ความคิดเห็นที่ 1 ทีนี้หน้าที่1 บริษัทก็ยืนยันว่า ลดหย่อนได้ 40,000 บาท แต่ทางสรรพากรไม่สนใจ เค้าอ่านหน้า 2 แล้วก็บอกว่า เบี้ยประกันภัยเพิ่มเติมพิเศษ = 20,000 นั้น ลดหย่อนไม่ได้ ส่วนทางฝ่ายตัวแทน aia ที่ขายเรา ก็ยืนยันว่าต้องได้ ยังไงก็ต้องได้ แต่สรรพากรก็เถียงว่า หัวเด็ดตีนขาดก็ลดหย่อนไม่ได้ เราโดนตัวแทนหลอกแล้ว ทีนี้จะให้เชื่อใครดีคะ เราเถียงกับสรรพากรหลายรอบ จนเค้าแทบจะวีนแตกใส่เราแล้ว ขนาดขอประนีประนอมว่าถ้าเราหาหลักฐานจาก AIA ยืนยันได้ เค้าจะโอเคมั้ย เค้าก็บอกว่าไม่โอเค ถ้าหามาได้ แล้วหลักฐานที่เรายื่นในหน้าที 2 คืออะไร แสดงว่าบริษัท AIA ก็เชื่อถือไม่ได้เลยสิ ออกหลักฐานเท็จมาเหรอ อ้าวๆๆๆ ไปกันใหญ่แล้ว อีกอย่าง เราก็อ้างว่า ทุกคนเค้าลดได้กันหมดมีเราโง่ส่งไปสองหน้าเลยลดหย่อนไม่ได้เหรอ เค้าก็บอกว่า ไหนใครลดได้ เอาชื่อมา ไม่ใช่มาอ้างแค่ว่ามีเยอะแยะ เอาชื่อมา เค้าจะได้ไปตามแก้ว่าพวกนั้นยื่นภาษีผิด โห... ใครจะกล้าให้ชื่อล่ะค่ะ อ้อยเข้าปากช้างไปแล้ว เกิดโดนสรรพากรยึดเงินคืนใครจะไปยอม ไม่รู้ผิดหรือถูก ใครจะไปยอมเสี่ยงกับเรา แก้ไขเมื่อ 02 มี.ค. 53 21:42:27 แก้ไขเมื่อ 02 มี.ค. 53 21:40:12 จากคุณ : punimka เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 21:35:15

ความคิดเห็นที่ 2 ในแง่ของกฏหมายเอง คุณนิสิตผู้ใจดี มาแปะเอาไว้ให้เป็นข้อมูล ตามลิ้งค์นี้ค่ะ http://www.rd.go.th/publish/fileadmin/images/image_news/news1_52.pdf เค้าเขียนบอกว่า "ผลการประชุมได้ข้อสรุปว่า การพิจารณาการหักค่าลดหย่อนในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับค่าเบี้ยประกันชีวิต นั้น จะพิจารณาจากหลักฐานที่ทางบริษัทผู้รับประกันภัยออกให้ ซึ่งบริษัทจะต้องแยกให้ชัดเจนว่า เป็นส่วนของค่าเบี้ยประกันชีวิตเท่าไหร่ เป็นส่วนของค่าประกันประเภท อื่นเท่าไหร่ เพื่อให้ทราบว่าวงเงินที่ผู้เอาประกันภัยจะสามารถนำไปใช้หักเป็ นค่าลดหย่อนทางภาษี ได้เป็นจำนวนเท่าใด " ก็ในเมื่อ AIA ออกหลักฐานให้ตามหน้าที่ 1 ว่าลดหย่อนได้ 40,000 บาท เราอ้างตามแง่กฏหมายนี้ได้หรือเปล่า มีประโยคไหนที่เขียนว่า คำว่า เบี้ยเพิ่มเติมพิเศษ ในกรมธรรม์ของเราลดหย่อนไม่ได้คะ ??? รบกวนผู้รู้กฏหมาย หรือตัวแทน aia หรือใครก็ได้ ขอคำแนะนำหน่อยค่ะ จิตตกไปแล้ว เงินตั้งหลายพัน เถียงคอเป็นเอ็นกับทั้งสรรพากร ทั้งตามตัวแทน จนเหนื่อยแล้วค่ะ ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : punimka เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 21:37:30

ความคิดเห็นที่ 3 เพิ่มเติมอีกนิดนึงค่ะ เรารู้สึกว่า ไม่ว่าฝ่ายใดจะผิดหรือถูก เราว่าน่าจะกระทบเยอะเลย นั่นคือ 1. ถ้าลดหย่อนได้จริงๆ ตามที่ตัวแทน AIA บอก ทางสรรพากรที่เค้าได้ตรวจเอกสารไปไม่รู้กี่รายต่อกี่ราย แล้วยกเลิกไปไม่ให้ลดหย่อน เท่ากับว่าเค้าทำงานผิดพลาด ตรวจสอบผิดหมดเลย 2. ถ้าลดหย่อนไม่ได้ตามที่สรรพากรบอก ตัวแทน AIA หลายรายมีหวังตกที่นั่งลำบากแน่ๆค่ะ เพราะว่าแบบประกันแบบนี้ คาดว่าน่าจะทำยอดขายได้ไม่น้อยแน่ๆ เพราะโฆษณาออกจะเยอะขนาดนี้ แล้วโปรแกรมสวยหรูที่รันมาให้เราดูตัวเลขต่างๆตอนที่จะซื้อประกันก็คำนวณลดหย่อนได้หมด แถมตัวแทนเราที่เชื่อถือได้ก็ยืนยันหลายรอบ เช็คกับทางบริษัทแล้ว ว่ายังไงๆก็ลดหย่อนได้ มีหวัง เสีย... (สุนัข) ค่ะ และผู้ที่ทำประกันแบบนี้ไป ปีหน้า หนาวๆร้อนๆแน่คะ ว่าจะยื่นยังไง สรรพากรจะตรวจมั้ย เพราะเท่ากับว่าเรายื่นข้อมูลผิด ถ้าตรวจเจอก็โดนความผิดค่ะ จากคุณ : punimka เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 21:46:43

ความคิดเห็นที่ 4 ดูสิ ทีมนุษย์เงินเดือนอย่างเรานี่ ถอนขนห่านแล้วถอนอีก พอทีคุณทักษิณไม่ยักกะต้องเสียภาษี นี่ถ้าศาลไม่พิพากษาจนคดีครึกโครมไปทั่วโลก คุณทักษิณก็คงไม่ต้องจ่ายหรอกนะคะ หมื่นสี่พันล้านน่ะ แต่พอดีเรื่องมันแดง แบบว่าช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวมาปิดก็ปิดไม่มิด เลยจำใจทำเป็นจะยึด แต่ใจจริงไม่อยากทำนะนั่น แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 53 22:04:24 จากคุณ : รักกันปานจะแหกจุ๊กกูแร้ดม (เด็กเกาะสมุย) เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 21:56:21

ความคิดเห็นที่ 5 ผมว่า ให้ AIA ไปคุยกับ สรรพากร ให้หน่อยได้ใหมครับ.... แล้วฟันธงคำตอบลงมา.. จากคุณ : oxidation เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 21:56:27

ความคิดเห็นที่ 6 เพิ่งให้เบอร์สรรพากร กับเพื่อนที่เป็นตัวแทนไปแล้วค่ะ ไปฉะกันเอง แต่ไม่รู้ว่าผลจะเป็นยังไง จากคุณ : punimka เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 22:08:37

ความคิดเห็นที่ 7 ถ้าเข้าใจไม่ผิด Universal Life มี 2 ส่วน ส่วนนึงคือประกันชีวิต อีกส่วนเอาไปลงทุนซึ่งปรับเปลี่ยนได้ ปัญหามันอยู่ที่หน้าที่ 2 ต้องถาม AIA ว่าทำไมแยกอย่างนั้น เท่าที่เคยคุยกับเพื่อนที่ขายประกัน ส่วนที่เอาไปลงทุนลดหย่อนภาษีไม่ได้ เข้าใจว่า สรรพากร มองส่วนที่สองแยกเป็น 20000 กับ 20000 จากคุณ : ผมปล่าวนา เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 22:17:09

ความคิดเห็นที่ 8 ผมเองก็มีปัญหาครับ แต่เป็นเรื่องการขายกองทุน RMF คืนตามเงื่อนไข ที่สามารถขายได้ หากลงทุนเกิน 5 ปี และก่อนวันที่ 1 มี.ค. 2551 โดย ลงทุนทุกปี (หรือหยุดลงทุนไม่เกิน 1 ปี) http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I8934496/I8934496.html http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I8939420/I8939420.html ตอนที่โทรคุยกับสรรพากร ผมอ้างเจ้าหน้าที่ บลจ. บอกว่าเอกสารที่ยื่นไป แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว แต่ทางสรรพากรบอกว่า น้อยเกินไป และข้อมูลไม่ชัดเจน เพียงพอ แถมมีบ่นเล็กน้อยว่า เอกสารพวกประกันชีวิตก็มีปัญหา เชื่อคนขาย ไม่ได้หรอก (ผมส่งแค่ใบเสร็จ ไม่เห็นจะเรียกเอกสารประกันชีวิตเพิ่มเติม ) แต่ก็น่าเห็นใจเจ้าหน้าที่สรรพากรนะครับ งานคงยุ่งมาก เพราะเจ้าหน้าที่โทรมา หาผมตอน 5 โมงเย็น ผมถามว่า 5 โมงเย็นยังทำงานอยู่อีกหรือครับ เขาบอกว่างานเยอะมาก อยู่เย็นแล้ว ยังทำงานไม่ทันเลย แถมโดนต่อว่าอีกด้วย (น่าจะเป็นเจ้านายต่อว่า) ... เรื่องพวกนี้ น่าปวดหัวเหมือนกันนะครับ เรื่องประกันชีวิต ก็มีประเด็นมาไม่นานมา นี่เอง หลายๆคนอาจจะยังไม่เข้าใจว่าอะไรที่เข้าหลักเกณฑ์ อะไรที่ไม่เข้า รูปแบบ ประกันชีวิตก็มีมากมาย ให้งงงัน หรือเรื่องการขายคืน RMF ก็เหมือนกัน จุดประสงค์การลงทุน RMF เพื่อให้ลงทุน ระยะยาวมากๆ จนถึงอายุ 55 ปี แต่ก็ดันมีประเด็นจนกระทั่ง ต้องออกกฎมาใหม่ แต่คนที่ลงทุนก่อน 1 มี.ค. 2551 ยังใช้เงื่อนไขเดิมได้ เป็นต้น จากคุณ : นิสิต เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 22:31:15

ความคิดเห็นที่ 9 เนื่องจากคุณ มีส่วนได้เสีย ก็จะพยายามตีความให้ตัวเองได้ประโยชน์ เท่าที่อ่านดู คิดว่าไม่ได้ครับ กรณีของคุณ เป็นประกันชีวิต  พ่วงอย่างอื่น ที่เป็นรายปี กรมธรรมส่วนรายปียกเลิกได้ ปีต่อปี  คุณพลิกกรมธรรม์อ่านดู ก็จะรู้ว่า ส่วนเพิ่มเติมเป็นอะไร  คิดว่าน่าจะเป็นสุขภาพ ดังนั้น ส่วนนี้ จะนำมาหักไม่ได้ตามกฎหมายใหม่ สำหรับกรมธรรม์เก่าๆที่มีนับล้านกรมธรรม์  ที่ออกก่อนสรรพากรแก้ไข ส่วนใหญ่ จะมีทั้ง ประกันชืวิต พ่วงสุขภาพ และ ออม ซึ่งบริษัทประกัน จะออกใบเสร็จรวมใบเดียว  เป็นตัวเลขรวม ในปี51 กรมสรรพกร พยายามจะให้บริษัทประกันแยกรายละเอียด เพื่อให้ผู้เสียภาษี นำมาหักได้น้อยลง   แต่บริษัทประกันแย้งว่า   ไม่สามารถทำได้ทัน   ในการแก้ไขกรมธรรม์นับล้านที่มีมาตั้งแต่อดีต และพิมพ์และจัดส่งใบเสร็จเพื่อเปลี่ยนให้ลูกค้า นอกจากนี้  การออกกฏหมายให้มีผลย้อนหลัง  จะสุ่มเสี่ยง ท้ายสุด เลยตกลงว่า   ไม่มีผลย้อนหลัง แต่ในกรณีกรมธรรม์ที่ออกใหม่   บริษัทประกัน  จะต้องแยกตัวเลขออกให้ชัดเจนในใบเสร็จรับเงิน  ระหว่างประกันชีวิต  ประกันสุขภาพ  และส่วนออม ซึ่งบริษัทประกัน  ก็จะไม่มีข้ออ้างอีกต่อไปเรื่องทำไม่ทัน  เพราะทำเฉพาะกรมธรรม์ที่ออกใหม่ กรณีคุณ เข้าข่าย กรมธรรม์ใหม่ ทีบริษัทประกันได้ แยกรายละเอียดแล้ว ถ้าตัวแทนไม่ได้ตั้งใจหลอกคุณ   เขาก็อาจโง่จริง   หรือตั้งใจโง่ ( มือใหม่  ไม่สนใจตรวจสอบข้อเท็จจริง  อยากได้ค่าคอมเป็นหลัก) ไม่ว่าจะเข้าข่ายใด   บริษัทประกัน   ก็ไม่สนใจอยู่แล้ว เพราะถือว่าเป็นความเข้าใจผิดของคนขาย  คนซื้ออยากไม่รอบคอบ ไม่อ่านรายละเอียด  ไม่ศึกษาข้อเท็จจริง   ยิ่งกว่านั้น  คุณมีสิทธิแจ้งยกเลิก ภายใน30วัน  โดยได้รับเงินคืนครบ แต่คุณก็ไม่ได้ทำ   เพราะเชื่อเพื่อน  เพราะไม่ศึกษารายละเอียดให้ถ่องแท้ คุณไปทวงเงินคืนภาษีส่วนที่ขาดจากเพื่อน   น่าจะง่ายกว่า ถ้าเขาโง่จริง  ก็ควรจะยอมคืนให้คุณ  โดยถือเสียว่าได้ค่าคอมน้อยลงไปและจะรู้มากขึ้น แต่ถ้าเขาไม่คืน  คุณก็จะรู้ว่า  เขาแกล้งโง่  หลอกขายคุณ และถ้าคุณยังคบเขาต่อ   ก็แสดงว่า........... จากคุณ : มีประสบการณ์ เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 22:32:03

ความคิดเห็นที่ 10 ผมสงสัยว่า AIA Universal Life แบ่งการประกันออกเป็น 2 ส่วน คือ 1. ส่วนหลัก คือเป็นประกันชีวิต 2. ส่วนเพิ่มเติม จะเป็นประกันชีวิต, ประกันอุบัติเหตุ, ประกันสุขภาพ, ชดเชยรายได้ หรืออื่นๆ ที่เราสามารถเลือกเองได้ หากส่วนที่ 2 เป็นอะไรที่ไม่ใช่ "ประกันชีวิต" ทางสรรพากรจะถือว่าใช้ไปลดหย่อน ภาษีไม่ได้ แต่หากส่วนที่ 2 เป็น "ประกันชีวิต" น่าจะถือว่า ใช้ลดหย่อนภาษีได้นะครับ ดังนั้นหากทางเจ้าหน้าที่ไม่เข้าใจ เพราะอาจจะเคยเห็นที่แบบส่วนเพิ่มเติมเป็นอะไร ที่ไม่ใช่ประกันชีวิต จึงถือว่าใช้ลดหย่อนไม่ได้ ผมเดาเอานะครับ ... ไม่แน่ใจว่า AIA Universal Life เป็นอย่างไร จากคุณ : นิสิต เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 22:43:08

ความคิดเห็นที่ 11 หมายเหตุ   ผมไม่ได้เข้าข้าง   กรมสรรพกร  นะครับ เพราะกฎหมายหลายเรื่อง  สรรพกรก็ทำได้  ทู่-เรศ มาก อย่างกรณีนี้ ประกันชีวิตเก่าๆ   นับล้านฉบับ   ผมกล้าท้าว่า  ไม่มีฉบับใดที่เป็น ประกันชืวิตล้วนๆหรอก แม้แต่ฉบับเดียว เพราะไม่มีบริษัทประกันใดๆ ขาย   กรมธรรม์ประกันชีวิตอย่างเดียว เนื่องจากเบี้ยประกันถูก  ได้เงินน้อย  กำไรน้อย   ดังนั้นกรมธรรม์เก่านับล้านกรมธรรม์  ก็จะมีทั้งชีวิต สุขภาพ และออมปนกัน ตรงนี้มีผลเท่ากับว่า   สรรพกรต้องการให้กรมธรรม์หลายล้านฉบับ   หักได้น้อยลง   แต่เนื่องจากจนด้วยวิธีการปฎิบัติ  เลยต้องยอม อีกกรณีที่ ทู่-เรศ สุดๆ  ก็คือ สมัยก่อน pttep เสียภาษี50% ผู้ถือหุ้นเอามาขอคืนภาษีได้แยะ   วันดีคืนดีพี่ท่าน ก็มาบอกว่าขอคืนไม่ได้ เพราะภาษีปิโตรเลี่ยม   ไม่ไช่ภาษีเงินได้นิติบุคคล   เล่นตีความ โดย ดูว่าเขียนไม่เหมือนกัน  แทนที่จะดูเจตนา สาระ ดูเอาก็แล้วกัน   สรรพกรไทย   ทำได้ทุกเรื่อง  ยกเว้นตามเก็บพวกหนีภาษีที่ร่ำรวย   ต้องรอศาลสั่ง จากคุณ : มีประสบการณ์ เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 22:58:49

ความคิดเห็นที่ 12 ผมคุยกับตัวแทนที่ขาย UL ไม่เคยมีใครบอกว่าหักภาษีไม่ได้ครับ ล่าสุดก็โทรไปเค้าก็ยังยืนยันว่าได้อยู่ ก็เลยบอกไป ถ้ามีปัญหา ให้จ่ายชดเชยให้ผมด้วย ส่วนเงื่อนไขที่จะทำให้ไม่สามารถลดหย่อนได้ น่าจะเป็นตามนี้ครับ จากคุณ : Dark Archon เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 23:09:01

ความคิดเห็นที่ 13 ว จากคุณ : Dark Archon เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 23:09:35

ความคิดเห็นที่ 14 ว่าแต่ว่าจนป่านนี้ผมยังไม่ได้รับหนังสือรับรองการจ่ายเบี้ยของกรรมธรรม์ตัว นี้เลย แต่ฉบับอื่นอีก 2 ฉบับได้มาครบแล้ว ไม่รู้เพราะมีปัญหากะสรรพากร รึเปล่า แต่ในใบเสร็จชัดเจนยืนยันว่าเงินทั้งก้อนเป็นแบบประกันชีวิต ที่มีอายุเกิน 10 ปี ใช้ลดหย่อนได้ ไม่ได้แยกเป็น 2 ก้อนตามที่ #9 เข้าใจ แล้วก็ไม่ใช่ว่ามีปัญหาเฉพาะ AIA ด้วย ของ AXA ก็ยืนยันเหมือน AIA แล้วปีที่แล้วแยกใบเสร็จให้ผมมา 2 ใบ เป็นเบี้ยหลักใบนึง เบี้ย TOP ใบนึง ทั้งคู่ก็เขียนว่า เป็นประกันชีวิตที่มีอายุเกิน 10 ปีทั้งคู่ แล้วจริงๆถ้านับเรื่องเจตนาจริงๆ Sentense ที่ตามหลัง ** ในรูป#13 มันไม่ Valid เลย เพราะเงินส่วน TOP มันเป็นเงินออมที่ไม่มีค่าสินไหม ทดแทนอะไรเลย แล้วมันจะเป็นการประกันที่มีระยะเวลาเอาประกันภัย 1 ปี ตามที่เขียนได้ยังไง จากคุณ : Dark Archon เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 53 23:18:11

ความคิดเห็นที่ 15 ของผมตอนแรกก็ซื้อ 60,000 บาท แต่ต่อมาก็ซื้อไอ้ Top-Up premium อีก 40,000 บาทครับ มีหนังสือรับรองการชำระเบี้ยประักันภัย เค้าก็ออกให้สองส่วน คือ 60,000 บาท  และ 40,000 บาท โดยที่ไม่ได้ระับุว่าเป็นเบี้ยเพิ่มเติมหรือเบี้ยหลักนี่ครับ โดยเค้าสรุปว่า "รวมเบี้ยประกันภัยสำหรับอ้างอิงใช้สิทธิลดหย่อนภาษี 100,000.00 บาท" ครับ ที่มาจ่าย Top up Premium ในภายหลัง เพราะตอนแรก ผมถามตัวแทนว่าส่วนนี้ลดหย่อนได้หรือเปล่า ตัวแทนบอกว่าไม่ทราบ จะลองสอบถามให้ ผมก็เลยยังไม่ทำ แต่ต่อมา ตัวแทนบอกว่าลดได้ ก็เลยทำเพิ่มครับ แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 53 00:13:14 จากคุณ : หมอก้อนหิน เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 00:09:29

ความคิดเห็นที่ 16 คห.9 ส่วนของ Top Up Premium ไม่ใช่ส่วนของประกันชีวิต และไม่ใช่ส่วนของประกันสุขภาพ แต่เป็นส่วนของการลงทุนครับ โดยเบี้ยประกันเรา จะโดนหักไป 3% ก่อน แล้วนำไปลงทุน ได้กำไรเท่าไร ก็ได้เท่านั้น ส่วนการลดหย่อน ถ้าเอาตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย น่าจะถือว่า เป็นการออมเงินอย่างนึง ก็น่าจะลดหย่อนได้ (อันนี้เดาเอานะ) จากคุณ : หมอก้อนหิน เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 00:15:26

ความคิดเห็นที่ 17 คุณ DARK ลองไปดูเนื้อหากรมธรรม์ในส่วนที่เป็นเบี้ยประกันภัยพิเศษจำนวน25,000  เนี่ยว่า เขาบรรยายครอบคลุมอะไร   เช่น สุขภาพ  ออม  หรืออุบัติเหตุ  จะเป็นสาระที่ชัดเจนมากว่ามานั่งเถียงกัน แต่เข้าใจว่าน่าจะเป้นออม ถ้าเนื่อหาส่วนนั้น ในกรมธรรม์เขียนว่า เป็นประกันชีวิตแบบระยะเวลาเกิน 10 ปี  มันก็คงไม่จำเป้นต้องแยกออกมา   แต่ถ้าเป้นประกันชีวิตแค่ 1 ปี  ปีต่อปี  มันก็ใช้ไม่ได้อยู่ดี แต่ถ้ากรมธรรม์นี้เกิดก่อน 51 มันก็จะต้องหักได้เต็ม เว้นเสียแต่ สรรพกร จะให้มีผลย้อนหลังแล้ว ส่วนของคห15  60,000 แรก   ถ้าเป็นกรมธรรม์เก่า ก่อนปี51 แล้วมาซื้อเพิ่ม40,000 หลังปี51 บริษัทประกัน อาจโมเม หรือ  อาจคุยกับสรรพกรแล้วว่าใช้ได้ ก็เลยระบุเช่นนั้น ถ้ามีปัญหา ท้ายที่สุด ก็จะต้องดูรายละเอียดตามกรมธรรม์ ใบเสร็จเป็นเพียงตัวแทน  ไม่ได้ยึดใบเสร็จเป้นสรณะ สรรพกร แต่ละคน แต่ละพื้นที่  อาจตรวจเข้ม ข้น แตกต่างกัน การตรวจแล้วผ่าน  ไม่ได้หมายความว่าจะถูกต้องสมบูรณ์ สรรพากรบางคน  อาจมองข้ามบางส่วนก็ได้ เหมือนกับ คนจ้างสนง.บัญชี ทำงบ ยื่นภาษี 4ปี ไม่เคยถูกตรวจ  ก้คิดว่า  สนง.บัญชีที่ใช้อยู่เจ๋ง พอโดนตรวจปีที่5 และย้อนหลัง4ปี    ก็แทบลมจับ จากเทพกระบี่  กลายเป็นสุดยอดมาร   ไม่เผาผี จากคุณ : มีประสบการณ์ เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 00:47:35

ความคิดเห็นที่ 18 นอกเรื่องนะครับ ขอชี้แจงนิดนึง ออมทรัพย์ ก็อยู่ในหมวดประกันชีวิตนะครับ ซึ่งถือเป็นสัญญาหลักครับ แม้จะมีระยะเวลา 15 หรือ 20ปี ก็สามารถพ่วงสัญญาเพิ่มเติมได้ เช่น สุขภาพ แต่เมื่อครบสัญญา ก็คือลาขาดกัน พ่วงไม่ได้แล้ว ตรงนี้ขอให้เข้าใจให้ตรงกันก่อนนะครับ ซึ่งตามหลักแล้วเนี่ย ประกันชีวิตแบบออมหากปันผลไม่เกิน20% หรือ 25% ซักอย่างเนี่ยแหละของเบี้ยที่ชำระ ผมจำได้แต่แบบประกัน  แบบนี้สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้   พูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์เนี่ยนำไปลดหย่อนภาษีได้แทบทุกแบบ แบบที่ไม่ได้ก็ตามเงื่อนไขข้างบน เน้น ว่า ออมทรัพย์นะครับ ผมไม่ทราบนะครับว่าลักษณะ UL เป็นอย่างไร แต่ผมคิดว่าถ้าเป็นแบบออม ทั้งตัวหลักและตัวพ่วง ที่เคยๆคุยๆกับลูกค้าที่เขามีกรมธรรม์หลายเล่มมา ถ้าเป็นแบบออมนี่เห็นลดหย่อนภาษีได้หมดครับ คุยกันแบบไม่ได้เจาะลึกนะครับ ปล. คห.11 กรมธรรม์ที่มีเฉพาะประกันชีวิตแบบคุ้มครองมีเยอะแยะครับ ผมก็ขายให้ลูกค้าผมแยกเล่มเลย คุ้มครองเล่มนึง ออมทรัพย์เล่มนึง  หรือคุ้มครองอย่างเดียวเพียวๆเลยก็มีเยอะครับ แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 53 02:52:13 จากคุณ : Diamondoid เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 02:50:05

ความคิดเห็นที่ 19 คห.17 ผมทำประกันในปี 2552 ครับ จากคุณ : หมอก้อนหิน เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 05:01:40

ความคิดเห็นที่ 20 มีประกาศกรมสรรพากรออกเมื่อ 30 ธันวาคม 2551 ในเรื่องการคิดเบี้ยประกันชีวิตลดหย่อน ประกาศอันนั้นบอกไว้ชัดเจนว่า หากกรมธรรม์ประกันชีวิตที่ทำก่อนวันที่ 1 มกราคม 2552 เอามาลดหย่อนได้ทั้งจำนวน หากทำหลังจากวันนั้นแล้ว คิดเฉพาะเบี้ยประกันชีวิตเท่านั้น อย่างอื่นไม่ลดหย่อนให้ครับ ตัวที่ไม่ลดหย่อนคือ ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล ประกันภัยโรคร้ายแรง ประกันสุขภาพ เป็นต้น ทั้งหมดเป็นสลักหลังแนบท้ายกรมธรรม์ครับ :) จากคุณ : Myth&Miracle เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 07:58:06

ความคิดเห็นที่ 21 จาก คคห. ที่ 20 หมายถึงประกาศนี้ใช่ไหมครับ http://www.rd.go.th/publish/39785.0.html จากคุณ : นิสิต เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 08:26:41

ความคิดเห็นที่ 22 ผมยกมาให้ เฉพาะข้อ 2 ... ข้อ 2 การยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นเบี้ยประกันชีวิตของผู้มีเงินได้ เฉพาะกรณีที่กรมธรรม์ประกันชีวิต มีกำหนดเวลาตั้งแต่สิบปีขึ้นไป และเป็นการประกันชีวิตที่ได้เอาประกันไว้กับผู้รับประกันภัยที่ประกอบกิจการประกันชีวิตในราชอาณาจักร ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้  (1) กรมธรรม์ประกันชีวิตที่มีความคุ้มครองอื่นเพิ่มเติม ค่าเบี้ยประกันภัยที่จ่ายสำหรับความคุ้มครองอื่นเพิ่มเติมดังกล่าว ไม่สามารถยกเว้นภาษี สำหรับเบี้ยประกันภัยดังกล่าวได้  (2) กรมธรรม์ประกันชีวิตที่มีการรับเงินหรือผลประโยชน์ตอบแทนคืนในระหว่างอายุกรมธรรม์ ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขดังนี้    (ก) กรณีได้รับเงินหรือผลประโยชน์ตอบแทนคืนทุกปี จะต้องไม่เกินร้อยละ 20 ของเบี้ยประกันชีวิตรายปี หรือ    (ข) กรณีได้รับเงินหรือผลประโยชน์ตอบแทนคืนตามช่วงระยะเวลาที่ผู้รับประกันภัยกำหนดนอกจาก (ก) เช่น ราย 2 ปี 3 ปี หรือ 5 ปี เป็นต้น จะต้องไม่เกินร้อยละ 20 ของเบี้ยประกันชีวิตสะสมของแต่ละช่วงระยะเวลาที่ผู้รับประกันภัยกำหนดให้มีการจ่ายเงินหรือผลประโยชน์ตอบแทนคืน หรือ    (ค) กรณีได้รับเงินหรือผลประโยชน์ตอบแทนคืนที่ไม่เป็นไปตาม (ก) หรือ (ข) ผลรวมของเงินหรือผลประโยชน์ ตอบแทนสะสมตั้งแต่ปีแรกถึงปีที่มีการจ่ายเงินหรือผลประโยชน์ตอบแทนคืน ต้องไม่เกินร้อยละ 20 ของเบี้ยประกันชีวิตสะสมทั้งหมดในช่วงระยะเวลาดังกล่าว                                     ทั้งนี้ เงินหรือผลประโยชน์ตอบแทนคืนตาม (ก) และหรือ (ข) และหรือ (ค) ไม่รวมเงินปันผลตามกรมธรรม์ประกันชีวิตที่ ได้รับตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันชีวิต หรือเงินหรือผลประโยชน์ตอบแทนที่จ่ายเมื่อสิ้นสุดการจ่ายเบี้ยประกันชีวิตแล้ว แต่ผู้เอาประกันภัยยังคงได้ รับความคุ้มครองตามระยะเวลาที่กำหนดในสัญญาประกันชีวิต หรือเงินหรือผลประโยชน์ตอบแทนที่จ่ายเมื่อสิ้นสุดอายุกรมธรรม์                                   ความใน (1) และ (2) ให้ใช้บังคับสำหรับกรมธรรม์ประกันชีวิตที่ได้เริ่มทำตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2552 เป็นต้นไป จากคุณ : นิสิต เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 08:34:44

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณมากๆทุกความคิดเห็นนะคะ ขอตอบคำถามสำหรับผู้ที่ยังไม่เคยรู้จัก AIA UL นะคะ ประกันแบบนี้เค้าบอกว่ายืดหยุ่นได้ ก้อนหลักที่ทำไป 20,000 กับก้อนเพิ่มเติม 20,000 ทั้งสองส่วนเป็นประกันชีวิตแบบออมทรัพย์ค่ะ ไม่ใช่ประกันสุขภาพ อุบัติเหตุหรือใดๆทั้งสิ้น คือชดเชยสถานเดียว คือ ม่องเท่งค่ะ รบกวนถามคุณนิสิตหรือท่านอื่นๆได้มั้ยคะ ว่าประโยคด้านล่างนี้ เราจะตีความยังไง เพราะส่วน 20,000 ที่เราทำเพิ่มไป มันไม่ได้คุ้มครองอะไรเพิ่มเติม มันเหมือนออมทรัพย์น่ะค่ะ แบบนี้ยังจะเรียกว่า คุ้มครองเพิ่มเติมเหรอคะ (1) กรมธรรม์ประกันชีวิตที่มีความคุ้มครองอื่นเพิ่มเติม ค่าเบี้ยประกันภัยที่จ่ายสำหรับความคุ้มครองอื่นเพิ่มเติมดังกล่าว ไม่สามารถยกเว้นภาษี สำหรับเบี้ยประกันภัยดังกล่าวได้ จากคุณ : punimka เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 08:57:48

ความคิดเห็นที่ 24 ดูสองอย่างว่า 1. จ่ายเบี้ยเพิ่ม เป็นค่าเบี้ยอะไร ประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ หรือประกันชีวิต  - หักลดหย่อนได้เฉพาะประกันชีวิตเท่านั้น 2. ที่จ่ายเพิ่มเติมไปนั้นระยะเวลาคุ้มครองกี่ปี  จะลดหย่อนได้ต้องคุ้มครอง 10 ปีขึ้นไป  อย่างรูปในคห. 13  ชัดเจนมากว่าจ่ายปีต่อปี  เพราะฉะนั้นก็หักไม่ได้ครับ จริงๆ กฎหมายน่ะชัดเจนแต่แรกแต่ไหนแต่ไร  แต่บ.ประกันหัวหมอมาทำพ่วงแล้วไปหลอกลูกค้า สรรพากรก็ไม่ได้จริงจังอะไรก็เลยตามเลยกันมา  เขาเพิ่งมาเปลี่ยนเมื่อปีสองปีมานี้ เพราะมันเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ จากคุณ : TingTing เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 09:46:51

ความคิดเห็นที่ 25 จากที่ดูผ่านๆ ตอบว่าไม่ได้ ตามเงื่อนไข คห.24 เลย จากคุณ : changtale เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 10:08:23

ความคิดเห็นที่ 26 ตัว UL คือการหมกการเวนคืนไว้ให้ดูซับซ้อนเล่น ถ้าส่งไปนานๆ จะทำการคืนภาษีได้โดยไม่ต้องดองเงิน เช่นเสียสิ้นปี 100,000 หักได้ 30,000 ต้นปีทำเรื่องถอนออก 100,000 ตามมูลค่าและผลคุ้มครองยังอยู่ (อะไรประมาณนี้ คำนวน งงๆ แต่ concept ไม่มีอะไรมาก) ผมว่า ลงทุนเองได้เงินคุ้มกว่า จากคุณ : KENG76 เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 53 10:57:07

ความคิดเห็นที่ 27 แต่สงสัยมากๆค่ะ เพราะว่ามีเอกสารอีกตัวนึงที่ทาง AIA ออกมาให้ ยืนยันว่าใช้ลดหย่อนได้หมด จากคุณ : punimka เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 53 11:17:33

ความคิดเห็นที่ 28 ถ้าลดหย่อนไม่ได้ แบบนี้แสดงว่าทางบริษัท AIA ออกเอกสารเท็จเหรอคะ จากคุณ : punimka เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 53 11:18:06

ความคิดเห็นที่ 29 ขอแสดงความเห็นเพิ่มเติมนะครับ 1) หนังสือรับรองฯ ต้องออกโดยบริษัท มีลายเซ็นของเจ้าหน้าที่ ไม่ใช่ฝ่ายขาย 2) สัญญาที่นำไปลดหย่อนภาษีได้ จะต้องมีระยะเวลาตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป จากตัวอย่าง #13 ส่วนแรก เป็นแบบออมทรัพย์สัญญา 69 ปี และส่วนที่ 2 แบบออมทรัพย์ สัญญา 1 ปี ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่า ส่วนที่ 2 ไม่ใช่สัญญาคุ้มครองอื่นๆ แต่อยู่ที่ว่าระยะเวลาสัญญา เป็นแบบ 1 ปี ไม่ใช่ 69 ปีครับ เหมือนกับสัญญาเพิ่มเติมอื่นๆที่ไม่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ เพราะส่วนใหญ่จะเป็นสัญญาแบบ 1 ปี ครับ ___________________________________________________________     jongrak_13@hotmail.com   http://cyber.thailife.com/01270806/ จากคุณ : JoJo (Jo_Jongrak) เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 53 12:41:52

ความคิดเห็นที่ 30 คุณ JoJo งั้นแสดงว่า หลักฐานที่ทาง AIA ออกให้ทั้งหมด และยืนยันว่าลดหย่อนได้ทั้งหมด เป็นเอกสารเท็จหรือเปล่าค่ะ เอกสารที่แปะตาม คห 27 มีลายเซ็นต์กำกับจาก ผู้จัดการส่วนสนับสนุนงานประกันภัย 2 (ไม่รู้เหมือนกันว่าคือฝ่ายขาย หรือว่าตัวแทนบริษัท) รวมถึงมีหมายเหตุว่า หมายเหตุ: *เบี้ยประกันชีวิตสำหรับอ้างอิงการใช้สิทธิหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามกฏหมาย เงินคืนตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันชีวิต (ถ้ามี) เป็นไปตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากร ฉบับที่ 172 ข้อ 2(2) ถ้าสมมุติว่าลดหย่อนไม่ได้จริงๆ แบบนี้ต้องฟ้องร้อง AIA ว่าออกเอกสารเท็จเหรอเปล่าคะ ?? จากคุณ : punimka เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 53 14:04:32

ความคิดเห็นที่ 31 คิดว่าเป็นเอกสารจริงครับ แต่อาจจะมีข้อผิดพลาดเกี่ยวกับการตีความบางอย่าง ข้อความของ คห.#22 เหมือนเอกสารจากสรรพากรที่ผมได้รับทุกคำเลยครับ ทางบริษัทอาจจะเข้าใจว่า ยกเว้นเฉพาะเบี้ยคุ้มครองสุขภาพ อุบัติเหตุ อื่นๆ แต่ต้องคำนึงถึงสัญญา 10 ปีด้วยครับ ตามเอกสาร ส่วนที่ 2 เป็นเงินออมแบบ 1 ปี คิดว่าการแยกเงินออมเป็น 2 ส่วนทำให้สามารถปรับเปลี่ยนได้หลากหลาย สรุปสาระสำคัญข้อบังคับมีอยู่ 2 ข้อ เท่านั้นเอง 1) สัญญาตั้งแต่ 10 ปี ขึ้นไป 2) เงินคืนระหว่างสัญญาเฉลี่ยต่อปีไม่เกิน 20% ของเงินฝากต่อปี ส่วนประเภทของแบบ ไม่ได้ระบุชัดเจน ถ้าผ่านเงื่อนไข 2 ข้อนี้ก็คิดว่าลดได้ครับ คุณ punimka ลองปรึกษากับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องของ AIA ดูครับ อาจจะได้คำตอบ หรือ ทางออกที่ดีครับ ___________________________________________________________    jongrak_13@hotmail.com  http://cyber.thailife.com/01270806/ แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 53 14:37:54 แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 53 14:35:13 แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 53 14:34:22 จากคุณ : JoJo (Jo_Jongrak) เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 53 14:32:52

ความคิดเห็นที่ 32 ขอบคุณคุณ JoJo สำหรับคำแนะนำนะคะ :D ตอนนี้ก็ให้ตัวแทนไปปรึกษากับหัวหน้าเค้าอยู่ค่ะว่าจะทำยังไง เพราะทางหัวหน้าเค้าเองก็ยืนยันว่ายังไงๆก็ต้องลดหย่อนได้ ตอนนี้ก็ได้แต่รอตัวแทนไปเช็คข้อมูล และรอคำแนะนำจากตัวแทนอยู่ค่ะ จากคุณ : punimka เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 53 15:16:59

ความคิดเห็นที่ 33 ผมได้โทรปรึกษาตัวแทนประกันของผม เกี่ยวกับ AIA Universal Life ดูครับ และเขาได้สอบถามเพื่อนๆ ดู มีเพื่อนบางคนโทรไปถามเพื่อนที่ทำงานในกรม สรรพากรมาให้ด้วย เรื่องนี้จริงๆแล้ว เขาบอกว่า ต้องเชื่อเอกสารระบุจำนวนเงินที่ลดหย่อนได้ที่มา จากทางบริษัท AIA ครับ (ใบเสร็จรับเงิน หรือหนังสือรับรองที่ออกจากบริษัท) ถ้าหากทางสรรพากรไม่เชื่อ ก็อธิบายว่าเงินเบี้ยประกันเพิ่มเติมพิเศษ เป็นส่วน ของเงินออมทรัพย์ ที่ลดหย่อนได้ตามกฎหมาย ไม่ใช่เบี้ยประกันของพวกประกัน อุบัติเหตุ หรือประกันสุขภาพ (ตรงกับ คคห.18) ทาง AIA ให้เอกสารที่บอกว่า เบี้ยประกันเอาลดหย่อนได้ทั้ง 2 ส่วน แสดงว่า เป็นสัญญาที่อายุมากกว่า 10 ปี และ เงินตอบแทนรายปีก็น่าจะไม่เกิน 20% ตาม คคห.31 แม้ว่าเบี้ยส่วนเพิ่มเติมจะจ่ายเป็นรายปี และเปลี่ยนแปลงได้ แต่ส่วนของสัญญา หลักก็ยังอยู่ และปีไหนไม่จ่ายส่วนเพิ่มเติม ก็ไม่มีสิทธิ์ไปลดหย่อนในส่วนนี้อยู่แล้ว ตัวแทนของผมบอกว่า ตามปกติ น่าจะใช้หนังสือรับรอง และ/หรือ ใบเสร็จที่ออก จากบริษัท AIA ในการยื่นเสียภาษีก็พอ มิฉะนั้นอาจจะเกิดปัญหาการตีความได้ ปกติเงินส่วนออมทรัพย์ที่อยู่ในสัญญาประกันชีวิต จะจ่ายทุกปี ไม่มีการแแยกออกมา และลดหย่อนได้เต็มจำนวน แต่รูปแบบประกันใหม่นี้ แยกออกมาทำให้สับสนมาก และยังไม่จ่ายเบี้ยทุกปีได้อีกด้วย จากคุณ : นิสิต เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 53 15:55:09

ความคิดเห็นที่ 34 ความคิดเห็นที่ 33 ถูกครับ  แต่ติดตรงที่ว่า เงินออมที่แยกออกมาดันระบุว่า สัญญา 1 ปี แต่ฝากต่อเนื่องได้ 69 ปี ไม่ใช่สัญญา 69 ปี ตามรูป คห.13 ถ้าเปรียบเทียบกับบัญชีเงินฝากธนาคาร เงินออมส่วนที่ 1 เหมือนบัญชีฝากประจำ เงินออมส่วนที่ 2 เหมือนบัญชีออมทรัพย์ ถ้าฝากยาวๆ ผลประโยชน์ส่วนที่ 1 จะมากกว่า แต่สภาพคล่องน้อยกว่า ผลประโยชน์ส่วนที่ 2 จะน้อยกว่า แต่สภาพคล่องดีกว่า ฝาก ถอน ง่ายกว่า เข้าใจว่า สรรพากร ต้องการให้ผู้เอาประกันลดหย่อนเฉพาะ บัญชีฝากประจำ 10+ ปี ครับ ปล.ผมไม่ได้อยู่ AIA ก็มีเพื่อนเป็นตัวแทน AIA แต่ยังไม่ได้ถามเรื่องนี้ ท่าทางงานคงยุ่งอยู่ ถ้าได้ข้อมูลเพิ่มเติมจะเอามาบอกนะครับ ___________________________________________________________ jongrak_13@hotmail.com http://cyber.thailife.com/01270806/ จากคุณ : JoJo (Jo_Jongrak) เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 53 16:19:36

ความคิดเห็นที่ 35 ขอบคุณทุกๆท่านอีกรอบจริงๆค่ะ ที่ให้ข้อมูลเพิ่ม แต่อยากจะบอกว่า ล่าสุดที่คุยกับสรรพากร เค้าแทบจะด่าเราเลย เค้าบอกไม่สนหน้าอื่นๆ คือเค้าจะดูแต่หน้าที่แยกออกมาเป็น 2 ก้อน แล้วพูดแต่ว่า เบี้ยเพิ่มเติมพิเศษลดหย่อนไม่ได้ ยังไงๆก็ไม่ได้ จะยื่นภาษีเพิ่มเติมมาใหม่ จะทำยังไงก็คือไม่ได้ ออกแนวเสียงดังข่มเรามากๆ เราก็อ้างว่าแต่บริษัท aia ยืนยันมาแล้วว่าได้หมด มีเอกสารนะ เค้าก็บอกว่า แล้วเบี้ยเติมพิเศษคืออะไร อธิบายมาสิ จะไปหาเอกสารอะไรมาเพิ่มก็ไม่ได้แล้ว ถึงจะหามาได้ ก็แสดงว่า AIA เชื่อถือไม่ได้สิ ที่ออกตารางหน้ากรมธรรม์แยก 2 ก้อนมาแบบนี้ (อ้าว พาล ด่า AIA ซะงั้น) แต่ก็น่าสงสัยนะคะ ถ้าสรรพากรคิดว่า หลักฐานหลายอย่างไม่ตรงกัน ใบเสร็จบอกลดได้หมด แต่หน้ากรมธรรม์แยกเป็น 2 ก้อน แล้วทำไมสรรพากรถึงเลือกที่จะเชื่อว่าลดหย่อนไม่ได้ล่ะค่ะ เราก็เป็นปชช.คนนึงทำงานหาเงินกินเงินเดือน แล้วทุกๆคนที่เรารู้จักลดหย่อนได้หมด มีแค่เราคนเดียวที่ดันโง่ส่งหน้าตารางกรมธรรม์ไปเลยลดหย่อนไม่ได้ มันแฟร์กับเราเหรอคะเนี่ย เอาไว้เพื่อนที่เป็นตัวแทนคุยกับสรรพากรได้เรื่องยังไง จะมา update ให้ฟังนะคะ แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 53 16:50:02 จากคุณ : punimka เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 53 16:44:03

ความคิดเห็นที่ 36 บ.ไม่ได้ออกเอกสารเท็จ แต่อยู่ที่การตีความของสรรพากรจากเอกสารหน้าตารางที่ส่งไป ปกติแล้วถ้าส่งใบเสร็จหรือว่าใบรับรองไป เค้าก็ไม่ได้ขอตารางเพิ่มนะคะ (ไม่เคยถูกขอเลย) จากคุณ : บุญผ่อง เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 12:18:26

ความคิดเห็นที่ 37 ปัญหาอยู่ตรงตารางที่เราดั๊นส่งไปเกิน... ตอนนี้เพื่อนที่เป็นตัวแทน AIA ค่อนข้างมั่นใจมากๆว่าต้องลดหย่อนได้หมด รวมถึงเอกสารสำคัญที่ออกโดยบริษัทยืนยันว่าลดหย่อนได้หมด ตอนนี้เค้าเดินเรื่องไปถึงหัวหน้าใหญ่ๆขึ้นไปอีก ว่าจะจัดการยังไงต่อไปดีค่ะ เพื่อนเราบอกว่า ขอหลักฐานชัดๆแน่ๆก่อน จะได้อัดสรรพากรกลับหนักๆเน้นๆทีเดียว รอลุ้นๆๆค่ะ จากคุณ : punimka เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 53 13:00:49

ความคิดเห็นที่ 38 คุณ JoJo ตามกลับมาหรือยังครับ ... ขอถามก่อนเลย JoJo:ประกันชีวิต คือการคุ้มครองชีวิต ฉะนั้นต้องระบุทุนประกัน และมีมูลค่าเงินสด JoJo:เบี้ยส่วนที่ 2 มีทุนประกัน และ มูลค่าเงินสดไม๊? ผมเดาว่าไม่มี เพราะ สัญญาเป็นแบบ 1 ปี หรือ ปีต่อปี ครับ ทุนประกัน คือส่วนของเบี้ยประกัน ที่เป็นค่าคุ้มครอง มูลค่าเงินสด คือส่วนจองเบี้ยประกัน ที่เป็นการออมทรัพย์ ใช่ไหมครับ ทำไมคุณ JoJo คิดว่า ส่วนนี้ไม่มีครับ (ไม่มีอะไร ?? น่าจะเป็นทุนประกัน) JoJo:ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ มันเป็นสัญญาประเภทอื่น แต่เพราะมันเป็นสัญญา 1 ปีครับ (ผมเข้าใจด้วยว่าทำไม บ. ถึงให้เป็นสัญญาแค่ 1 ปี แต่เอาไว้ก่อนยังไม่สำคัญ) ผมก็ไม่เข้าใจตรงนี้เหมือนกัน ทำไมในกรมธรรม์ ถึงบอกแบบนี้ เพราะอาจจะเป็น สาเหตุให้ส่วนเพิ่มเติมไม่เข้าเงื่อนไขที่ใช้ลดหย่อนภาษีก็ได้ (แต่ AIA บอกว่าได้) คุณ JoJo บอกว่า เข้าใจ ผมขอความรู้เรื่องนี้ด้วยครับ ปล. ขอบ่นตัวแทนของผมหน่อย ผมโทรไปถามเรื่อง UL เขาบอกรายละเอียดไม่ได้ ทั้งๆที่เป็นตัวแทนมา น่าจะมากกว่า 20 ปี แล้ว (เพราะผมทำประกันมา 18 ปี) และ เป็นถึงหัวหน้าหน่วยด้วย เขาไปถามคนอื่นมาให้ครับ เขาอ้างว่ารูปแบบใหม่ ยังไม่ได้ ศึกษา จากคุณ : นิสิต เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 14:28:22

ความคิดเห็นที่ 39 จาก คห.คุณ นิสิต http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I8965746/I8965746.html#10 กรมธรรม์ เป็นเอกสารที่ออกโดยบริษัท ใบรับรองฯ ก็เป็นเอกสารที่ออกโดยบริษัท   แต่ตัวเลขไม่ตรงกัน งงไม๊?  ผมเห็นทีแรกก็งงครับ สรรพากรพิจารณาจากหลักฐานที่ทางบริษัทผู้รับประกันภัยออกให้ และต้องถูกต้องตามเงื่อนไขของสรรพากรด้วย บริษัทประกัน ก็มีโอกาสผิดพลาดได้ครับ ไม่ใช่ว่าถูกเสมอไป ผมทำงานประกันมา(ไม่ใช่AIA) ข้อมูลที่บริษัทชี้แจงมาก็เคยมีผิดพลาดครับ บริษัทก็ต้องชี้แจงแก้ไขตามมาทีหลัง กรณี UL ผมเข้าใจว่า เกิดจากความเข้าใจผิดของ จนท. คงไม่ได้ตั้งใจครับ ___________________________________________________________ jongrak_13@hotmail.com http://cyber.thailife.com/01270806/ จากคุณ : Jo_Jongrak เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 14:30:04

ความคิดเห็นที่ 40 เรื่องเอกสารที่ไม่ตรงกัน ผมคิดว่า เพราะในกรมธรรม์ ระบุแยกกันเนื่องจาก รูปแบบประกันของ UL มันแยกกันครับ ส่วนที่เอกสารรับรองของ AIA รวมกัน เพราะถือว่า ทั้ง 2 ส่วนนี้ ใช้เพื่อลด หย่อนภาษีได้ จึงทำสรุปมาแบบนั้น ที่จริงเรื่องนี้ ถ้ามีตัวแทนของ AIA ที่เข้าใจมาช่วยอธิบาย ก็น่าจะดีนะครับ เพราะคุณ JoJo ก็ไม่ใช่ตัวแทน AIA ผมเองยิ่งแล้วใหญ่ เป็นแค่คนทำประกัน ธรรมดาๆ เท่านั้นเอง หากรูปแบบ AIA UL นี้ มีปัญหา ปีหน้าทางสรรพากรคงออกเงื่อนไขใหม่มา เหมือนกรณีที่คุณ JoJo ยกตัวอย่างมาละครับ จากคุณ : นิสิต เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 14:38:16

ความคิดเห็นที่ 41 ผมขอเอาข้อความของคุณ JoJo จากอีกกระทู้ มาไว้ที่กระทู้นี้นะครับ ในอนาคต เมื่อกลับมาดู จะได้เห็นตัวอย่างกรมธรรม์ที่มีปัญหา ตามที่ คุณ JoJo ยกตัวอย่างมา และเป็นสาเหตุให้สรรพากรต้องออกเงื่อนไขใหม่ --------------------------------- ส่วนอันนี้ขออนุญาตตอบ คุณ นิสิต ในกระทู้นี้นะครับ ทราบไม๊ครับว่าทำไมสรรพากร ต้องเปลี่ยนเงื่อนไขลดหย่อน ตั้งแต่ 2552 ให้มันยุ่งยาก นี่เป็นสาเหตุหนึ่งครับ..... ก่อนหน้านี้แบบประกันเกือบทุกแบบ ลดหย่อนภาษีได้ เต็มเบี้ย ไม่ต้องแยกสัญญาพิเศษ อยู่มาวันหนึ่ง มีบริษัทประกันชีวิต XYZ ออกแบบประกันใหม่ เพื่อลดหย่อนภาษี สมมุติชื่อแบบประกัน HHH ทุนประกัน 100,000 สัญญา 20 ปี เบี้ยปีละ 80,000 จ่ายเบี้ย 20 ปี พระเจ้า เบี้ยแพงมาก .... แต่ มีเงินปันผลทุกปี ปีละ 75,000  ? แสดงว่า ผู้เอาประกันจ่ายเบี้ยจริง 80,000 - 75,000 = 5,000 ต่อปี แต่ใบเสร็จ ลงตัวเลข 80,000 แทน (จ่ายเบี้ย 5,000 ลดหย่อนได้ 80,000 ยิ้มเลย) พอสรรพากรมาเจออันนี้เข้า  อ่าว นี่มันเจตนาเลยนี่ บริษัท XYZ งานเลยเข้า สรรพากรเลยออกระเบียบการลดหย่อนใหม่ ให้มีผลตั้งแต่ ปี 2552 ที่เราๆใช้กันอยู่ อ่าว  งานเข้ากันทั่วหน้าเลย ทุกบริษัทเลย  T_T ......... ที่เล่าเรื่องนี้อยากจะบอกว่า ทำไมบางคนไม่โดนขอเอกสาร บางคนโดน บางคนโดนขอหลายอย่างเลย เพราะสรรพากรเค้ารู้ว่า คุณทำประกันแบบอะไร แล้วเค้าก็รู้ว่า แบบไหนก้ำกึ่งหรือมีความเสี่ยง บริษัท XYZ เป็นบริษัทอันดับต้นๆด้วยนะครับ แต่ไม่ใช่ AIA ___________________________________________________________ jongrak_13@hotmail.com http://cyber.thailife.com/01270806/ แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 53 22:21:50 แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 53 22:16:40 จากคุณ : JoJo (Jo_Jongrak)   เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 22:13:11 จากคุณ : นิสิต เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 14:45:46

ความคิดเห็นที่ 42 ตอบคุณ นิสิต คห.40 ใช่ครับผมไม่ใช่ ตัวแทน AIA แต่ประกันชีวิต เป็นสัญญาทางกฎหมาย การระบุรายละเอียดใน หน้ากรรมธรรม์  และเงื่อนไขในเล่ม เป็นไปตามระเบียบของกรมฯ ฉะนั้น ถ้าเรามีความรู้ระดับหนึ่งแล้ว เราสามารภอ่านกรมธรรม์ เข้าใจทุกบริษัทครับ ทำให้ผมให้คำปรึกษาในเรื่องประกัน ของบริษัทอื่นๆได้ด้วย รวมถึงตัวแทนที่เข้าใจประกันชีวิต ก็สามารถให้คำแนะนำในเงื่อนไขของบริษัทอื่นๆได้เหมือนกันครับ การสอนตัวแทนบางที่ สอนเรื่องการขายอย่างเดียว ตัวแทนขายเก่ง แต่อย่างอื่นไม่รู้อะไรเลย กลับมาเรื่อง UL ในที่นี้ผมเข้าใจจากหน้ากรมธรรม์ จากรูปของ คห.13 ครับ ซึ่งทุกบรรทัดทุกจุดบ่งชี้ข้อมูลค่อนข้างชัดครับ ถามคุณ นิสิตว่า คุณเข้าใจวงสีแดง 2 วงที่ คห.13 ว่าอย่างไรครับ ___________________________________________________________ jongrak_13@hotmail.com http://cyber.thailife.com/01270806/ แก้ไขเมื่อ 10 มี.ค. 53 15:12:22 จากคุณ : JoJo (Jo_Jongrak) เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 15:03:17

ความคิดเห็นที่ 43 จาก คคห.13 ผมเข้าใจว่า "เบี้ยประกันภัยเพิ่มเติมพิเศษ" เป็นเบี้ยประกันที่จ่ายปีไหนก็ได้ แต่ไม่เกิน 69 ปี ซึ่งเป็นจำนวนปีของสัญญากรมธรรม์หลักครับ "ระยะเวลาเอาประกันภัย 1 ปี" อันนี้คือปัญหา เพราะหากตีความว่าผิดเงื่อนไข ก็เพราะเบี้ยประกัน ส่วนนี้มีผลในการคุ้มตรองแค่ปีเดียว แต่จาก คคห.16 และ คคห.18 แม้ว่าจะคุ้มครอง 1 ปี แต่ส่วนของออมทรัพย์ของเบี้ยประกัน ในส่วนเพิ่มเติมพิเศษนี้ ก็ยังอยู่กับบริษัทประกัน และตามประกาศของกรมสรรพากรใน คคห.22 ก็บอกกว้างๆเพียงแต่ว่า กรมธรรม์จะต้องมีกำหนด เวลาตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป เท่านั้น หากมองสัญญาทั้งฉบับ ก็มีกำหนดเวลามากกว่า 10 ปีอยู่แล้ว หากคิดกันจริงๆ ส่วนของเบี้ยประกันหลักเอง ก็มองว่าคุ้มครองแค่ปีเดียวก็ได้ เพราะเราต้องเสีย เบี้ยประกันทุกปี ปีไหนไม่เสียเบี้ยประกันก็ผิดสัญญา ไม่ได้รับความคุ้มครองอยู่ดี แต่ผลของมัน อาจจะถึงขั้นสิ้นสุดสัญญาไปด้วย ในขณะที่ส่วนเพิมเติมพิเศษของ UL ไม่ทำให้สิ้นสุดสัญญา ผมก็คุ้นๆว่า จริงๆแล้วหากไม่จ่ายเบี้ยประกัน ก็จะมีการคุ้มครองต่อไป แต่น่าจะขึ้นกับรูปแบบ ของการประกัน และเป็นการเอาส่วนของเงินออมทรัพย์ที่ค้างอยู่มาจ่ายแทน ไม่ได้เกิดจากเบี้ย ประกันชีวิตส่วนหลัก ที่เราเสียทุกปี .... ผมอาจจะเข้าใจผิดนะครับ .... ผมได้ฟังคนขายประกันบ่อยๆ เพื่อนๆชอบมาขายให้อยู่เรื่อยๆ ผมฟังไปเรื่อย ไม่ขัดใจเพื่อน แต่ก็ทำจริงๆเมื่อผมต้องการจะทำเท่านั้น ผมอาจจะจำผิด หรือ เข้าใจผิดก็ได้ อย่างไรก็ดี คุณ JoJo ช่วยแก้ไขให้ด้วยครับ .... จากคุณ : นิสิต เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 15:34:27

ความคิดเห็นที่ 44 ตอบคุณ นิสิต คห.43 คุณเข้าใจถูกบางส่วน ครับ ผมขอยกข้อความมาตอบแทรกนะครับ จะได้ไม่งง ---------------------------------------- ผมเข้าใจว่า "เบี้ยประกันภัยเพิ่มเติมพิเศษ" เป็นเบี้ยประกันที่จ่ายปีไหนก็ได้ แต่ไม่เกิน 69 ปี ซึ่งเป็นจำนวนปีของสัญญากรมธรรม์หลักครับ .#.ตอบ.#.ถูกครับเป็นลักษณะของสัญญาเพิ่มที่คุ้มครอง 1ปี และต่อได้เท่าจำนวนสัญญาหลัก แต่สัญญาเพิ่มเติมบางอย่างไม่ใช่จ่ายปีไหนก็ได้ เช่น คุ้มครองเรื่อง สุขภาพ ถ้าคุณขาดส่งอาจจะต้องตรวจสุขภาพใหม่ หรืออาจจะทำต่อไม่ได้ "ระยะเวลาเอาประกันภัย 1 ปี" อันนี้คือปัญหา เพราะหากตีความว่าผิดเงื่อนไข ก็เพราะเบี้ยประกัน ส่วนนี้มีผลในการคุ้มตรองแค่ปีเดียว .#.ตอบ.#.ตัวนี้เป็นสัญญา 1 ปีชัดเจนครับ และให้ผลกำไรน้อยกว่าส่วนสัญญาหลักครับ ปัญหาคือ บริษัทดันเอาสัญญา 1 ปีมารวมด้วย ซึ่งสรรพากรบอกแต่แรกแล้วว่าให้แยก แต่จาก คคห.16 และ คคห.18 แม้ว่าจะคุ้มครอง 1 ปี แต่ส่วนของออมทรัพย์ของเบี้ยประกัน ในส่วนเพิ่มเติมพิเศษนี้ ก็ยังอยู่กับบริษัทประกัน .#.ตอบ.#.จริงครับ อยู่กับบริษัทประกัน แต่อย่าลืมว่าสัญญาหลักยังลดหย่อนได้ไม่ทุกแบบเลย ให้ยึดเงื่อนไขของสรรพากรเป็นหลัก จะเข้าใจครับ และตามประกาศของกรมสรรพากรใน คคห.22 ก็บอกกว้างๆเพียงแต่ว่า กรมธรรม์จะต้องมีกำหนด เวลาตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป เท่านั้น หากมองสัญญาทั้งฉบับ ก็มีกำหนดเวลามากกว่า 10 ปีอยู่แล้ว .#.ตอบ.#.ผิดครับ มองสัญญาทั้งฉบับไม่ได้ ถ้าอย่างนั้น เราจะต้องมาแยกเงื่อนไขทำไมครับ แบบนี้เหมือนมีสัญญา 2 อย่างในเล่มเดียวกันครับ หากคิดกันจริงๆ ส่วนของเบี้ยประกันหลักเอง ก็มองว่าคุ้มครองแค่ปีเดียวก็ได้ เพราะเราต้องเสีย เบี้ยประกันทุกปี ปีไหนไม่เสียเบี้ยประกันก็ผิดสัญญา ไม่ได้รับความคุ้มครองอยู่ดี แต่ผลของมัน อาจจะถึงขั้นสิ้นสุดสัญญาไปด้วย ในขณะที่ส่วนเพิมเติมพิเศษของ UL ไม่ทำให้สิ้นสุดสัญญา .#.ตอบ.#.เข้าใจผิดครับ แบบสัญญา 69 ปี แต่ชำระแบบ รายปี เป็นวิธีการชำระเบี้ยครับ ส่วนถ้าปีไหนขาด ก็จะยังมีมูลค่าเงินสด ซึ่งจะมีในสัญญาแบบหลายๆปี  แบบ 1 ปี จะไม่มีครับ ผมก็คุ้นๆว่า จริงๆแล้วหากไม่จ่ายเบี้ยประกัน ก็จะมีการคุ้มครองต่อไป แต่น่าจะขึ้นกับรูปแบบ ของการประกัน และเป็นการเอาส่วนของเงินออมทรัพย์ที่ค้างอยู่มาจ่ายแทน ไม่ได้เกิดจากเบี้ย ประกันชีวิตส่วนหลัก ที่เราเสียทุกปี .#.ตอบ.#.ผิดครับ เกิดจากเบี้ยหลักที่สะสมไว้นั่นแหละครับ พอสัญญาเกิน 3-5 ปี จะมีมูลค่าเงินสดในกรมธรรม์ คล้ายๆ บัญชีเงินฝากประจำนั่นแหละครับ พอครบสัญญา บริษัทก็คืนเงินเราทั้งหมด + ปันผล แล้วแต่แบบและ สัดส่วนการลงทุนเทียบกับเบี้ย ครับ อันนี้ตอบแบบคร่าวๆนะครับ มีข้อสงสัยตรงไหนถามได้นะครับ อย่างที่บอกครับ คนขายหลายคนขายเก่งจนได้ไป เที่ยวต่างประเทศ แต่ความรู้บางอย่างที่ควรรู้ กลับไม่รู้  ตัวผมไม่ได้เก่ง หรือรู้อะไรมากมาย ผมก็ศึกษาข้อมูลจากหลายๆท่านในนี้เหมือนกันครับ ___________________________________________________________ jongrak_13@hotmail.com http://cyber.thailife.com/01270806/ แก้ไขเมื่อ 10 มี.ค. 53 16:25:51 จากคุณ : JoJo (Jo_Jongrak) เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 16:19:37

ความคิดเห็นที่ 45 ผมขอถามเรื่องรูปแบบของการประกันชีวิตนะครับ .... ยังไม่ถามถึงข้อสงสัยที่ผมมีจากคำตอบ ของคุณ JoJo ใน คคห.44 มีกรมธรรม์ประกันชีวิต แบบที่ไม่มีการออมทรัพย์เลย คือไม่มีเงินคืน เมื่อครบอายุสัญญา และ เป็นสัญญาระยะยาว เกิน 10 ปีด้วย มีแบบนี้ไหมครับ เฉพาะประกันชีวิตเท่านั้นนะครับ ไม่รวมพวก ที่มีประกันอุบัติเหติ หรือ สุขภาพ ฯลฯ หากมีรูปแบบนี้ กรณีที่หยุดส่งเบี้ยประกันก่อนกำหนด จะมีผลอย่างไร จากคุณ : นิสิต เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 16:40:37

ความคิดเห็นที่ 46 ข้อสงสัยที่ผมมีจากคำตอบ ของคุณ JoJo ใน คคห.44 ผมคิดว่า หากเป็นประกันชีวิตที่เป็นสัญญาระยะเวลา 1 ปี ส่วนเพิ่มเติมพิเศษที่ผู้ทำประกันจ่ายเบี้ย ประกันไป ก็ต้องได้กลับคืนมา เพราะสิ้นสุดสัญญาสิครับ แต่ผมเข้าใจว่า รูปแบบ UL นี้ ลูกค้าก็ไม่ได้ เงินส่วนนี้คืน ในทันทีนะครับ จาก คคห.22 กรมธรรม์ที่ใช้ไม่ได้คือ "กรมธรรม์ประกันชีวิตที่มีความคุ้มครองอื่นเพิ่มเติม ค่าเบี้ยประกันภัยที่จ่ายสำหรับความคุ้มครองอื่น เพิ่มเติมดังกล่าว ไม่สามารถยกเว้นภาษีสำหรับเบี้ยประกันภัยดังกล่าวได้" (ผมละเรื่องอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องเอาไว้นะครับ) กรณีนี้ไม่น่าจะเป็นความคุ้มครองอื่นนะครับ เพราะเป็นประกันชีวิตเหมือนตัวหลัก "ความคุ้มครองอื่น" ที่ผมเข้าใจคือพวก ประกันอุบัติเหตุ, ประกันสุขภาพ หรือ ชดเชยรายได้ เป็นต้น ถ้าจะให้รัดกุมกว่านี้ ทางสรรพากร อาจจะต้องระบุด้วยว่า เบี้ยประกันที่จ่ายที่มีสิทธิ์ลดหย่อน ต้องมี "ระยะเวลาเอาประกัน คุ้มครองจนสิ้นสุดสัญญา" ผมยังไม่เห็นประกาศของกรมสรรพากรที่ระบุเงื่อนไขของ "ระยะเวลาเอาประกัน" นะครับ ผมขอยกตัวอย่างเรื่องประกันชีวิตทั่วๆไปที่มีอายุสัญญา 10 ปีขึ้นไปนะครับ เช่นจ่ายเบี้ยประกันไป แล้ว 2 ปี จากนั้นหยุดส่ง ผมเข้าใจว่ามูลค่าเงินสดที่เหลือ อาจจะทำให้ระยะเวลาเอาประกันไม่ถึง 10 ปีก็ได้ ทำให้การระบุระยะเวลาเอาประกัน อาจจะสร้างปัญหาได้ ??? .... ผมเริ่ม งงๆ เหมือนกัน ... 555555 จากคุณ : นิสิต เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 17:23:07

ความคิดเห็นที่ 47 ตอบคุณ นิสิต คห.45 แบบที่ว่านี้มีครับ คุ้มครองทุนประกันสูง แต่เบี้ยถูกมา และไม่มีเงินคืน เช่นของไทยประกัน แบบคุ้มทรัพย์ มี4ระยะให้เลือกคือ 5 , 10 , 15 , 19 ปี ทุนประกัน 1,000,000 บาท สัญญา 19 ปี เบี้ย 10,400 บาท(ช.30ปี) แบบนี้ไม่มีเงินคืน และ ไม่มีมูลค่าเงินสดด้วย ถ้าหยุดส่งก็ขาดความคุ้มครอง แต่สามาถต่อได้ แบบนี้ลดหย่อนภาษีได้ สำหรับคนที่ต้องการลดหย่อนและเน้นคุ้มครองสูงๆด้วยครับ ___________________________________________________________ jongrak_13@hotmail.com http://cyber.thailife.com/01270806/ จากคุณ : JoJo (Jo_Jongrak) เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 17:45:27

ความคิดเห็นที่ 48 ตอบคุณ นิสิต คห.46 ขอยกมาบางส่วนนะครับ กรณีนี้ไม่น่าจะเป็นความคุ้มครองอื่นนะครับ เพราะเป็นประกันชีวิตเหมือนตัวหลัก "ความคุ้มครองอื่น" ที่ผมเข้าใจคือพวก ประกันอุบัติเหตุ, ประกันสุขภาพ หรือ ชดเชยรายได้ เป็นต้น _##_ตอบ_##_เบี้ยส่วนที่ 2 ถึงไม่ใช่ความคุ้มครองอื่น แต่ก็ไม่ใช่ประกันชีวิตครับ ผมลองคิดเล่นๆว่า อาจจะมีสัญญาพิเศษเพิ่มเติมแบบใหม่ คุ้มครองเรื่องการลงทุนเพิ่มเติมก็ได้นะครับ ผมขอยกตัวอย่างเรื่องประกันชีวิตทั่วๆไปที่มีอายุสัญญา 10 ปีขึ้นไปนะครับ เช่นจ่ายเบี้ยประกันไป แล้ว 2 ปี จากนั้นหยุดส่ง ผมเข้าใจว่ามูลค่าเงินสดที่เหลือ อาจจะทำให้ระยะเวลาเอาประกันไม่ถึง 10 ปีก็ได้ ทำให้การระบุระยะเวลาเอาประกัน อาจจะสร้างปัญหาได้ ??? _##_ตอบ_##_ตารางมูลค่าเงินสดหลังกรมธรรม์จะคำนวนให้เรียบร้อยแล้วครับ ว่า ถ้าหยุดและรับเงินคืนเลย ให้ดูที่ช่อง "มูลค่าเวนคืน" ถ้าหยุดและรอรับตอนครบสัญญา ให้ดูช่อง "มูลค่าเงินสำเร็จ" ถ้าสัญญา 10 ปี จ่ายเบี้ยไป 5 ปี แล้วเวนคืน ปิดกรมธรรม์เลย สัญญาสิ้นสุดในปีที่ 5 5 ปีที่ผ่านมา ก็ไม่ต้องคืนค่าลดหย่อนที่หักไปแล้วครับ ___________________________________________________________ jongrak_13@hotmail.com http://cyber.thailife.com/01270806/ จากคุณ : JoJo (Jo_Jongrak) เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 18:10:18

ความคิดเห็นที่ 49 อ่าว ... ทำไมคุณ JoJo บอกว่า เบี้ยประกันส่วนที่ 2 ไม่ใช่ประกันชีวิตหละครับ หากไม่ใช่ประกันชีวิต ก็น่าจะผิดเงื่อนไขสิครับ ??? ผมเข้าใจว่า ส่วนที่ 2 ก็เป็นประกันชีวิต เพียงแต่เน้นการออมเงิน มากกว่าการ คุ้มครอง .... ถามเล่นๆครับ ถ้าส่วนที่ 2 เป็นประกันชีวิต ที่มีค่าความคุ้มครองอยู่ด้วย โดยที่ เงื่อนไขอื่นๆเหมือนเดิม คุณ JoJo คิดว่า เบี้ยประกันส่วนนี้ใช้ลดหย่อนภาษีได้ หรือไม่ครับ จากคุณ : นิสิต เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 18:25:45

ความคิดเห็นที่ 50 จากที่คุณ JoJo บอกมาใน คคห.47 รูปแบบประกันชีวิตแบบนี้ คือรูปแบบที่ "หยุดส่งเบี้ย ก็หยุดคุ้มครอง" ผมถือว่าแบบนี้เรียกว่า กรมธรรม์อายุ 19 ปี ความคุ้มครองจากเบี้ยประกันที่ จ่ายในแต่ละปี มีความคุ้มครอง 1 ปี หรือจะเรียกว่า ระยะเวลาเอาประกัน 1 ปี ก็น่าจะได้ ถ้ากรมธรรม์แบบนี้ เบี้ยประกันชีวิตใช้สิทธิ์ลดหย่อนได้ หมายเหตุใน คคห.13 "ระยะเวลาเอาประกันภัย 1 ปี" ก็ไม่น่าจะมีผลทำให้ผิดเงื่อนไขนะครับ จากคุณ : นิสิต เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 18:34:02

ความคิดเห็นที่ 51 ตอบคุณ นิสิต ผมรู้แล้วครับว่า คุณเข้าใจผิดตรงไหน อย่าดูที่จ่ายเบี้ยทุกปี คือคุ้มครอง 1 ปี ไม่เกี่ยวกันครับ แบบที่ผมยกมาให้ดู "ระยะเวลาเอาประกัน 19 ปี" ระบุชัดเจน ชำระเบี้ย ราย 12 เดือน หรือ รายปี คือ "วิธีการชำระเบี้ย" อย่าสับสนนะครับ ประกันชีวิตเป็นหนังสือสัญญาระหว่าง ผู้รับประกัน(บริษัท) และ ผู้เอาประกัน(ลูกค้า) ว่า บริษัทจะให้ความคุ้มครองตามนี้ ในช่วง 19 ปี โดนให้ลูกค้าจ่ายเบี้ยแบบผ่อนจ่ายปีละครั้ง ถ้าลูกค้าไม่จ่ายต่อ คือผิดสัญญา ก็ไม่คุ้มครอง(บางแบบ ถึงผิดสัญญา ยังมีมูลค่าหลังกรมธรรม์) แต่ รูป คห.13 "ระยะเวลาเอาประกัน 1 ปี" แต่ต่อสัญญาได้ตามที่ระบุ(69 ปี) แบบนี้สัญญา 1 ปีชัดเจน และต่อได้เท่ากับสัญญาหลัก (จะเห็นว่าแต่ละคนจะไม่เท่ากัน) ถ้าส่วนที่ 2 เป็นประกันชีวิต ก็จะมีทุนประกัน และระบุระยะเวลาเอาประกันด้วยครับ เหมือนกับส่วนแรก พอมันเหมือนกัน ก็จะรวมกันไปเลย ไม่แยกให้เห็นเหมือนรูป คห.13 ครับ ___________________________________________________________ jongrak_13@hotmail.com http://cyber.thailife.com/01270806/ จากคุณ : JoJo (Jo_Jongrak) เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 18:57:09

ความคิดเห็นที่ 52 แสดงว่า "ระยะเวลาเอาประกัน" ก็คืออายุของสัญญาใช่ไหมครับ หากเป็นแบบนี้ จากคคห.13 ส่วนเบี้ยประกันเพิ่มเติม AIA UL นี้ ก็ใช้ลดหย่อนไม่ได้ อย่างชัดเจนสิครับ .... หลงเข้าใจผิดอยู่ตั้งนาน แต่ก็ยังสงสัยอยู่ดีครับ หากอายุของสัญญาของเบี้ยประกันส่วนนี้มีอายุแค่ 1 ปี แล้ว สัญญาก็น่าจบกันไป เบี้ยส่วนนี้ไม่น่าจะเป็นเงินประกันชีวิตอย่างเดียว น่าจะมีส่วน ออมทรัพย์อยู่ด้วย ผู้ทำประกันได้เงินส่วนออมทรัพย์คืนเลยหรือครับ ?? เบี้ยประกันเพิ่มเติมของ AIA UL คืออะไรครับ ช่วยอธิบายให้ด้วยครับ เช่นคุณ JoJo บอกว่าไม่ใช่ประกันชีวิตอีกด้วย จากคุณ : นิสิต เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 19:31:16

ความคิดเห็นที่ 53 น่าจะลดไม่ได้ จากเอาสารด้านบน แต่จริงๆเป็นยังงัยก็ต้องรอคำชี้แจงจากสรรพากรด้วย แบบ UL รายละเอียดลึกๆ ผมไม่แน่ใจ  แต่ที่ผมเข้าใจ นะครับ อาจจะผิดก็ได้ เป็นแบบประกันออมทรัย์ทั่วๆไปนั่นแหละ แต่จุดขายคือความยืดหยุ่น จึงได้ออกแบบ แยกเบี้ยเป็น 2 ส่วน โโนส่วนแรก ให้ผลตอบแทน ประมาณ 2% ส่วนที่สองประมาน 1.25% ส่วนแรก เทียบได้กับ บัญชีฝากประจำ รายปี ต้องฝากครบถึงได้ดอกเบี้ยสูง ส่วนสอง เทียบได้กับ บัญชีออมทรัพย์ ดอกเบี้ยน้อยกว่า แต่ฝากถอนได้ตลอด เท่านี้ก่อนครับ เดี๋ยวค่อยมาต่อ มีอะไรก็ถามเพิ่มได้เลยครับ ___________________________________________________________ jongrak_13@hotmail.com http://cyber.thailife.com/01270806/ จากคุณ : JoJo (Jo_Jongrak) เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 19:47:24

ความคิดเห็นที่ 54 ประกันชีวิตทั่วๆไป ความคุ้มครองตามสัญญาจะเป็นระยะเวลาตาม "ระยะเวลาเอาประกัน" เบี้ยประกันที่จ่าย ก็เป็นงวดๆตามตกลง หากไม่จ่ายก็ถือว่าผิดสัญญา ความคุ้มครองก็จะ เปลี่ยนไปตามสัญญา ส่วนของ "เบี้ยประกันเพิ่มเติม" ของ Universal Life นี้ มีระยะเวลาเอาประกัน 1 ปีเท่านั้น ก็คือมีความคุ้มครองเพียง 1 ปี แต่ส่วนของเงินออมทรัพย์ของเงินเบี้ยประกันเพิ่มเติม จะยังคงอยู่ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าส่วนนี้มีอายุ สัญญาอย่างไร ?? อาจจะถือว่าไม่เกี่ยวกับสัญญาหลักก็ได้ แล้วเป็นส่วนของเงินออมทรัพย์ ที่ฝากลงทุนเอาไว้กับบริษัท จะถอนเมื่อไรก็ได้ หรืออาจจะถอนออกไม่ได้ จนกว่าจะครบ กำหนด ??? ผมมีรูปตัวอย่าง ของการแจกแจงส่วนต่างๆของ AIA UL ที่มีเบี้ยประกัน 12,000 บาท และ เบี้ยพิเศษอีก 12,000 บาท เผื่อว่าคุณ JoJo จะช่วยวิเคราะห์อะไรได้เพิ่มเติมครับ จากคุณ : นิสิต เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 22:23:56

ความคิดเห็นที่ 55 ผมมาคิดๆดู กรมธรรม์ที่คุณ JoJo บอก ในคคห. 47 แม้ว่าอายุสัญญาจะเป็น 19 ปี หรือมีระยะเวลาเอาประกัน 19 ปี ก็จริง แต่ในทางปฏิบัติ ผู้ทำประกันอยากจะยกเลิก เมื่อไรก็ได้ ทำปีเดียว แล้วยกเลิก หรือจะทำ 5 ปี แล้วยกเลิก ก็ไม่ได้มีผลเสียอะไร ผมงงๆว่า จะต่างกับกรมธรรม์ที่มีอายุ 1 ปีอย่างไร ที่ผมคิดดู เบี้ยประกันกรณีระยะ เวลาเอาประกันนานๆ น่าจะถูกกว่า แต่หากผมขี้โกง ซื้อประกันที่มีระยะเวลาเอาประกันนานๆ แต่จ่ายจริงๆ แค่ 5 ปีแล้ว ยกเลิกก็ได้ โดยไม่มีผลเสียอะไรใช่ไหมครับ ??? จากคุณ : นิสิต เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 22:39:07

ความคิดเห็นที่ 56 ตอบคุณ นิสิต คห.54 อันนี้เป็นตารางผลประโยชน์ ไม่ได้บอกเงื่อนไขอะไร รอให้ตัวแทน AIA มาอธิบายจะดีกว่าครับ คห.55 ผลเสียคือขาดความคุ้มครอง และถ้าจะต่อหรือ ทำใหม่ อาจจะต้องพิจารณาใหม่ ต่างกับสัญญา 1 ปีคือ สัญญา 1 ปี บริษัทจะบอกเลิกสัญญา หรือ ไม่รับต่อปีไหนก็ได้ แต่สัญญาแบบหลายปี เช่น 19 ปี หลังจากผ่านไป 2 ปีแล้ว บริษัทไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญาครับ ___________________________________________________________ jongrak_13@hotmail.com http://cyber.thailife.com/01270806/ จากคุณ : JoJo (Jo_Jongrak) เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 23:30:57