 ในฐานะคนเป็นแม่ ขอตอบนะคะ เงินไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต ยิ่งเมื่อเทียบกับลูกแล้ว บอกได้ว่าแม้แต่ชีวิตเราๆ ก็ตายแทนลูกได้ ดังนั้นเงินยิ่งไม่มีค่าอะไรเลยเมื่อเทียบกับลูก แต่การให้เงินเพื่อตามแก้ปัญหาให้ลูกทุกครั้งกคงทำไม่ได้ คิดว่าถ้าเป็นตัวเอง..คงเรียกลูกสาวและลูกเขยมาคุย ให้เค้าพูดถึงปัญหาของเค้าทั้งหมดโดยที่เราต้องพยายามทำใจเป็นกลาง แล้วฟัง จากนั้นจะถามว่า แล้วแนวทางออกของเค้าคืออะไร ..ให้เค้าลองช่วยกันคิดดูก่อน จากนั้นถามว่า ..แล้วพ่อกับแม่พอจะช่วยได้ตรงไหน ..ให้เค้าเป็นคนกำหนดเอง จากนั้น ดิฉันจะบอกว่า ..นี่คือชีวิตของลูก ปัญหาของลูก และ อนาคตของลูก ต่อให้แม่รักลูกเท่าไหร่ แม่คงไม่ได้ไปเจ็บ ไปทุกข์ หรือ แม้แต่สุขกับลูก แม่ทำได้แค่คอยประคองในยามลูกเซ และยันหลังในยามลูกท้อ ..แต่นี่คือชีวิตของลูก ลูกต้องเลือกเองว่าจะล้ม หรือ จะลุก จากคุณ : JNOY เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 53 15:31:33

ความคิดเห็นที่ 23 วิธีที่ดีที่สุดคือทำให้เขาเสียเครดิตครับ ด้วยการไม่ไปจ่ายหนี้ให้เค้า มีจดหมายมาทวงยังไงก็ช่างมัน เดี๋ยวพอเป็นหนี้เสีย แบงค์ก็จะขอประนอมหนี้ แล้วขอเงินต้นคืนแค่ 20-30 เปอร์เซ็นต์เอง ดอกเบี้ยก็ไม่เอา ทีนี้ชื่อเขาจะติดในเครดิตบูโรไปอีกนานเลยล่ะครับ กู้อะไรก็ไม่ผ่านแน่นอน จากประสบการณ์ตรงของญาติผมเอง จากคุณ : dong3349 เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 53 16:26:01

ความคิดเห็นที่ 24 ควรให้ลูกหัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายครับ แล้วจะเห็นว่าแต่ละวัน หรือแต่ละเดือนเค้าเสียเงินไปกับอะไรบ้าง ซึ่งช่วยให้เค้ามีวินัยและบริหารเงินในกระเป๋าได้ดีขึ้น ส่วนเรื่องบัตรเครดิตนี่ไม่มีความเห็นครับเพราะไม่เคยมีซักใบ จากคุณ : third arrow เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 53 16:36:21

ความคิดเห็นที่ 25 ลูกทำงานแล้วควรต้องส่งเงินให้พ่อแม่เพื่อเป็นการกตัญญูและทดแทนพระคุณ  แต่ทำไมกลายเป็นพ่อแม่ต้องช่วยลูกในด้านการเงินอีก   ...ต้องปล่อยให้เขาได้รับผลในสิ่งที่เขาทำมา  สอนให้เขารู้ว่าถ้าใช้เงินเกินตัว  หรือชอบดึงเงินในอนาคตมาใช้  ผลลัพธ์ก็ต้องเป็นแบบนี้  เป็นหนี้ไม่ติดคุกหรอกครับ  อย่างมากแค่เสียเครดิตบูโรหรือล้มละลาย 3 ปีเท่านั้นครับ จากคุณ : LimitBreak เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 53 16:38:13

ความคิดเห็นที่ 26 ให้ลูกเรียนรู้ที่จะช่วยเหลือตัวเองให้ถึงที่สุดก่อน ตอนนี้ลูกรู้แล้วว่า ถ้าลำบาก และ มีหนี้ เดี๋ยวพ่อก็ช่วยอีก -------------- โดยเฉพาะ หนี้บัตรเครดิต มักเกิดจากสินค้าฟุ่มเฟือย การshopping ฯลฯ ควรให้ลูกรับผิดชอบตัวเองค่ะ (คุณเป็นคุณพ่อที่แสนดีจริงๆค่ะ  แต่การช่วยแบบไม่รู้ที่สิ้นสุด ก็ไม่อาจจะแก้ปัญหาได้) จากคุณ : ฟองเต้าหู้ในน้ำซุป เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 53 17:02:03

ความคิดเห็นที่ 27 ต้องทำใจนะคะ ลองปล่อยให้เขาแก้ปัญหากันเองบ้าง ลูกน่ะ เลี้ยงได้แต่ตัวค่ะ ชีวิตเป็นของเขา เราไม่เกี่ยวหรอก เข้าใจนะคะ ว่า คนเป้นพ่อ ยังไงก็ตัดไม่ขาด งั้นก็ช่วยเท่าที่ช่วยได้ก็พอ อย่าไปทุกข์มากค่ะ ทุกข์ไปก็เท่านั้น เราไม่มีทางกำหนดให้ใครเป็นอย่างที่ใจเราต้องการได้ บางครั้ง ตัวเราเอง ยังกำหนดได้ยากเลยค่ะ ลองปล่อยบ้าง ให้เขาเกิดปัญหาเองบ้าง ลองไม่ช่วยดูบ้างค่ะ เพราะถึงจะช่วย แต่ถ้าเขาไม่ยอมเปลี่ยนวิธีคิด ในการดำรงชีวิต มันก็เปล่าประโยชน์อะไรที่จะไปช่วย นอกจากช่วยแล้ว เราเองได้ความสบายใจ ที่ได้ทำหน้าที่พ่อที่ดี แต่มันไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลย ถ้ากรณีที่เขาไม่แก้ไขนิสัยตัวเอง ปัญหาใหม่ก็จะทะยอยเกิดตามมา ไม่จบสิ้น คดีค้างจ่ายบัตร เป็นแพ่งนะคะ มันไม่ใช่อาญา ไปฆ่าใครตาย ไม่น่ากลัวมากหรอกค่ะ ลองปล่อยให้เขาแก้กันเองบ้าง เขาจะได้รู้ ว่าควรควบคุมการใช้จ่ายอย่างไรดี เหมือนเกมต้องมีกติกาบังคับไว้บ้าง ขืนให้เขาเรียกตัวช่วยได้ทุกครั้งที่จนแต้ม เวลาที่ตัวช่วย เกิดช่วยจนตัวเองหมดทางเสียเอง มันจะไปกันใหญ่ ทีนี้ เตี้ย อุ้มค่อมไปเลย หนักเลยค่ะ ถ้าปล่อยจนเป็นแบบนั้น มันจะกลายเป็นว่า สุดท้าย ที่ทำดีมาทั้งหมด ไม่ได้ผลอะไรในทางดีเลย แม้แต่ฝ่ายเดียว เอาใจช่วยนะคะ การปล่อยวางเสียบ้าง อย่าไปทุกข์นักหนา ไปกับทุกเรื่องราว มองให้ดีๆ ชีวิต ก็แค่การเดินทาง เป็นเหมือนเกม มีขึ้นต้น และลงท้าย เวลาเกมจบ ชีวิตก็จบลงกันทุกคน ไม่มีใครเอาอะไรไปได้ ลูกน่ะ ห่วงได้ รักได้ แต่เอามายึดติด ยึดมั่นถือมั่นเอาไว้แค่ไหน อย่างไรเสีย ตอนจบเกมชีวิตของเราแล้ว เราก้เอาเขาไปไม่ได้ด้วยอยู่ดี แล้วจะยึดมั่นถือมั่น ไปเพื่อเหตุใดกัน วางใจไว้ตรงที่ว่าง วางใจไว้ตรงที่สงบที่สุด แล้วปล่อยมันไว้อย่างนั้น ไม่จำเป้นต้องไปถือมันไว้ตลอดเวลาค่ะ ^^ จากคุณ : 007-s เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 53 17:20:31

ความคิดเห็นที่ 28 อ่านคำแนะนำของทุกท่านแล้ว ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง ขอบคุณครับ จากคุณ : เสี่ยสมก๊อบ เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 53 17:25:31

ความคิดเห็นที่ 29 ดูเหมือนว่า ยังเกาไม่ถูกที่คัน เรียกมาคุยเพื่อชำระหนี้ให้ แต่ยังไม่เข้าใจปัญหาที่ถ่องแท้ว่าเค้าเอาเงินไปทำอะไร เดือดร้อนเรื่องอะไร น่ากลัวมากนะครับ อย่าเพิ่งหมดกำลังใจนะครับ เข้าใจหัวอกพ่อแม่ สงสัยต้องเรียกมาคุยแบบเปิดอก เปิดใจ (ไม่ต้องถอดเสื้อนะครับ) ว่าเป็นเพราะอะไร ติดหนี้สิน ค่าอะไร เท่าไหร่ มีการพนัน ฯลฯ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือเปล่า หนี้บัตรเครดิต จะว่าน่ากลัวก็ไม่ได้ไม่ถึงกับเสียอนาคต มีลูกน้องเป็นหนี้บัตรเครดิต ติดไป ชำระไม่ได้ ถูกฟ้อง เค้าก็ให้จ่ายพร้อมดอกเบี้ยเป็นระยะวลาเท่าไหร่ ก็ว่าไป แต่นอกระบบนี่น่ากลัวกว่ามาก เหมือน คห ข้างบนว่าไว้ และอาจจะเป็นประเด็นหลักก็ได้ครับ ขอให้กำลังใจครับ จากคุณ : เพิ่งมา (mr_riderman) เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 53 17:28:38

ความคิดเห็นที่ 30 ไม่มีคำแนะนำให้ครับ แต่อยากให้อ่านกระทู้ในเวปนี้ อาจไม่ตรงกับคำถามที่ต้องการ แต่อยากจะบอกว่ายังมีคนที่เป็นทุกข์ เพราะหนี้บัตรฯ ของลูก/ ของสามี/ ภรรยา/ พี่น้อง... มากกว่าคุณอีกหลายเท่า เห็นบางคนมีหนี้บัตรเป็นล้าน ๆ แต่เค้าก็ผ่านมาได้ เอาใจช่วยครับ http://www.consumerthai.org/debt/ จากคุณ : ปั้นดินเป็นดาว เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 53 17:29:27

ความคิดเห็นที่ 31 ปล่อยให้เป็นไปตามสิ่งที่เขากระทำ จากคุณ : นายฉิม เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 53 17:30:10

ความคิดเห็นที่ 32 อ่านแล้วน้ำตาจะร่วง ค่ะ ตั้งแต่จบมา เราไม่เคยขอเงินพ่อกับแม่ใช้  แต่ก็ไม่เคยให้เงินท่านใช้เหมือนกัน (ท่านยังรับราชการอยู่) ส่วนภาระที่รับถ่ายมา  โดยไม่ได้บอกท่านคือ  น้องชาย  ที่โตแต่ตัว  ปัญหาก็คล้ายๆ เสี่ย  เพียงแต่ยังไม่ได้แต่งงานและสะสมเรื่องไว้มากขนาดนั้น   แต่ก็จะมีปัญหาเข้ามาให้แก้ให้เรื่อยๆ มีปัญหา เราแก้ แต่ห้ามไปกวน ไปขอพ่อกับแม่เด็ดขาด   ก็ได้แต่พยายามสอนทุกครั้งที่แก้ปัญหาให้ไป  อายุจะเข้าเลข 3 ก็ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาหน่อย บางครั้งก็โมโห เบื่อ เสียใจ  แต่สุดท้ายก็ต้องจัดการให้ มีน้องกับเขาอยู่แค่คนเดียว  เกิดเป็นพี่  ก็ต้องดูแลต่อไป ค่ะ จากคุณ : ฌ เฌอคู่กัน เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 53 17:41:18

ความคิดเห็นที่ 33 อ่านแล้วเหนื่อยแทนครับ การทำให้ลูกเสียเครดิต มันไม่ใช่วิธีแก้ปัญหานะครับ เพราะถ้าเค้าใช้บัตรเครดิตไม่ได้และอยากใช้เงิน คำตอบสุดท้ายคือหนี้นอกระบบ จากคุณ : Supremo เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 53 18:12:27

ความคิดเห็นที่ 34 น่าเห็นใจคุณพ่อ  บ้านเราก็เคยเจอ แต่ปัญหามาจากน้องสะใภ้ ทำให้น้องชายลำบากมาก มีลูกเล็กเหมือนกันด้วย คนในบ้านเลยช่วยกันทุกคน จะไม่ให้คุณพ่อช่วยคงยาก  แต่ต้องทำให้ได้  คนเป็นหนี้เขาว่าเหมือนติดยาเสพติด  ร่างกายมันจะหลั่งเอนโนฟินตอนที่ได้ทำตามใจ  ถ้าไม่ถอนโดยให้ได้รับผลจากหนี้ของตัวเอง ไม่มีทางหยุดก่อหนี้ค่ะ จากคุณ : oosuan เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 53 18:24:01

ความคิดเห็นที่ 35 อ่านแล้วซึ้งแฮะ รู้เลยว่าคุณรักลูกมากแค่ไหน แต่บางครั้งบทเรียนมักจะเกิดจากประสบการณ์ตรง บางทีพูดให้ตาย สอนไปเหอะ ถ้าเค้าไม่ฟัง ไม่ทำตาม ก็ไม่มีประโยชน์ ผมมีประสบการณ์ตรงครับ เคยติดพนันบอล ใครพูด ใครบอกให้ตายก็ไม่เชื่อ พอวันที่ไม่เหลืออะไรแล้ว ซมซานกลับไปหาพ่อแม่แหละถึงได้บทเรียน จากคุณ : LifetimeWarranty เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 53 18:44:25

ความคิดเห็นที่ 36 http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I8922247/I8922247.html กระทู้เดิมซ่อมเสร็จแล้วครับ จากคุณ : Nonfire เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 53 18:57:34

ความคิดเห็นที่ 37 พอจะได้ไหม ถ้าให้เขาไปเอาของที่ไปรูดบัตรมาขาย  เพื่อใช้หนี้เองให้หมด ไม่ต้องยื่นเงินช่วย  ช่วยแต่แนะนำ เหมือนผ่อนบ้านผ่อนรถไม่ทัน ก็ต้องเลือกขายทิ้งซักอย่างให้ผ่อนทันไปก่อน เห็นใจครับ จากคุณ : Calaglin เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 53 22:05:21

ความคิดเห็นที่ 38 " พ่อคนนี้ เหนื่อยเหลือเกิน นั่งมองหน้าแกที่หม่นหมองด้วยภาระชีวิต แล้วย้อนไปนึกถึงตอนแกเล็กๆ ที่เราฟูมฟัก เลี้ยงดู อุ้มชูแกมา เคยคิดอยากเห็นอนาคตแกดีๆ อยากเห็นแกประสบความสำเร็จกับชีวิต ไม่ต้องเลี้ยงดูพ่อก็ได้ ขอแค่แกช่วยเหลือตัวเองได้ก็พอ " ผมซาบซึ้งใจประโยคนี้มาก ผมมีลูกสาวเหมือนกัน ตอนนี้กำลังน่ารัก ------------------------- ต้องถามให้รู้ว่าว่าเอาไปทำอะไรกันเยอะแยะ และทำให้เสียเครดิตไปเลย แต่ระวังเรื่องไปกู้นอกระบบด้วยนะครับ ห่วงอย่างเดียวคือ พวกจมไม่ลง กลัวเสียหน้า หน้าบาง .......... ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดีนะครับ ...... จากคุณ : kamas เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 53 23:28:01

ความคิดเห็นที่ 39 ไม่รู้จะแนะนำอย่างไร  แต่จะเป็นกำลังใจให้ครับ ขอให้ผ่านพ้นปัญหานี้ไปได้ด้วยดี  และยั่งยืน จากคุณ : ettexo[R] เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 53 00:08:21

ความคิดเห็นที่ 40 การทำให้เปิดบัตรเครดิตไม่ได้ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ตรงประเด็นสำหรับคุณ จขกท นะคะ เพราะถึงแม้ว่าจะไม่มีบัตรเครดิต ก็ยังมีหนี้นอกระบบอีกสารพัดรูปแบบค่ะ  ซึ่งจะหนักกว่าหนี้ในระบบมากนะคะ น่าจะเรียกลูกสาวมาคุยเรื่องบัตรจะดีกว่าค่ะ ว่ามีรายการจำเป็นตรงไหนจึงเปิดบัตรเพิ่ม  คุณจะได้รับรู้ปัญหาของลูกโดยตรงด้วย แต่จริงๆแล้ว.......คุณไม่จำเป็นต้องเข้าไปช่วยตั้งแต่แรกด้วยซ้ำนะคะ  การเป็นหนี้บัตรจนถึงขั้นถูกฟ้องร้องไม่ใช่เรื่องน่ากลัวนัก เพราะเมื่อไปถึงศาลจะมีการเกลี่ยไกล่ จัดจำนวนเงินการใช้หนี้ตามความสามารถในการใช้หนี้ใหม่.....ยังไม่ถึงขั้นคำว่า "ล้มละลาย" นะคะ ตราบเท่าที่มีงานทำอยู่ น่าจะปล่อยให้ลูกได้เผชิญกับปัญหาที่ก่อ เพราะพ่อแม่ก็ไม่สามารถจะอุ้มลูกไปได้ชั่วชีวิตของลูกคะ จากคุณ : กันดัมจัง เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 53 00:53:20

ความคิดเห็นที่ 41 อย่าไปโทษลูกเขยเลยค่ะ ต้องโทษลูกตัวเองจะดีกว่า หากมีรายได้น้อย ก็ใช้จ่ายแบบผู้มีรายได้น้อยก็คงไม่เกิดปัญหา ปัญหาอยู่ที่ว่า รายได้น้อยแต่พยายามจะใช้ชีวิตแบบชนชั้นกลาง นี่สิจะลำบาก ลูกไม่รู้จักคิดไม่พอ ยังมาแต่งงานกับลูกเขยแบบไม่รู้จักคิดเข้าไปอีก เอาพาลคนเป็นพ่อแม่ปวดหัว ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ คุณพ่อไม่ควรต้องทำอะไรแล้วค่ะ ดูอยู่เฉยๆ ลูกสาวแต่ไปแล้วนะคะ เค้าควรจะดูแลตัวเองได้แล้ว สงสารได้แต่ต้องใจแข็งค่ะ ปัญหาของเราเกิดในทางตรงกันข้าม เราให้เงินคุณพ่อ คุณแม่ใช้ค่ะ ปัญหา คือ  พอท่านมีเงินมาก ก็ใช้ไม่หยุด นั่งมองรายจ่ายเวลาท่านมือเติบแล้วก็เหนื่อยใจ ว่า่ทำไมใช้จ่ายแบบนี้ เราก็ไม่ได้รวยอะไร ยังดีว่า ไม่ก่อหนี้บัตรเครดิตเพิ่ม บัตรเครดิตที่ท่านมีมาก่อน และใช้มาก่อน ตั้งแม่สมัยที่ทำงานอยู่ ยังมียอดค้างอยู่ค่ะ แต่เราก็ไม่จ่ายให้ค่ะ ให้ท่านพยายามจัดสรรจากเงินที่ได้จากเราไปเอง แล้วเราก็ให้เงินท่านในจำนวนที่พอใช้เท่านั้น ทั้งที่เราเองก็สามารถให้ได้มากกว่านี้ แต่ไม่ให้ค่ะ ใช้วิธีคอยดูอยู่ห่างๆว่าต้องให้เพิ่มเมื่อไร แล้วแต่ความจำเป็นเท่านั้น โดนว่าประจำค่ะว่าเป็นลูกใจร้าย ให้เงินพ่อแม่น้อยจัง แต่ต้องใจแข็งค่ะ เราทำงานก็เหนื่อย ไม่ใช่ได้เงินมาง่ายๆ เห็นคนอื่นใช้เงินเราอย่างฟุ่มเฟือย แล้วปวดใจค่ะ ยังไงก็อดทนนะคะ ทุกปัญหามีทางแก้เสมอค่ะ จากคุณ : minkcheerful (minkcheerful) เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 53 01:02:38

ความคิดเห็นที่ 42 เข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อเลยครับ เพราะก็มีลูกสาวเหมือนกัน ทำให้กลัวสิ่งที่แกจะเจอในอนาคตเลย เฮ้อ คนเป็นพ่อเป็นแม่ อย่างไรก็อย่าทิ้งลูกเลยครับ ไม่เช่นนั้นอาจเกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงได้ เช่น หนี้นอกระบบ หรือ ร้ายแรงกว่านั้น ถ้าเป็นผมอ่ะนะ 1. กลับมาดูลูกคนนี้ใหม่ ว่าจริงๆแล้ว แกเป็นคนอย่างไร นิสัยเป็นคนรอบคอบ หรือปล่อยผ่าน ละเอียด หรือ ไม่ละเอียด นิสัยการใช้เงิน วิธีการแก้ปัญหาของแก ค่อยๆนึกตั้งแต่เล็กจนโตว่า แท้จริงแล้วเขาเป็นคนอย่างไร เวลาเราสอนแก แกฟัง หรือรำคาญหาว่าเราบ่นเป็นคนแก่หัวโบราณ ค่อยๆนึกดูครับ 2. คิดแบบนี้กับลูกเขยคุณเช่นกัน อาจจะได้ไม่ละเอียดนัก แต่ควรทำเพราะต้องรู้แนวคิดลูกเขยคุณด้วยว่าเป็นคนเช่นไร วิธีการใช้ชีวิตของเขา นิสัยเขา ควรหาเวลาไปเยี่ยมลูกคุณ และพ่อแม่เขาบ้าง ดูว่าพ่อแม่ฝ่ายชายเป็นเช่นไร พอจะพูดคุยเรื่องนี้ได้ไหม หยั่งๆดู ถ้าดูแล้วพ่อแม่ฝ่ายชาย ไม่ไหว พึ่งไม่ได้ ก็อย่าคุยให้เสียความรู้สึกกัน 3. ไปเยี่ยมลูกคุณ ดูวิถีการใช้ชีวิต ค่าใช้จ่ายต่างๆ จริงๆแล้วการเป็นหนี้อาจเพราะจำเป็นก็ได้ เช่น ค่าเทอมหลานที่แสนแพง เพราะอยากให้เขามีสังคมดีๆ หรือค่าผ่อนบ้านเดี่ยว ฯลฯ ยิ่งตกงานด้วยแล้ว มืดแปดด้านจริงๆนะ เป็นคุณ คุณจะทำอย่างไร เพราะรายจ่ายมันมีตั้งแต่ต้นแล้ว สาเหตุที่ตกงานล่ะ ปกติคนทั่วไป ถ้ารายจ่ายเยอะขนาดนี้ และไม่มีเงินเก็บ จะยอมออกจากงานเพื่ออะไร ลองหาดูแต่ไม่ใช่เพื่อมาทับถมกันนะครับ แต่อยากให้รู้จักลูกเขยให้มากกว่านี้มากกว่า 4. ถ้าผ่านข้อต่างๆเบื้องต้นมาแล้ว สรุปได้ว่าเพราะค่าใช้จ่ายดังที่ว่า เช่นค่าเทอม, ค่าผ่อนบ้านแล้วล่ะก็ เป็นผม ผมจะให้ยืมโดยจ่ายค่าใช้จ่ายจำเป็นเหล่านี้ให้จนกว่าลูกเขยจะหางานใหม่ได้สัก 3 - 6 เดือนค่อยใช้คืน แล้วหาวิธีลดรายจ่ายเขาลง เช่นค่ายูบีซี มีไหม? ค่าไฟแพงไหม? มีผ่อนของไว้หรือไม่? พวกนี้หาวิธีลดให้ได้ แต่สุดท้ายที่จะลดคือค่าเทอม เช่น ย้ายโรงเรียน อยากให้เป็นตัวเลือกสุดท้ายที่จะทำ อย่าลืมว่าลูกคุณไม่ได้มาขอให้ช่วย ทำไมเขาเลือกเป็นหนี้บัตรเครดิตแทนที่จะเป็นหนี้คุณ ถ้าเป็นผม ผมมืดแปดด้าน ผมจะเข้าหาที่บ้านก่อนเพื่อหยิบยืมเงินมาใช้แทนที่จะไปกู้เงินจ่ายดอกคนอื่น ทำไมถึงยอมเป็นหนี้หัวโตแทนที่จะยอมเป็นหนี้คุณ เขากลัวคุณว่า หรือเขาเลือกที่จะสู้แก้ปัญหาด้วยตัวเองก่อน ที่พูดมามันเป็นปมครับ ถ้าไม่แก้ให้หมด เดี๋ยวก็เกิดปมใหม่อีก จะแก้ไม่รู้จบครับ บทเรียนสำหรับลูก เราอยากให้เขาเรียนรู้ เขาจดจำ แต่ก่อนอื่นอยากให้เข้าไปดูชีวิตของเขาก่อนครับ ไม่ต้องบอกเขานะว่า พ่อรู้ว่าแกไปก่อหนี้เพิ่มอีก ไม่ต้องบอกอะไร ไปเยี่ยมหลาน ไปดูการใช้ชีวิตของเขาก็พอ จากคุณ : เอาใจช่วยสำหรับคนเป็นพ่อครับ (Casper in Love) เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 53 03:36:16

ความคิดเห็นที่ 43 เห็นใจคุณพ่อจริงๆค่ะ หัวอกคนเป็นพ่อแม่  เมื่อเห็นลูกเป็นทุกข์ เราเองยิ่งทุกข์กว่า ปัญหาไม่ใช่แค่การยับยั้งหนี้บัตร  แต่เป็นเรื่องการปรับวิธีคิด แนวทางการบริหารชีวิคครอบครัวของลูก ตราบใดที่ยังบริหารจัดหารชีวิตไม่ได้ ลูกก็เหมือนเด็กหัดเดินที่ล้มก้นกระแทกอยู่ร่ำไป คุณพ่อจะอุ้มตลอดเวลาเพราะกลัวลูกเจ็บก็คงไม่ถูก  ต้องสอนให้เค้ารู้วิธีลุก วิธีก้าวเดิน  ช่วยค้นหาสาเหตุที่ทำให้ลูกล้ม แนะนำวิธีก้าวผ่านปัญหา  ที่เหลือก็คือการให้กำลังใจ และทำให้เค้าระลึกอยู่เสมอว่า พ่อรักลูกเสมอ ขออวยพรให้คุณพ่อและครอบครัวของลูกสาวก้าวผ่านปัญหานี้ไปได้ด้วยดีนะคะ จากคุณ : gold digger เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 53 05:12:50

ความคิดเห็นที่ 44 ฟ้องล้มละลายครับ แบบนี้ทำบัตรใหม่ต้องใช้เงินค้ำอย่างเดียว จากคุณ : SummerMan เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 53 06:53:06

ความคิดเห็นที่ 45 ควรเปลี่ยนการช่วยเหลือเป็นการหางานให้ทำ หรือหารายได้พิเศษให้เขาไปทำ หรือให้เขาแจ้งเราเป็นระยะๆว่าไปสมัครงานที่ไหนมาบ้าง และคอยกระตุ้นความตั้งใจในการหางาน และการสู้งาน โดยมีเงื่อนไขการช่วยเหลืออาจเปลี่ยนเป็นการให้อาหารการกินอย่างเดียว โดยเราซื้อของให้ ในวงเงินที่จำเป็นในการดำเนินชีวิต สักระยะให้เขาตั้งตัวได้ แต่เราต้องดูอย่างใกล้ชิด ถ้ายังไม่ยอมเปลี่ยนคงต้องทำใจเพราะเขาเป็นคนเลือกที่จะเป็นแบบนี้เอง ส่วนหนี้บัตรเครดิตให้เขาจัดการด้วยตัวเองดีที่สุดจะได้เป็นบทเรียนครับ จากคุณ : พ่อน้องนา เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 53 08:46:36

ความคิดเห็นที่ 46 จากที่อ่านดู ครอบครัวลูกสาวคุณ มีประวัติการเงินที่ดีครับ คุณไม่ได้บอกว่าบัตรเครดิต 2 ใบแรก เป็นของใคร แต่ถ้ามีวงเงินใบละ 100,000 บาท แสดงว่าอย่างน้อย ฐานะทางการเิงินช่วงแรกดีครับ แล้วอย่างที่คุณบอกมาว่า ครอบครัวสามีลูกคุณประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ แล้วถึงเป็นหนี้ ถ้่าเป็นอย่างนั้น อย่าเพิ่งกังวลมากไปเลยครับ อย่างที่หลายความเห็นบอก ไปตรวจสอบดูก่อนว่า การใช้จ่ายของลูกสาวคุณ หรือครอบครัวลูกสาวคุณเป็นอย่างไร ไม่มีรายได้ รายได้น้อยลง แต่จมไม่ลง ใช้จ่ายเกินตัว หรือพยายามแล้ว แต่มีค่าใช้จ่ายที่เลี่ยงไม่ได้อยู่่เยอะ เพราะตามความเห็นผม หนี้บัตรเครดิตครั้งหลังยอด 20,000 บาท เป็นเรื่องปกติครับ สมัยนี้ คนไม่นิยมใช้เงินสดกันอยู่แล้ว แล้วบัตรเครดิตมันอำนวยความสะดวก และได้ส่วนลด หรือประโยชน์อย่างอื่นด้วย ลูกคุณอาจจะไม่ได้ตั้งใจสร้างหนี้เพิ่ม เพียงแค่เพื่ออำนวยความสะดวกให้ตัวเองเท่านั้น แล้วถ้าลูกคุณยังมีความสามารถผ่อนชำระ หนี้ก้อนนี้ได้อยู่ ก็แสดงว่าลูกคุณยังบริหารเงินของตัวเองได้ ไม่มีปัญหาหรอกครับ อย่ากังวลมากไปครับ ผมว่าที่เป็นปัญหามากที่สุดคือ ลูกคุณผิดสัญญากับคุณครับ นี่แหละที่คุณกังวลมากที่สุดตอนนี้ จากคุณ : ชาวไร่ เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 53 09:17:08

ความคิดเห็นที่ 47 ความคิดของเรา ปัญหาที่แท้จริงไม่ใช่บัตรเครดิต แต่ปัญหาเกิดจากการบริหาร  การจัดการใช้เงินของลูกสาวและลูกเขยมากกว่า ถ้าแก้ให้ถูกจุด  ต้องล้างระบบใหม่หมด   ทำบัญชี   รู้จักจัดการเงินออม   ควบคุมรายจ่าย   น่าจะแก้ไขปัญหาในระยะยาวได้ จากคุณ : ไจโรสโคป เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 53 09:34:19

ความคิดเห็นที่ 48 ผมก็มีลูกชาย ลูกสาว ถ้าเป็นแบบที่ว่า ผมคงไม่ใช้ให้หรอกครับ คงต้องให้ไม่มีที่สิ้นสุด ให้เค้ารับผิดชอบเอง ครอบครัวเค้าทำ เค้าต้องรับผิดชอบ โตๆกันแล้ว สุดท้ายถ้าไปไม่ไหวจริงๆ ก็กลับมาอยุ่กับพ่อแม่ได้ ลูกกับหลาน ยังไงพ่อแม่ก็ไม่ทิ้งให้อดอยากอยุ่ข้างนอก ได้กินอิ่มนอนหลับแบบมีความสุข แต่ปัญหาแต่ละครอบครัว ต้นเหตุปัญหาไม่เหมือนกันนะครับ จากคุณ : พ่อน้องบุ๊ค เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 53 10:08:03

ความคิดเห็นที่ 49 คงต้องปรับวิธีคิดและพฤติกรรมการใช้เงิน มากกว่าครับ ไม่งั้นปัญหาก็จะกลับมาลงที่จุดเดิมอีก เอาใจช่วยครับ จากคุณ : KOKISME เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 53 10:57:19

ความคิดเห็นที่ 50 "คนเราไม่มีเงิน มันน่ากลัว มันกังวล โดยเฉพาะเมื่อเงินก้อนสุดท้ายกำลังจะหมด คนที่กู้หนี้ยืมสินมาส่วนใหญ่ไม่สามารถเอาชนะความกังวลตรงนี้ได้ ก็ต้องไปกู้มา พอมีเงิน มันโล่ง ผลักภาระไปที่อนาคต อย่างผมผ่านมาแล้ว ไม่มีจนรู้ว่า ไม่มีก็คือไม่มี แต่มันก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด"  ................พ่อโปรเจ็กต์ "แต่ไม่ว่าเวลาไหน ลูกยังคงเป็นลูกอยู่วันยังค่ำ อย่าทอดทิ้งเค้าในเวลาที่เค้ามีปัญหา อยู่กับเค้าแม้ว่าจะแก้ไขปัญหาให้เค้าไม่ได้ ไม่มีเงิน แต่ยังมีบ่าที่อบอุ่น" .................น้องสามสี "พ่อคนนี้ เหนื่อยเหลือเกิน นั่งมองหน้าแกที่หม่นหมองด้วยภาระชีวิต แล้วย้อนไปนึกถึงตอนแกเล็กๆ ที่เราฟูมฟัก เลี้ยงดู อุ้มชูแกมา เคยคิดอยากเห็นอนาคตแกดีๆ อยากเห็นแกประสบความสำเร็จกับชีวิต ไม่ต้องเลี้ยงดูพ่อก็ได้ ขอแค่แกช่วยเหลือตัวเองได้ก็พอ" สุดยอดวลี ต้องบอกว่า อมตะวลี คืออย่างนี้ ในห้องนี้ให้ความเห็น และแนวทาง เยอะแล้ว ไม่เกริ่นต่อ ลองดูวิธีนี้นะ 1. ด้วยข้อความของคุณพ่อเท่าที่มีทั้งหมด สมมติฐานเบื้องต้นเป็นไงไม่รู้นะ แต่สมัครบัตรเครดิต เซ็นทรัล นี่แสดงถึงอุปนิสัยในการจับจ่ายนะ 2. ชีวิตต้องเรียนรู้จากชีวิต ลูกสาวท่านก็คือผลิตผลของท่าน ที่ท่านหล่อหลอมมา พื้นฐานชีวิตก็มาจากท่าน หลายๆ สิ่งก็เรียนรู้จากท่าน ท่านลองกลับไปนั่งนึกดีดี 3. ต้องให้คุณลูกสาวเรียนรู้จากประสบการณ์จริง ขาดเงินไม่ตายหรอก เรา spoil เขามาเยอะ คุณพ่อต้องหมดตัวให้ลูกเห็นก่อน ลงไปคลุกฝุ่นให้แกเห็น เปลี่ยนวิถีชีวิตให้ติดดินไปเลย ทำตัวให้จนที่สุด มีรถต้องขายเอาเงินให้ลูกสาวไป ลูกคนอื่นจะมีเงินมาเจือจานยังไง คุณพ่อต้องติดดินไปเรื่อยๆ ทำให้ลูกสาวคนนี้เห็น เท่านี้ง่ายๆ อย่างอื่นหรือผลต่อเนื่องเดี๋ยวมันตามมาเอง จะเลิก จะหย่า จะสู้ชีวิตต่อ ไม่ต้องสาธยายต่อ เดี๋ยวเจอเอง 4. เราอยู่กับเขาไม่ตลอดชีวิตหรอก มีเท่าไรให้เขาไปดีแล้ว แต่สุดท้ายตอนเราไม่อยู่ เขาต้องอยู่ได้ต่อไป ปรับวิถีชีวิตตอนนี้ให้กับเขา ตอนเราจากไป เขาจะได้ไม่ต้องตามเราไป แก้ไขเมื่อ 26 ก.พ. 53 11:02:02 จากคุณ : Basic Banker เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 53 10:57:37

ความคิดเห็นที่ 51 เห็นใจคนเป็นพ่อครับ ลูกยังไงก็เป็นเด็กตัวเล็ก ต้องคอยดูแลเสมอในสายตาพ่อ จากคุณ : ohlalla เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 53 11:23:50

ความคิดเห็นที่ 52 ขอแสดงความเห็นใจค่ะ คุณก็ทำดีที่สุดแล้ว ที่เหลือคงต้องคุยกับลูกสาวดูว่ามีปัญหาอะไร ทำไมต้องไปเปิดบัตรเพิ่ม แล้วก็หาทางแก้ปัญหาค่ะ จากคุณ : Halloweeny เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 53 11:56:47

ความคิดเห็นที่ 53 คห. 42 มีเหตุผลดีมากค่ะ แจกกิ๊ฟให้ซะเลย ปลื้ม จากคุณ : Mad Monqui (Mad Monqui) เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 53 14:05:55

ความคิดเห็นที่ 54 มันมีอะไรมากกว่าที่เห็นแน่ๆ เพราะว่ารวมเงิน น่าจะร่วมล้าน ต้องมีเหตุปัจจัยอะไรบางอย่างที่ไม่ปกติแน่ๆ เพราะว่าถ้ารวมเงิน เป็นล้าน นี่ไม่ใช่แค่ลูกสาวอยู่บ้านเลี้ยงลูก ลูกเขยตกงานเพียงอย่างเดียวแน่นอน จากคุณ : ออกกำลัง เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 53 14:33:04

ความคิดเห็นที่ 55 เห็นใจเลยครับ ผมคงอายุพอๆกับลูกเสี่ย คงมิกล้าแนะนำมาก ผมก็เคยติดหนี้บัตรหัวโตเหมือนกัน เพราะพวกบัตรเครดิตนี่ ใช้ง่ายจริงๆครับ รูดหมื่นนึงแป๊ปเดียวเสร็จ มันไม่เสียดายอ่ะครับ ไม่เหมือนจับเงินสดๆแล้วจ่ายจริงๆ แต่สิ่งที่บ้านผมทำก็คือ เค้าไม่ลงมายุ่งครับ เพราะถือว่าไปสร้างปัญหามา ก็ต้องแก้เอง สุดท้ายพอไม่มีใครช่วย ไอ้เราก็เลยต้องย้อนกลับมามองตัวเอง ทำให้เรารู้ว่า"เราพลาดตรงใหน?" ยังไงเป็นกำลังใจให้นะครับ จากคุณ : Mr_Badz เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 53 07:43:51

ความคิดเห็นที่ 56 อยากบอกเพื่อนๆว่า เราคิดว่าคุณพ่อเองก็ไม่อยากช่วยในรอบนี้เพราะกลัวปัญหาจะมีต่อไม่จบสิ้นนะคะ คุณพ่อถึงโพสกระทู้ถามว่าทำไงดีและการที่จะไม่ช่วยเลยหากสายไปแล้วหนี้ท่วมหัวจะทำกันอย่างไร ตอนนั้นคุณพ่อจะแก้ไขทันหรือ แล้วเงินบั้นปลายชีวิตที่ร่างกายไม่เอื้อให้ทำงานแล้วจะเป็นอย่างไร เรื่องนี้ก็ต้องคิดให้ดีๆนะคะ สิ่งที่คุณพ่อได้บอกไว้คืือ ทางฝั่งผู้ชายมีปัญหาทางธุรกิจแต่ไม่ได้บอกว่าเกิดจากการใช้เงินฟุ้มเฟือยเกินตัว ดังนั้นหากไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องการเงินของบ้านได้ การไปป้องกันไม่ให้สมัครบัตร เราว่าเป็นปลายเหตุ หากเป็นไปได้ก็ต้องให้เค้าสำรวจรายจ่ายทั้งหมดอะไรลดได้ก็ต้องลด ส่วนรายได้อะไรที่เพิ่มได้ก็ต้องเพิ่มอย่างที่ผู้ชายต้องหางาน (เชื่อว่าน่าจะพยายามอยู่แต่ยังไม่ได้) สรุปแล้วสิ่งที่คุณพ่อพอจะช่วยได้คือการลงเงินเพื่อให้ลูกสาวและแฟนลงทุนอะไรสักอย่าง ให้มีรายได้เข้ามาซึ่งอาจจะเป็นเรื่องที่ลูกสาวหรือแฟนหรือคุณพ่อถนัด เพราะไม่ง่ายเลยในการหากิจการว่าจะทำอะไรดี แต่แบบนี้จะช่วยอย่างยั่งยืนมากกว่า หากเป็นเรื่องที่คุณพ่อถนัดก็จะดีเพราะจะได้ให้คำแนะนำและควบคุมบัญชีรายรับจ่าย (หากว่าลูกสาวหรือแฟนเป็นคนที่คุมเงินไ่ม่อยู่) แต่อย่าเข้าไปยุ่งมากเพราะเลี่ยงไม่ได้ที่อาจจะมีการเอาเงินได้นี้ไปหมุนแก้หนี้ของผู้ชาย และจากที่อ่านดูไม่ว่าลูกสาวเป็นคนที่ไม่ยอมของเงินพ่อเพราะอายที่เลือกคนที่มาทำให้ตัวเองและพ่อต้องลำบาก หรือจากผู้ชายสั่งห้ามไว้ก็ตาม วิธีนี้จะทำให้เค้ากล้าบอกปัญหาให้พ่อฟัง และเราก็มาช่วยกันแก้ไขตามความเหมาะสมได้ทัน กลับมาตอบสิ่งที่ถามนะคะ ซึ่งคิดว่าอาจจะแก้ไม่ตรงจุดในเรื่องปิดไม่ให้สมัครบัตร เพราะหากว่าการรูดบัตรเป็นการเอาเงินมาใช้จ่ายที่จำเป็นเนื่องจากไ่ม่กล้าขอคุณพ่อ เว้นแต่ว่าคุณลูกสาวเป็นคนฟุ้มเฟือย เราขอแนะนำเพื่อให้บทเรียนหากเป็นการใช้อย่างฟุ้มเฟือยแทนนะคะ เราเห็นด้วยกับการทำให้โดน blacklist นะคะ ซึ่งอาจจะไม่ต้องให้ลูกสาวสมัครใบใหม่แล้วคุณพ่อเอาบัตรมารูดให้ติด blacklist แต่่ก็เอากรณีนี้แหละมาใช้เลย แต่ว่าเวลาเค้าทวงหนี้ก็ให้เบอร์มือถือและเบอร์บ้านรวมทั้งเบอร์แฟนเค้าไปให้หมด พวกทวงหนี้เค้าีมีวิธีกดดันเองทางลูกสาวก็จะได้บทเรียน (เราเคยมีคนรู้จักที่ถูกทวงหนี้บัตรเหมือนกัน รบรองได้ว่าหนักคะ ได้บทเรียนอย่างดีเลย) ข้อดีอีกอย่างคือเราจะได้ไม่รับผลการทวงหนี้ซึ่งนำไปสู่ความใจอ่อนของคุณพ่อ ซึ่งเราเชื่อว่าถ้าเค้าโทรมาไม่กี่ครั้งก็พอสะกดใจได้แต่ถ้าหลายๆครั้งเป็นใครก็ต้องใจอ่อน จากคุณ : primeval (primeval) เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 53 08:32:32

ความคิดเห็นที่ 57 ขอบคุณทุกท่านนะครับ ที่มาช่วยเหลือแสดงความคิดเห็นกันมากมาย หลายคืนมานี่ นอนไม่ค่อยหลับเลย คนของบัตรเครดิตโทรมาวันละหลายรอบถามหาแต่ลูกสาวผม เปลี่ยนคนโทรมา ทั้งผู้หญิงผู้ชาย คิดไปคิดมาหลายรอบ  ลูกสาวคนเล็ก ก็ไปทะเลาะกับพี่สาวแกเรื่องนี้ ไม่อยากให้ลูกๆ ผิดใจกัน ลูกสาวคนเล็กไปบ้านครอบครัวพี่สาวเขา ผมให้แกไปดูว่า พี่สาวใช้ชีวิตกันยังไง ก็พบว่า ยังมีหลายๆ อย่างที่แกและแฟนยังฟุ่มเฟือย ไม่คิดถึงอนาคตข้างหน้ากันอยู่ ลูกสาวผมคนเดียวหาเลี้ยงครอบครัวแฟนทั้งหมด แม่ลูกเขยก็ขอเงินเดือนจากลูกสาวผมด้วย ลูกสาวผมไปส่งเสียน้องชายแฟนให้เรียนมหาวิทยาลัย เพราะครอบครัวแฟนกำลังเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ ร้านอาหารที่แกทำอยู่ ก็ทำๆ หยุดๆ เหนื่อยก็ปิดร้าน ขายดีมีเงินก็ไปเที่ยวกันทั้งครอบครัว ประมาทกับการใช้ชีวิต คิดว่าหมุนเงินกันทัน ลูกเขยก็ออกจากงานมาเป็นปี มาช่วยงานที่ร้าน เลยมีรายได้กันทางเดียว คิดๆ ดูแล้วมันเป็นความผิดพลาดของผมเอง ที่ตัดสินใจให้ลูกแต่งงานกับผู้ชายคนนี้ คิดย้อนดูแล้ว พบว่า ฝ่ายผมเองเป็นคนเรียกทั้งสองคนมาคุยกันเรื่องแต่งงาน ทั้งๆ ที่ผมเป็นฝ่ายหญิง เพราะผมเห็นว่า ลูกคบกันมาหลายปีแล้ว เลิกจากงานก็ไปอยู่บ้านแฟน กลับมาบ้านมืดๆแทบทุกคืน วันหยุดก็ออกไปเที่ยวกับแฟนแก มันไม่ดีต่อสายตาคนอื่น และอยากเห็นลูกเป็นฝั่งเป็นฝา ฝ่ายชายยังไม่ได้เอ่ยปากขอลูกสาวผมเลย ผมผิดเองจริงๆ ไม่คิดว่าฝ่ายชายยังไม่พร้อมที่จะรับผิดชอบ มันไม่ง่ายเลยกับชีวิตคู่ของคนสมัยนี้ และในระหว่างแต่งงานกัน ผมพยายามทำตัวเป็นพ่อตารุ่นใหม่ ไม่เข้าไปยุ่งวุ่นวายกับครอบครัวลูกๆ ไม่ได้ติดตามพฤติกรรมในหลายปีที่ผ่านมา เพราะเวลาแกมาเยี่ยม เราก็เห็นแกเป็นปกติดี แต่งตัวดี หน้าตายิ้มแย้ม ไม่คิดว่าเบื้องหลังชีวิตแกจะค่อนข้างผิดปกติ ผมตัดสินใจแล้วว่า ผมจะช่วยเหลือแกอีกครั้ง โดยการไม่ช่วยอะไรเลยในตอนนี้ แกต้องมีบทเรียนชีวิต ผมอยากให้ลูกสาวแกร่งกับการใช้ชีวิต ให้แกไปแก้ปัญหากันเอาเอง เย็นวานนี้ ผมพึ่งให้เบอร์โทรบ้านแฟนแกไปกับเจ้าหน้าที่บัตรเครดิต ให้แกไปโทรตามกันเอาเอง ให้แม่ผัวแกได้รับรู้ พึ่งแต่ลูกสาวผมคนเดียวได้ยังไงกันทั้งครอบครัว ตอนนี้ลูกสาวผมยังตาบอด ใจอ่อน รับภาระคนทั้งบ้านนั้นไว้ ผมเจ็บใจเหมือนกัน แต่ผมต้องทน เพราะเตือนยังไง แกก็ยังคงไม่ฟังในตอนนี้ แกรักแฟนของแก ยอมแฟนทุกเรื่อง ผมจะยอมเสียเงินอีกสักก้อน เงินทองมันไม่ได้มีความหมายใดๆ เลยเมื่อเทียบกับการเห็นลูกสาวต้องลำบาก แต่มีข้อแม้ว่า ผมต้องได้ลูกสาวคนเดิมกลับคืนมา หลานผมก็เลี้ยงเองได้ ถ้าในอนาคตแกจะต้องกลับมาอยู่บ้าน ลูกชายคนกลางผมมันค่อนข้างรักหลานคนนี้ คิดว่าน่าจะช่วยกันดูแลได้ ตอนนี้แกยังไม่เอ่ยปากเรื่องหนี้สิน แต่ในอนาคต ผมดูไม่ออกเลยว่า แกจะอยู่กันไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือเปล่า ผมจะยอมให้แกเหม็นในเรื่องเงินทอง ถ้าแกต้องเป็นหนี้ ต้องให้คนมาตามทวงหนี้ ต้องติดเครดิตบูโร ผมก็จะปล่อยให้แกเป็นไป ตามที่แกได้ทำไว้ ถ้าแกยังอยากอยู่กับแฟน แฟนของแกต้องรับผิดชอบลูกสาวผมทุกเรื่อง ไม่ว่าเรื่องชีวิต เรื่องหนี้สิน ถ้าเขารักลูกสาวผมจริงๆ เขาต้องเป็นผู้รับผิดชอบ เจ็บใจ เสียใจเหมือนกัน ที่ต้องทนเห็นสภาพลูกสาวตัวเองเป็นแบบนี้ แต่คงต้องทน ถ้าทนไม่ได้ ปล่อยวางไม่ได้ตอนนี้ ตายไปผมคงตาไม่หลับ คงเร่ร่อนอยู่ดูลูกๆ ไปตลอด นึกๆ ดูเห็นลูกสาวเป็นแบบนี้แล้ว ก็นึกถึงตอนแกยังเล็กๆ แกมีความเป็นผู้นำตั้งแต่ยังเล็ก " ตอนนั้นแกเรียนชั้นประถม ครูเลือกให้เป็นหัวหน้าเนตรนารี มีลูกน้องเป็นเพื่อนในห้องอยู่ 4-5 คน วันไหนเรียน ต้องใส่เครื่องแบบ และพกไม้ง่ามไปด้วย ถ้าใครไม่เอามาจากบ้าน ต้องโดนทำโทษทั้งหมดรวมถึงลูกสาวผม ทีนี้เพื่อนที่อยู่กลุ่มเดียวกัน มีเจ้าหนูลูกเสือตัวแสบคนหนึ่งอยู่ด้วย ชอบลืมไม้ง่ามไว้ที่บ้าน ก็โดนลงโทษกันประจำ ผมก็ห่วงลูกสาว ไม่อยากเห็นลูกสาวโดนทำโทษ เลยซื้อไม้ง่ามเพิ่มเป็นสองอันให้ลูกสาวเอาไว้ให้เพื่อนคนนั้น เจ้าคนนั้นก็ได้เอาไปก็ลืมทำหายประจำ ตลอดปีนั้น ผมต้องซื้อไม้ง่ามให้ลูกสาวเอาไปให้เพื่อนเกือบสิบอันได้ เวลาขี่มอเตอร์ไซค์ไปรับลูกกลับบ้าน ต้องห้อยไม้ง่ามกลับมาบ้านสี่อัน เพราะลูกสาวและลูกชายเรียนโรงเรียนเดียวกัน พะรุงพะรังน่าดู มอเตอร์ไซค์คันเดียวลูกๆ สามคนเกาะ และสะพายไม้ง่ามไว้สี่อัน มันไม่มีประโยชน์เลยที่ผมต้องเสียเงินซื้อไม้ง่ามให้คนอื่นใช้ เพื่อให้ลูกสาวผมไม่ต้องโดนครูตี ผมน่าจะสอนแก ให้แกฉลาดในการแก้ปัญหา ผมน่าจะให้แกไปฟ้องครูว่าเพื่อนคนนี้ มันลืมไม้ง่ามประจำ ให้แกไปขอให้เอาเจ้าหนูคนนั้นออกจากกลุ่มเพราะไม่มีความรับผิดชอบน่าจะดีกว่านี้ ไม่น่าให้ลูกสาวผมต้องมารับผิดชอบความไม่เอาไหนของเพื่อนคนนี้ตลอดทั้งปีเลย " ตอนนี้สิ่งที่ผมคาดหวัง มันเป็นไปได้ทั้งสองทาง 1. ถ้าลูกสาวผมเป็นหนี้ เป็นสินรุงรัง ขึ้นมาอีกแต่คิดได้ เลิกทนอยู่กลับครอบครัวสามีแก พาหลานกลับมาอยู่ที่บ้านกับผม ผมคงดีใจได้เห็นหลานทุกวัน หนี้สินก็ช่วยๆ แก้กันไป ยังไงแกก็ยังมีน้องสาว น้องชายสายเลือดเดียวกันอยู่ พี่น้องต้องสามัคคี รักใคร่ ช่วยเหลือกันยามลำบาก วันใดหนี้สินหมดไป ผมคงตายตาหลับ 2. ถ้าลูกสาวผมกับแฟนแก เป็นเนื้อคู่กันจริง แม้ลำบากก็คงอยู่ด้วยกันได้ตลอดรอดฝั่ง ให้แกช่วยกันแก้ปัญหาเรื่องหนี้สินกันเอาเอง อยากเห็นลูกเขยมีความรับผิดชอบกว่านี้ ถ้าแกกลับตัว กลับใจ ดูแลสูกสาวผม แม้ไม่ร่ำรวย ก็ขออย่าให้ลำบาก ให้เลิกนิสัยการเป็นหนี้เสีย ให้มีความรับผิดชอบกว่านี้ ลูกสาวผมคงมีความสุขมากกว่าเดิม ถ้าเรื่องราวของผม เป็นประโยชน์กับ ท่านใดที่ได้เข้ามาอ่านและกำลังมีลูกสาวหรือมีลูกสาวที่แต่งงานแล้ว ขอให้ท่านได้นำข้อผิดพลาดของผมเพื่อใช้ปรับใช้เป็นแนวทาง ขออย่าได้ละเลยชีวิตลูกสาวที่แต่งออกไปแล้วเหมือนผม ขอผลบุญดลบันดาลให้ ครอบครัวผม ลูกสาว ลูกชาย ทั้งสาม จงมีแต่ความสุขความเจริญ รักใครสามัคคี มีความเจริญรุ่งเรือง กันไปตลอดชีวิต . จากคุณ : เสี่ยสมก๊อบ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 09:56:46

ความคิดเห็นที่ 58 ให้กำลังใจจริง ๆ ครับคุณพ่อ ขอให้ผ่านช่วงเวลานี้ไปให้ได้นะครับ จากคุณ : Skyman (Analayo) เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 10:56:41

ความคิดเห็นที่ 59 ขอบคุณ เสี่ยสมก๊อบ สำหรับประสบการณ์ในการเลี้ยงลูกครับ อยากบอกว่าจากที่อ่านคคห 57 และที่ติดตามมา ยังไม่เห็นถึงความไม่ใส่ใจต่อลูกสาวคนนี้อย่างที่เสี่ยว่ามาเลย ผมว่าเสี่ยเลี้ยงดูและให้แนวทางการดำเนินชีวิตแก่ลูกๆ ดีมากเสียด้วยซ้ำ ไม่มีจุดไหนที่ต้องตำหนิตัวเองเลย ทำให้ตัวผมเอง ยิ่งหวั่นใจมากขึ้นในแนวทางการเลี้ยงลูกของตัวเองไปด้วย อย่างไรก็ตามขอเป็นกำลังใจให้ผ่านพ้นปัญหาไปได้ครับ จากคุณ : Casper in Love เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 12:50:21

ความคิดเห็นที่ 60 เป็นกำลังใจให้คุณเสี่ยสมก็อบนะครับ การทำให้ลูกสาวและลูกเขยเสี่ยเสียเครดิต(ติตเครดิตบูโร) ผมว่าเป็นวิธีการที่ไม่ถูกต้องนะครับ จะเป็นปัญหาแก่ครอบครัวนี้ในระยะยาวครับ อย่าแก้ปัญหาด้วยการก่อปัญหาเพิ่มเลยครับ อย่าเอาตัวไปมีส่วนร่วมกับหนี้ที่เกิดขึ้นนะครับ ตราบใดที่เสี่ยยังไม่รู้แน่ว่าปัญหาหนี้ของลูกสาวและลูกเขยเสี่ยเกิดจากจุดไหนกันแน่ การเข้าไปช่วยในเวลาก็เสมือนเป็นการวิดน้ำจากเรือที่รั่ว โดยที่คนวิดน้ำก็ไม่รู้ว่ารอยรั่วอยู่ที่ไหน จะวิดน้ำทันหรือไม่ครับ ผมคิดว่าวิธีที่น่าจะเหมาะสมในกรณีนี้คือ 1. อย่าใช้หนี้แทน หรือรับปากว่าจะใช้หนี้แทน --> ให้ลูกสาวและลูกเขยของเสี่ยได้ตระหนักว่าปัญหาที่เกิดขึ้น พวกเขาต้องช่วยหาวิธีแก้ไขกันเอง ไม่มีใครมาช่วยได้ ถ้าเขารู้ว่ายังมีคนจะจ่ายหนี้แทนให้ เขาก็จะไม่มีทางปรับวิธีการบริหารเงินของพวกเขา 2. ให้ความมั่นใจแก่ลูกสาวว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ให้กลับมาที่บ้าน ลูกสาวกับหลาน เสี่ยดูแลได้ --> แต่ปัญหาทางการเงิน ต้องไปแก้กันเอง 3. อย่าไปหาคนผิดหรือโทษว่าใครผิดครับ มันอาจจะทำให้ทั้งลูกสาวและลูกเขยเสี่ยไม่ยอมรับหรือฟังความคิดเห็นของเสี่ยครับ เป็นกำลังใจให้พวกเขาครับ รับฟังปัญหา และแนะนำช่องทางที่พวกเขาอาจจะหาวิธีปรับวิถีชีวิตของพวกเขา แต่ต้องใจแข็งนะครับ อย่าใช้หนี้แทนโดยเด็ดขาด 4. สุดท้ายคือ ต้องเข็มแข็ง บางทีลูกสาวและลูกเขยของเสี่ยอาจจะใช้วิธีที่คาดไม่ถึง เช่น เอาค่าเทอมลูกไปหมุนอย่างอื่น แล้วมาขอให้เสี่ยจ่ายให้ โดยบอกว่าหลานจะโดนไล่ออกเพราะไม่จ่ายค่าเทอม หรือ เอาเงินค่าผ่อนรถไปใช้อย่างอื่น แล้วมาร้องไห้ฟูมฟายว่ารถจะถูกยึดครับ --> ผมคิดว่าเสี่ยต้องแบ่งแยกให้ดี ในส่วนค่าเทอมหลาน อาจจะรับผิดชอบแทนไปเลย โดยเสี่ยไปจ่ายเองที่โรงเรียนนะครับ ส่วนค่ารถอาจจะต้องยอมให้โดนยึด หรือ เสี่ยโอนรถมาเป็นของเสี่ยเอง ฯลฯ สุดท้ายแล้ว ขอให้เสี่ยโชคดีนะครับ ปัญหาประเภทนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดกับตัว หรือคนรอบข้าง แต่เมื่อมันเกิดแล้ว ก็ต้องทนรับความจริงที่เกิดแล้วแก้ปัญหาไปตามสภาพครับ หนี้เป็นปัญหาทางแพ่งครับ อย่างมากก็ล้มละลายครับ อย่าไปกลัวครับ จากคุณ : กระดาษเช็ดหน้าสีขาว เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 13:01:36

ความคิดเห็นที่ 61 ผมไม่เห็นด้วยกับหลายๆ ความเห็นที่ว่าเรื่องเงินไม่สำคัญ ความสัมพันธ์สำคัญกว่า แล้วว่าเสี่ยน่าจะช่วยลูก (จะวิธีไหนก็ตาม) ตอนนี้ปัญหาหลักคือ การไม่มีความรับผิดชอบทางการเงินของครอบครัวลูกคุณ ผมไม่รู้ว่าปัญหาจริงๆ หนักแค่ไหน เพราะเงินล้านสำหรับบางคนมันนิดเดียว เงินหมื่นสำหรับบางคนก็มหาศาล ผมเห็นว่าน่าจะให้เขามีความรับผิดชอบ เพิ่มความแรงยาไปเรื่อยๆ ให้โดนฟ้อง โดนยึด ก็โดนไป อาจจะช่วยหน่อยเช่น ซื้อรถราคาตลาด แต่ห้ามให้ยืมไปใช้อีก (ถ้าทำไม่ได้ก็อย่าช่วยซื้อ) เดี๋ยวเขาก็ต้องปรับตัวเอง เป็นหนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกครับ ผมก็ใช้บัตรเครดิตเดือนๆ ก็เยอะอยู่ แต่จ่ายหมดทุกเดือน ลูกคุณอาจจะเป็นเหมือนกันก็ได้ ลองตรวจสอบก่อน เรื่องคุณจะเอาลูก-หลานกลับมาเลี้ยงเอง ผมเห็นว่าเอาไว้กรณีสุดๆ จริงๆ ตามความเห็นผม ไว้คอยเป็นหนี้นอกระบบ จน"จะ"เป็นอันตรายต่อสวัสดิภาพก่อน ค่อยช่วยก็ไม่สาย (แต่ถ้าเกิดแบบนี้จริงๆ ก็ขาดเป็นขาดนะครับ เป็นฟางเสันสุดท้าย ผมคงไม่ให้ลูกอยู่กับคนแบบนั้น) อย่าให้เป็นพ่อแม่รังแกฉัน ต่อไปเลยครับ คุณช่วยลูกไม่ได้ตลอดหรอก คุณต้องทำให้เขายืนอยู่ได้ ถ้าวันหนื่งไม่มีคุณแล้ว อย่างไรก็ตามต้องให้เขาเข้าใจว่าเราไม่ได้รักเงินมากกว่าลูก แต่เพราะรัก เพราะต้องการให้ลูก mature อยู่ได้ด้วยตัวเองจึงต้องทำ ป.ล.​ เปรยๆ ไว้ว่าห้ามไปก่อหนี้นอกระบบไว้บ้างก็ดีนะครับ จากคุณ : Pseudonoise เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 13:49:22

ความคิดเห็นที่ 62 ลงชื่อให้กำลังใจคุณพ่อค่ะ จากคุณ : นินจาน้อย เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 14:44:24

ความคิดเห็นที่ 63 เข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อครับ  ให้ตายยังไง สายเลือดมันตัดไม่ขาดจริงๆ ต่อให้ทะเลาะ มีปากเสียงกันแรงแค่ไหน หากมีความผูกพันทางสายเลือดแล้วล่ะก้อ ตัดไม่ขาดแน่นอน ถ้าเป็นผม ผมว่ามันคงถึงเวลาแล้วที่จะต้องเรียกมาคุยกันก่อนเลยครับ ขอ statement แจ้งยอดอ่ะครับมาดูเลยครับ ว่ายอดเงินที่จ่าย จ่ายที่ไหน ค่าอะไร ถามหาเหตุผล หากลูกไม่สามารถตอบเหตุผลที่เข้าท่าได้แล้ว ก็สอนเขาตรงนั้นเลยว่า ไอ้นี่ลดได้ แล้วเขาจะเหลือ จากนั้นผมว่าคุณช่วยเขาครั้งสุดท้าย แต่เป็นลักษณะที่เขาต้องมาใช้คืนด้วยไม่ว่าวิธีใดก็ตาม ระยะเวลานานแค่ไหนก็ตาม หลังจากนั้นก็ให้เขาเริ่มต้นจัดการการเงินของเขาใหม่อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ คุณคงต้องหยุด หยุดให้การช่วยเหลือทุกอย่าง และจะช่วยเท่าที่ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นเท่านี้น โดยคุณจะต้องเป็นคนจ่ายเอง เช่น ค่าเทอม คนเราจะจมไม่ลงหากยังมีท่อน้ำเลี้ยงที่ช่วยหล่อให้อยู่ได้ แต่วันใดที่ขาดซึ่งอาหารที่จะทำให้โตได้ ธรรมชาติจะสอนให้ปรับตัวเพื่อเอาตัวรอดเองครับ จากคุณ : Wittayu เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 16:59:38

ความคิดเห็นที่ 64 ไม่เห็นด้วย คุณทำไม่ถูก ที่ไปช่วย หนี้แค่ 2 แสน ถ้าไม่มีปัญญาจัดการเอง จะทำอะไรได้ แบบนี้เท่ากับคุณสร้างนิสัยลูกแหง่ ให้ลูกคุณ ส่วนลูกเขยคุณถ้าแค่นี้จัดการไม่ได้แล้วลูกคุณมีความสุขที่จะลำบากแสดงว่าเค้ารักกันจริงก็ปล่อยไป แต่สุดท้ายลำบากมากเข้าลูกคุณคงเลิกกับลูกเขยคุณเองค่อยช่วยดีกว่าไหม????? จากคุณ : P Phod เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 17:01:42

ความคิดเห็นที่ 65 เอาใจช่วย แต่ผมว่าทำไม่ถูกหรอกครับ ลูกแต่งงานไปแล้ว ยกให้ผู้ชายดูแลแล้ว เราเป็นพ่อ เราก็ดูอยู่ห่างๆก็พอ เงินแค่ 2 แสน ถ้าขยันจริงๆ ทำงาน 2 คน ยังไงก็หมด คุณลูกสาวกับคุณลูกเขยนี่ก็ดีจริงๆ ใช้เงินมือเติบ ทั้งที่ฐานะการเงินแทบไม่มี ไปกดมาได้ยังไง 2 แสน ดอกเบี้ยกินตายพอดี จากคุณ : MondayCool เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 18:32:47

ความคิดเห็นที่ 66 เห็นใจคุณพ่อนะครับ จากคุณ : พ่อโปรเจ็กต์ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 18:33:18

ความคิดเห็นที่ 67 ที่จะทำ ทำถูกต้องแล้วครับ เป็นผม ก็คงทำแบบนี้ จากคุณ : พ่อน้องบุ๊ค เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 21:43:08

ความคิดเห็นที่ 68 หนี้สินก็ช่วยๆ แก้กันไป ยังไงแกก็ยังมีน้องสาว น้องชายสายเลือดเดียวกันอยู่ พี่น้องต้องสามัคคี รักใคร่ ช่วยเหลือกันยามลำบาก วันใดหนี้สินหมดไป ผมคงตายตาหลับ ^ ^ ^ ความคิดนี้เป็นความคิดที่ผิด เเล้วก็เป็นการสนับสนุนทางอ้อม ให้เค้าไม่รู้จักคิดเเละไม่รู้จักโตนะคะ รวมทั้งไม่ยุติธรรมกับน้องๆสองคนด้วย ลูกมีสามคนก็ต้องเเบ่งมรดกเท่าๆกันสามคน นี่คนเเรกได้ไปเยอะเเล้ว เเล้วยังใช้หนี้ให้ไปอีกสองเเสน เเล้วเป็นหนี้ใหม่ก็ยังจะให้น้องชายน้องสาว ต้องไปตามใช้หนีัให้อีกไม่ถูกนะคะ รวมทั้งจะทำให้ให้ลูกสาวเเละบ้านนู้นได้ใจด้วย ว่ากินใช้กันยังไงก็ได้  ไม่ต้องทำงาน ถึงเวลาเเบกหนี้ก็ให้เสี่ย เเละน้องๆช่วยกันไป เป็นหนี้ก็ต้องชดใช้ค่ะ เเล้วก็ต้องปรับพฤติกรรมกันไป ถ้าเสี่ยยังคงไปตามใช้หนี้ให้อยู่ร่ำไป ก็เหมือนพ่อเเม่รังเเกฉัน นิสัยเค้าจะไม่เปลี่ยน เสี่ยไม่ได้อยู่ค้ำฟ้านะคะ ถ้าวันไหนไม่มีเสี่่ยเเล้ว เเล้วเค้ายังทำตัวเเบบนี้ ใครจะไปตามใช้หนี้ล่ะคะ จริงๆน่าจะเรียกมาคุยถามปัญหา เเล้วก็อบรมเเล้วก็บอกด้วยว่าไม่ใช้หนี้ให้เเล้ว ลูกเขยก็น่าจะไปทำงาน ส่วนน้องชายสามีก็ต้องไปหางานพิเศษทำ เเล้วค่าใช้จ่ายเเม่สามี ลูกเขยต้องเป็นคนรับผิดชอบนะคะ ดูๆไปเเล้วที่ทุกคนรุมกินกันได้เเบบนี้ เพราะคิดว่าลูกสาวเสี่ยมีเงินรายได้ เเละมีเสี่ยช่วยเหลือยังไงก็ไม่ลำบาก ลูกสาวเสียเมื่อทำงานได้เงินก็ปิดร้านไปเที่ยว เพราะยังไม่เห็นความลำบากของการไม่มีเงินจริงๆ ต้องให้เค้าหัดเห็นความลำบากของการไม่มีเงิน เเล้วเค้าจะปรับปรุงตัวค่ะ เสี่ยต้องใจเเข็งนะคะ อย่ายื่นมือเข้าไปช่วยเรื่องการเงิน เเต่ก็ไม่ใช่ปล่อยเค้าไปตามบุญตามกรรม ตอนนี้ปัญหาเรื่องหนี้ยังไม่ใช่ก้อนใหญ่ อย่ารอจนหนี้พอกพูนเพราะมันจะมีดอกเบี้ย ยังไงเรียกเค้ามาคุยเลยค่ะ เเล้วถามปัญหาเเจงปัญหาให้ฟัง เเล้วบอกให้เเก้ไข เเละยื่นคำขาดไปเลยว่าต่อไปจะไม่ช่วยเเล้ว อย่าเพิ่งไปบอกว่าจะรับมาอยู่ด้วย หรือจะช่วยเลี้ยงหลาน เพราะจะทำให้เค้าไม่เปลี่ยนนิสัยค่ะ เพราะคิดว่ายังมีเสี่ยคอยดูเเลอยู่ อ้อเรียกมาคุยกันดีๆเพราะๆ ด้วยเหตด้วยผลนะคะ อย่าตบะเเตกพูดอะไรรุนเเรง เพราะเค้าจะต่อต้านทันที ดีไม่ดีจะประชดด้วย ยังไงเค้าโตเเล้วนะคะ เราไม่ได้อยู่กับเค้าไปชั่วฟ้าดินสลาย เค้าต้องเติบโตด้วยตัวเอง เสี่ยต้องทำให้เค้ายืนได้ด้วยลำเเข้งของตัวเองค่ะ อีกนิดนึงค่ะ อย่าเอาเงินไปช่วยลูกคนนี้จนหมดนะคะ อย่าลืมว่าวันนึงลูกคนอื่นๆก็ต้องเเต่งงานไป ต้องมีลูก อาจต้องใช้เงินอีก เช่นสร้างครอบครัว ทำกิจการ หรือสุขภาพของเสี่ย  เเละลูกๆหลานๆที่จะเกิดขึ้นมา ปัญหามันเกิดจากการไม่บริหารเงินบริหารชีวิตของลูกสาว เเละความหน้าใหญ่ใจโตรักสามีเกินไป อย่าให้ทุกคนต้องไปรับภาระนี้เลยค่ะ ................................................................................................. ปล... เราเคยเห็นปัญหาเเบบนี้มาเเล้วค่ะ คนที่เรารู้จัก  พ่อกับเเม่รักลูกชายคนนึงมาก เเล้วให้ลูกๆทุกคนจุนเจือลูกชายคนนี้ที่มีหนี้สิน เค้าก็ยังใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเป็นหนี้เป็นสินอยู่เรื่อยๆ เพราะมีคนทั้งบ้านคอยช่วย ไม่ยอมเก็บเงิน ไม่ยอมทำงานให้มั่นคง ใช้เงินกันสบายทั้งสามีภรรยา เเต่ลูกสาวที่ช่วยก็ลำบากเรื่องเงินทอง เเต่เกรงใจเเม่กลัวหาว่าไม่กตัญญู เเล้วน้องชายคนนึงต้องทำงานหนักเพื่อช่วยใช้หนี้ ที่เกิดจากการกินเที่ยวของพี่ชาย คิดดูว่าคนนี้ทำงานหนักจนไม่กล้ามีครอบครัวเลยค่ะ แก้ไขเมื่อ 01 มี.ค. 53 01:07:08 จากคุณ : RoseTiara เขียนเมื่อ : 1 มี.ค. 53 00:55:57

ความคิดเห็นที่ 70 ผมขอมองในมุมที่ต่างกันออกไปนะครับ ปัญหาของเรืืองนี้ คือเรื่อง "การสื่อสาร" ครับ คือคุณพ่อ ก้คิดว่า ลูกน่าจะเข้าใจ น่าจะฉลาด น่าจะกลับตัว แต่คิดในใจ ไม่บอกออกไป ของแบบนี้ ต้องย้ำครับ แม้จะเหมือนบ่น แต่ย้ำมากเข้า ด้วยอารมณ์ดีๆ สักวันเธอจะรับฟังและเข้าใจครับ ส่วนลูกสาว ก็ไม่บอกความจริงกับคุณพ่อ อาจจะด้วยฟอร์มอะไรบางอย่าง เพราะเรื่องนี้ ผมว่าน่าจะมีอะไรอีกเยอะ เอาง่ายๆ แค่คุณพ่อส่งน้องคนเล็กไปเป็นสปา่ย ยังเจออะไรเซอร์ไพรส์อีกตั้งเยอะ แน่นอนว่าต้องมีหมกเม็ดไว้ใต้พรมอีกเยอะครับ ตอนนี้ถึงแก้อะไรไป ถ้าลูกสาวไม่เปิดใจ บอกความจริงออกมา ก็แก้ไม่ได้ครับ เพราะเธอไม่ได้พยายามจะแก้ "เท่าที่ควร" (คือรู้ว่าพยายาม แต่ไม่มากพอไงครับ) ทำได้เพียงแค่ มอบความรัก ความเอาใจใส่ให้มากขึ้น แต่ไม่ใช่แสดงออกด้วยเงินเพียงอย่างเดียวนะครับ หนี้ให้ติดไว้ก็ได้ แต่ช่วยเหลือด้วยเงินสดครับ คือถ้าเขาต้องการอะไร ก็ซื้อให้ ไม่ใช่จ่ายหนี้บัตรเครดิตให้ เพราะมันง่ายเกินไปที่จะทำ และเธอแทบจะไม่ได้รับรู้ได้ถึงความใส่ใจของเราอย่างต่อเนื่อง เป็นกำลังใจให้ครับ จากคุณ : thanachott เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 00:15:10

ความคิดเห็นที่ 71 ผมว่า ผมแย่แล้วนะ เจอลูกสาวลุงน่าจะแย่กว่า ปิดไปเลยดีกว่าครับผม ไม่ต้องใช้หนี้ให้ ผมเนี่ย โดนปิดไปแล้วสองใบ ใช้ไปสามปีเกือบสามแสน แว๊กกกก แต่ที่ใช้เนี่ย ใช้แทนเงินเดือน เงินที่ต้องได้เพื่อซื้ออุปกรณ์การเรียน เช่น ซื้อปรินเตอร์ หมึกปรินท์ ค่าสำราญพอควร และที่สำคัญ ผมให้หักเงินเดือนผมไว้ด้วย แถมสมมติรูดให้เพื่อนไป ผมก็เอาให้ ทั้งๆที่เค้าก็จ่ายๆไม่ค่อยว่า แต่พอดี ยอดมันเยอะ คุยกันไม่รุ้เรื่อง ก็เลยโดนยกเลิกไป ตอนนี้เหลือบัตรเดียว รักษายิ่งชีวิต ครับ เป็นกำลังใจให้ครับ อยากรู้ว่า ลูกเขย นี่เกาะลูกสาวลุงกินป่ะครับ จากคุณ : natthaset เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 53 12:27:29