ความคิดเห็นที่ 1 ข้อเสีย คือ มันนานไป ที่ผมไม่ซื้อ RMF ก็เพราะคิดว่า ในอนาคตผมอาจจะเกษียณตัวเอง (คือ เลิกทำงานประจำ) ก่อนอายุ 55 ปีไงครับ.. ซึ่งถ้าหากเกษียณตัวเองมาแล้ว ไม่ทำงานประจำ ก็ไม่ต้องเสียภาษี แล้วทำไมจะต้องเอาเงินไปจ่าย RMF อีกล่ะ.. (ซึ่งเห็นว่า ซื้อกองทุน RMF ต้องซื้อติดต่อกันทุกปี เว้นได้ 1 ปี จนกว่าจะอายุ 55 ปี ต่างจากซื้อ LTF ที่ซื้อในปีภาษีที่ตนเองต้องการลดหย่อน แล้วปล่อยทิ้งเลย) ในเมื่อควรจะเอาเงินที่ตัวเองสะสมไว้ มาจ่ายตัวเองดีกว่า แต่ถ้าคนที่ตั้งใจจะทำงานกินเงินเดือน ไปจนกว่าจะเกษียณ 60 ปี ก็ลองกองทุนนี้ได้ครับ แก้ไขเมื่อ 10 พ.ค. 53 23:52:50 แก้ไขเมื่อ 10 พ.ค. 53 23:52:07 จากคุณ : หมอก้อนหิน เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 23:50:04

ความคิดเห็นที่ 2 ขอบคุณ จขกทครับ ขอ share ความเห็นส่วนตัวครับ พอถึง 55 ก็ไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินก้อนนั้นแล้ว ทำงานมั่นคงรายได้มากขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้เงินก้อนนั้นจะมีผลอะไรในคนที่ทำงานจนอายุ 55 เคยคิดจะขายทิ้งแล้วจ่ายภาษีเพิ่มเหมือนกัน แต่คงยุ่งยาก ตอนนี้ซื้อ 5000 ปีเว้นปี จากคุณ : ดันซื้อไปแล้ว (thrill) เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 53 23:56:44

ความคิดเห็นที่ 3 ข้อดีที่ว่ามาของ RMF  เหมือน LTF ทุกอย่าง แต่ LTF มีสภาพคล่องมากกว่า RMF ถ้าจิตใจคนซื้อมั่นคงพอ  ซื้อ LTF น่าจะดีกว่า เผื่อกรณีฉุกเฉินจริงๆ เช่น เป็นโรคร้าย หรือเกิดอุบัติเหตุ อย่างน้อยก็พอจะถอนกองเงินที่ลงทุนไปเกิน 5 ปี ออกมาใช้ได้ (เพื่อไม่ให้เสียผลโยชน์ทางภาษี) จากคุณ : แม่น้องอะตอม เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 53 00:11:07

ความคิดเห็นที่ 4 # 2 อายุเท่าไหร่แล้ว คงยังหนุมๆ แต่เวลาผ่านไปเร็วนะครับ แป็ปๆ ก็ 40 แป็ปๆ ก็ 50  ที่ว่าพออายุ 55 ไม่รู้จะเอาเงินไปใช้อะไรแล้ว นี่ไม่จริงแน่นอน มีเรื่องให้ใช้เยอะแยะ ยกตัวอย่างเช่น ถึงตอนนั้นคุณอาจจะอยากซื้อบ้านตากอากาศ ทำเล วิวดีๆ มีที่ดินกว้างๆให้ลูกหลาน มาพักด้วย หรือ อาจจะเดินทางท่องเที่ยวไปโลกกว้าง อายุ 55 นี่ยังไม่แก่เลยนะ ยิ่งถ้าดูแลตัวเองดีๆนี่ คนข้างบ้านผมวิดพื้นวันละ 100 ครั้ง (รวดเดียวนะ)สบายๆ ยังมีแรงใช้งินอีกเยอะ จากคุณ : delight เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 53 00:26:33

ความคิดเห็นที่ 5 เหตุผลสำคัญที่ผมไม่ทำ RMF คือ ถึงแม้ว่าจะได้ผลประโยชน์ปีแรกในการประหยัดเงินภาษีสูงสุด 37% แต่ว่าหลังจากนั้น เท่ากับว่าเงินคุณถูกดองเค็มอย่างโดยที่คุณทำอะไรไม่ได้ จนกว่าจะอายุ 55 ปีเลยนะ ทำได้แค่อย่างเดียวคือ สลับไปสลับมาระหว่างกองทุน และหวังว่าผู้จัดการกองทุนทั้งหลายแหล่ จะทำกำไรให้คุณได้ แล้วถ้าเกิดคุณเริ่มทำ RMF ตอนซัก 20 กว่า ๆ กว่าจะ 55 คุณคงต้องผ่าน economic crisis อย่างน้อย 1-2 ครั้ง ใครจะรับประกันได้ว่า เงินที่ลง RMF ไป จะอยู่ดีมีสุข ??? ผู้จัดการกองทุนเค้าไม่ได้รับประกันนะ เค้าเอาแค่ค่าบริหาร กับเงินเดือน ... จากคุณ : Morning Star เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 53 03:55:52

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้ากอง RMF ที่เป็นตราสารหนี้ตาย ... ก็จบเห่แล้วล่ะ พอดีผมมีวิธีการที่สลับกอง RMF หุ้นกับตราสารหนี้ น่ะ ... ยังไงก็กำไรเห็นๆ 30% จากเงินต้น ยิ่งหุ้นลงเยอะๆ ยิ่งดีเพราะจะได้โยกกองตราสารหนี้มาเก็บได้ ก็แล้วแต่คนครับ เพราะบางคนคิดว่าเอาเงินมาทำอย่างอื่นได้เยอะกว่า แต่พอดีผมไม่มีความสามารถตรงนั้น ... และเกิดบังเอิญมีขึ้นมาก็ยังมีเงินอื่นเหลืออยู่ ... ไม่ได้คิดเอาเงินทั้งหมดไปลง RMF แน่นอนครับ จากคุณ : KENG76 เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 53 06:11:48

ความคิดเห็นที่ 7 RMF มันต้องซื้อต่อเนื่องด้วยน่ะครับ ทำให้ผมไม่อยากซื้อ เพราะกว่าจะเอามาใช้ได้ก็ตั้ง 55 - -ฟ แต่ถ้ามันไม่ได้ต่อเนื่องก็น่าสนใจอยู่เหมือนกันนะ จากคุณ : CySpk เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 53 07:09:00

ความคิดเห็นที่ 8 แก้ความเห็น 1 ครับ ถ้าเกษียณตัวเอง  หรือ ปีไหนไม่มีรายได้พึงประเมิน ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อRMFต่อเนื่องครับ จากคุณ : โซดา โค้ก เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 53 07:25:07

ความคิดเห็นที่ 9 ผมยังเอ๊าะเลยไม่สนใจซื้อ RMF ครับ จากคุณ : เตร็ดเตร่ เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 53 07:57:10

ความคิดเห็นที่ 11 ผมคิดว่าลงทุนใน RMF ก็ดีนะครับ ... แม้ว่าจะเกษียณก่อนกำหนดก็ตาม ผมลงทุน RMF มาตลอด (ตั้งแต่ปี 2544) ตอนนี้ผมอายุ 40 ปี เกษียณแล้ว แต่ก็เพราะยังพอมีรายได้จากดอกเบี้ยหุ้นกู้บ้าง แม้ไม่มาก ลดหย่อนภาษี ได้ 10% ก็ยังดี และผมคิดว่าเป็นเงินที่เก็บไว้เพื่ออนาคต โดยเราก็ยังบริหารเงินก้อนนี้ได้ โดยการสลับไปตราสารหนี้ หรือหุ้น หรืออื่นๆ ตามความเหมาะสมได้ และ บังคับให้เราไม่ให้เอาเงินก้อนนี้ออกมาใช้ จากคุณ : นิสิต เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 53 08:51:23

ความคิดเห็นที่ 12 เพิ่มเติมในส่วนที่คุณอาจยังไม่รู้ กติกาที่กำหนดไว้ - สามารถลงทุนปีเว้นปีได้ และขั้นต่ำแค่ 5000 บาทต่อปี - ถ้าผิดกติกา คืนส่วนลดหย่อนภาษีและค่าปรับ ย้อนหลังแค่ 5 ปี ดังนั้นถ้าต้องการหยุดซื้อ RMF ก่อนอายุ 55 ปี ก็สามารถ ปีที่ 1 (ถัดจากปีที่ซื้อล่าสุด)   ลงทุน    0    บาท ปีที่ 2                                ลงทุน  5000 บาท (ไม่นำไปขอลดหย่อน) ปีที่ 3                                ลงทุน    0    บาท ปีที่ 4                                ลงทุน  5000 บาท (ไม่นำไปขอลดหย่อน) ปีที่ 5                                ลงทุน    0    บาท   ครบปีที่ 6 ก็เป็นอิสระ ถ้าต้องการใช้เงินจะขายหน่วยลงทุนทั้งหมด หรือบางส่วนก็ได้ แต่ต้องนำเฉพาะส่วนที่กำไร ไปคำนวณเป็นเงินได้เพื่อชำระภาษี จากคุณ : พ่อน้องMAN เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 53 09:43:04

ความคิดเห็นที่ 13 น่าสนใจ ผมอายุ 27-28 เหมาะที่จะซื้อ RMF หรือยังครับ จากคุณ : หมอก้อนหิน เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 53 11:16:19

ความคิดเห็นที่ 14 สมมุติอายุ 35 ปี เอาเงิน 100,000 ก้อนแรก ลง RMF ถอนได้ตอน 55 = ลงทุน 20 ปี ได้ลดภาษี (สมมุติ 30%) 1 ครั้ง เอาเงิน 100,000 ก้อนแรก ลง LTF ครบ 5 ปี ถอนออกมาลงทุนซ้ำได้ 4 ครั้ง ประหยัด ภาษี 30% 4 ครั้ง ผมเอา LTF ครับ ว่าแต่ LTF มันมีเลิกไหมเนี่ย ใครรู้ช่วยบอกด้วยครับ จากคุณ : Funnyy เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 53 11:22:13

ความคิดเห็นที่ 15 ประเด็นของคนส่วนใหญ่น่าจะมีเงินไม่เพียงพอในการซื้อทั้ง LTF และ RMF LTF ยังคงเป็นทางเลือกที่ดีกว่าครับสำหรับคนที่มีเงินจำกัด ใครจะมีเงินเก็บเหลือๆปีละ 30% ของรายได้ ? อย่างไรก็ตามผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งหากมีเงินเหลือเก็บจริงๆก็ควรลง RMF ด้วยครับ หลังจากลง LTF จนเต็ม limt แล้ว จากคุณ : Tamจัง เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 53 11:46:39

ความคิดเห็นที่ 16 RMF นี่เป็นอะไรที่ต้องซื้อแน่นอน... 1. กำไรทันทีที่ซื้อ 20-37% 2. ขายตอนไหนก็คืนภาษีย้อนหลังแค่ 5 ปี...ก่อนหน้านั้นก็เก็บสบาย 3. เงินแค่ไม่เกิน 5 แสนต่อปีนี่เล็กน้อยครับ...ลงหุ้นยังมากกว่านี้... 4. RMF ทางเลือกลงทุนเยอะมาก...หุ้นขึ้นก็ลงทุนหุ้น...ทองขึ้นก็ลงทุนทอง...ไม่งั้นก็ตราสารหนี้ 5. ลงมา 4 ปีแล้ว...ผลตอบแทนดีมาก...ไม่คิดที่จะถอนเลย (ก็ดีอยู่แล้วจะถอนทำไมล่ะ) จากคุณ : kraikria เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 53 12:29:25

ความคิดเห็นที่ 17 ตอบ คคห.14 ในขณะนี้ปีสุดท้ายที่ใช้สิทธิ์ LTF ได้ คือ พ.ศ. 2559 ค่ะ จากคุณ : ฝันก่อนนอนทุกคืน เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 53 16:53:27

ความคิดเห็นที่ 18 อีกอย่างนึง...อย่าเอา LTF ไปเทียบกับ RMF เลยครับ...คนละจุดประสงค์กัน คนที่บอกว่าลง LTF ดีกว่า RMF...แล้วก็ทำไมไม่ลงทั้ง LTF และ RMF ละครับ??? เค้าไม่ได้ห้ามว่าลง LTF แล้วจะลง RMF ไม่ได้นี่นา คิดง่ายๆ ลง RMF ไป ปีแรก 500,000 บาท ได้ภาษีคืน 30% = 150,000 บาท ปีที่ 2 ลง 0 บาท ปีที่ 3 ลง 5,000 บาท ได้ภาษีคืน 30% = 1,500 บาท ปีที่ 4 ลง 0 บาท ปีที่ 3 ลง 5,000 บาท ได้ภาษีคืน 30% = 1,500 บาท ปีที่ 6 ลง 0 บาท ปีที่ 7 ไถ่ถอนคืนหมด จ่ายคืน 1,500 + 1,500 = 3,000 บาทบวกผลตอบแทนของ 3,000 บาทนั้น คำตอบคือ...ก็คืนไปซิครับ 3,000+ เนี่ย...ได้มาก็แค่คืนไป...แต่เราได้ผลตอบแทนแน่ๆไปแล้ว 150,000 บาท (ยังไม่รวมดอกเบี้ยนะ) บวกกับผลตอบแทนของ 500,000 บาทใน 6 ปี (ถ้าลงตราสารหนี้ก็ 2-5% ทุกปีอย่างน้อย) แก้ไขเมื่อ 11 พ.ค. 53 17:18:55 จากคุณ : kraikria เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 53 17:13:16

ความคิดเห็นที่ 19 นักลงทุนต้องลงทุนตามเงื่อนไข การลงทุนของ RMF ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้    *      เงินลง ทุนใน RMF ต้องเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร    *      ต้อง ลงทุนสะสมอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยไม่มีการระงับการลงทุนเกินกว่า 1 ปีติดต่อกัน แต่หากมีความจำเป็นก็สามารถระงับการลงทุนได้ แต่ต้องไม่เกิน 1 ปีติดต่อกัน ยกเว้นนักลงทุนผู้นั้นไม่มีเงินได้แต่อย่างใด ก็สามารถว่างเว้นจากการลงทุนได้จนกว่านักลงทุนผู้นั้นจะมีเงินได้กลับมาลง ทุนต่อไป ซึ่งในกรณีนี้ไม่ถือว่าเป็นความผิดเงื่อนไขการลงทุน ทั้งนี้ให้นับอายุการลงทุนแบบวันชนวันตั้งแต่วันแรกที่เริ่มลงทุน ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเริ่มลงทุนตอนอายุ 51 ปีอย่างสะสมและต่อเนื่องในกองทุน RMF ตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค. 2552 ไปในอนาคตจนเมื่อคุณมีอายุ 56 ปี คุณจะสามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้โดยไม่ผิดเงื่อนไขที่ได้กำหนดไว้ในวันที่ 31 ธ.ค. 2557 นับเวลา 5 ปีพอดี    *      ต้องลง ทุนขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 3% ของเงินได้ หรือไม่น้อยกว่า 5,000 บาทต่อปี อย่างใดอย่างหนึ่งแล้วแต่ว่าจำนวนเงินใดจะต่ำกว่า (กรณีที่นักลงทุนซื้อหน่วยลงทุนใน RMF หลายกองทุนให้รวมการซื้อหน่วยลงทุนใน RMF ทุกกองทุน)    *      เงิน ลงทุนขั้นสูงสุดต้องไม่เกิน 15% ของเงินได้ และเมื่อรวมกับ เงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund) หรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) หรือกองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน (ถ้ามี) จะต้องไม่เกิน 5 แสนบาทต่อปี    *      ห้ามนำ หน่วยลงทุนของกองทุน RMF ไปจำหน่าย โอน จำนำ หรือใช้เป็นหลักประกันใดๆ    *      การ ขายคืนหน่วยลงทุนทำได้ก็ต่อเมื่อผู้ถือหน่วยลงทุนมีอายุไม่ต่ำกว่า 55 ปี และต้องถือหน่วยลงทุนไว้ ไม่น้อยกว่า 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ลงทุนในครั้งแรก และต้องลงทุนเพิ่มไม่น้อยกว่า 5 ปี หากขายคืนหน่วยลงทุนก่อนกำหนด ข้างต้น นักลงทุนจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอีกต่อไป อีกทั้งต้องคืนเงินสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ได้รับในช่วง 5 ปีล่าสุดให้แก่กรมสรรพากร นอกจากนี้เงินที่ได้จากการ ขายคืนหน่วยลงทุน (Capital Gain) ยังต้องนำไปคำนวณรวมเพื่อเสียภาษีเงินได้ในปีที่มีการขายคืนหน่วยลงทุนนั้น อีกด้วย    * กรณีไถ่ ถอนเนื่องจากนักลงทุนทุพพลภาพหรือตาย เงินที่ไถ่ถอนจะได้รับการ ยกเว้น ไม่ต้องเสียภาษีทั้งจำนวน จากคุณ : หมอก้อนหิน เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 53 18:39:59

ความคิดเห็นที่ 20 คห.18 ไม่แน่ใจว่า ถ้าหากขายคืนก่อน 55 ปี ก็คือ ผิดเงื่อนไขทางภาษี เงินที่ได้จากการขายคืนหน่วยลงทุน... ต้องเอามาคำนวณภาษีด้วย... ย้ำๆๆๆ เงินจากการขายคืนหน่วยลงทุน ต้องเอามาคำนวณภาษีด้วย... ไม่แน่ใจว่า เงินที่ได้จากการขายคืนหน่วยลงทุนที่ว่าข้างต้น หมายถึงหน่วยลงทุนที่ซื้อใน 5 ปีย้อนหลัง หรือว่าเงินที่ลงทุนใน RMF ทั้งหมด จากคุณ : หมอก้อนหิน เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 53 18:43:11

ความคิดเห็นที่ 21 คห 20 กรณีผิดเงื่อนไขยกตัวอย่างเช่น 1. ลงทุนไม่ถึง 5 ปี และอายุไม่ถึง 55 ปี -> ต้องคืนภาษีทั้งหมด...บวกด้วย ผลตอบแทนของภาษีนั้น (ดอกเบี้ย)...อีกทั้งต้องนำ Cappital Gain จากการลงทุนใน RMF มาคำนวณเป็นรายได้เพื่อเสียภาษี 2. ลงทุนเกิน 5 ปี แต่อายุไม่ถึง 55 ปี -> ต้องคืนภาษีย้อนหลัง 5 ปี...บวกด้วย ผลตอบแทนของภาษีนั้น (ดอกเบี้ย)...แต่ได้รับการยกเว้นเรื่อง Capital Gain ในการลงทุน RMF ไม่ต้องนำมาคำนวณเป็นรายได้เพื่อเสียภาษี เพราะฉะนั้นต้องเลือกข้อ 2 ครับ...การลงทุนเกิน 5 ปีจึงสำคัญมากที่จะไม่ต้องนำ Capital Gain จากการลงทุนมาคำนวณเป็นรายได้เรา อ้างอิง http://www.thaimutualfund.com/brokerpage/096/StaticPage/Document/Q_RMF.pdf อายุความภาษีมีแค่ 5 ปี...นี่เป็นสาเหตุว่าสรรพากรจะฟ้องอะไรย้อนเกิน 5 ปีไม่ได้ แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 53 00:48:28 จากคุณ : kraikria เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 53 00:05:05

ความคิดเห็นที่ 22 แต่โดยความเห็นส่วนตัว...พอเริ่มลงทุน RMF แล้ว...ก็อยากจะเก็บจนอายุ 55 ปีเลยครับ...มันเป็นการฝึกวินัยอย่างหนึ่ง...ผมว่าเราควรเก็บเงินก้อนนี้เป็นเงินส่วนตัวสำหรับเกษียณจริงๆ...โดยไม่แตะต้อง (ถอน) มัน... ถ้าบอกว่าเงินจมโดยไม่ได้สร้างผลตอบแทน...ก็ต้องถามว่ามีความสามารถสร้างผลตอบแทนจากการ Switch RMF ได้หรือไม่...ถ้าคุณต้องการออมเงิน...RMF เป็นทางเลือกที่ดีแน่นอนในสัดส่วนก็ไม่ได้มากอะไร ถ้าบอกว่าอยากมีสภาพคล่องที่จะใช้เงิน...ก็จริงครับ...แต่นี่คือเงินเกษียณนะ...ถ้าถึงกับต้องเอาเงินเกษียณมาใช้ก่อน...ก็แสดงว่าการบริหารเงินล้มเหลวสิ้นเชิง...แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทำไม่ได้...เราแค่คืนสิ่งที่เราได้มาส่วนหนึ่งกลับไปยังสรรพากร...ถ้าบวกเลขเป็น...ก็จะพบว่ามีแต่ได้มากหรือได้น้อย...ไม่มีเสียครับ ย้ำอีกครั้งว่าเป็นความเห็นส่วนตัวครับ...เงื่อนไขแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน ปีนี้ผมอายุ 36 แล้ว...ลงทุน RMF ตั้งแต่อายุ 32...เสียดายที่ลงทุนช้าไป...เสียภาษี 30% ไปเปล่าๆตั้งหลายปี แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 53 00:48:53 จากคุณ : kraikria เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 53 00:45:44

ความคิดเห็นที่ 24 ทำไมขัดแย้งกับ กระทู้นี้บอกอ่ะครับ คือ ถ้าหากคิดภาษีในส่วนของ Capital Gain ทั้งหมดทุกกอง (ไม่ใช่ย้อนหลังแค่ 5 ปี) ตามคุณ K8888 --------------------------------------------------------------------------------------- การคืนภาษีในกรณีที่ขายคืนกองทุน RMF ผิดเงื่อนไขนั้น ทางกรมสรรพากรจะทำการคำนวณแบบที่ได้เคยยื่นไปแล้วใหม่ ว่าถ้าไม่มีการลดหย่อนภาษีของกองทุน RMF แล้วต้องเสียภาษีเท่าไหร่ เช่น จากปีแรกนำ RMF ไปลดหย่อน 500,000 บาท ได้ภาษีคืน = 150,000 บาท ก็จำทการคำนวณใหม่ว่าถ้าไม่มีค่าลดหย่อน 500,000 บาทแล้ว จะได้ภาษีคืนเท่าไหร่ ส่วนต่างตรงนี้ก็ต้องทำการคืนให้กรมสรรพากรค่ะ http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I9237960/I9237960.html --------------------------------------------------------------------------------------- แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 53 11:51:03 แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 53 11:49:08 จากคุณ : หมอก้อนหิน เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 53 11:48:02

ความคิดเห็นที่ 26 ตอบคห 24 ทุกความเห็น...ทุกข้อมูลที่บอกว่าต้องเอา Capital Gain มาเสียภาษีด้วยนั้น...คุณหมอก้อนหินลองสังเกตดูนะครับว่าจะกล่าวถึงกรณีที่ลงทุนไม่เกิน 5 ปี และอายุไม่ถึง 55 ปี...แต่ไม่พูดชัดๆถึงกรณีลงทุนเกิน 5 ปี แต่อายุไม่ถึง 55 ปี ว่าต้องเอา Capital Gain มาเสียภาษีด้วย... จาก http://www.k-weplan.com/Article.aspx?mid=48&articleid=913 การขายคืนหน่วยลงทุนทำได้ก็ต่อเมื่อผู้ถือหน่วยลงทุนมีอายุไม่ต่ำกว่า 55 ปี และต้องถือหน่วยลงทุนไว้ ไม่น้อยกว่า 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ลงทุนในครั้งแรก และต้องลงทุนเพิ่มไม่น้อยกว่า 5 ปี หากขายคืนหน่วยลงทุนก่อนกำหนด ข้างต้น นักลงทุนจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอีกต่อไป อีกทั้งต้องคืนเงินสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ได้รับในช่วง 5 ปีล่าสุดให้แก่กรมสรรพากร นอกจากนี้เงินที่ได้จากการ ขายคืนหน่วยลงทุน (Capital Gain) ยังต้องนำไปคำนวณรวมเพื่อเสียภาษีเงินได้ในปีที่มีการขายคืนหน่วยลงทุนนั้นอีกด้วย -> อ่านดีๆจะหมายถึงการขายคืนก่อนกำหนดคือก่อน 5 ปีครับ...Link นี้ไม่ได้แสดงให้เห็นว่าถ้าถือเกิน 5 ปีจะเป็นอย่างไร จาก http://www.thaimutualfund.com/brokerpage/096/StaticPage/Document/Q_RMF.pdf http://www.scbam.com/inc/Highlight/LTF/LTF-RMF.asp http://www.classifiedthai.com/content.php?article=4353 http://www.kroobannok.com/blog/32883 -> บอกชัดว่าถือเกิน 5 ปี ไม่ต้องเสีย Captital Gain แม้ว่าอายุน้อยกว่า 55 ปี อย่าเพิ่งเชื่อผมครับ...ลองศึกษาและเอาข้อมูลมาแชร์กันได้ครับ แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 53 18:33:58 จากคุณ : kraikria เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 53 18:25:01

ความคิดเห็นที่ 27 คห.25 คือ บางทีเราก็อยากจะเอาเงินที่เข้าไปลงทุนแล้ว อยากจะถอนออกมาเพื่อใช้จ่ายในอนาคตไงครับ เช่น เกิดเหตุฉุกเฉินที่ต้องใช้เงินก้อนนั้นๆ เป็นต้น ตอนนี้ผมอายุ 27 ปี อีกประมาณ 28 ปี จึงจะอายุครบ 55 ปีครับ ชีวิตอีกยาวไกล ก็เลยต้องหาทางหนีทีไล่ไว้ก่อน แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 53 20:00:10 จากคุณ : หมอก้อนหิน เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 53 19:59:01

ความคิดเห็นที่ 28 คห.26 ผมค้นคว้าดู .. 80% ที่หาเจอ จะว่าไว้อย่างที่คุณบอกครับ แต่อีก 20% ไว้ว่าอีกอย่าง ก็เลยงงๆ ครับ ... แต่ยังไงก็ขอบคุณมาก... ปีนี้ก็เลยตั้งใจว่าจะซื้อ RMF ไว้มั่งดีกว่า... จากคุณ : หมอก้อนหิน เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 53 20:02:11

ความคิดเห็นที่ 30 โอ้...คุณน้องสามสี...ถ้าผมมีความคิดแบบคุณตั้งแต่เด็กๆ...ป่านนี้ผมคงรวยสบายไปแล้วแหล่ะ... จากคุณ : kraikria เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 53 10:42:14