|
ความคิดเห็นที่ 12 |
ยังมีอีกวิธีนึงที่จะทำให้ได้ตามเป้าโดยไม่ต้องอยู่อย่างอดอยากขนาด 3 วันใช้เงินกินข้าวแค่ 100 บาทนะครับ
เช่นถ้าคุณมีเงินเดือนๆละ 25,000 บาท ตั้งเป้าไว้ 4 เดือนต้องมีเงินเก็บ 50,000 บาท(2เท่าของเงินเดือน) ให้คุณลองคำนวณคร่าวๆว่าปกติแล้วเดือนนึงคุณมีค่าใช้จ่ายต่อเดือนเท่าไหร่ จากนั้นลองคำนวณดูว่า 4 เดือนคุณจะมีเงินเดือนเหลือเก็บเท่าไหร่ ขาดเหลือจาก 50,000 ที่ตั้งเป้าไว้อยู่เท่าไหร่ เช่นถ้าขาดไปอีก 16,000 บาท นั่นหมายความว่าคุณต้องหาเงินเพิ่มอีกเดือนละ 4,000 บาท ให้คุณลองหางานเสริมที่สามารถทำงานควบคู่ไปกับงานประจำของคุณได้โดยไม่เสียงานเพื่อเพิ่มรายได้ให้คุณได้อีกเดือนละ 4,000 บาท ดูดีกว่าครับ เช่น ไปเปิดร้านขายของวันเสาร์-อาทิตย์ หรือจะทำธุรกิจพวก MLM ดูก็ได้ครับ การทำแบบนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้คุณต้องอยู่อย่างไม่อดอยากแล้ว ยังทำให้ชีวิตคุณก้าวหน้าด้วย เป็นการก้าวไปข้างหน้าแล้วมองย้อนกลับมาดูเส้นทางที่คุณเดินมาว่าแต่ละก้าวที่คุณก้าวมา พอดีกับที่คุณต้องการเหรอยัง.. การประหยัดค่าใช้จ่ายเป็นการเพิ่มรายได้อย่างหนึ่งก็จริง แต่ผมมองว่าชีวิตคุณไม่ได้ก้าวหน้าขึ้นเลย เป็นแค่การหยุดเดิน หยุดนิ่งอยู่กับที่แล้วสำรวจตัวคุณอง การประหยัดแบบจขกท. เปรียบได้ว่าคุณต้องการใช้สีแดงแต่คุณขี้เกียจเดินไปซื้อสีแดงมาใช้ กลับใช้เลือดของตัวเองแทนสีแดง.....
การประหยัดในความคิดของผมคือ ถ้าผมมีความจำเป็นต้องการอะไร ต้องใช้อะไร ผมก็จะซื้อโดยไม่เสียดายเงิน ถึงแม้จะมีราคาแพงแค่ไหน แต่ถ้าเราจำเป็นจริงๆที่ต้องใช้มันก็ต้องซื้อ แต่บางอย่างที่ผมรู้สึกว่ามันไม่จำเป็นกับผม ถึงแม้จะมีราคาถูกแค่ไหน ขึ้นป้ายลดกระหน่ำ 70-80% ถ้าผมคิดดูว่าไม่จำเป็นสำหรับผม ผมก็ไม่ซื้อ ถ้าซื้อมาเพราะคิดว่าถูกอย่างเดียว บางทีอาจจะซื้อมาแล้วไม่ได้ใช้ กองไว้อยู่ที่บ้านเฉยๆก็เป็นได้ (เหมือนที่ผู้หญิงหลายๆคนเป็น)
ลองดูนะครับ ความคิดที่จะเพิ่มรายได้ให้กับตัวเองมีหลายวิธี ..จขกท.ใช้วิธีที่ลดรายจ่าย(ซึ่งเป็นรายจ่ายที่จำเป็นด้วยผมไม่แนะนำ)เพื่อเพิ่มรายได้ อีก 5 ปีข้างหน้าคุณก็มีรายได้ได้ไม่เกินเงินเดือนของคุณ (สมมุติถ้าตอนนี้ 25,000 บาท อีก 5 ปีเดาได้เลยว่าคงไม่เกิน 40,000 บาท) แต่ถ้าคุณคิดหาไรทำเพิ่มเสริมขึ้นมาตั้งแต่วันนี้ อีก 5 ปีข้างหน้าผมมั่นใจว่าคุณต้องมีรายได้รวมต่อเดือนเกิน 100,000 บาทแน่นอนครับ
มีอยู่ช่วงนึงที่ผมลองหาประสบการณ์การทำงานประจำดู ช่วงนั้นพี่ๆที่ทำงานมีแต่คนแซวว่า "มันมาทำงานประจำนี่เป็นงานอดิเรกมัน งานหลักมันอยู่ที่บ้าน" (ผมทำธุรกิจส่วนตัวควบคู่ไปกับทำงานประจำด้วย) เพราะเงินเดือนงานประจำผมรวมกัน 2 ปี ยังไม่เท่ากำไรจากธุรกิจที่ผมทำอยู่แค่เดือนเดียวเลย... บางทีอีก 5 ปีข้างหน้า จขกท.อาจจะเป็นเหมือนผมก็ได้ (แต่ตอนนี้ผมลาออกจากงานประจำมาทำธุรกิจส่วนตัวอย่างเดียวแล้ว)
ส่วนบัตร ATM ผมว่ามันจำเป็นนะ น่าจะมีไว้ ตอนนี้คุณมองแต่ช่วงเวลาทำงานของคุณ แล้วช่วงเวลาพักผ่อนล่ะ ถ้าคุณไปเที่ยวต่างจังหวัดแล้วเงินคุณไม่พอ ในต่างจังหวัดผมว่าหาตู้ ATM ง่ายกว่าหาสาขาของธนาคารนะครับ
จากคุณ |
:
ปาปารัสซี่
|
เขียนเมื่อ |
:
26 พ.ค. 53 08:46:50
|
|
|
|
|