ความคิดเห็นที่ 1 ผมเข้าใจว่า รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายและลดหย่อนของคุณ ไม่ได้มากไปกว่า 150,000 B สักเท่าไหร่ ทำให้ลดหย่อนภาษีได้ไม่เต็ม 10 % จากคุณ : polymerman เขียนเมื่อ : 26 พ.ค. 53 15:31:06

ความคิดเห็นที่ 2 เท่าที่เข้าใจ เบี้ยประกันเขาให้หักเป็น ค่าลดหย่อน ก่อนนำไปคำนวนภาษี ไม่ใช้เหรอครับ รายได้ทั้งปี - ค่าลดหย่อนภาษี = รายได้ที่นำไปคำนวนภาษี แบบนี้ไม่ใช้เหรอครับ จากคุณ : Miracle Boy เขียนเมื่อ : 26 พ.ค. 53 15:33:52

ความคิดเห็นที่ 3 คุณเสียภาษีอยู่ปีละเท่าไรล่ะครับ ตามที่ผมเข้าใจคือ ปีที่ผ่านมา คุณไม่เสียภาษีเลยครับ หมายความว่า คุณลดหย่อนเกินภาษีที่คุณต้องเสียครับ ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่าย ตามข้อมูลที่คุณให้มา แสดงว่าถ้าคุณไม่ซื้อประกันตัวนี้ คุณจะเสียภาษีแค่ พันกว่าบาท แต่คุณไปซื้อประกันที่ลดหย่อนได้ สามพันกว่าบาท   สรรพากร ได้เงินคุณไป พันกว่าบาท ก็เลยคืนคุณ เท่านั้นครับ ปล. นี่ในกรณีที่ 31500 ของคุณเป็นประกันออมทรัพย์อย่างเดียว ไม่มีสัญญาแนบท้ายอื่น ๆ หรืออีกอย่าง ที่ลดลงได้แค่พันกว่าบาทคือ คุณซื้อประกันออมทรัพย์ แค่ หมื่นกว่าบาท แล้วมีประกันอุบัติเหตุ หรือ อื่น ๆ อยู่ด้วย เพราะบางตัวมันลดหย่อนภาษีไม่ได้ครับ จากคุณ : ชาวไร่ เขียนเมื่อ : 26 พ.ค. 53 15:34:34

ความคิดเห็นที่ 4 แบงค์สีเขียว นี่มันแบงค์อาไรหว่า มะเข้าจัยๆ จากคุณ : WAR ROOM เขียนเมื่อ : 26 พ.ค. 53 15:36:46

ความคิดเห็นที่ 5 ยกเลิกก็ไม่คุ้มหรอกค่ะ คิดเสียว่าเป็นเงินออมระยะยาว และประหยัดภาษีไปอีกพันกว่าบาท จากคุณ : Dr. Jim เขียนเมื่อ : 26 พ.ค. 53 15:37:42

ความคิดเห็นที่ 6 จขกท. ลองดูรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายอย่างที่ #1 ว่าครับ จากที่เขียนเหมือนกับว่ารายได้ก็ไม่ได้มากนัก ดังนั้นภาษีเสียต่อปีอาจจะไม่ได้เยอะพอที่จะลดได้เต็มจำนวนก็ได้ หรือว่า จขกท. อาจจะมีค่าลดหย่อนอย่างอื่น เช่น ดอกเบี้ยผ่อนบ้าน Provident Fund ของบริษัทที่ทำงาน สัดส่วนที่หักลดหย่อนก็ยิ่งน้อยลงอีก ยังไงลองไปดูรายละเอียดนะครับ จากคุณ : Patto_kung เขียนเมื่อ : 26 พ.ค. 53 15:37:49

ความคิดเห็นที่ 7 การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนต้องศึกษาให้ดีก่อนการลงทุน ผลประโยชน์ทางภาษี 3,150 บาทต่อปี ไม่ได้แปลว่าคุณจะได้เงินคืน 3150 บาทครับ มันขึ้นอยู่กับว่าคุณเสียภาษีเกินไปเท่าไหร่ แล้วเบี้ยประกันไปหักได้เท่าไหร่ เช่นคุณต้องเสียภาษ๊ 2500 บาท แล้วคุณส่งเบี้ยประกันตามขั้นต้น ก็จะหักลบกันว่าคุณจ่ายภาษีไปแล้ว 3150 - 2500 เหลือคืน 600 บาทครับ จากคุณ : บุรุษแห่งดาวดวงที่3 เขียนเมื่อ : 26 พ.ค. 53 15:44:02

ความคิดเห็นที่ 8 คุณชาวไร่คะ ปีที่แล้วเราเสียภาษีค่ะ ไม่เข้าใจเรื่องประักันแนบท้ายแต่คาดว่าจะเป็นเรื่องออมทรัพย์อย่างเีดียว แต่ที่ข้องใจคือว่า ตารางที่เอามาแจกแจงผลประโยชน์ที่ได้รับมันคือ 3150 บาท (คำพูดประกอบ คือ คำว่า 10% จากเบี้ยประกัน) ไม่ได้ชี้แจงเลยค่ะว่าต้องพิจารณาตัวอื่นอะไรอีกบ้างทางธนาคารไม่ได้ถามเงินเดือนหรือข้อมูลอื่น ๆ เรา้ด้วยซ้ำไปเลยค่ะ คุณ Patto_kung คะ เรามีแต่ Provident Fund ค่ะ กะลดหย่อนคุณแม่ไม่มีรายได้ค่ะ จากคุณ : Mars Planet (Mars Planet) เขียนเมื่อ : 26 พ.ค. 53 15:52:23

ความคิดเห็นที่ 9 ความคิดเห็นที่ 4     แบงค์สีเขียว นี่มันแบงค์อาไรหว่า มะเข้าจัยๆ จากคุณ : WAR ROOM เขียนเมื่อ : 26 พ.ค. 53 15:36:46   === v v v จากคุณ : ยากแท้หยั่งถึง เขียนเมื่อ : 26 พ.ค. 53 16:11:12

ความคิดเห็นที่ 10 คห. 8 คุณเจ้าของกระทู้ ถ้าอย่างนั้น คงต้องเอากรมธรรม์ มาดูล่ะครับ ว่าเบี้ยประกันส่วนที่ลดหย่อนได้จริง ๆ เท่าไรครับ ลองดูที่ใบเสร็จก็ได้ครับ ที่เขาส่งมาให้เพื่อนำไปยืนยันกับสรรพากรน่ะครับ มันจะมีแยกกว่า คุณส่งเบี้ยประกันเท่าไร สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้เท่าไร ถ้าในนั้น บอกว่าคุณสามารถนำเบี้ยประกันไปหักค่าใช้จ่ายได้ 31,500 บาทจริง ก็คงต้องไปเถียงกับสรรพากรล่ะครับ  ธนาคารไม่เกี่ยวแล้วครับ แต่ถ้ายอดไม่ถึง  อันนี้ต้องไปทะเลาะกับธนาคารครับ อ้อ มีอีกกรณีหนึ่ง  คือถ้าคุณเสียภาษีแบบ หัก ณ ที่จ่าย  อาจเป็นไปได้ว่า การคำนวณภาษีของฝ่ายบัญชีพลาดครับ หักภาษีต่อเดือนน้อยกว่าีที่ควรจะเป็น ทำให้เงินสดที่คืนกลับมาน้อยกว่าที่ควรจะเป็น ในกรณีนี้หมายถึง ถ้าคุณไม่ซื้อประกัน ตอนยื่นภาษี คุณต้องจ่ายเงินเพิ่มน่ะครับ จากคุณ : ชาวไร่ เขียนเมื่อ : 26 พ.ค. 53 16:12:55

ความคิดเห็นที่ 11 เอารูปมาให้ดูครับ มันจะอยู่ในหนังสือรับรองการชำระเบี้ยประกันภัยครับ อันนี้เป็นของผม มันช่วยให้ผมลดภาษี ลงมา 4000 กว่าบาทจริงครับ จากคุณ : ชาวไร่ เขียนเมื่อ : 26 พ.ค. 53 16:22:01

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้าตาม #8 ผมเดาตัวเลขขึ้นมาซึ่งอาจจะไม่ตรง Provident Fund เดือนละ 1,000 ดังนั้น 1 ปีหักค่าใช้จ่ายไปอีก 12,000 หักลดหย่อนคุณแม่ไม่มีค่าใช้จ่าย อีก 30,000 บาท ดังนั้น รายได้ของ จขกท. จะลดลงแน่ๆ ประมาณเกือบ 4 หมื่นบาท ซึ่งผมคิดว่า ตรงนี้เป็นตัวแปรที่ทำให้ จขกท. นำเงินค่าประกันไปหักภาษีได้ไม่เยอะครับ ส่วนอีกอันนึงที่น่าจะคิดถึงคือ ตามที่คุณชาวไร่บอกครับ ให้สังเกตุว่า ฝ่ายบัญชีหักภาษีนำส่งเดือนละเท่าไหร่ เพราะบางที่จะคิดเกินเยอะ ทำให้เวลาคืนภาษีได้เยอะ แต่บางทีหักแบบพอดีๆ มากๆ บางทีทำให้ต้องจ่ายเพิ่มก็มี ถ้าอยากรู้แน่ๆ ว่า เงินที่คุณจ่ายไปนั้นได้เอามาลดหย่อนได้ครบถ้วนไหม ตอนยื่นภาษีให้กรอกภาษีผ่าน internet ครับ ตอนกรอกให้กรอกทุกอย่างให้ครบถ้วนว่า หักค่าลดหย่อนเท่าไหร่ ทั้ง provident fund และค่าเลี้ยงดูคุณแม่ จากนั้นดูว่า เราต้องจ่ายภาษีเพิ่ม หรือได้ภาษีคืนเท่าไหร่ จากนั้นค่อยใส่เงินประกันชีวิตครับ ดูว่าภาษีที่ต้องจ่ายลดลงไปเท่าไหร่ จากคุณ : Patto_kung เขียนเมื่อ : 26 พ.ค. 53 16:24:31

ความคิดเห็นที่ 13 การซื้อประกันชีวิตเป็นพันธะภาระผูกพันอย่างนึงนะคะ จขกท. อาจจะไม่ได้ศึกษารายละเอียดให้ดีก่อนซื้อ และพนง.แบงค์ก็หวังแต่จะขายทำยอด ไม่ชี้แจงให้ละเอียด พนง.เองอาจเงินเดือนไม่ถึงที่ต้องเสียภาษี เค้าเลยไม่เข้าใจในผลิตภัณฑ์ที่ตัวเองขาย ไม่เข้าใจในผลประโยชน์ แต่ก็ไม่เดือดร้อน...ได้ค่าคอม จบ ! http://www.k-weplan.com/FileUpload/Editor/DocumentUpload/WebContent/ProSaving614.pdf ProSaving 614 - จขกท.ต้องจ่าย 31,500 ทุกปี (ทุนประกัน) - ได้เงินคืน 5% ทุนประกันทุกๆ 2 ปี (ทุกๆ สองปี จะได้ตังค์ 1575 บาท) - ในปีที่ 14 จขกท.จะได้เงินอีก 200% ของทุนประกันนะคะ (ปี 2566 ได้ตังค์อีก 63000 บาท) - ถ้าจขกท.จ่าย 31,500 ทุกปี จะสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ทุกปี เป็นเวลาหกปี - ภาษีได้นำเอาประกันที่ซื้อไว้ไปหักลดหย่อนแล้ว จขกท.โดนหักภาษีจากเงินเดือนไว้เกินกว่าที่ควรจะเป็น จขกท.ไม่ต้องเสียภาษีเพิ่ม และสรรพากรคืนเงินให้พันกว่าบาท ซึงเป็นส่วนที่เก็บภาษีไปเกินอ่ะค่ะ ถ้าจะนำมาลดหย่อนภาษี ไม่ต้องทำประกันเพิ่มแล้วล่ะค่ะ แค่เท่าที่มีก็เหลือกินเหลือใช้แล้วอ่ะค่ะ บอกพนักงานที่พยายามยัดเยียดขายประกันให้อีกไปอย่างนี้นะคะ และถ้าจะยกเลิกกรมธรรม์ก่อน 6 ปี คิดว่าไม่คุ้มอ่ะค่ะ ไปขอดูตารางเวนคืนได้ มันจะมีจุดคุ้มทุนอยู่ ซึ่งไม่น่าจะใช่เร็วๆ นี้ เราก็เป็นพนักงานออฟฟิศธรรมดา แต่เรื่องพวกนี้บางทีก็ต้องศึกษาไว้บ้าง ถ้าเราเข้าใจผิดตรงไหน รบกวนบอกด้วยนะคะ (^^)v จากคุณ : LadyRing เขียนเมื่อ : 26 พ.ค. 53 16:42:07

ความคิดเห็นที่ 14 เป็นกระทู้แนะนำเลยหรือเนี่ย ... ซื้อประกันจากแบ้ง จะเป็นอย่างนี้ครับ ผมฟังมาบ่อย 1.ซื้อแล้วจบกัน จ่ายให้ได้ตามที่แจ้งไว้ ถ้ามีปัญหา พนักงานที่ขายประกันให้ มักจะไม่อยากแก้ปัญหา เหมือนกับว่า ซื้อแล้วจบกัน มันเป็นงานนอกเหนือจากที่ทำประจำ ..พูดง่ายๆ  >>ไม่มีบริการหลังการขาย<<   หลักๆ คือ ขายให้ได้ยอดอย่างเดียว เพราะเบื้องบนสั่งมา 2.แก้ปัญหาช้า และไม่เคลียร์ ต้องไปๆมาๆหลายรอบ เพราะแบ้ง อาชีพหลักคือ รับฝาก และปล่อยกู้ กินดอกเบี้ย  ถ้าเสริมประกัน ก็มีรายละเอียดเพิ่มเติม ที่พนักงานไม่รู้ หรือไม่ก็ต้องโทรไปถามบ.ประกันหลัก ที่ขายลูกค้าให้อีกต่อหนึ่ง ... ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาทำให้ ตัดสินใจ แก้ปัญหาทันทีไม่ได้ ซึ่งผมถ้าจะซื้อประกัน ก็จะซื้อจากบริษัท ที่เค้าทำประกันเป็นอาชีพหลัก และซื้อกับนายหน้าประกัน ที่ทำเป็นมืออาชีพ (ประสบการณ์บินสูง) และไม่ซื้อด้วยเหตุผลเล็กๆน้อยๆ อย่างลดหย่อนภาษี เพราะมันเป็นแค่ ผลพลอยได้ ไม่ใช่ จุดประสงค์หลักของการทำประกันครับ แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 53 09:56:14 แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 53 09:49:09 จากคุณ : แบ้งยี่สิบบาท (สังขยาใบเตย) เขียนเมื่อ : 26 พ.ค. 53 16:42:23

ความคิดเห็นที่ 15 ให้กำลังใจละกัน เป็นประสบการณ์เวลาก่อนเซ็นหรือตกลงอะไรก็ต้องอ่านก่อนล่ะครับ จากคุณ : นายฉิม เขียนเมื่อ : 26 พ.ค. 53 17:10:08

ความคิดเห็นที่ 16 ไม่แน่ใจนะครับ แต่ขอให้ข้อมุลอีกนิด บริษัทที่เจ้าของกระทู้ทำงาน เขาหักภาษีไว้ให้ จขกท หรือเปล่าครับ ถ้าที่บริษัทหักภาษีไว้ ก็เป็นไปได้ว่าเขาหักภาษี จขกท น้อยกว่า ภาษีที่ต้้องจ่าย ทำให้เมื่อรวมกับ ส่วนที่ต้องได้คืน 3150 มันโดนกินเข้าไปอีก เช่น ปีก่อนซื้อประกัน   รายได้ - (ค่าใช้จ่าย + ลดหย่อน)   -> ต้องจ่ายเพิ่ม 2000 ปีหลังซื้อประกัน    รายได้ - (ค่าใช้จ่าย + ลดหย่อน + ประกัน)  -> ได้คืน 1000 หรือ รายได้ที่เพิ่มขึ้น (เงินเดือน ขึ้น) ทำให้การคำนวณ ภาษีเปลี่ยนไป  ถ้าเอา ภ.ง.ด. มาให้ดูได้ ก็จะได้คำตอบที่แน่นอนครับ จากคุณ : Man Call Hero เขียนเมื่อ : 26 พ.ค. 53 17:32:52

ความคิดเห็นที่ 17 ...เข้ามาดู จากคุณ : SummerMan เขียนเมื่อ : 26 พ.ค. 53 17:37:49

ความคิดเห็นที่ 18 ปัญหาคือรายได้หลังหักค่าใชจ่ายของคุณคือเท่าไหร่? แล้วตารางที่แบงค์คำนวนให้ดูเป็นตัวอย่างแบบที่ได้เงินเดือนเท่าไหร่ จากคุณ : sace22 เขียนเมื่อ : 26 พ.ค. 53 18:12:40

ความคิดเห็นที่ 19 ขออภัยในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนะคะ คณ Mars Planet ได้โทรติดต่อ Call Center ของธนาคารและได้ให้ข้อมูลรายละเอียดทั้งหมดไปแล้วใช่ไหมคะ รบกวนขอข้อมูลเพิ่มเติมทางอมยิ้มได้ไหมคะ เพื่อที่จะได้ไปเร่งดำเนินการเรื่องต่อให้ และจะมาแจ้งให้ทราบโดยเร็วที่สุดค่ะ จากคุณ : K8888 เขียนเมื่อ : 26 พ.ค. 53 18:59:55

ความคิดเห็นที่ 20 ฐานภาษี (เงินได้สุทธิหลังหักค่าลดหย่อนและค่าใช้จ่าย) 0-150000 0% (ถ้าจำไม่ผิดปีที่แล้วอยู่ที่ 0 - 100000) 150001-500000 10% 500001-1,000,000 20% ดังนั้น ถ้าจะได้ประโยชน์จากประกันจะต้องมีเงินได้สุทธิที่ 181500 เพราะ 150000 บาทแรก ไม่ต้องเสียภาษี 31500 ต้องเสียที่ฐาน 10% เท่ากับ 3150 แต่ถ้านำเบี้ยประกัน 31500 ไปหักเป็นค่าใช้จ่ายแล้ว เงินได้สุทธิจะเหลือเพียง 150000 ซึ่งไม่ต้องเสียภาษี จึงจะเรียกได้ว่าประหยัดภาษีได้ 3150 คาดว่า พนักงานอาจจะไม่ได้สอบถามรายละเอียดฐานภาษีของลูกค้า แต่เน้นแค่จุดเด่นของสินค้าคือประหยัดภาษี ในขณะที่ลูกค้าอาจจะเข้าใจคลาดเคลื่อนในเรื่องของภาษี และไว้ใจผู้ขายเกินไป จากคุณ : TheKop78 เขียนเมื่อ : 26 พ.ค. 53 20:12:04

ความคิดเห็นที่ 21 แงๆ ...มาเล่นมุขแบงค์สีเขียวไม่ทันคุณยากแท้หยั่งถึง ^o^ แก้ไขเมื่อ 26 พ.ค. 53 21:26:31 จากคุณ : มิ่งกลิ้ง เขียนเมื่อ : 26 พ.ค. 53 21:26:16

ความคิดเห็นที่ 22 เห็นใจเจ้าของกระทู้.. แต่ไม่ชอบคำว่า "โกง".. หลังๆ นี่เห็นบ่อยมาก..เอะอะอะไร ก็คนโน้นโกง คนนี้โกง.. คือ ผมรู้สึกว่าเจ้าหน้าที่เขาไม่ได้ตั้งใจโกหกหลอกลวงอะไรเลย คำว่า "โกง" นี่ผมว่าเกินไปครับ ขออภัยเจ้าของกระทู้ครับ หากดูไม่สุภาพ จากคุณ : Proxity เขียนเมื่อ : 26 พ.ค. 53 21:43:40

ความคิดเห็นที่ 23 เราว่า ส่วนหนึ่งเกิดจากความไม่เข้าใจของ จขกท เรื่องการคำนวภาษีมากกว่า ฐาน 10 % คือ หักลดหย่อนทั้งหมด รายได้สุทธิ เสีย สิบเปอร์เซ็นต์ นั่นก็แปลว่า คุณ หักลดหย่อนซึ่งจะรวมกับ ค่าเบี้ยประกันด้วย แล้วได้คืนมา แต่ถ้ามีหักเผื่อไว้ หรือไม่ถึงเกณฑ์หัก เวลาได้คืน ก็ไม่ถึงขนาดเงินก้อนประกันหรอกนะ แต่อีกอย่าง อย่ามองแค่ระยะสั้นๆว่า คุณจะต้องเสีย ฐานแค่ สิบ ประกันชีวิต มองระยะยาวมากว่า อีก ห้าหกปีข้างหน้า คุณอาจจะต้องเสีย ที่ฐานยี่สิบ ก็ได้ แล้วประกันอันนี้ก็จะยิ่งคุ้มมากขึ้น เราซื้อประกันตั้งแต่ เงินได้เรา เสีย ภาษีที่สิบเปอร์เซ็นต์ ตอนนี้ได้ ถึง ยี่สิบเปอร์เซ็นต์เราก็ได้เงินคืนมากตามส่วน  ประกันชีวิต นะ ยาวนะ ซื้อทีสิบปีขึ้นถึงจะลดหย่อนได้ ปล. ไม่ชอบ แบงค์สีเขียวนะ หุๆๆ  ไม่ชอบขนาดไม่ใช้บริการกันเลย  เรื่องมันยาวนานมาแล้ว แล้วก็เรามีทางเลือกอื่นมากกว่า เลย ไม่สนใจใช้บริการ แบงค์นี้ และกรณีนี้เรามองข้อดีของประกันชีวิต มากกว่า แค่ใช้หักภาษี จากคุณ : วีทีอาร์ เขียนเมื่อ : 26 พ.ค. 53 22:30:45

ความคิดเห็นที่ 24 ก่อนอื่นเลย คุณควรจะศึกษาระบบวิธีการคิดภาษีก่อน เป็นประชาชน ต้องรู้ครับ และหากจะลงทุนอะไรก็ต้องศึกษาก่อนครับ อย่าเพิ่งกล่าวหาผู้ขายเลย หากไม่รู้ก็ควรจะปรึกษาผู้รู้ก่อนนะครับ ในห้องนี้ก็ได้ ดูเหมือนจะเป็นความ"ไม่รู้"ของคุณมากกว่า"โดนโกง" จากคุณ : Tamจัง เขียนเมื่อ : 26 พ.ค. 53 22:44:16

ความคิดเห็นที่ 25 สรุปว่า เจ้าของกระทู้ไม่ ศึกษารายละเอียดก่อนจะไป ทำประกัน ส่วนพนักงาน ก็ คำนวณจากฐานภาษีของ จขกท อย่างเดียว ผมว่า จขกท น่าจะเป็นฝ่ายพลาด 80%  อีก 20% เป็นของพนักงานแบงค์ที่ไม่ยอมซักให้ละเอียด (ซึ่งส่วนนี้ โดยส่วนตัวผมไม่ค่อยโทษพนักงานเท่าไร เห็นได้จาก ให้น้ำหนัก แค่ 20%) จากคุณ : เกือบไม่ผ่าน เขียนเมื่อ : 26 พ.ค. 53 22:57:18

ความคิดเห็นที่ 26 จากประสบการณ์.. เคยถูก พนง.หลายแบงค์โน้มน้าวแบบนี้เป็นประจำ บางรายคำนวณที่ 20% แล้วคิดเป็นเงินก้อนให้ดู ถ้าหลงเชื่อคงซื้อแน่นอน  โชคดีที่พอทราบวิธีคำนวณภาษีบ้าง จึงได้แต่แอบขำในใจ   อยากบอก จขกท.ว่าให้ถือซะว่าออมเงินสิคะ ในอนาคตรายได้อาจจะเพิ่มขึ้น ก็จะเห็นตัวเลขที่ได้ประโยชน์มากขึ้น อย่างไรซะก็ไม่ขาดทุนแน่นอน เว้นเสียแต่ว่ายกเลิกก่อนจุดคุ้มทุน แต่ต้องจำเป็นบทเรียนเลยนะคะ อย่าเชื่อคนง่าย (โดยเฉพาะพนง.แบงค์ หายากค่ะที่รู้จริง เราเคยลองถามกลับ ส่วนใหญ่ตอบแถไปเรื่อย)   ถ้าไม่แน่ใจให้ขอรายละเอียดมาดู  กลับมาตั้งหลักก่อน ค่อยๆศึกษา  ค่อยๆคำนวณ  ถามคนในห้องนี้ก็ได้ค่ะ..อย่าลืมนะคะ เงินเรา จากคุณ : Amadeus~ (Banana) เขียนเมื่อ : 26 พ.ค. 53 23:04:28

ความคิดเห็นที่ 27 พูดจริงๆ นะคัรบ  นี่คือข้อเสียของการซื้อประกันผ่านแบ้งค์   คือ  ส่วนใหญ่ พนักงานแบงค์ที่ขายจะไม่ค่อยเข้าใจ ระบบของประกันชีวิตดีพอ    ก็พูดตามที่ได้รับการบอกกล่าวมา ถ้าซื้อกับตัวแทนดีๆ  มืออาชีพ   เค้าจะคำนวณของจริงให้ดูเลยครับ ว่า  ตกลงแล้ว จะต้องจ่ายภาษีเท่าไหร่ ได้คืนเท่าไหร่          เพียงแต่บางครั้ง คุณไม่เจอตัวแทนดีๆ  มืออาชีพ ก็เท่านั้นเองครับ จากคุณ : darkming เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 53 00:35:08

ความคิดเห็นที่ 28 เห็นด้วยกับ 20  25 26 ค่ะ จะลงทุนอะไร ควรศึกษาให้ดีก่อน เพราะเงินเป็นของเรา ไปเชื่อคนอื่นได้อย่างไร และกรณีนี้ ไม่จำเป็นต้องเสียใจ เพราะเงินไม่ได้หายไปสักหน่อย ก็ยังอยู่ คิดเสียว่าเก็บเงิน และเดี๋ยวพอคุณอายุมากขึ้น หน้าทีการงานก้าวหน้าขึ้น เงินรายได้ก็เพิ่มขึ้น ผลประโยชน์ที่ได้รับจะเพิ่มไปเอง รออีกสิบปี แล้วมองกลับมาย้อนหลัง คุณจะดีใจ แทนที่จะเสียใจ จากคุณ : LiTtle_LOliTa เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 53 05:26:18

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบพระคุณทุก ๆ ความเห็นค่ะ ทำให้เรารู้ว่ายังมีอะไรต้องเรียนรู้อีกมากมาย ส่วนตัวแล้วชอบความเห็นที่ 20 มาก ตรงเลยค่ะ เพราะเราเงินแทบจะทั้งหมดที่เป็นเงินเก็บจะไว้ที่ธนาคารแห่งนี้ทั้งหมดเลยคิดว่าไม่ว่าเค้าจะแนะนำอะไรก็คงเป็นเรื่องดีดีเสมอ แต่พอมันผิดไปจากสิ่งที่เค้าได้โฆษณาไว้มันก็เลยรู้สึกเหมือนโดนโกง น่ะึคะ คำอาจจะแรงไปจริง ๆ ต้องออกตัวอีกเรื่องนะคะ คือ login นี้ยืมน้องที่ทำงานมานะคะ พอดีเราไม่รู้จะปรึกษาใครน้องเลยให้ยืมมาปรึกษาคนในพันทิปน่ะค่ะ อย่างที่บอกน่ะค่ะ ว่าเราไม่รู้จะถามใครจริง ๆ วันนี้เราขออนุญาตโพสเอกสารที่ทางธนาคารสีเขียวชี้ชวนเราให้ทำประกันนะคะเพื่อให้พี่ ๆ เพื่อน ๆ ช่วยกันพิจารณาด้วยว่าแบบนี้ทำถูกต้องหรือไม่ ถ้ามันเกิดจากความไม่รู้ของเราเอง ก็ยินดีรับเป็นการเรียนรู้อย่างหนึ่งค่ะ รบกวนพี่ ๆ เพื่อน ๆ ช่วยแนะนำด้วยค่ะ ขอบพระคุณค่ะ จากคุณ : Mars Planet เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 53 09:13:24

ความคิดเห็นที่ 30 เข้ามาดู เช่นกันครับ จากคุณ : เทพ ทับช้าง เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 53 09:37:07

ความคิดเห็นที่ 31 อ่อ แถมนิดนึง ฝากไปถึงธนาคาร ไม่ว่าจะสีเขียว สีม่วง สีน้ำเงิน สีเหลือง สีแดง น่าจะมีการอบรมเจ้าหน้าที่ ให้สามารถให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับลูกค้าด้วย ไม่ใช่สักแต่ว่าจะขายอย่างเดียว จากคุณ : LiTtle_LOliTa เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 53 09:44:19

ความคิดเห็นที่ 32 ตัวอย่าง จากคุณ : Mars Planet เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 53 10:08:42

ความคิดเห็นที่ 33 จากเอกสารที่เราได้จากธนาคารบวกกับคำพูดที่บอกว่า 10% จากเบี้ยประกันแสดงว่าถ้าเราจ่ายค่าเบี้ย 31,500 ก็จะได้ภาษีคืน 3,150 บาทใช่หรือเปล่าคะ? (จากความเห็นของพี่ ๆ เพื่อน ๆ คงจะไม่เป็ยนอย่างที่เราเข้าใจแล้วสิ) คือด้วยความสัตย์จริงเลยนะ เราไม่ได้รับการแนะนำ หรือการแจงเงื่อนไขอะไรเลยนอกจากการอธิบายตามตารางที่ส่งให้ดูน่ะค่ะ ซึ่งมันก็คือ 3,150 บาท ------- นี่ค่ะ คุณชาวไร่ ---- เราก็มีเหมือนกันใบเสร็จเบี้ยประกันที่เราส่งไป ยอด 31,500 จากคุณ : Mars Planet เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 53 10:30:43

ความคิดเห็นที่ 34 อ่านดูแล้ว ไม่เห็นโกงตรงไหนนะครับ เป็นการเข้าใจผิดเท่านั้น เข้าใจ จขกท. ว่าลำบาก เลิกไม่ได้เพราะเงินคืนน้อย ก็ต้องพิจารณาต่อไปครับว่าถ้าในอนาคตเราจะมีรายได้เพิ่มขึ้นก็ถือประกันไว้ ต่อไปก็ลดหย่อนได้เพิ่มเอง หรือคิดว่าไม่มีรายได้เพิ่มจริงๆ คงต้อง cut loss จากคุณ : SummerMan เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 53 10:59:36

ความคิดเห็นที่ 35 ในความเห็นที่ 20 ของคุณ TheKop78 อธิบายได้ชัดเจนดีมากครับ ถ้าจะได้ผลประโยชน์ทางภาษีเต็ม 10% จะต้องมีรายได้สุทธิตั้งแต่181,500 บาทขึ้นไปครับ จากคุณ : Ithipong เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 53 11:06:24

ความคิดเห็นที่ 36 โอเคครับ ตามเอกสารที่คุณเอามาให้ดู เคลียร์ไปได้ประเด็น 1 แล้วครับ ธนาคารไม่ได้ยัดใส้ ประกันอย่างอื่น มาในประกันแบบออม ซึ่งตามหลักแล้ว คุณจะใช้ยอด 31,500 บาท หักลดหย่อนได้ทั้งจำนวน ในกรณีนี้แล้ว ธนาคารไม่ได้ "โกง" ครับ   แต่เหมือนกับที่ท่านอื่น ๆ บอก คือคิดอยากจะได้แต่ยอดขายอย่างเดียว ไม่สนใจเรื่องเงื่อนไขของลูกค้าเลย แต่ตาม คห. 8 คุณบอกว่าคุณยังเสียภาษีอยู่  (ยอดภาษี ที่สรรพกรได้เงินคุณไป ไม่เป็นศูนย์) แสดงว่าคุณต้องลดหย่อนได้ สามพันกว่าบาท เต็มจำนวนนี่ครับ ผมว่าลองไปเช็คแบบยื่นภาษีดูอีกทีครับ  ว่ามีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า แล้วดูว่าคุณจ่ายภาษีลดลงเท่าไร อย่ามายึดเฉพาะตัวเงินที่คุณได้รับมาจากสรรพากรครับ แล้วลองคิดในแบบดูใหม่ว่า ถ้าไม่ซื้อประกันตัวนี้ คุณต้องจ่ายเงินสดเพิ่มให้สรรพากรอีก พันกว่าบาท ใช่หรือไม่ ถ้าใช่ ก็แสดงว่า ฝ่ายบัญชี หักเงินคุณต่อเดือนน้อยไปครับ จากคุณ : ชาวไร่ เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 53 14:08:25

ความคิดเห็นที่ 37 รบกวนเจ้าของกระทู้ นิดหนึ่งครับ ผมว่า เพื่อความเคลีย หากไม่เป็นความลับ จนเกินไป รบกวน ให้ข้อมูลรายละเอียดของ รายได้ (เงินเดือน และรายได้อี่นที่คำนวณภาษี) ค่าลดหย่อนต่างๆ ประกันสังคม และ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และอื่นๆ อาทิ ลดหย่อนดอกเบี้ย กู้บ้าน สุดท้าย การหักเงินภาษีนำส่งของทางบริษัท (ซึ่งที่ง่ายที่สุด คือ รบกวนขอแบบ ยื่นภาษีมาให้พวกพี่ในห้องช่วยวิเคราะห์ให้นะครับ) เพื่อที่ เพื่อนๆ พี่ๆ จะช่วยคำนวณให้ได้ จากคุณ : เกือบไม่ผ่าน เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 53 15:41:01

ความคิดเห็นที่ 38 เรื่องของเรื่องถูกต้องแล้ว ไม่มีใครโกงใคร ที่ต้องช่วยคือ ช่วยกันทำความเข้าใจให้ถูก จากคุณ : hud เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 53 16:20:27

ความคิดเห็นที่ 39 ตอนนี้ธนาคารทราบเรื่องของคุณ Mars Planet แล้วนะคะ ขออนุญาตให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องติดต่อกลับไปยังคุณ Mars Planet เพื่ออธิบายข้อมูลประกันและการได้รับภาษีคืน อย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง และจะพยายามช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นให้นะคะ แต่ถ้าคุณ Mars Planet จะให้ข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลเพิ่มเติมต่างๆ รบกวนคลิกที่อมยิ้มของ K8888 และเขียนข้อมูลมาก็ได้ เพื่อความสะดวกและปลอดภัยค่ะ แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 53 17:49:31 จากคุณ : K8888 เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 53 17:33:32

ความคิดเห็นที่ 40 คิดง่ายๆ เมื่อปีก่อนๆคุณเคยเสียภาษีเท่าไหร่? ถ้าไม่เกิน 3,150 บาท คุณก็ไม่สามารถประหยัดการเสียภาษีเกินส่วนที่คุณจะเสียได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นแสดงว่าปีที่ผ่านมาคุณไม่ต้องเสียภาษีเลย แต่ถ้าคุณต้องการใช้สิทธิการหักลดหย่อนค่าเบี้ยประกัน แนะนำให้นำรายได้ ตัวอื่นๆมาเพิ่ม เช่นดอกเบี้ยที่ถูกหักภาษีณ.ที่จ่าย15% คุณจะสามารถขอคืน ได้15%(มากกว่าของเดิม10%อีก)  หรือ คุณจะซื้อหุ้นเพื่อรับเงินปันผลแล้ว นำไปรวมกับรายได้ก็ได้แถมยังจะได้เครดิตภาษีเพิ่มอีก จากคุณ : sahwatt เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 53 17:48:18

ความคิดเห็นที่ 41 เป็นทุกธนาคารค่ะ ถ้าพนง.ที่ขายสักแต่ว่า อยากได้ค่าคอมฯ แล้วดันไปเจอกับคนที่อยากทำประกันจริงๆ หรือโน้มน้าวง่าย ตั้งสติให้ดีค่ะ แล้วดูว่าจะจัดการปัญหาอย่างไร ถ้าไม่คิดมากก็ถือเป็นการออมค่ะ เราเป็นหนึ่งในนั้นแหละ ไม่ซื้อประกันจากตัวแทนทั้งๆที่เป็นพี่สาวเราแท้ๆ เพราะเค้าไม่สนใจขายให้เราเอง ก็เลยไปซื้อที่แบงค์เขียวนี่แหละ ตอนนั้นแบงค์ไหนๆก็มีเหมือนกันหมด แต่เงินเราอยู่แบงค์นี้ก็เลยเอาที่ง่ายๆไปเลย จุดประสงค์เราต้องการออมเงินแบบประกันชีวิต ที่ไม่ใช่ระยะยาว แล้วพนง.ก็เป็นคนที่มีความรู้พอควรในการขายประกันนะ เค้าอธิบายง่ายๆ เราอ่านๆแล้วก็ยอมรับได้ มันเข้าใจได้ง่ายๆงั้ย จ่ายแค่ 7 ปีคุ้มครอง 15 ปี จ่ายเกือบห้าหมื่นต่อปี ซื้อเสร็จพี่สาวรู้ บ่นใหญ่เลยทำไม ไม่ถามเค้าก่อน ยกเลิกก็ไม่คุ้มแล้ว แถมเราก็ไม่ได้ทำงานจะไปซื้อประกันอะไรเยอะแยะขนาดนั้น เรานะเครียดไปหลายวันเลย ดีที่เค้ายังปลอบใจ ว่าอย่างน้อยผลประโยชน์ที่ได้ก็ไม่น่าเกลียดอะไร แต่2ปีครั้งนะ ยังมาแขวะอีกนะ จากคุณ : dcapar เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 53 21:01:42

ความคิดเห็นที่ 42 อย่าคิดมากครับ ถือว่าเรากำลังเก็บเงิน และอีกหน่อยเงินเดือนก็ขึ้นก็ลดหย่อนได้มากขึ้นเพราะค่าใช้จ่ายยังเท่าเดิมอยู่ หรือถ้าสงสัยอะไรโทราถามก็ได้นะ ผมเป็นตัวแทน ยินดีให้คำปรืกษา 087 110 9090 จากคุณ : mickey nine (mickey nine) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 53 01:34:50

ความคิดเห็นที่ 43 เข้ามาอัพเดทสถานการณ์ หลังจากช่วงหลัง ๆ นี่ยุ่งกับเรื่องอื่นเลยไม่ได้มาเล่าให้ฟังค่ะ ว่าทางธนาคารได้มีการโทรมาขอโทษและจะจัดส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาให้คำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวนี้ เห็นว่าจะมีกระเช้าส่งมาด้วยโดยส่วนตัวไม่ได้ต้องการสิ่งของอะไรแต่แค่ึถามหาความรับผิดชอบและความกระจ่างเท่านั้น เราคิดว่า...เรายังดีรู้จักโลกออนไลน์อยู่บ้าง นี่ถ้าเป็นคนอื่น ๆ ล่ะ เค้าก็คงได้โทรหา call center คุยกะสรรพากรไปเรื่อยโดยที่ข้อข้องใจก็ยังคงอยู่ ตอนนี้เราได้ fwd กระทู้นี้ไปให้ first jobber หลาย ๆ คนที่เรารู้จักและอาจจะเข้าข่ายแบบเรา คือไม่เชี่ยวชาญเรื่องการเงินเท่าไร หวังเอาไว้ว่าจะเป็นสิ่งคอยเตือนใจก่อนซื้อผลิตภัณฑ์อะไรพวกนี้ได้บ้าง จากคุณ : Mars Planet เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 11:08:22