|
ความคิดเห็นที่ 25 |
|
ความคิดเห็นที่ 5 ที่กล่าวมา ทั้งหมดนี้ .... ครั้งแรก ๆ คุณอาจจะพบว่า มันช่างยากเย็น ซะเหลือเกินในการกระทำตามแผนการลงทุน แต่คุณจะพบว่า หากคุณลองได้ทำซัก 2-3 ครั้งแล้ว ครั้งต่อ ๆ ไป มันจะง่าย และเป็น อัตโนมัติ มากขึ้น "the best way is the most simple way" "there is no short cut in stock market" "anything can be possible in SET" จากคุณ : อาหนิว - [ 15 ส.ค. 51 04:28:16 ] ความคิดเห็นที่ 9 ถ้าติดดอยแล้ว การซื้อเฉลี่ยขาลงให้ซื้อในรูปแบบปิรามิด ตามแนวรับใหญ่ๆ เช่น EMV200, แนว Fibo, แนว Gann ที่เหมาะสม ฯลฯ และระหว่างทาง ให้ทำ DSM ไปด้วย และถ้ามันเด้งถึงแนวต้าน ให้ขายออกตามสมควร(ครึ่งหนึ่ง หรือ 3/4) เพื่อรักษาเงินทุนไว้ ถ้ามันขึ้นต่อ ก็ให้ซื้อเฉลี่ยขาขึ้น ในรูปแบบปิรามิด เมื่อถึงแนวต้านต่อไป ให้ขายออกตามสมควร(ครึ่งหนึ่ง หรือ 3/4) เพื่อรักษาเงินทุนไว้ เช่นกันครับ แค่นี้ก็จะทำให้ได้กำไรแล้วครับ จากคุณ : GABLIEL - [ 15 ส.ค. 51 07:15:02 ] ความคิดเห็นที่ 1 ..............ทำไม ผมจึงไม่เครียด.............. เหตุเพราะ ผมคัทลอส มาเรื่อย ๆ ตั้งแต่ สองเดือนที่แล้ว จนเหลือหุ้นเพียง 20% ของพอร์ต จากนั้นผมก็ใช้ 20% นี้ นำมาเล่น ชอร์ต ซื้อเข้า ขายออก ไป ๆ มา ๆ แต่มีกฎว่า ทุกครั้งที่ซื้อเข้า หรือ ขายออก ผมต้องมีกำไร ทุกครั้ง เช่นว่า ผมมีหุ้น ABC อยู่ 10,000 หุ้น ราคาปิดวานนี้ ที่ 15 บาท ผมวางแผนไว้เลยว่า ถ้าราคาวันนี้ ลงไปที่ 14.50 ผมจะต้องขาย 5000 หุ้น แต่ถ้าราคาวันนี้ วิ่งขึ้นไป สมมุติไปที่ 15.3 ราคาขาย ผมจะเลื่อน ขึ้นไปเป็น 14.80 บาท 5000 หุ้น เมื่อผมขายไปแล้ว สมมุติขายที่ราคา 14.50 บาท ผมจะต้องขายจุดต่อไปที่ 14 บาท จุดซื้อกลับคือ สมมุติว่า ผมขายไปที่ 14 บาท แล้วผมจะต้องซื้อกลับ หากราคาวิ่งกลับมาที่ 14.30 ซึ่งจะเป็นล็อตที่ ขายออกที่ 14.50 บาท ตรงนี้ ผมจะได้กำไร 0.20 บาท แต่ถ้าหากว่า ผมขายไปแล้ว เกิดราคาหุ้นลงไปที่ 13.8 จุดซื้อกลับของผมจะอยู่ที่ 14.10 ซึ่งจะทำให้ผมได้กำไร 0.40 บาท ผมจะทำซ้ำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งได้เงินส่วนต่างมาจำนวนหนึ่ง ผมก็นำไปซื้อหุ้นเพิ่ม ไปเรื่อย ๆ ..... บางคนอาจสงสัยว่า งั้นคัทออกไปหมด แล้วออกจากตลาดไปเลยดีกว่ามั๊ย แล้วค่อยไปรอซื้อที่ 300 220 จุด อะไรนั่น ......ขอบอกว่า ถ้าท่านอ่านแนวโน้ม รู้แจ้งเห็นจริงขนาดนั้น ขอให้ท่านหยุดอ่านเถอะครับ เพราะท่านเก่งกว่าผมแน่นอน และท่านอ่านสิ่งที่ผมจะเขียนต่อไป ก็คงไม่เกิดประโยชน์อะไร ..... เพราะที่ผมเขียนนี้ ผมเขียนให้ เพื่อน ๆ ที่ ตอนนี้ไม่รู้จะทำอย่างไรกับพอร์ตตัวเอง ได้เกิดความคิด ที่จะนำสินทรัพย์ที่มี ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ....... จากคุณ : อาหนิว - [ 11 ต.ค. 51 02:06:22 ] ความคิดเห็นที่ 2 หลักการนี้มาจาก ผมมองว่าการลงทุนในตลาดหุ้น เหมือน เปิดโรงงาน ครับ ทำโรงงาน คุณต้องลงทุนเครื่องจักร ซึ่งนำมาผลิตสินค้าออกไปขาย นำกำไรกลับมา หมุนเวียนต่อไป คงไม่มีใครซื้อเครื่องจักรมา เพื่อนำมาเก็งกำไรเครื่องจักร ถูกมั๊ยครับ เพราะฉะนั้น หุ้นทุกตัว ในพอร์ตผม คือ เครื่องจักร ผลิตเงิน เพื่อนำเงินที่ได้มา ซื้อเครื่องจักรเพิ่มต่อไป .................................... ส่วนเงินที่เหลือ อีก 80% ของพอร์ต ผมจะเข้าซื้อตอนไหน ผมก็จะเข้าซื้อ ตอนที่ ตลาดหุ้นมันดีดกลับมาจากจุดต่ำสุด ขึ้นมา ซัก 10% ผมไม่เคยคิดเสียดายที่ไม่ได้ซื้อที่ราคาต่ำ แต่ผมเสียดายที่ ผมไม่ได้ขายที่ราคาสูงมากกว่า อย่างวันนี้ ผมขายที่ราคาเปิดในตอนเช้า ออกไปครึ่งนึง ผมก็เฉย ๆ แม้รู้ว่าจะเป็นราคาขายที่ต่ำสุดของวัน จากนั้นผมก็จะกำหนดจุดซื้อ กลับ 20% ของพอร์ตที่ราคา 10% จากจุดต่ำสุด แต่ต้องไม่เกินราคาที่เคยขายออกไป เช่นผมมีเงินลงทุน หุ้น ABC 1 ล้านบาท ผมนำเงินมาหมุนแล้ว 200000 บาท วันนี้ผมขายที่ราคาเปิดที่จุดต่ำสุด 12.40 บาท ผมเหลือหุ้น 7000 หุ้น ผมจะซื้อหุ้นเพิ่มอีก 200000 บาท ที่ราคา 13.60 บาท ได้อีก 14700 หุ้น จากนั้นผมก็จะทำซ้ำแผนเดิม โดยที่ จุด คัทจุดต่อไป คือ 13.10 บาท ออกไป 10500 หุ้น และที่เหลือ ที่ 12.60 บาท ตามลำดับ พอจะนึกภาพตามได้นะครับ ทั้งนี้ ทั้งนั้น คุณต้องลงบัญชีไว้ ตลอด ทุกราคา ที่ซื้อ ขาย เพื่อที่จะได้ไม่สับสน เมื่อเวลาผ่านพ้นไป เช่น หุ้นลงรอบนี้ ผมได้ ซื้อคืน ล๊อตที่ผมเคยขาย ไว้เมื่อ 2 ปี ที่แล้ว กลับคืนมา .................................... จากคุณ : อาหนิว - [ 11 ต.ค. 51 02:09:26 ] ความคิดเห็นที่ 3 ถามว่า วิธีนี้ ผมได้กำไร หรือ ขาดทุน เท่าไหร่ เมื่อเทียบกับมูลค่าของพอร์ต ณ จุดสูงสุด ของตลาดหุ้นรอบนี้ เหตุที่ไม่เทียบกับ ทุน เพราะ ผมถือว่า โรงงานของผม เคยมีค่าสูงสุด เท่าไหร่ ขอบอกตามตรง 80% ที่แปลงเป็นเงินสดก่อนหน้านั้น ผมขาดทุน 7% กว่า ส่วนอีก 20% ที่นำมาหมุนเวียน ณ วันนี้ ผมขาดทุนไปแล้ว 23% รวมแล้ว เป็นประมาณ 10% จากมูลค่า ณ จุดสูงสุด แต่ หุ้นABC ตอนนี้ มีจำนวนหุ้น เท่ากับตอน ตลาดสูงสุด และหุ้นตัวอื่น ๆ ในพอร์ต ก็มีจำนวนหุ้น พอ ๆ กันกับเมื่อตอนตลาดสูงสุด นั่นคือ ผมมีจำนวนหุ้นเพิ่มมาเท่านึง และหากนำเงินทั้งหมดมาซื้อกลับตอนนี้ ผมจะมีหุ้นเพิ่มมา 10 เท่า ซึ่งหากผลประกอบการบริษัท ไม่ได้ขาดทุน ยังสามารถจ่ายปันผลได้ ผมจะได้เงินปันผล มากกว่าปีที่ผ่านมา ถึง 10 เท่าด้วยกัน ซึ่งผมพอใจมากครับ ........................ จากคุณ : อาหนิว - [ 11 ต.ค. 51 02:11:10 ] ความคิดเห็นที่ 4 ..............ใครเหมาะกับวิธีนี้..................... ตอบ คือ ทุกคนที่ตอนนี้ ติดหุ้น ขาดทุน และเหมาะอย่างยิ่ง คือ ผู้ที่กำลัง คิดที่จะซื้อถัวเฉลี่ย อย่านำเงินก้อนใหม่มาละลายแม่น้ำเลยครับ แต่จงนำทรัพย์สินที่มีอยู่มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดเถิด สำหรับผู้ที่ ติดหุ้น เต็มแม็กซ์ ไปแล้ว ลงทุนในหุ้น เต็มพอร์ต ไปแล้ว อาจจะดัดแปลงโดยทะยอยขายทีละ 20% แทน เพราะจะทำให้หาก ขายผิด ขายแล้วหุ้นเด้งขึ้น ก็จะยังเหลือ หุ้น 80% ไว้อยู่ วิธีนี้ ไม่ใช่ วิธีที่ดีที่สุด แต่เป็นวิธีที่เหมาะกับตัวผมที่สุด เพราะผมไม่มีอินไซต์ เพราะผมไม่เชื่อเรื่องแนวรับ แนวต้าน เพราะผมไม่เชื่อนักวิเคราะห์ เพราะผมเลิกเล่นหุ้นไม่ได้ ขอเพียง บริษัท ยังจ่ายปันผล ขอเพียง บริษัท ไม่ออกจากตลาด ขอเพียง ราคา ยังคงเคลื่อนไหว .....เครื่องจักร ในโรงงานผม ยังผลิตสินค้าออกมา ทำกำไรให้ได้เรื่อย ๆ ครับ..... ผมเพียงแต่แนะนำ หลักการ และ แนวคิด เท่านั้น ส่วนแผน จุดซื้อ จุดขาย นั้น ต้องปรับเปลี่ยนไปตาม สไตล์ ของแต่ละ บุคคลครับ และยังต่างกันไป ในแต่ละตัวหุ้นด้วย ทดลองทำดู แล้วจะรู้ครับ ขอให้โชคดี ทุกท่าน จากคุณ : อาหนิว - [ 11 ต.ค. 51 02:13:03 ]
จากคุณ |
:
RanmaXYZ
|
เขียนเมื่อ |
:
11 เม.ย. 53 00:40:59
|
|
|
|
|