ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าเป้าหมายการลงทุน สามารถให้เวลาการลงทุนได้อย่างเต็มที่ ..... เงินปันผลจากกองทุนเป็นส่วนเสริมเพิ่มเติม เพื่อให้สามารถลงทุนได้ในระยะยาว โดยไม่ต้องกังวลหาจังหวะการขายคืนเพื่อส่วนผลตอบแทนจากส่วนต่าง กับ LTF โดย SCBLT1 น่าจะเป็นคำตอบที่ดีได้.... ทั้งโอกาสรับปันผล และประโยชน์จากการนำไปใช้ลดหย่อนภาษี แม้จะไม่มากจากการที่ฐาน รายได้ที่คำนวณภาษีอยู่ที่ระดับ 10% แต่ก็ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อที่ 2 เมื่อรวมกับโอกาสรับเงินปันผลจากกองทุนในช่วงเวลาการลงทุนระยะยาว ส่วน SCBDV ใช้เสริมเพิ่มเติม เป็นส่วนเพิ่มการลงทุนที่นอกเหนือสิทธิ ที่ใช้ LTF ไปลดหย่อนภาษี ..... ก็น่าจะสามารถตอบรับสิ่งที่ต้องการจากการลงทุนได้ครบถ้วนครับ ส่วนกองทุนอื่นๆ สามารถเลือกลงทุนเพิ่มเติม หรือจะสับเปลี่ยนย้ายรูปแบบ การลงทุนในบางช่วงเวลาที่มีโอกาส อย่างเช่นเปลี่ยนจาก SCBLT1 เป็น SCBLTT ยามที่มั่นใจกับตลาดหุ้นมากยิ่งขึ้น หรือบางโอกาสอาจจะเปลี่ยนไปลงทุนกับ SCBLT2 บางโอกาสระหว่างช่วง เวลาที่ไม่น่าจะถึงเวลาสำหรับการปันผลก็ได้ครับ ตัวเลือกการลงทุนที่หลากหลาย อย่างเช่น - กองทุนตราสารหนี้ ที่มีข้อจำกัด :: SCBRF ที่ขายคืนได้เฉพาะวันที่ 16 ของเดือน - กองทุนหุ้น :: SCBSET เคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงไปตามดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (SET INDEX) :: SCBDV เน้นการลงทุนระยะยาว เพื่อรอรับผลตอบแทนในรูปเงินปันผล :: SCBPMO การะจายการลงทุนไปยังหุ้นในกลุ่มต่างๆ ทั้งขนาดใหญ่ และเล็ก - กองทุนหุ้นต่างประเทศ :: SCBPGF ลงทุนใน 3 หวีป - อเมริกา ยุโรป และประเทศญี่ปุ่น :: SCBAEM ลงทุนในกลุ่มประเทศในโซนเอเซีย ยกเว้น ญี่ปุ่น - กองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ :: SCBAUD ทีอาจจะเสมือนเป็นการลงทุนกับค่าเงิน ออสเตรเลีย น่าจะทำให้มีโอกาสสร้างเป้าหมายที่วางไว้ เป็นจริงได้ไม่ยากครับ แก้ไขเมื่อ 05 เม.ย. 53 23:43:31 จากคุณ : pjuk เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 23:13:33

ความคิดเห็นที่ 2 LTF :: จะมีทั้งหมด 6 กองทุน แบ่งเป็น 2 รูปแบบตามความเสี่ยง เสี่ยงน้อย ด้วยลักษณะกองทุนที่ออกแบบมา เพื่อลดความผันผวนจากหุ้นให้ต่ำลง SCBLT1 - ไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวปันผล 70/30 :: มีนโยบายการจ่ายปันผล :: จะมีสัดส่วนการลงทุนไม่เกิน 70% ที่เหลือจะเป็นตราสารหนี้ SCBLTS - ไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวสมาร์ท :: ไม่มีนโยบายการจ่ายปันผล :: มีการลงทุนใน SET50 Index Futures ในทิศทางที่ใช้หักล้างกับตลาดหุ้น ทำให้ลดความผันผวนจากตลาดหุ้นได้เกือบ 40% ครับ เสี่ยงมาก ด้วยลักษณะการลงทุนในหุ้นอย่างเต็มที่ แต่ในบางช่วงเวลาก็จะมีการปรับเปลี่ยนสัดส่วนบ้างเล็กน้อย SCBLT2 - ไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว พลัส :: ไม่มีนโยบายการจ่ายปันผล :: ลงทุนในหุ้นกลุ่ม SET50 ที่เป็นหุ้นขนาดใหญ่ ประมาณ 90% SCBLT3 - ไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว เอ็มเอไอ :: ไม่มีนโยบายการจ่ายปันผล :: กระจายการลงทุนในหุ้นที่หลากหลาย    : กลุ่มหุ้น SET50 ประมาณ 40%    : กลุ่มหุ้นระดับล่างของ SET100 ประมาณ 40%    : ที่เหลือประมาณ 20% จะปรับเปลี่ยนตามสภาวะการณ์ รวมถึงมีการลงทุนใน SET50 Index Futures ด้วยครับ SCBLT4 - ไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวอินเตอร์ :: มีนโยบายการจ่ายปันผล :: มีการกระจายไปลงทุนในกองทุนต่างประเทศประมาณ 5 - 10% SCBLTT - ไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวทาร์เก็ต :: มีนโยบายการจ่ายปันผล :: เป็นรูปแบบผสมที่หลากหลายการลงทุน เหมือนเป็นตัวรวมของ LTF ทั้ง 5 กองทุนข้างต้นครับ ปรับเปลี่ยนรอรับโอกาสกับปันผลได้ 3 กองทุน (SCBLT1, SCBLT4, SCBLTT) ครับ แก้ไขเมื่อ 05 เม.ย. 53 23:44:13 จากคุณ : pjuk เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 23:20:14

ความคิดเห็นที่ 3 ขอบคุณคุณ pjuk มากๆเลยนะครับ ในเบื้องต้นคงเปน lt1 กะ dv ล่ะครับ ^ ^ ไว้ปีหลังๆก่อนขายคืนค่อยเปลี่ยนมาเปนพวกผลตอบแทนดีๆก้อน่าจะยังไหว จากคุณ : Like_a_Heaven เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 23:40:33

ความคิดเห็นที่ 4 ผมว่า LTF เสี่ยงไปสำหรับการได้คืนภาษีที่ 9000 บาท เพราะมันเป็นฐานภาษีที่เรท 10% คือต้องซื้อเกือบแสนบาทเพื่อจะได้คืนภาษี 9000 บาท คือมันมีโอกาสน้อยกว่ามูลค่าในวันนี้ก็ได้(ตลาดหุ้นไม่แน่ไม่นอน) ผมว่าฝากประจำไปเรื่อยๆ น่าจะดีกว่า หรือจะแบ่งเงินมาสักครึ่งมาฝากธนาคารบ้างก็ดี จากคุณ : JoGeotech เขียนเมื่อ : วันจักรี 53 03:07:03

ความคิดเห็นที่ 5 ผมซื้อ SCBLT1 เมื่อปี 2005 ราคา 10.6356 บาทต่อหน่วย จนถึงเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2010 รวม 5 ปี ราคา 12.6631 บาทต่อหน่วย เพิ่มขึ้น 19.06% เฉลี่ย 4% ต่อปี ทั้งนี้ยังไม่ได้คิดเงินปันผลครับ จากคุณ : เตร็ดเตร่ เขียนเมื่อ : วันจักรี 53 08:02:19

ความคิดเห็นที่ 6 ผมก็ซื้อ LT1 มาตั้งแต่ปี 2006 (2549) ครับ ซื้อทุกปีและซื้อ LT1 ตัวเดียว ไม่เคยย้ายไปมาเลย ลองดูความผันผวนของมันใน 5 ปีที่ผ่านมา และตอนนี้ผมจะขายของปี 2549 ได้ตัวเดียวครับ ซึ่งได้กำไรแน่ๆ (ปีอื่นๆ หลังจากปี 2549 ยังขายไม่ได้ เนื่องจากติดพันธะของการขอคืนภาษี) ถ้าขายตอนนี้ได้ ตัวที่ผมซื้อปี 2551 กำไรเยอะสุด และของปี 49-50 ก็มีกำไรพอประมาณ ส่วนที่ซื้อปี 2552 และ 2553 กำไรนิดหน่อย คือที่อยากเตือนไว้นิดว่าอีก 5 ปีปฏิทินไม่รู้มันจะไปอยู่ตรงไหน ถ้าซื้อที่ราคาวันนี้ (13 บาท) ผมว่าราคาพอเล่นได้ถ้าจะเล่นสั้นๆ แต่จะควบขอคืนภาษีด้วยก็มีความเสี่ยงในระดับหนึ่งโดยเฉพาะที่ฐานภาษี 10% (ผมฐานภาษี 30% เลยค่อนข้างแบกรับความเสี่ยงได้หน่อย แต่ก็นะความเสี่ยงของแต่ละคนไม่เท่ากัน แต่แค่อยากบอกเพื่อเป็นอีกข้อที่ต้องพิจารณาครับ) จากคุณ : JoGeotech เขียนเมื่อ : วันจักรี 53 11:03:44

ความคิดเห็นที่ 7 ภาพนี้ตั้งแต่จัดตั้งกองทุน LT1 (ต.ค. 2547) ครับ จากคุณ : JoGeotech เขียนเมื่อ : วันจักรี 53 11:13:32

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณทุกท่านสำหรับข้อมูลครับ ไว้ผมจะพิจารณาอีกทีครับ ^ ^ จากคุณ : Like_a_Heaven เขียนเมื่อ : วันจักรี 53 22:22:14