ความคิดเห็นที่ 1   อธิบายภาพประกอบ (ภาพที่ 2) รอมาเรื่อยๆ จน - เกิดสัญญาณ B ในแท่งเทียนหมายเลข 5 (ราคา 215-216) - ให้ตั้งรอซื้อ ณ ราคาที่ดีที่สุด คือ 215 - แท่งถัดมายังซื้อไม่ได้ และแท่งต่อๆ มาก็ซื้อไม่ได้เช่นกัน  (ไม่ต้องไล่ ให้ตั้งรอต่อไป) - จนกระทั่งมาซื้อได้ในแท่งที่ 6 แรก (อีก 2-3 แท่งถัดมา ราคาก็ยังไม่ไปไหน ให้ถือไปก่อน) - หลังจบแท่งหมายเลข .....6 (หกหลัง) ราคาก็วิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ - มาเกิดสัญญาณ S ในแท่งที่ 7 แรก (ราคา 236-238) - ให้ตั้งรอขาย ณ ราคาที่ดีที่สุด คือ 238 (ตั้งรอไปเรื่อยๆ จนกว่าจะขึ้นมาถึง) - สุดท้ายก็ขายได้จริงๆ ที่ 238.00 (ถ้าคิวขายไม่ถึงในหมายเลข 7 ก็มีอีกครั้งในแท่งหมายเลข 8) - และตอนนี้ ณ เวลานี้ (15.20 น. วันที่ 9 มีนาคม 2553) ยังไม่เกิดสัญญาณ B ให้ซื้อกลับแต่อย่างใด - เพราะฉะนั้น ก็ต้อง รอ...รอ...และรอ ไปก่อน  แน่นอน สัญญาณต่อไปต้องเป็น B แต่ก็ต้องไม่โดดใส่ทันที ให้ตั้งรอ ณ ราคาที่ดีที่สุด (เช่นเคย) จบ...การอธิบายภาพที่สอง ครับผม จากคุณ : พ่อน้องมีมี่ เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 15:19:16

ความคิดเห็นที่ 2   หมายเหตุ: MACD เป็นอินดี้พื้นๆ ที่หลายคนคุ้นเคย หาใช่ของแปลกแหวกใหม่อะไรไม่ ผมเพียงตั้ง simulate ให้มันส่งสัญญาณเตือนเท่านั้นเอง และคิดว่ามันน่าจะใช้ได้ผลดี (อย่างน้อย ดีกว่าการเทรดมั่วๆ โดยไม่มีเครื่องมืออะไรเลย) อย่างไรก็ดี ท้ายที่สุดแล้วผมคิดว่า เราทุกคนต่างก็เสาะแสวงหาสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเองทั้งสิ้น เครื่องมือบางชนิดอาจใช้ได้ดีกับคนๆ หนึ่ง แต่เหลวไหลไม่เป็นท่าเมื่อถูกใช้โดยคนอื่นๆ ก็เป็นได้ เพราะฉะนั้น ก่อนใช้ควรทดลองย้อนหลัง (BackTest) เพื่อหาเงื่อนไข องค์ประกอบ และ Timeframe ที่เหมาะสมสำหรับเป็นแนวทางการเทรดของตัวเอง จะดีที่สุด โชคดี มีกำไรทุกคนครับผม จากคุณ : พ่อน้องมีมี่ เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 15:20:19

ความคิดเห็นที่ 3   MACD GOOD จากคุณ : penonline เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 15:46:44

ความคิดเห็นที่ 4   ขอบคุณมากครับ อธิบายได้ชัดเจนและเคลียร์มาก โดยเฉพาะในช่วง 3 ถึง 4 ซึ่งหากดูจากกราฟ(ตามมุมมองของผม) จะเป็นช่วงที่ค่อนข้างลำบากใจในการตัดสินใจ เพราะราคาน่าจะอยู่ในช่วง side way (หรือเปล่า) คุณพ่อน้องมีมี่อธิบายไว้ว่า "- แท่งเทียนหมายเลข 3 เกิดสัญญาณ B (ราคา 215-220) - ตั้งรอซื้อ ณ ราคาที่ดีที่สุด คือ 215 (ตั้งรอไปเรื่อยๆ ลงมาไม่ถึงก็ไม่ซื้อ) - แท่งเทียนหมายเลข 4 เกิดสัญญาณ S (ราคา 216-218) เป็นการเกิดสัญญาณตรงข้ามกับที่ตั้งใจรอ(ซื้อ) อยู่ในเงื่อนไขข้อที่ 3 - ยกเลิกการตั้งซื้อ สิ่งที่ควรทำในช่วงนี้คือ รอ รอ และ รอ อย่างเดียว" ผมอ่านข้อความนี้แล้วคิดว่าผม(น่าจะ)เข้าใจ ... ขอบคุณมากครับ จะลองนำไปศึกษาต่ออีกที ขอถามดังนี้นะครับ 1.การเทรดด้วยระบบแบบนี้ เหมาะกับบุคคลที่มีเวลาว่างในระหว่างวันมากๆหรือเปล่า หากเป็นคนที่ทำงานประจำ คงไม่สามารถลองเทรดด้วยระบบแบบนี้ได้ เพราะอาจเกิดอุปสรรคในการรอคีย์ราคา หรือเปล่าครับ 2.กราฟนี้เป็นกราฟ day ใช่ไหม  แล้วถ้าปรับใช้เป็นกราฟ week คุณพ่อน้องมีมี่มองว่า จะทำให้ระบบเทรดง่ายขึ้นกว่าระยะ day ไหมครับ คือผมต้องการสื่อว่า หากผมจะดูกราฟเป็นรายสัปดาห์ (สัปดาห์นึงดูที) อย่างนี้ถือว่าการติดตามราคาขาดประสิทธิภาพหรือเปล่าครับ 3.คำถามนี้อาจดูตลกไปสักนิด ... ในกราฟ efinance ใส่เครื่องหมาย B , S ยังไงครับ ผม ความรู้พื้นฐานด้านเทคนิคนั้นอ่อนด้อยมาก อยากศึกษาไว้เป็นประสบการณ์ ส่วนจะเหมาะสมกับผมหรือไม่  ค่อยว่ากันอีกที ขอถามเพียงเท่านี้ก่อน  จะรออ่านคำตอบนะครับ แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 53 16:36:17 แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 53 16:29:25 จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 16:26:41

ความคิดเห็นที่ 5   "" จากคุณ : saimai77 เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 16:37:23

ความคิดเห็นที่ 6   ตอบ น้องคนจนที่อยากรวย ครับ 1.การเทรดด้วยระบบแบบนี้ เหมาะกับบุคคลที่มีเวลาว่างในระหว่างวันมากๆหรือเปล่า หากเป็นคนที่ทำงานประจำ คงไม่สามารถลองเทรดด้วยระบบแบบนี้ได้ เพราะอาจเกิดอุปสรรคในการรอคีย์ราคา หรือเปล่าครับ ตอบ 1. ก็เพราะมีงานประจำ และไม่สามารถดูหุ้นได้ตลอดเวลา นั่นเองครับ ผมถึงได้ใส่ simulate ให้มันส่งสัญญาณเตือน จริงๆ สัญญาณจะเตือนก็ต่อเมื่อ Signal กับ MACD มันตัดกัน นั่นก็หมายความว่า ถ้าตราบใดที่ทั้งสองยังงอนกัน-ยังห่างกันอยู่ เราก็ไม่ต้องไปสนใจมันเลยก็ได้ แต่ถ้าเมื่อไหร่เขาและเธอหายงอนกัน วิ่ง Slow motion เข้ามาหากัน เราก็เปิดดูให้กำลังใจซะหน่อย แต่ถึงจะดูสัญญาณแรกไม่ทัน ก็ไม่เป็นไร ใช่ไหมครับ? เพราะอย่างที่ตั้งเงื่อนไข 4 ข้อไว้ไงครับ เราจะไม่ไล่ราคา แต่จะตั้งรอ ณ ราคาที่ดีที่สุด นั่นคือ แม้จะไม่ได้อยู่เห็นตอนเกิดแท่งเทียนแรก แต่เราก็ไม่พลาดโอกาสอยู่ดี 2.กราฟนี้เป็นกราฟ day ใช่ไหม แล้วถ้าปรับใช้เป็นกราฟ week คุณพ่อน้องมีมี่มองว่า จะทำให้ระบบเทรดง่ายขึ้นกว่าระยะ day ไหมครับ ตอบ 2. กราฟข้างบนเป็นระยะ 120 นาทีครับผม โดยผมตั้งค่า EMA26, EMA22 และ Signal9 (หมายเหตุ. ผมเปลี่ยนค่าของ EMA Periods ชุด2 เป็น 22 ครับ) 3.คำถามนี้อาจดูตลกไปสักนิด ... ในกราฟ efinance ใส่เครื่องหมาย B , S ยังไงครับ ตอบ 3. คลิ๊กขวาตรง MACD แล้วเลือกเมนู Simulate ครับผม จากคุณ : พ่อน้องมีมี่ เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 16:41:45

ความคิดเห็นที่ 7   ขอบคุณพี่สายไหม 77 ครับ (กำลังพิมพ์ตอบอยู่พอดี เผอิญโม้เพลินไปหน่อย พี่มาช่วยตอบก็ขอบพระคุณมากๆ ครับ) จากคุณ : พ่อน้องมีมี่ เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 16:43:19

ความคิดเห็นที่ 8   ขอบคุณครับคุณพ่อน้องมีมี่  ขอถามต่อเลยละกันนะครับ 1. กรณีที่ผมไม่สามารถเปิดกราฟ efinance ในระหว่างตลาดเปิดได้ (คอมที่ทำงานดูไม่ได้ จะดูได้ก็ต่อเมื่อต้องกลับบ้านแล้วเท่านั้น) การเทรดด้วยลักษณะนี้ จะยังคงทำได้อยู่หรือเปล่าครับ (ที่ทำงานทำได้แค่ดูจอแสดงการซื้อขายแบบนิ่ง และใส่ bid order ได้เท่านั้น หากอยากดูการเคลื่อนไหวราคา ผมต้องกด refresh) 2. ด้วยเหตุผลตามข้อ 1. ผมจึงไม่สามารถดูกราฟ 120 นาทีในระหว่างวันได้ ผมจึงอยากทราบว่า หากเปลี่ยนมาเป็นดูกราฟ week แทน มันจะยังคงใช้ได้อยู่ไหม คุณพ่อน้องมีมี่เคยลองแล้วหรือยังครับ ขอบคุณสำหรับคำตอบมากครับ (คืนนี้ผมจะลองกลับไปเปิดกราฟใส่จุด simulate ดู) แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 53 16:50:38 จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 16:49:21

ความคิดเห็นที่ 9   ขอบคุณ คุณคนจนที่อยากรวย ที่ตั้งประเด็นขึ้นมาอภิปรายต่อครับ ที่ผ่านมา ผมเคยลองใช้กราฟราย week สำหรับเทรด options (เป็นการทดลองกราฟ โดยใช้การเทรดจริง เพราะ options ใช้เงินไม่มาก) ผมพบว่า macd จะใช้ได้ผลดีตามเงื่อนไข 4 ข้อข้างต้น ต้องใช้ประกอบกับ MSTO (Modified Stochastics) ครับ ที่นำ MSTO เข้ามาก็เพื่อให้หา Divergence ช่วยในการเข้าเทรดเท่านั้นเองครับ ลองดูเล่นๆ นะครับ ลอง Backtest ย้อนไปดู แล้วปรับค่าปรับอะไรต่างๆ ที่เหมาะสมดู สนุกดีครับผม จากคุณ : พ่อน้องมีมี่ เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 16:56:44

ความคิดเห็นที่ 10   ขอตัวพาเจ้าตัวเล็กไปปั่นจักรยานก่อนนะครับ หากเพื่อนๆ สมาชิกสินธรมีอะไรจะเสริม ก็...เต็มที่เลยนะครับ ขอให้นึกว่า แมงเม่าด้วยกันมาแชร์ความรู้กัน เม่าไม่ช่วยเม่าแล้วใครเล่าจะมาช่วยเรา จริงไหมครับผม จากคุณ : พ่อน้องมีมี่ เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 17:01:19

ความคิดเห็นที่ 11   ขอบคุณมากครับ  ไว้ผมจะลองกลับไปศึกษาและลองเทรดเล่นๆในสมุดบันทึกดูครับ เราจะไม่ไล่ราคา แต่จะตั้งรอ ณ ราคาที่ดีที่สุด ผมชอบประโยคนี้ครับ  ช่วยผม(เรื่องแนวคิด)ได้เยอะมากๆเลย   เหมือนฟ้าเปิดยังไงยังงั้น จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 17:02:37

ความคิดเห็นที่ 12   น่าสนใจดีนะครับ แต่ถ้ามันเป็น trend จัดๆ โดยที่ราคาไม่วกกลับมาเลย เราก็ตกรถ >_< ถ้าราคาตกแรงๆ เราก็นั่งดูบนยอดดอย = =" หรือว่า ตั้งจุด cut ดีครับ แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 53 17:54:12 จากคุณ : NickyBaKaNa เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 17:19:18

ความคิดเห็นที่ 13   ขอถามหน่อยครับ หลักการคือ ซื้อที่ราคาต่ำที่สุดของแท่งเทียนที่เป็น B ไม่มาไม่ซื้อ? ขายที่ราคาสูงสุดของแท่งเทียนที่เป็น S ไม่ถึงไม่ขาย? จากคุณ : ปลานิลจิ๋ว เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 17:45:49

ความคิดเห็นที่ 14   สงสัยกระทู้ MA คอนเวอร์เจ๊งไดเวอร์เจ๊งผมจะเป็นหม้ายเพราะผมเข้าใจผิด ถ้างั้นเอาแบบที่ จขกท ว่าบ้าง จากคุณ : ปลานิลจิ๋ว เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 17:59:54

ความคิดเห็นที่ 15   แต่ท่าทางจะออกมาแบบพี่NickyBaKaNa ว่าแหง คือ ถ้าเจอหุ้นทิ้งดิ่ง จะติดหุ้นยาวววววววววววว ถ้าเจอหุ้นขึ้นยาว จะนั่งรอจนหัวหงอก แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 53 18:03:34 จากคุณ : ปลานิลจิ๋ว เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 18:00:36

ความคิดเห็นที่ 16   ยกเลิก แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 53 18:05:01 จากคุณ : ปลานิลจิ๋ว เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 18:01:05

ความคิดเห็นที่ 17   มีเงื่อนใขด้วย ไม่รู้ผมเข้าใจผิดไปมั้ย? จากคุณ : ปลานิลจิ๋ว เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 18:08:27

ความคิดเห็นที่ 18   บังเอิญมันเป็นกราฟตัวเดียวกัน ถ้ากราฟ 3 ชุดนี้เป็นคนละตัวกัน ในระยะ Month ใน 3 ปีนี้ ครั้งแรกกำไร 6 บาท ส่วนชุดหลังยังขาดทุนอยู่ 2.25 บาท ในระยะ Week ใช่ช่วงประมาณ 70 Week หรือปีครึ่งถึงวันนี้ ชมสวรรค์ ใส่เงินเข้าไปอีกชุดจนวันนี้ขาดทุน 5 บาท ในระยะ Day หลังจาก cut loss ไป 4 บาทแล้วยังไม่ได้ทำอะไรเลย ถ้าใส่ชุดหลังเข้าไปที่ 82.25 ก็โดนอีก แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 53 18:36:25 แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 53 18:33:03 จากคุณ : ปลานิลจิ๋ว เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 18:14:58

ความคิดเห็นที่ 19   ก๊อปจาก ความคิดเห็นที่ 2   หมายเหตุ: MACD เป็นอินดี้พื้นๆ ที่หลายคนคุ้นเคย หาใช่ของแปลกแหวกใหม่อะไรไม่ ผมเพียงตั้ง simulate ให้มันส่งสัญญาณเตือนเท่านั้นเอง และคิดว่ามันน่าจะใช้ได้ผลดี (อย่างน้อย ดีกว่าการเทรดมั่วๆ โดยไม่มีเครื่องมืออะไรเลย) อย่างไรก็ดี ท้ายที่สุดแล้วผมคิดว่า เราทุกคนต่างก็เสาะแสวงหาสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเองทั้งสิ้น เครื่องมือบางชนิดอาจใช้ได้ดีกับคนๆ หนึ่ง แต่เหลวไหลไม่เป็นท่าเมื่อถูกใช้โดยคนอื่นๆ ก็เป็นได้ เพราะฉะนั้น ก่อนใช้ควรทดลองย้อนหลัง (BackTest) เพื่อหาเงื่อนไข องค์ประกอบ และ Timeframe ที่เหมาะสมสำหรับเป็นแนวทางการเทรดของตัวเอง จะดีที่สุด โชคดี มีกำไรทุกคนครับผม จากคุณ : Pigou เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 18:21:22

ความคิดเห็นที่ 20   คงต้อง back test แบบพี่ Pigou ว่าครับ ถ้าผ่านการทดสอบกับหุ้น 10 ตัว รูปแบบใน timeframe ต่างๆ น่าจะดี จากคุณ : ปลานิลจิ๋ว เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 18:26:01

ความคิดเห็นที่ 21   จากที่พี่ปลานิลจิ๋วพูดมา การรอซื้อขายราคาดีที่สุดจะเป็นจุดอ่อน ของวิธีเทรดแบบนี้ หากหุ้นมีเทรนจริงๆด้วยแฮะ อาจตกรถรอบใหญ่สุดๆ หรือติดดอยที่สูงสุดๆได้ หากเป็นเช่นนั้นคุณพ่อน้องมีมี่ มีแผนสํารองมั้ยฮะ จากคุณ : penonline เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 19:22:06

ความคิดเห็นที่ 22   ถ้าแบ่งซื้่อเป็นส่วนๆน่าจะช่วยลดการตกรถกับติดดอยได้บ้างนะครับเช่น แทนที่จะ ซื้อทีเดียวที่ต่ำสุด อาจจะ ตั้งซื้อ เป็นชุดๆ ซื้อเลยชุดนึง และมารอซื้อราคาต่ำอีกชุดนึงอย่างน้อยก็มีส่วนที่ไม่ตกรถ เวลาเกิดสัญญาณขาย เรากะขายเลยชุดนึงกันหุ้นทิ้งดิ่งจะได้ไม่เจ็บหนักมาก อีกชุดก็ขายตามระบบไป จากคุณ : kagi เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 19:36:27

ความคิดเห็นที่ 23   #22 คือ B ขึ้นปุ๊ป ซื้อ open แท่งถัดไปไม้นึงก่อน แล้วตั้งรอที่ B ดีที่สุดอีกไม้นึง ถ้า S ก็ขายเลย open แท่งต่อไปไม้นึง แล้วตั้งขายที่ S ดีสุดอีกไม้ ถูกปะฮะ ผมว่าวิธีดังกล่าวเป็นวิธีที่ดีนะครับ แต่ดูเหมือนจะยังแก้ปัญหาไม่ได้ หมดนะ ถ้าหุ้นมันมีเทรนแรงจริงๆ มีหุ้นไม้นึงขึ้นไปแรงนี่ยังพอรับได้ แต่ถ้ามันเทรนลงแรงๆขายไปครึ่งนึงแล้วก็จริง แต่อีกครึ่งนึงที่มีอยู่ ในเทรนขาลงแรงๆก็ทําเราบาดเจ็บได้มากพอควรนะฮะ ผมเสนอว่าอีกไม้ที่เหลือขายเมื่อเจอ S อีกครั้ง หรือ ซื้อไม้ที่เหลือฃหลังจากที่เจอ B อีกครั้ง เพิ่มเติมจากวิธีของพี่ kagi แบบนี้เป็นไงบ้างฮะ เทรนแรงก็ไม่ต้องกลัวไม่มีหุ้นหรือติดดอย จากคุณ : penonline เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 19:44:41

ความคิดเห็นที่ 24   ขอบคุณมากๆ สำหรับความเห็นที่หลากหลาย มุมมองที่แตกต่างและให้ข้อ(ฉุก)คิดดีๆ มากมาย โดยเฉพาะของท่านปลานิลจิ๋ว ขอบพระคุณมากครับ คำตอบของผม สำหรับข้อสงสัยข้างต้น ก็อยู่ในเงื่อนไขข้อ 4 ครับ :- 4. ในบางรอบ ราคาหุ้นอาจเดินทางขึ้น/ลงไม่ถึงจุดที่ตั้ง Order รอ ทำให้ไม่สามารถซื้อหรือขายได้ ในกรณีเช่นนี้ก็ไม่ต้องเทรด ควรทำใจให้ว่าง วางอุเบกขาต่อตนเอง และให้ส่งมุทิตาจิตให้เพื่อนๆ ต่อไป เนื่องจากแนวทางการเทรดนี้ยึดถือสัญญาณจากกราฟ 120 นาทีเป็นหลัก เท่าที่ผ่านมาจึงไม่ค่อยเจอปัญหาเท่าไหร่ เพราะโดยปกติของหุ้น ก่อนจะมีเทรนด์ทางใดทางหนึ่งแรงๆ มักจะมีอาการที่เรียกว่าไซด์เวย์ก่อน ป้อไปป้อมาสะสมกำลังเสียก่อนถึงจะไปแรงๆ หากจะขึ้นก็มักจะลงมาให้รายย่อยตกใจเล่น (เป็นโอกาสให้เราซื้อตามได้ - หากยังไม่เกิดสัญญาณ S) และหากจะลงก็มักจะคลอเคลีย-หลอกขายจนสะเด็ดน้ำก่อนถึงจะลงแรงๆ (เป็นโอกาสให้เราขายออกไปด้วย) อย่างไรก็ดี แนวทางนี้กำลังถูกทดลอง ลองผิดลองถูกด้วยการเทรดจริงครับ หากสุดท้ายแล้วผลลัพธ์กลายเป็นขาดทุนมากกว่ากำไรก็คงจะเลิกใช้ แต่หากกำไรมากกว่าขาดทุนก็แสดงว่ายังโอเค ก็คงต้องใช้(ทดลอง)เทรดกันต่อไป อ้อ...การเทรดตามระแบบนี้ นักลงทุนต้องยอมรับเงื่อนไข 4 ข้อข้างต้นด้วยครับ (โดยเฉพาะเงื่อไขข้อ 4) หากยอมรับเงื่อนไขไม่ได้ก็คงไม่ใช่การเทรดอย่างสำราญตามจุดประสงค์ของกระทู้นี้ เพราะจริงๆ แล้ว เงื่อนไขข้อสี่ตอนท้ายๆ ความหมายโดยตรงก็คือ บางรอบเราอาจ "ตกรถ" และเมื่อตกก็ไม่ต้องตีโพยตีพาย ก็แค่วางอุเบกขาและส่งจิตมุทิตากับเพื่อนๆ เท่านั้นเอง ขอรับกระผม จากคุณ : พ่อน้องมีมี่ เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 19:48:35

ความคิดเห็นที่ 25   ข้อเสนอของพี่ penonline ก็น่าสนใจนะครับ แทนที่จะใส่เงินลงไปโครมเดียว เราแบ่งเงินออกเป็น 3-4 ส่วนดีกว่า แล้วหาจังหวะเข้าออกดีๆ เป็นการป้องกันการตกรถ และหนีจากการติดดอย ได้ดีทีเดียว จากคุณ : พ่อน้องมีมี่ เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 19:56:16

ความคิดเห็นที่ 26   #24 ตกรถไม่กลัวฮะแต่กลัวติดดอย ผมเข้าใจคุณพ่อน้องมีมี่สําหรับการไม่ซื้อเมื่อไม่ได้ราคาที่ต้องการ อันนี้แค่เสียใจฮะแต่ไม่เสียหาย แต่การไม่ขายเมื่อขายไม่ได้ราคาที่ต้องการหละครับตรงนี้จะทําให้เสียหายมากนะครับ >,,< ไม่ทราบว่าลืมมองตรงนี้อะป่าว หรือว่าขายไม่ได้ก็ไม่ขายฮะ เพราะส่วนมากการลงมันไม่ค่อยจะขึ้นให้รายย่อยดีใจเล่นเท่าไหร่ เห็นขายกันโครมๆ ใครหนีก่อนรอดอะไรประมาณนั้น เพราะกลยุทธ์เทรดเดอร์ส่วนใหญ่จะเป็นการซื้อสะสมแต่ขายไม้เดียว ดังนั้นการขึ้นที่ลงมาให้เม่าตกใจเป็นธรรมดา แต่การขายมักแตกต่างที่ ไม่ค่อยขึ้นไห้เม่าดีใจเท่าไหร่ - - จากคุณ : penonline เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 19:58:31

ความคิดเห็นที่ 27   ขอบคุณพี่ penonline สำหรับข้อโต้แย้งที่ชัดเจนและตรงไปตรงมาครับ จริงๆ แล้ว เวลาเทรดเท่าที่ผ่านมา หลายครั้งๆ ครั้ง ผมพบว่า เราไม่สามารถยึดหลักเกณฑ์(เงื่อนไข)ได้เป๊ะๆ เลยครับ เพราะมนุษย์เรามีชีวิตจิตใจ ยังมีอารมณ์ความรู้สึก ไม่ใช่หุ่นยนต์ที่ไร้โลภโกรธหลง ส่วนมากเราจึงจ้องจะขายตั้งแต่เห็นสัญญาณ s แว๊บแรกแล้ว (ความกลัว) หรือจ้องจะเคาะขวาตั้งแต่เห็น b แท่งแรกโน่นเลย (ความโลภ) ผมเอง บ่อยครั้งจำต้องตัดใจ cut loss กำไรหลังสัญญาณ s เกิดไปนานแล้ว (แต่ไม่หวนกลับขึ้นไปให้ขายซะที) ประเด็นของกระผมก็เพียงแค่ "เสาะแสวงหาวิธีเทรดที่จะลดความเครียดและอยู่อย่างสำราญ" เท่านั้นเองครับ ผมขอเสนอว่า ถ้าไม่สามารถรอซื้อ-รอขาย ณ ราคาที่ดีที่สุดได้ (ซึ่งจริงๆ แล้วก็ไม่มีใครรู้หรอกว่า ตรงไหนที่เรียกว่าราคาดีที่สุด อิอิ) เราอาจหาทางออกด้วยการ ตั้งเป้าหมายในการเทรดแต่ละครั้งไว้ ทั้งเป้าหมายกำไร และเป้าหมายขาดทุนกำไร (เพื่อ cut แล้วรักษากำไรได้ทันเวลา) ไม่ทราบว่า แบบนี้ดูโอเคไหมครับ? หมายเหตุ: ผมเอง เวลานี้ก็ยังสะเปะสะปะครับ ยังไม่นิ่งอย่างที่ควรจะเป็นเท่าไหร่ (บางทีเห็นวิธีการนั้นดีก็อยากเทรดบ้าง พอมาดูวิธีของตัวเองก็อยากใช้เองบ้าง ไม่ค่อยอยู่นิ่ง อิอิ) แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 53 20:20:06 จากคุณ : พ่อน้องมีมี่ เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 20:16:00

ความคิดเห็นที่ 28   สวัสดีคุณพ่อน้องมีมี่อีกครั้งครับ ตามความเข้าใจ(อันน้อยนิด)ของผม  สำหรับ model trade นี้ จะขาดข้อใดข้อหนึ่งไปไม่ได้เลย เพราะนั่นคือกฎที่ตั้งเอาไว้ และอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน นั่นก็คือ วินัย ในการปฏิบัติตามกฎทั้ง 4 ข้อ ด้วยพื้นฐานและประสบการณ์ของแต่ละคนไม่เท่ากัน หากยึดตัวผมเป็นหลัก ประสบการณ์น้อย และจิตใจยังไม่นิ่ง สิ่งที่จะทำให้ระบบล้มเหลว นั่นก็คือการไม่ปฏิบัติตามกฎเพราะทนเห็นการเปลี่ยนแปลงของราคาอย่างฉับพลันไม่ได้ ย่ิอหน้าข้างบน คือสิ่งที่ผมคิด ติดอยู่เพียงแต่ผมยังไม่ได้นำมาปฏิบัติจริง ความคิด คิดได้ แต่หากเจอของจริง เราจะปฏิบัติตามอย่างที่เราคิดไว้ก่อนหน้านี้หรือไม่ ... ผมยังตอบ ณ ตอนนี้ ด้วยความมั่นใจไม่ได้ครับ ขออนุญาตทดลองเทรดดูก่อนนะครับ  อาจจะซื้อด้วยจำนวนหุ้นไม่มาก อยากแค่รู้ว่า หากนำมาใช้จริง จะให้ผลอย่างไร ? อยากรู้เหมือนกัน ขอบคุณสำหรับความเห็นและหลักการครับผม แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 53 20:20:52 จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 20:19:50

ความคิดเห็นที่ 29   คุณพ่อน้องมีมี่อาจแก้ใขจุดอ่อน model trade จากกระทู้ http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I8953793/I8953793.html ถ้าเป็นแบบพี่ penonline ลองคิดว่าแบบนั้นครึ่งแบบนี้ครึ่งดูสิครับว่าจะเป็นยังไง คุยกันไปเรื่อยๆ สักวันอาจมีเทวดาใจดีที่รู้จริงมาบอกก็ได้ครับ แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 53 20:27:29 จากคุณ : ปลานิลจิ๋ว เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 20:20:46

ความคิดเห็นที่ 30   สวัสดี คนจนที่อยากรวย (อีกครั้งเช่นกัน)ครับ เห็นชื่อคุณ อ่านกระทู้ DVD ของคุณทีไร ผมนึกถึงหน้า อ.ดร.นิเวศน์ ทุกทีเลยครับ บางทียังแอบคิดว่าคุณคือ "ดร.นิเวศน์น้อย แห่งห้องสินธร" เลยครับ 555555 ยินดีครับ ถ้ากระทู้นี้มีประโยชน์ต่อเพื่อนๆ บ้าง อย่างน้อย แม้ตัว Model Trade ยังไม่สามารถนำไปใช้ได้เลยทันที แต่แนวคิดหรือแนวทางการเทรด อย่างมีความสุข สงบเย็น ไม่กระวนกระวาย ก็น่าจะเป็นประโยชน์กับท่านบ้าง ไม่มากก็น้อย สำหรับ ท่าน ดร.นิเวศน์น้อย ผมหวังจะเห็นคุณติด 1 ใน 500 รายชื่อเศรษฐีหุ้นไทย ในวารสาร "การเงินการธนาคาร" ในอีกไม่นานนี้นะครับ ชื่นชมและขอให้กำลังใจ VI ประจำห้องสินธร ครับผม หมายเหตุ ขอโทษเพื่อนสมาชิกคนอื่นๆ ด้วยนะครับ Reply นี้เป็นส่วนตัวไปหน่อย 55555 จากคุณ : พ่อน้องมีมี่ เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 20:36:47

ความคิดเห็นที่ 31   #29 ขอบคุณจานปลามากครับ กระทู้ของจาน ผม save (webpage complete .html) ไว้เกือบทุกกระทู้แหละครับ (ยกเว้นกระทู้ที่มีคนมาระรานแล้วทำให้จานหงุดหงิด ซึ่งจะออกอาการฉุนเฉียวตามประสาคนตรง 555555) อุ๊บ...บ..บ !!! ผมเปล่าพาดพิงคนอื่นนะขอรับ ผมพูดกับจานปลาเฉยๆ นะคร๊าบบบบ (อิอิ) จากคุณ : พ่อน้องมีมี่ เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 20:44:08

ความคิดเห็นที่ 32   อย่างที่พี่ preonline บอกใน 23 หรือ พี่พ่อน้องมีมี่บอกใน 27(พี่พ่อเลย อิอิ)ก็น่าจะแล้วแต่ระบบกะกลยุทธ์บวกนิสัยการเทรดของแต่ละคนอะครับ ที่ผมบอกไปใน 22 แค่พยายามแก้ตามโมเดลที่พี่พ่อน้องมีมี่ให้มากะัข้อแย้งของพี่ preonline นะครับ ส่วนตัวผมไม่ได้ใช้โมเดลนี้ เพราะนิสัยผมรับขาดทุนได้ต่ำมาก ระบบผมเลยเป็นอีกแบบนึง คงต้องลอง backtest มากๆอย่างที่จารย์ปลาบอกอะครับถึงจะรู้ว่าแก้แล้วเป็นไง จากคุณ : kagi เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 20:48:40

ความคิดเห็นที่ 33   สวัสดีคุณพ่อน้องมีมี่ (อีกครั้งเช่นกันครับ) ผมก็คือผมนี่ล่ะ คนจนที่อยากรวย  อย่าเอาผมไปเปรียบเทียบกับใครเลยครับ ผมไม่อยากแบกความคาดหวัง ขอเพียงแค่ให้ผมมี "ต้นแบบ" ในการดำเนินรอยตาม เท่านี้ถือว่าดีที่สุดแล้วครับ ถ้าอย่างนั้น ขออนุญาตใช้ความเห็นนี้ reply เป็นการส่วนตัว หวังว่าคงไม่ทำให้ประเด็นหลักของกระทู้เบี่ยงไปนะครับ จาก คห.30 หากอ่านดู อาจเกิดความขัดแย้งกันระหว่างแนวทางการลงทุน ณ ตอนนี้ผมยังคงมีความสุขกับการลงทุนด้วยแนวเน้นคุณค่าตามแบบฉบับของผม ผสมผสานกับแนวความคิดเกี่ยวกับ VSOP ด้วยการลงทุนตามความรู้ความสามารถเท่าที่ตนมี และทำคลายเครียดเรโชบ้าง ตามระดับราคาที่ผมพอใจ ส่วนเรื่อง model trade นี้ ผมสนใจเพราะผมอยากรู้ เหตุผลเพราะก่อนหน้านั้น ยอมรับว่าผมเคยใช้การลงทุนด้วย technical (ด้วยความรู้งูๆปลาๆ) อ่านเพียงแค่ทฤษฎี แล้วนำมาปฏิบัติทันที โชคอาจเข้าข้าง ที่ผมลงทุนในช่วงที่หลายๆคนเรียกว่าตลาดขาขึ้นพอดี ผมเลยไม่แน่ใจตัวเองว่า แท้จริงแล้ว กำไรที่ผมได้มานั้น มาจากฝีมือ หรือเพียงแค่ซื้อหุ้นแล้วอดทนถือยาวให้พ้นผ่านช่วงระยะเวลาหนึ่งเพียงเท่านั้น ... ถามผม  ผมว่าน่าจะเป็นอย่างหลังเสียมากกว่า เนื่องด้วยเหตุผลนี้ และมาเห็นกระทู้นี้ของคุณพ่อน้องมีมี่ เลยทำให้ผมมีหลักเกี่ยวกับการใช้ MACD ที่ชัดเจนขึ้น(มากกว่าแต่ก่อน) เลยเป็นที่มาว่า ทำไมผมถึงสนใจและอยากทดลอง และนี่คือเหตุผลครับ ส่วนเรื่อง 1 ใน 500 รายชื่อเศรษฐีหุ้นไทย นั้น ผมคงแบกรับความคาดหวังนี้ไม่ได้อย่างแน่นอน ขอให้ผมเป็น คนจนที่รวยแล้ว  เท่านี้ก็ถือว่าผมพอใจแล้วครับ แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 53 21:04:46 แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 53 21:03:59 จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 21:00:26

ความคิดเห็นที่ 34   ได้กราฟแล้วครับ คุณพ่อน้องมีมี่  PTT ระยะ day พร้อมจุด simulate ต้องขอบคุณคุณsaimai77   ผมหาจุด simulate เป็นแล้วครับ ^^ แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 53 21:22:03 จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 21:14:51

ความคิดเห็นที่ 35   ส่วนนี่ PTT ระยะ week ครับ (ความเห็นส่วนตัว) อืม ... สัญญาณห่างไกลกันดีจังเลยนะครับ (แน่นอน เพราะก่อนหน้านั้น trend หลักค่อนข้างชัดเจน) มองผ่านๆอาจดูเหมือนง่าย  แต่ผมคิดว่าไม่ง่ายอย่างแน่นอน ผมยังไม่ได้ดูช่วงราคาของแท่งเทียนแต่ละแท่งที่เกิดสัญญาณ ว่ามีช่วงราคาอยู่ที่เท่าไหร่ และผมก็ยังไม่ได้ลองย้อนกลับไปดูพฤติกรรมราคาในอดีตว่าเป็นอย่างไร ? ขออนุญาตไปดูก่อนนะครับ  (ตื่นเต้นเล็กน้อยถึงปานกลาง อิอิ) แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 53 21:20:13 จากคุณ : คนจนที่อยากลอง (คนจนที่อยากรวย) เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 21:18:09

ความคิดเห็นที่ 36   หาเป็นแล้วออกมาเป็นยังไง? จากคุณ : ปลานิลจิ๋ว เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 21:35:17

ความคิดเห็นที่ 37   ดูด้วยตาก็เห็นแล้ว   ชมสวรรค์ จากคุณ : ปลานิลจิ๋ว เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 21:40:57

ความคิดเห็นที่ 38   ไหนลองแบบกระทู้ MA ไดเวอร์เจ๊งฯ ซื้อขาย OPEN หลังถูกสั่ง จากคุณ : ปลานิลจิ๋ว เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 21:50:58

ความคิดเห็นที่ 39   เอาแน่นอนไม่ได้ เป็นผม ผมไม่ใช้ จากคุณ : ปลานิลจิ๋ว เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 21:52:00

ความคิดเห็นที่ 40   คุณพ่อน้องมีมี่ครับ  ผมขออนุญาตเป็นนักเรียน และเปรียบว่าตอนนี้กำลังทำการบ้านส่งคุณครูอยู่นะครับ เงื่อนไข : หากว่าผมจะดูกราฟได้ก็ต่อเมื่อตลาดปิดแล้ว (ผมไม่สามารถดูกราฟระหว่างวันได้) model trade นี้ ผมจะยังคงสามารถใช้ได้อยู่หรือเปล่าครับ ? Example 1 สมมติว่าวันนั้นเกิดสัญญาณซื้อ (แต่ผมไม่สามารถรู้ได้ เพราะดูกราฟในระหว่างวันไม่ได้) ไม่รู้ว่าผมเข้าใจอย่างนี้ถูกต้องไหม ? 1. ผมกลับมาบ้าน เปิดกราฟ เห็นตัว B และพบว่าราคาต่ำสุดของวันนั้นคือ 245 2. พรุ่งนี้ สิ่งที่ผมต้องทำคือ bid รอที่ 245 3. bid รอที่ 245   สรุปโดนของยัดใส่มือ  และราคาปิดลงที่ 236 !! หากเป็นเรื่องจริง  ผมจะสติแตกไหมครับ   แล้วผมจะไปขายได้ตอนไหนครับคุณครู ??? ปล. สัญญาณแรกก็โดนเข้าให้แล้ว   ผมดูจากกราฟ และแปรผลได้แบบนี้   ผิดถูกอย่างไร รบกวนช่วยตรวจทานทีครับ แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 53 21:55:19 แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 53 21:53:25 จากคุณ : คนจนที่อยากศึกษา (คนจนที่อยากรวย) เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 21:52:01

ความคิดเห็นที่ 41   คุณพ่อน้องมีมี่ครับ ต่อเนื่องจาก คห. 40 และอ้างอิงจากข้อความที่ว่า " 3. ในขณะที่ตั้งรอ ณ ราคาที่ดีที่สุดของแท่งที่เกิดสัญญาณ(แท่งแรก)นั้น หากเกิดสัญญาณตรงข้ามขึ้นมา ให้ยกเลิก Order ตามสัญญาณเดิม แล้วเปลี่ยนเป็น Order ตามสัญญาณล่าสุดเท่านั้น " สมมติว่า 1. ผมกลับมาบ้านเปิดกราฟแล้วรู้ว่าเกิดสัญญาณ B และราคาที่ดีที่สุดคือ 245 2. พรุ่งนี้ผมต้องตั้ง bid รอที่ 245 และประเด็นคือ ... หากเกิดสัญญาณตรงข้ามขึ้นมา ให้ยกเลิก Order ตามสัญญาณเดิม แล้วเปลี่ยนเป็น Order ตามสัญญาณล่าสุดเท่านั้น . . . ถามด้วยความโง่เขลาเบาปัญญา ผมจะรู้ได้อย่างไรครับ ว่าให้ยกเลิก bid ตามสัญญาเดิม แล้วเปลี่ยนมาซื้อที่ราคา (ใกล้เคียง) 236 ? ถามเพราะผมไม่รู้  ผมไม่รู้จึงถาม ส่งสัยผมคงสอบตกวิชานี้แล้วกระมังครับ ขอบคุณมากครับ แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 53 22:22:38 จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 22:21:41

ความคิดเห็นที่ 42   #27 ของคุณพ่อน้องมีมี่ ผมขอเสนอว่า ถ้าไม่สามารถรอซื้อ-รอขาย ณ ราคาที่ดีที่สุดได้ (ซึ่งจริงๆ แล้วก็ไม่มีใครรู้หรอกว่า ตรงไหนที่เรียกว่าราคาดีที่สุด อิอิ) เราอาจหาทางออกด้วยการ ตั้งเป้าหมายในการเทรดแต่ละครั้งไว้ ทั้งเป้าหมายกำไร และเป้าหมายขาดทุนกำไร (เพื่อ cut แล้วรักษากำไรได้ทันเวลา) ไม่ทราบว่า แบบนี้ดูโอเคไหมครับ? จากคุณ : พ่อน้องมีมี่ การแก้ด้วยวิธีดังกล่าวก็ถือว่าเป็นทางออกที่ดีฮะ กําหนดไปเลยว่าเรา สามารถรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน เพื่อป้องกันการเกิดรูปแบบติดดอย ถ้า S เกิดแล้ว มันไม่ขึ้นมาให้ขายในราคาที่ดีที่สุด สมมุติคุณพ่อน้องมีมี่ รับความเสี่ยงได้ X% ถ้าราคาลดลงน้อยกว่าแท่งที่เกิด S ตรงนี้ ซึ่งแล้วแต่ว่า จะกําหนด X% จาก low หรือ hi ของแท่ง โดยหากตํากว่าที่ กําหนดไว้ X% ก็ให้ขายทันที ก็จะเป็นการป้องกันโอกาสติดดอยวิธีหนึ่ง อย่างในกรณีของ #36-40 ที่พี่ปลานิลจิ๋ว และพี่คนจนที่อยากรวย ได้นํามาให้ชม จากการสังเกตุ ส่วนมากการลงมักลงเลยไม่ค่อยขึ้นมาให้เม่าดีใจ ผิดกับตอนขึ้นที่มันจะลงให้เม่าตกใจ ดังนั้นการขายจะเป็นจุดที่ต้อง ระวังมากที่สุดของโมเดลนี้ครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอยากให้เข้าใจคําว่า ความเสี่ยงที่สูงย่อมนํามาซึ่งผลตอบแทนที่สูง และการป้องกันความเสี่ยงก็ย่อมนํามาซึ่งการจํากัดผลตอบแทน อาจมีโอกาสที่คุณ cut ที่ X% แล้วหุ้นกลับมาขึ้นใหม่ก็เป็นไปได้เช่นกันฮะ ความเห็นส่วนตัวนะครับสําหรับวิธีซื้อเดาว่าน่าจะใช้ได้ แต่การขายอาจต้องมีลูกเล่นบ้าง ผมค่อนข้างกล้าพูดว่าถ้าพัฒนาและแก้ไขจุดบกพร่องต่างๆจนถึง คห. นี้ โมเดลนี้ใช้ได้แน่นอนครับ ไม่ต้องทํา blacktest อะไรทั้งนั้น ใช้โดยคิดตรรกะง่ายๆ 1MACD เป็น indy แบบ trend ชนิดหนึ่งดังนั้นถ้ามีเทรนมันจะกําไร 2การ Buy แต่ในจุดที่ดีที่สุด อาจทําให้พลาดรอบใหญ่ ซึ่งมันก็ไม่แน่ ว่าจะพลาดรอบใหญ่ทุกรอบ แต่ในทางกลับกันการรอซื้อที่ราคาดีสุด ของแท่ง B เท่านั้น จะลดความเสี่ยงในเรื่องของตลาดไซเวย์ได้ 3เมื่อขาดทุน เรายอมได้แค่ X% ดังนั้นจากเงื่อนไขทั้ง 3 ข้อข้างต้นเพียงพอให้ผมกล้าเดาโดยไม่ต้อง blacktest มีโอกาสสูงที่ถ้าทําตามโมเดลนี้ จะได้กําไร บนเงื่อนไขที่มีวินัยต่อระบบนี้ คราวนี้ก็อยู่ที่คุณว่าพอใจกับประสิทธิภาพของมันหรือเปล่า เท่าที่ผมจิ้นอยู่ในหัวโมเดลนี้ค่อนข้างปลอดภัยพอสมควร แต่กําไรก็น้อยตามความเสี่ยง - - เพราะ 1MACD ไม่ใช่ระบบที่ให้การซื้อขายบ่อย ส่วนมากจะหวังกินคําโต 2ซึ่งถ้าพลาดการซื้อไป อาจพลาดรอบใหญ่กําไรคําโต ส่วนมากเวลาผมซื้อขายหุ้นผมก็ใช้แค่นั่งจิตตนาการอยู่ในหัว คําแนะนําของผมหากมีผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะฮะ จากคุณ : penonline เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 22:30:34

ความคิดเห็นที่ 43   สวัสดีครับ คุณpenonline ความเห็นยาวมาก แต่มีประโยชน์ไม่แพ้ความยาว ผมต้องใช้เวลาพอสมควรในการทำความเข้าใจกับ คห.42 จะลองศึกษาดูนะครับ  ขอบคุณมาก ปล. โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าสิ่งที่ยากต่อภาวะจิตใจมากที่สุด นั่นก็คือภาวะ side way ที่โอกาสสัญญาณ B และ S จะอยู่ในระดับใกล้เคียงกันนั้น ... มีค่อนข้างสูง จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 22:37:04

ความคิดเห็นที่ 44   #41 ของพี่คนจนที่อยากรวย ผมขอตอบแทนคุณพ่อน้องมีมี่นะครับ ผมคิดว่าน่าจะเป็นแบบนี้ สมมติว่า 1. ผมกลับมาบ้านเปิดกราฟแล้วรู้ว่าเกิดสัญญาณ B และราคาที่ดีที่สุดคือ 245 2. พรุ่งนี้ผมต้องตั้ง bid รอที่ 245 ถูกต้องฮะ และประเด็นคือ ... หากเกิดสัญญาณตรงข้ามขึ้นมา ให้ยกเลิก Order ตามสัญญาณเดิม แล้วเปลี่ยนเป็น Order ตามสัญญาณล่าสุดเท่านั้น จากการณีนี้จะได้รูปแท่ง B ตามด้วย แท่ง S ซึ่งน่าสนใจ ถ้าแท่งนั้นเกิด B และราคาดีสุดอยู่ที่ 245 ซึ่งต้องเป็น low แท่งแน่นอน ตามมาด้วยแท่ง S แท่งต่อมาเกิด S แสดงว่าต้องปิดน้อยกว่าแท่ง B แล้วเรา bit ไว้ที่ 245 แสดงว่าต้องได้ของแน่นอน และราคา ณ ปิดของแท่ง S น้อยกว่า 245 ให้ยกเลิกสัญญาณเดิมก็คือ B และเปลี่ยน order ตามสัญญาณล่าสุดคือ นําหุ้นที่ซื้อได้มาแล้วที่ 245 ตั้งขายที่ hi ของแท่งที่เกิดสัญญาณ S น่าจะประมาณนี้ฮะ หวังว่าคงเดาไม่ผิด จากคุณ : penonline เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 22:41:29

ความคิดเห็นที่ 45   ขอบคุณครับคุณ penonline  สำหรับความเห็น 44 หากเป็นอย่างนั้น แสดงว่าผมเข้าใจหลักการได้ถูกต้อง 1. แท่งสัญญาณ B เกิด และราคาดีที่สุดคือ 245 2. วันรุ่งขึ้น ตั้งรอซื้อที่ 245 3. ดูจากแท่งเทียน ณ วันนั้นราคาต้องเปิดสูงก่อน แล้วค่อยๆลดลงมา 4. สุดท้ายผมก็ได้ของสมใจ ซึ่งหากปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด คำสั่งต่อไปของเราก็คือ การขาย และเงื่อนไขคือ 1. ต้องตั้งขายให้ได้เท่ากับราคาที่ดีที่สุดของ S นั่นก็คือ 248 2. สิ่งที่ต้องทำทุกวันต่อจากนี้คือ ตั้ง order ที่ 248 ทุกวัน . . . ด้วยความมีวินัยในการปฏิบัติตามกฎ สุดท้าย ก็จะมีคนมาซื้อของเราไปที่ 248 และปิด high ที่ 250 ได้ส่วนต่างราคา 248 - 245 = 3 บาท หลังจากนั้นก็รอสัญญาณ B ต่อไปด้วยความมีวินัย ผมเข้าใจอย่างนี้ ถือว่าถูกต้องไหมครับ ? และคำถามของนักเรียนฝึกหัดก็คือ ... ใจผมทำด้วยอะไร ? แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 53 23:05:16 แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 53 22:53:16 จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 22:51:50

ความคิดเห็นที่ 46   #45 ถูกฮะ แต่มันมีจุดอ่อนตอนขายคือถ้ามันเกิดลงแรงแล้วไม่มีคนมารับเราบนดอยที่  248 เราจะทําเช่นไร ซึ่งคุณพ่อน้องมีมี่ก็เลยวางแผนสํารองไว้ว่า ผมขอเสนอว่า ถ้าไม่สามารถรอซื้อ-รอขาย ณ ราคาที่ดีที่สุดได้ (ซึ่งจริงๆ แล้วก็ไม่มีใครรู้หรอกว่า ตรงไหนที่เรียกว่าราคาดีที่สุด อิอิ) เราอาจหาทางออกด้วยการ ตั้งเป้าหมายในการเทรดแต่ละครั้งไว้ ทั้งเป้าหมายกำไร และเป้าหมายขาดทุนกำไร (เพื่อ cut แล้วรักษากำไรได้ทันเวลา) ไม่ทราบว่า แบบนี้ดูโอเคไหมครับ? จากคุณ : พ่อน้องมีมี่ จากคุณ : penonline เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 23:08:39

ความคิดเห็นที่ 47   ขอบคุณคุณ penonline มากครับ สำหรับความเห็นที่ 46 หากนี้เป็นข้อสอบวัดผลแบบอัตนัย และคำถามของโจทย์คือ ไม่ทราบว่า แบบนี้ดูโอเคไหมครับ ? (พร้อมอธิบายเหตุผลประกอบ) ตอบ  ไม่โอเคครับ เหตุผล เพราะทฤษฎีตั้งเอาไว้ว่าให้ปฏิบัติตามกฎ 1 2 3 4 อย่างมีวินัย ดังนั้น การที่จะมาอลุ้มอล่วยเพื่อผ่อนคลายกฎ โดยส่วนตัวผมมองว่า มันจะทำให้เราใช้ "ใจ" มามีส่วนร่วมในการทำตามระบบมากเกินไป เมื่อมีครั้งที่หนึ่งแล้ว   แน่นอน ... ครั้งที่สอง สาม สี่ ต้องตามมา ความชัดเจนจะเริ่มน้อยลง และความกังวลจะเริ่มมากขึ้น (ในกรณีที่เราเดินผิดทางหลัก)   จบ... ขอบคุณคุณพ่อน้องมีมี่มากครับ สำหรับกระทู้นี้ ผมเริ่มต้นจากความสนใจเพราะความสงสัยที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ หลังจากนั้นก็ตามอ่านเนื้อหากระทู้นี้ พร้อมกับลองปฏิบัติจริง(ในสนามทดลอง) ความสงสัยของผมเริ่มหาย สิ่งที่ได้กลับมาคือความเข้าใจในตัวตนของมันมากขึ้น ผมได้คำตอบแล้วครับ หากผมเป็นนักศึกษา และนี้เป็นวิชาเลือกเสรี สิ่งที่ผมจะทำในวันรุ่งขึ้นก็คือ เดินไปตึกอำนวยการ เพื่อขอถอนวิชานี้ครับ   แก้ไขเมื่อ 10 มี.ค. 53 09:18:42 แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 53 23:23:25 จากคุณ : คนจนที่อยากรวย เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 23:20:42

ความคิดเห็นที่ 48   สรุป(ตามความเห็นของผม)  อะไรที่เราไม่เข้าใจ(อย่างแท้จริง) ควรเอามันออกไป(ให้หมด) เหลือไว้เพียงข้อมูลดิบ แล้วใช้ประสบการณ์(ที่สั่งสม) ตัดสินใจบนพื้นฐานความคิด/มุมมองของตัวเราเอง  ... ผมจะฝึกฝนจินตนาการของผมต่อไปครับ ... แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 53 23:54:31 จากคุณ : ขอบคุณมากครับ (คนจนที่อยากรวย) เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 23:41:48

ความคิดเห็นที่ 49   ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคน สำหรับการถกเถียง อภิปราย หาจุดอ่อนจุดแข็งของแนวทางแรกนี้ครับ เอาไว้ว่างๆ ถ้าโอกาสอำนวย เราคงได้อภิปรายแนวทางการเทรดอื่นๆ ต่อไป ขอบคุณอีกครั้งครับผม อ้อ...แวะมาแจก Give ครับ แล้วก็ขอตัวไปพิมพ์บทความวิจัยต่อ ไม่รู้เหมือนกันว่า คืนนี้จะจบหรือเปล่า? จากคุณ : พ่อน้องมีมี่ เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 23:45:18

ความคิดเห็นที่ 50   ผมขอแจมหน่อยแล้วกัน เพราะถือว่าศึกษาทางนี้มาบ้างเผื่อจะเป็นประโยชน์อะไรบ้างนะครับ  การใช้สัญญาณซื้อ/ขายจาก MACD โดยถือเอาว่าเมื่อ MACD>signal =buy   และ MACD<Signal=Sell นั้น  ดังนั้นการที่จะเกิดตัว B  หรือ ตัว S นั้น แสดงว่าเงื่อนไขนั้นได้ครบเรียบร้อยแล้วครับ  ดังนั้นไม่ควรต้องรอครับ เพราะสัญญาณในตอนจบแท่งนั้นมันยืนยันไปแล้วครับ  ให้เทรดตามสัญญาณนั้นไปเลยครับในวันต่อมา   อันนี้ผมให้มุมมองตามหลักนะครับ  แต่การ modify แล้วหาวิธีเทรดตามที่ตัวเองเข้าใจนั้น ก็เป็นสิทธิ์ของผู้ใช้เองครับ อาจดีหรือแย่กว่าหลักคิดที่ผมบอกนี้ก็ได้ครับ   แต่ยังไงผมก็ให้หลักการไว้ก่อน   ส่วนการใช้ระบบ trade จาม MACD นี้จะดีหรือแย่ ก็ขึ้นกับเรื่องอื่นๆอีกครับที่มีผลต่อการใช้ระบบนี้     สิ่งแรกที่เป็นปัจจัยหลักคือ ในช่วง Sideway ไม่ควรใช้ระบบนี้ครับ เพราะมันให้ผลไม่ดี มี error บ่อยเพราะตลาดไม่มีทิศทางที่แน่นอน แต่ระบบนี้จะใช้ได้ผลดีในกรณีที่ตลาดมี trend ชัดเจนครับ   ที่จริงแล้วระบบ MACD นี้มันก็เหมือนกับเราใช้เส้นค่าเฉลี่ย 2 เส้นนั่นเอง คือเส้น MACD กับเส้น Signal ของ MACD ซึ่งก็คือเส้นค่าเฉลี่ยแบบ EMA9 ของ MACD  ดังนั้นจุดอ่อนของระบบนี้ก็เหมือนกับ indicators ในกลุ่ม ที่เราเรียกว่า Lagging indicators คือมันให้ผลช้า เพราะต้องนำผลที่เกิดขึ้นวันนี้มาเฉลี่ยย้อนหลังไปตามจำนวน periods ที่ใช้คำนวณ ผลจึงได้ไม่ค่อยทันใจนัก   ผมจึงมักใช้แค่ดูภาพกว้างๆมากกว่า ว่ามันให้ภาพตลาดเป็นอย่างไร แต่หากจะนำมาเป็นสัญญาณซื้อ/ขาย คงเสียโอกาสมากเหมือนกันครับ  ( มีตัวอื่นๆใช้ได้ดีกว่า ในแต่ละสถานการณ์  ขึ้นกับการเลือกใช้ให้เหมาะสมตามภาวะตลาดนั้นๆครับ  ตรงนี้ต้องอาศัยประสบการณ์และความรู้พื้นฐานด้วย ) จากคุณ : kitty63 เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 00:20:12

ความคิดเห็นที่ 51   พอดีเหลือบไปเห็นใน คห 6 ที่พ่อน้องมีมี่ เปลี่ยนค่า EMA 12 เดิมไปเป็น EMA22  ------- ผมอยากทราบว่า เพราะอะไรครับ  ? มีหลักคิดอย่างไรครับ ?   เพราะหากเราเปลี่ยนค่าตรงนี้ไปแล้ว คงเรียกว่าเป็น MACD  ไม่ได้แล้วครับ เพราะความต่างในเรื่อง Momentum ระหว่างเส้น EMA 26 กับ EMA12 เดิม  มันมีระยะห่างพอสมควรถือว่าเป็นเส้นค่าเฉลี่ยสองระยะได้  แต่หากเปลี่ยนค่า EMA12 มาเป็น EMA22   จะทำให้ค่ามันใกล้เคียงกับเส้น EMA26 มากจนแยก time frame ไม่ออกครับ   ดังนั้น ผมมองว่าการดัดแปลงจุดนี้มันยังไม่ค่อยสมเหตุผลตามหลักการเท่าไหร่นะครับ   หวังว่าพ่อน้องมีมี่ คงไม่โกรธนะครับ ที่ผมวิจารณ์ตรงๆแบบนี้นะครับ จากคุณ : kitty63 เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 00:36:12

ความคิดเห็นที่ 52   "ความต่างในเรื่อง Momentum ระหว่างเส้น EMA 26 กับ EMA12 เดิม  มันมีระยะห่างพอสมควรถือว่าเป็นเส้นค่าเฉลี่ยสองระยะได้  แต่หากเปลี่ยนค่า EMA12 มาเป็น EMA22   จะทำให้ค่ามันใกล้เคียงกับเส้น EMA26 มากจนแยก time frame ไม่ออกครับ   ดังนั้น ผมมองว่าการดัดแปลงจุดนี้มันยังไม่ค่อยสมเหตุผลตามหลักการเท่าไหร่นะครับ   หวังว่าพ่อน้องมีมี่ คงไม่โกรธนะครับ ที่ผมวิจารณ์ตรงๆแบบนี้นะครับ" จากคุณ : kitty63     เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 00:36:12 ขอบพระคุณพี่กิตติมากครับ คำทักท้วงของพี่มีประโยชน์มากครับ ผมไม่มีอะไรต้องโกรธ กลับรู้สึกขอบพระคุณที่พี่แวะมาชี้แนะ ครับผม _/\_ จากคุณ : พ่อน้องมีมี่ เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:09:56

ความคิดเห็นที่ 53   Bookmark ไว้เรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวต้องหาเวลาสัก 1-2 ชั่วโมงค่อย ๆ ศึกษาและอ่านทุก ๆ คห. อ่านจบถ้าไม่เก่งขึ้นก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว ขอบคุณมากค่ะสำหรับกระทู้ที่เป็นประโยชน์เช่นนี้ จากคุณ : ยากแท้หยั่งถึง เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 09:27:07

ความคิดเห็นที่ 54   เข้ามาขอบคุณด้วยค่า ^______^ จากคุณ : น้องนู๋ GaZib เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 12:32:00

ความคิดเห็นที่ 55   ขอเสริมความเห็นที่ 50 ของพี่ kitty หน่อยนะครับ สำหรับการดู trend เครื่องมือที่ใช้สำหรับดู trend มีหายตัวเหมือนกัน ตั้งแต่เส้นๆ เดียว ไปจนถึง indicators ตัวอื่นๆ แต่ขอเสนอซักตัว สองตัวแล้่วกันนะครับ ตัวแรกก็ adx คือ เมื่อไหร่ที่ adx น้อยกว่า 25 อันนี้จะเป็น side way แต่ถ้ามากกว่าก็จะเป็น followed trend คือหมายความว่า หากอยากจะใช้ macd เป็นเครื่องมือในการหาจุดซื้อขาย คงตัองใช้ใน time fame ที่แคบลงมาหน่อย เพื่อถือใน time fame ที่ใหญ่ขึ้น และควรใช้ในสภาวะ followed trend อีกตัวแล้วกันนะครับ ก็อาจจะดูได้จาก bb ก็ได้ หาก top bb กับ low bb ห่างออกจากกัน ก็จะเป็น followed trend แต่ถ้าลู่เข้าหากันก็จะเป็น side way ครับ ตัวอื่นๆ ก็ตามตารางที่พี่ kitty เคยเอามาลงไว้ได้เลยครับ จากคุณ : sampunth เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 12:52:13

ความคิดเห็นที่ 56   ขอเพิ่มอีกอย่างหาก มีการซื้อ ไม่ว่าหุ้น หรือ future ควรจะมีการตั้งจุด stop loss ไว้เสมอๆ ครับ จากคุณ : sampunth เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 12:55:52

ความคิดเห็นที่ 57   เป็นกรณีศึกษาที่ดีครับคุณพี่พ่อน้องมีมี่ ขอเสริมพี่กิตติจาก #50 ด้วยผลการ simulate กับ TFEX รายชั่วโมง ระหว่าง ระบบที่ 1) ระบบที่รอ (รอซื้อขายที่ High / Low หลังเกิดสัญญาณ) ระบบที่ 2) ระบบที่ไม่รอ (เข้าซื้อขายที่ Open ของแท่งถัดไปทันทีที่เกิดสัญญาณ) จากคุณ : smokerfield เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 17:43:53

ความคิดเห็นที่ 58   Equity Curve ของระบบที่ 1) ระบบที่รอ (รอซื้อขายที่ High / Low หลังเกิดสัญญาณ) จากคุณ : smokerfield เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 17:45:58

ความคิดเห็นที่ 59   Equity Curve ของระบบที่ 2) ระบบที่ไม่รอ (เข้าซื้อขายที่ Open ของแท่งถัดไปทันทีที่เกิดสัญญาณ) จากคุณ : smokerfield เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 17:46:39

ความคิดเห็นที่ 60   ไม่ได้สรุปว่าอะไรดีกว่าอะไรนะครับ เพราะระบบทั้งคู่ยังสามารถเอามาปรับปรุงได้อีกมากทั้งค่า parameter, วิธีการ stop loss, timeframe ที่นำไปใช้ ที่สำคัญยังไม่ได้เอา money management มาใ้ช้ ซึ่งผลอาจจะออกมาไม่เหมือนกับแบบนี้เลยก็เป็นไปได้ ปล1. การ simulate นี้เป็นผลจากการซื้อขาย 1 สัญญา โดยใช้ macd(26,12,9) ปล2. การทดสอบด้วย Metastock อาจมีการคลาดเคลื่อนบ้างเล็กน้อย (ถ้าต้องการผลที่แม่นยำควรทดสอบกับ software ตัวอื่นครับ) พอดีลอง simulate เล่นๆ เลยเอาผลมาฝากครับ ผิดถูกยังไงขออภัยด้วยนะคร้าบบ //ฮ่่าฮ่าฮ่า จากคุณ : smokerfield เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 18:03:38

ความคิดเห็นที่ 61   ตามอ่านตั้งแต่หัวข้อยันความเห็นสุดท้ายเลยครับ..ขอแจมนิดนึง ตอนนี้ผมกำลังทดลอง 2 Indicators ใน 2 สภาวะตลาดอยู่ครับ เนื่องจากเคยอ่านกระทู้ของพี่ kitty63 ได้ความว่า... 1. ใช้ ADX ดูความแข็งแรงของตลาด หรือดูว่ามีแนวโน้มหรือไม่มี 1.1. หากตลาดมีแนวโน้ม ก็ให้ดู DI+ กับ DI- เพื่อกำหนดสัญญาณซื้อขายครับ 1.2. หากตลาดไม่มีแนวโน้ม หรือ Sideways แบบไม่รู้ว่าจะ Up หรือ Down ให้ใช้ Slow Stochastic ดูแทน อยู่ในช่วงทดลองใช้กับทั้งหุ้น และกองทุนครับ อย่างไรก็ตามขอบคุณทุกท่านที่โพสในกระทู้นี้ด้วยนะครับ หากทดลองแล้วล้มเหลวก็จะได้เปลี่ยน Indicator ตัวอื่นมาทดลองต่อไป จากคุณ : zylinz เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 18:31:48

ความคิดเห็นที่ 62   เข้ามาขอบคุุณก่อน คงต้องใช้เวลาอ่าน หลายคำถามน่าสนใจมาก หวังว่า จขกท คงว่างมาตอบนะครับ จากคุณ : หัสดี เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 19:04:05

ความคิดเห็นที่ 63   พอดีขึ้นทู้.....ขอความช่วยเหลือ...เห็นเรยแวะเข้ามาร่วมแจม นิด ๆ..... ผมทดลองมาหมดแร้วววววว.....พวก ซิมมูเรด  ทั้งหลาย.... ไม่มีอันไหนเหมาะในการใช้ถาวร.......แต่.....จะเหมาะกะ ทามเฟริมนั้นๆ โดยเฉพาะเท่านั้น  เช่น  ใ้ช้ซิมมูเรด กะ 15 ก็ได้ผล แต่จะไม่ได้ผล กะ 30 หรือ 60  อะไรทำนองนี้อ่ะ....... เพาะชะนั้น..........จขกท.ยึดทามเฟริมไหน ก็ให้ใช้ ทามเฟริมนั้น คับ ไม่งั้นจะสับสนส่วนตัวผม..........ไม่เคยใช้.........เพาะ...ผมเชื่อตัวผมเอง   แก้ไขเมื่อ 10 มี.ค. 53 22:04:10 จากคุณ : pattern me เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 21:31:14

ความคิดเห็นที่ 64   #63 "พวก ซิมมูเรด  ทั้งหลาย....ไม่มีอันไหนเหมาะในการใช้ถาวร.......แต่.....จะเหมาะกะ ทามเฟริมนั้นๆ โดยเฉพาะเท่านั้น  เช่น  ใ้ช้ซิมมูเรด กะ 15 ก็ได้ผล แต่จะไม่ได้ผล กะ 30 หรือ 60  อะไรทำนองนี้อ่ะ......." จากคุณ : pattern me     เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 21:31:14 ใช่เลยครับ ผมเห็นด้วยกับพี่ pattern me ตรงนี้มากๆ และยิ่งกว่านั้น ผมรู้สึกว่า ในแต่ละ Timeframe เราอาจต้องปรับ ema periods ที่ backtest แล้วได้ผลดีเฉพาะ timeframe นั้นๆ ด้วย หมายเหตุ จริงๆ แล้ว การปรับค่าตรงนี้ ผิดหลักของ macd (ตามที่พี่กิตติได้เตือนไว้ใน คห.51) นะครับ แต่ผมเองก็ยังชอบใช้อยู่ดี เพราะมันยังดูโอเคในตอนนี้ การปรับค่าของผมก็ยังยึดหลัก "เส้นค่าเฉลี่ย" ตามแรงเหวี่ยงระยะสั้น/ระยะยาวนั่นเอง เพียงแต่อาจดูใกล้กันมากจนเหมือนจะเป็น period เดียวกัน คือเหลือแค่ 22 กับ 26 (แทนที่จะเป็น 12 กับ 26 ตามค่า default) จากคุณ : พ่อน้องมีมี่ เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 22:00:36

ความคิดเห็นที่ 65   มาเก็บความรู้ ให้กิฟ และ โหวตค่ะ ขอบคุณ ทุกๆท่าน มากค่ะ จากคุณ : NANG20 เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 53 02:01:46

ความคิดเห็นที่ 66   ตามมาอ่านครับ จากคุณ : helga เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 53 09:44:36

ความคิดเห็นที่ 67   ช่วยเอา simulate มาแปะให้ดูด้วยนะครับ ว่าการตั้งค่าของแต่ละคน มันจะบอกให้ซื้อตั้งแต่เมื่อไหร่ ของผมมาแล้ว จากคุณ : ปลานิลจิ๋ว เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 53 13:01:38

ความคิดเห็นที่ 69   ขอบคุณทุกความเห็นนะครับ ผมอ่านแล้วทุก ค.ห. มีประโยชน์มากๆเลยครับ สุดท้ายอยู่ที่จิตใจของเราเอง ซึ่งช่วงนี้ผมก็พลาดไม่คิดว่าหุ้นมันจะขึ้นทั้งที่ภาวะการเมืองในประเทศไม่เอื้ออำนวย จิตใจคนยากแท้หยั่งถึง จากคุณ : Frankly เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 18:10:04

ความคิดเห็นที่ 70   ขอบคุณทุกความเห็นนะครับ ผมอ่านแล้วทุก ค.ห. มีประโยชน์มากๆเลยครับ สุดท้ายอยู่ที่จิตใจของเราเอง ซึ่งช่วงนี้ผมก็พลาดไม่คิดว่าหุ้นมันจะขึ้นทั้งที่ภาวะการเมืองในประเทศไม่เอื้ออำนวย จิตใจคนยากแท้หยั่งถึง จากคุณ : Frankly เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 53 18:13:09

ความคิดเห็นที่ 71   คห. 68 หาย???? จากคุณ : ปลานิลจิ๋ว เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 53 11:16:33

ความคิดเห็นที่ 72   จากคุณ : ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 53 15:20:47

ความคิดเห็นที่ 73   น้าปลาฮะ อย่าว่างั้นอย่างงี้ผมเลยนะฮะ อินดี้ที่ดีที่สุดตั้งแต่ที่ผมใช้มาเนี่ย มีไม่กี่อันเอง แต่ที่ใช่บ่อยสุดและได้ผลดีเยี่ยมสุด 2อันก็ คือ 1 ดูตามฝรั่ง 2 ดูตามจานปลา แค่เล่นตาม2คนนี้ ผมว่าเล่น10ชนะ8แล้วฮะ จากคุณ : Jillna เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 53 20:49:59

ความคิดเห็นที่ 74   ฮ่าๆๆๆ จริงตาม คห.ที่ 73 "แต่ที่ใช่บ่อยสุดและได้ผลดีเยี่ยมสุด 2อันก็ คือ 1 ดูตามฝรั่ง 2 ดูตามจานปลา แค่เล่นตาม2คนนี้ ผมว่าเล่น10ชนะ8แล้วฮะ" -------------------------------------------- หลังจากที่ได้อ่านกระทู้แล้วมาซักพัก simulate นี้ก็ น่าจะใช้ได้ดีในระดับนึง แต่ไม่ควรเชื่อทั้งหมด ควรจะดู RSI กับ Volume แล้ว ก็ trend line เพิ่มเข้าไปด้วยน่าจะ work นะฮะ โดยเฉพาะ trend line ควรจะดูไว้เป็นพิเศษ ถ้ามันbreak ขึ้นมาก็ตัวใครตัวมัน แล้วก็ตอนขายควรจะตั้งจุด cut loss เอาไว้ เสริมเข้าไปแค่นี้ก็น่าจะ เล่นได้ง่ายขึ้นมากแล้วครับ จริงๆแล้วถ้าเอา technic อ.ปลา ผสมกับ simulate MACD น่าจะ work นะ จากคุณ : แซลมอลรมควัน เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 53 03:03:38