Daily VI Discussion (DVD 91) กระทู้การลงทุนแนวเน้นคุณค่า ประจำวันที่ 17/05/10{แตกประเด็นจาก I9250076}
|
|
Investment Diary
นักลงทุนนั้น ว่ากันว่าเป็นคนที่มีความทรงจำสั้นมาก เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเขาจะจำได้ติดตา เช่น วิกฤติที่ทำให้ตลาดหุ้นตกต่ำอย่างหนักและเหตุผลที่ทำให้เกิดวิกฤตินั้น เมื่อเวลาผ่านไป บางทีก็ไม่นานนัก พวกเขาก็จะลืมเหตุการณ์เลวร้ายนั้นรวมถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดขึ้น พวกเขาซื้อขายหุ้นโดยไม่สนใจประวัติศาสตร์หรือสนใจน้อยมาก นั่นทำให้ประวัติศาสตร์การเงิน ซ้ำรอย ครั้งแล้วครั้งเล่า เราไม่เคยเรียนรู้จากประวัติศาสตร์โดยเฉพาะเมื่อมันผ่านไปนานแล้ว
เพื่อที่จะเรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีต เราจำเป็นที่จะต้องรู้ว่ามันเกิดความผิดพลาดขึ้น ในเรื่องอื่น ๆ นั้น ความผิดพลาดเป็นเรื่องที่เรามักจะมองเห็นได้อย่างชัดเจน แต่ในเรื่องของการลงทุนนั้น บางทีเราก็ไม่รู้ว่ามันมีความผิดพลาดขึ้น เหตุผลก็คือ มีจิตวิทยาบางอย่างที่อาจจะบดบังความเข้าใจที่ถูกต้องของเรา
จิตวิทยาข้อแรกก็คือ ดีเป็นเพราะฝีมือเรา แย่เป็นเพราะคนอื่นหรือเรื่องอื่น หรือที่เรียกว่า Self-Attribution Bias นี่เป็นจิตวิทยาของมนุษย์ทั่ว ๆ ไป อย่างเช่นเวลาที่เราเล่นกีฬา ทีมที่ชนะส่วนใหญ่ก็จะบอกว่าเป็นเพราะฝีมือของทีม แต่เวลาแพ้ บางทีก็โทษกรรมการหรือโทษโชคชะตา ทั้ง ๆ ที่ข้อเท็จจริงก็คือ ฝีมือสู้เขาไม่ได้หรือใช้กลยุทธ์ในการแข่งขันที่ผิดพลาด เช่นเดียวกัน เวลาที่เราลงทุนและได้กำไรดีนั้น เรามักจะคิดว่าเป็นฝีมือของเรา แต่เวลาขาดทุน บางครั้งเราก็คิดว่ามันเป็นสาเหตุอื่นหรือโชคร้ายหรือเหตุบังเอิญที่เราไม่อาจคาดได้ การไม่ยอมรับความผิดพลาดของตนเองนั้น ย่อมทำให้เราไม่สามารถปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องนั้นได้
จิตวิทยาข้อสองก็คือสิ่งที่ผมอยากจะใช้สำนวนว่า ผมว่าแล้ว นี่คือสิ่งที่คนเราเห็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก่อนที่จะกลับไปอธิบายเหตุผลที่ทำให้มันเกิดขึ้นหรือที่เรียกในทางวิชาการว่า Hindsight Bias นี่เป็นความลำเอียงของจิตใจที่คิดว่าเรา แน่ เรารู้ว่าอะไรเป็นอะไรทั้งที่เราไม่รู้และเราไม่ได้คิดคาดการณ์เอาไว้ก่อน เรามา รู้ ก็ตอนที่เราเห็นแล้วว่าอะไรมันเกิดขึ้น วิธีที่จะแก้ปัญหาความลำเอียงข้อนี้ก็คือ การจดบันทึกสิ่งที่เราคิดหรือคาดการณ์ไว้ก่อน เมื่อเกิดผลลัพธ์ขึ้น เราก็จะได้รู้ว่าเราคิดถูกหรือคิดผิด ในกรณีของการลงทุนนั้น เราจะเรียกมันว่า Investment Diary นี่ก็คือไดอารี่ที่เราจะจดบันทึกเกี่ยวกับความคิดหรือการวิเคราะห์ของเราในการลงทุนในหุ้นหรืออื่น ๆ การซื้อหุ้นแต่ละตัวเราจะบันทึกว่าอะไรคือเหตุผลที่เราซื้อหุ้นตัวนั้น
เมื่อเราจดบันทึกเหตุผลของการลงทุนในหุ้นหรือหลักทรัพย์ตัวไหนแล้ว เราก็รอผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ภาพที่ออกมานั้น สามารถที่จะแบ่งออกได้เป็นสี่แบบด้วยกันดังต่อไปนี้
ข้อหนึ่ง ในกรณีที่เราได้กำไร การลงทุนประสบความสำเร็จ และเหตุผลที่เราใช้ในการตัดสินใจลงทุนถูกต้อง เช่น เราลงทุนในหุ้น ก. เพราะเราเชื่อว่ากำไรของบริษัทนี้กำลังเติบโตก้าวกระโดดในไตรมาศหน้าและจะเติบโตต่อไปอีกไม่น้อยกว่า 3-4 ปี โดยที่ราคาหุ้นที่เห็นนั้นยังไม่ได้ปรับตัวขึ้นสอดคล้องกับพื้นฐานที่กำลังดีขึ้นและราคายังต่ำกว่าที่ควรจะเป็นมาก เราก็จดบันทึกไว้ หลังจากนั้น เมื่อกำไรในไตรมาศถูกประกาศออกมาก็เป็นจริงดังคาดและดูแล้วอนาคตก็น่าจะยังโตต่อเนื่อง ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไปในระดับหนึ่งประมาณ 20% ซึ่งสอดคล้องกับกำไรที่ดีขึ้น ถ้าเป็นแบบนี้ เราอาจจะสรุปได้ว่าสิ่งที่เราคิดนั้นถูกต้องแล้ว อย่างไรก็ตาม เรายังไม่ขายหุ้นออกไปเพราะเราเชื่อว่ากำไรจะยังเติบโตดีมากอยู่และในอนาคตราคาก็จะยังปรับตัวขึ้นไปได้อีกมาก ในภาษาของนักลงทุน เรา Right for the right reason เราถูกต้อง
โลกในมุมมองของ Value Investor 15 พฤษภาคม 53 ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
จากคุณ |
:
คนจนที่อยากรวย
|
เขียนเมื่อ |
:
17 พ.ค. 53 11:12:40
|
|
|
|