ความคิดเห็นที่ 1 Free Cash Flow is not a good indicator for profitablility. That's it. จากคุณ : French Vanilla เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 53 01:12:00

ความคิดเห็นที่ 2 Thanks guy Do anybody can make me feel better ? eiei That's Me! แก้ไขเมื่อ 29 มี.ค. 53 01:38:09 จากคุณ : มิ่งกลิ้ง เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 53 01:29:10

ความคิดเห็นที่ 3 I don't like POP music.   จากคุณ : tua_tuanoi เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 53 01:46:00

ความคิดเห็นที่ 4 Answer 2 ; DTAC feel Good. (^_^)/            o(>_<)9.                 แก้ไขเมื่อ 29 มี.ค. 53 08:16:22 แก้ไขเมื่อ 29 มี.ค. 53 08:15:34 จากคุณ : tua_tuanoi เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 53 02:08:59

ความคิดเห็นที่ 5 ก่อนอื่นต้องเข้าใจเรื่องรายได้ก่อน ถ้าบริษัทมิ่งกลิ้งจำกัด(มหาชน) ซึ่งขายเต้าฮวยกระป๋อง ขายผลิตภัณฑ์ให้แก่บริษัทเอกชัยดิสทิบิวชั่นจำกัด ที่นี้เวลาไปส่งเต้าฮวยกระป๋อง 10000 ลัง พร้อมใบวางบิล (Taxes Invoice) เพื่อขอชำระเงิน ในอีก 30 วัน เท่านี้ บ.มิ่งกลิ้ง ก็สามารถ นำมาลงบัญชีเป็นรายได้แล้ว แม้จะยังไม่ได้รับเงินสด ในทางกลับกัน บ มิ่งกลิ้ง ไปซื้อวัตถุดิบ จะได้รับวัตถุดิบพร้อมใบวางบิล เพื่อให้จ่ายเงินในอีก 45 วันข้างหน้า ตรงนี้ก็สามารถลงบัญชีเป็นค่าใช้จ่ายต้นทุนผลิตภัณฑ์ได้แล้ว ฉะนั้น การที่จะรู้จำนวนเงินสดที่มีอยู่ ณ เวลาใดเวลาหนึ่งจึงจำเป็นต้องลงให้ถูกต้องคือ ต้องลบยอดขายค้างรับ(Account Receivable) และบวกยอดขายค้างจ่าย (Account Payable) บ. มิ่งกลิ้ง จะมีความมั่นคงเจริญเติบโต จะต้องมี 4 อย่างครับ -  ความสามารถในการทำกำไร (ROA, ROE, Return on Sale) -  ความสามารถในการชำระหนี้/สภาพคล่อง ( Current Ratio, Quick Ratio) -  ความสามารถในการชำระหนี้ระยะยาว (Debt to Equity Ratio, Time Interest Earn) - ประสิทธิภาพในการบริหารสินทรัพย์ (Inventory Turnover, Account Recievable Turnover, Asset Turnover) จากคำถามข้อสุดท้ายที่ว่าเราวัดการทำกำไรจากการลงทุนอย่างไร ผมขออนุมานเอาว่า คงต้องดู ROA ประกอบกับ Asset Turnover ( Sale/Total Asset) ครับ แก้ไขเมื่อ 29 มี.ค. 53 09:04:49 แก้ไขเมื่อ 29 มี.ค. 53 06:17:45 แก้ไขเมื่อ 29 มี.ค. 53 06:15:34 จากคุณ : Hippogryph (จิ้งจกเขียว) เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 53 05:57:10

ความคิดเห็นที่ 6 ต่อให้บริษัทมีกำไรมหาศาล แต่ขาดสภาพคล่อง เพราะให้เครดิตลูกหนี้นานมาก ในขณะที่ต้องเร่งจ่ายชำระหนี้ที่ค้างไว้ ในที่สุดบริษัทก็ต้องกู้เงินมาเพิ่ม เพื่อโป๊ะหนี้ กู้โป๊ะ ๆ ๆ ในที่สุด ต่อให้กำไรมหาศาล บริษัทก็เจ๊ง เพราะเงินฝืด ไม่มีจ่ายแม้แต่เงินเดือน นี่คือเหตุปัจจัยที่ทำไมต้องคิด cash flow ในส่วนของรายได้ค้างรับ ครับ จากคุณ : เตร็ดเตร่ เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 53 08:04:11

ความคิดเห็นที่ 7 แนะนำหนังสือ วัดมูลค่าหุ้นของพี่สุมาอี้ครับ http://dekisugi.net/books/ พี่แกเขียนเรื่อง FCF พร้อมตัวอย่างอธิบายครับ จากคุณ : สุรารักษ์ เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 53 08:07:56

ความคิดเห็นที่ 8 ถ้าไม่อยากเอามาลบโน่นลบนี่ ก็ใช้ EBITDA (ตรงตัวเลย earning บวกกลับด้วย interest, tax, depre., amortize. - นี่ไม่มีลบ มีแต่บวกอย่างเดียว ^^) วิธีทำ cashflow ด้วยการเอากำไรมาตั้งแล้วบวก/ลบ ลูกหนี้ สินค้า เจ้าหนี้ ค้างรับ ค้างจ่ายทั้งหลายแหล่ มันเป็นวิธีคำนวณทางอ้อมครับ ถ้าดูวิธีนี้แล้วอาจจะงง  ดูวิธีหา cashflow ทางตรงเลยอาจจะเข้าใจกว่า *** เงินสดรับจากการขายสินค้า  000     บวก เงินสดรับจากรายได้อื่น  000     หัก เงินสดจ่ายค่าสินค้า           000     หัก เงินสดจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ  000 *** สุทธิออกมาก็คือ เงินสดรับจากการดำเนินงาน แต่วิธีทางอ้อมเอากำไรมาตั้งต้น เลยดูแล้วงง  หลักการมันก็คือว่า กำไรสุทธิ >>> ตัวนี้มันมีค่าใช้จ่ายที่ยังไม่จ่ายจริง และรายได้ที่ยังไม่ได้เป็นเงินเข้ามา บวก ค่าใช้จ่ายที่ไม่เป็นตัวเงิน ค่าเสื่อม สำรอง หัก รายได้ที่ยังไม่ได้รับเป็นเงิน เช่น ส่วนแบ่งกำไรเงินลงทุนในบริษัทร่วม บวก/ลบ รายการที่ต้องจัดเป็นประเภทอื่น เช่น เงินปันผลรับ กรณีที่ถือเป็นส่วนของ "กิจกรรมการลงทุน" บวก/ลบ การเปลี่ยนแปลงของเงินทุนหมุนเวียน อธิบายอย่างนี้เผื่อจะเข้าใจงบกระแสเงินสดมากขึ้น (เปล่าหว่า) จากคุณ : TingTing เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 53 10:14:10

ความคิดเห็นที่ 9 บริษัทที่ดี ในระยะสั้น ต้องมีสภาพคล่องในการดำเนินงาน (ดูจาก cf, free cf, liquidity ratio) และในระยะยาวต้องมีความสามารถในการทำกำไร มีประสิทธิภาพในการบริหารงาน (ROA, ROE, turn over ต่างๆ) และมีการเติบโต (ดู growth ratio ต่าง) สำหรับที่คุณมิ่งกลิ้ง สงสัย เอาเป็นว่า ถ้าบริษัทมี operating cf เยอะๆ-->ดีแน่นอน แสดงว่าบริษัทดำเนินงานแล้วได้เงิน แต่ถ้า cf จากการลงทุนติดลบ --> ดี ถ้าบริษัทลงทุนใน project ที่เป็นการขยายงาน มีแนวโน้มที่จะสร้างการเติบโตในอนาคต สำหรับ fcf --> ก็ต้องกลับมาดู operating cf กับ cf จากการลงทุนอีกที ไม่รู้ช่วยบ้าง จขกท ได้บ้างปล่าว จากคุณ : NANSEN เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 53 10:25:18

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณพี่ๆทุกคนมากครับ มองเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น สงสัยต้องลับไปอ่าน+หาหนังสืออื่นเพิ่มเติมเยอะๆ จะได้เข้าใจมากขึ้น ขอบคุณมากครับ จากคุณ : มิ่งกลิ้ง เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 53 12:09:31