ความคิดเห็นที่ 1 [เดินออกนอกเส้นทางไปไกล] หากเรามองในแง่ของธุรกิจบริษัทที่มีหนี้มากและขยายตัวในช่วงกิจการกำลังไปได้ดีย่อมเป็นการบ่งชี้อนาคตของกิจการน่าจะเติบโตไปได้อีก ในกรณีของประเทศก็คล้ายๆกัน แต่คิดว่าตอนนี้หนี้เยอะในขณะที่กิจการของแต่ละประเทศกำลังเป็นไปได้ดีหรือปล่าว ผมว่าไม่ใช่ Reinhart และ Rogoff ซึ่งศึกษา Sovereign Default ในรอบ 800 ปี เขียนออกมาเป็นหนังสือ This time is different นั้น ได้ทำการศึกษาต่อไปว่า หนี้มากหรือหรือน้อยมีผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อหรือปล่าว ได้ผลดังรูปนะครับ เนื่องจากกราฟค่อนข้างชัดเจนจึงไม่ต้องอธิบายอะไร กราฟ : Public Debt, Growth, and Inflation: Selected Advanced Economies, 1946-2009 จากคุณ : Crazy Rabbit เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 53 10:52:27

ความคิดเห็นที่ 2 กราฟ : Public Debt, Growth, and Inflation: Selected Emerging Economies, 1946-2009 จากคุณ : Crazy Rabbit เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 53 10:53:19

ความคิดเห็นที่ 3 (รูปเกิน) แก้ไขเมื่อ 28 พ.ค. 53 10:54:43 จากคุณ : Crazy Rabbit เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 53 10:54:00

ความคิดเห็นที่ 4 ผลการศึกษาออกมาไม่ต่างกัน ไม่ว่าประเทศนั้นจะเป็น Advanced หรือ Emerging Economy ในส่วนของ GDP Growth แต่ในส่วนของ Inflation นั้น Emerging Economy ที่มีหนี้มาก มีโอกาสจะเกิดปัญหาเงินเฟ้อได้มากกว่า (แต่ตอนนี้ประเทศเหล่านั้นมีหนี้ไม่มากนัก) ดังนั้นรัฐบาลประเทศต่างๆโดยเฉพาะ Advanced Economy ต้องเร่งลดหนี้ ซึ่งอันนี้ก็เป็น Topic of the Year อย่างชัดเจนอยู่แล้ว ตารางผลการศึกษา : GDP Growth vs. Level of Debt และ Inflation vs. Level of Debt จากคุณ : Crazy Rabbit เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 53 10:55:37

ความคิดเห็นที่ 5 มันบอกอะไรเรา? ผู้ที่ฝันไว้ว่าเศรษฐกิจหลังจากนี้ไปจะสวยหรู อาจจะต้องตื่นแล้วนะครับ ถึงแม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆยังดีอยู่ แต่นั้นมันเป็นผลจากการที่แต่ละประเทศทำอะไรมาในช่วง 2-3 ปี หลังจากนี้ไปอาจจะมุดลงไปอีกก็เป็นได้ Krugman ไม่เห็นด้วยกับข้อสรุปดังกล่าว ที่ว่า Debt สัมพันธ์กับ Growth บอกว่า What I think I’m seeing, although I haven’t tested this carefully, is that the causal relationship largely runs from growth to debt rather than the other way around. That is, it’s not so much that bad things happen to growth when debt is high, it’s that bad things happen to debt when growth is low. GDP Growth ไม่ได้ถูกกระทบนักหรอกหากหนี้เยอะ (ดังนั้น Obama อย่าเพิ่งรัดเข็มขัดตอนนี้)   แต่หนี้ต่างหากที่จะส่งผลร้ายแรงหาก GDP Growth ต่ำ กล่าวคือ Casual Relationship เป็นไปในทิศทางเดียว ปลายปีนึ้คงรู้ว่าใครถูก   (เย็นนี้อาจจะมีอีกเรื่องนึงครับ เพราะวันนี้อยู่บ้านเฉยๆอยากหาอะไรทำ) จากคุณ : Crazy Rabbit เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 53 10:58:01

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบคุณค่ะ ได้อ่านวันหยุดพอดี ~~~ หุๆ จากคุณ : nusarathi เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 53 11:28:10

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณครับ ที่Crazy Rabbitช่วยเขียนให้ได้อ่าน จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 53 11:40:47

ความคิดเห็นที่ 8 พี่ CR ผมขอถามแบบคนไม่รู้นะครับ ทำไมผมเห็นหนังสือหลายเล่มรวมถึงหนังสือพิมพ์หลายฉบับต้องเทียบ Debt ต่อ GDP(ไม่ใช่ GDP Growth นะครับ) ในเมื่อ Debtที่ก่อเป็นหนี้สาธารณะ แต่GDPเป็นรายได้มวลรวมของประชาชน ในเมื่อผู้มีหน้าที่จ่ายหนี้สาธารณะคือรัฐบาล แต่การนำรายได้รวมของประชาชนมาเทียบดูจะไม่สมเหตุสมผล เพราะรายได้จากรัฐบาลคือภาษีของเรา ถ้าเทียบกับภาษีหรือเทียบกับอะไรอื่นๆจะดูสมเหตุสมผลมากกว่ารึเปล่า เออ...พอเข้าใจคำถามรึเปล่าครับ พอดีผมสื่อสารไม่ค่อยเก่ง แต่อยากรู้ แฮะๆ จากคุณ : clientuser เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 53 11:45:18

ความคิดเห็นที่ 9 ดีจังเลยครัับพี่ ขอบคุณมากๆครับ แวะมาอัพเดทให้น้องๆบ่อยๆนะครับ เมื่อเช้าเพิ่งบ่นคิดถึงพี่ วันนี้เจอตัวเลย โชคดีมักๆครับ http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I9300383/I9300383.html#171 แก้ไขเมื่อ 28 พ.ค. 53 11:58:46 จากคุณ : กระบี่โลหิต เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 53 11:55:57

ความคิดเห็นที่ 10 รายได้ของรัฐบาลส่วนใหญ่ก็เป็นภาษีนะครับ G > T หมายถึงขาดดุลงบประมาณ ทำให้เป็นหนี้ T แปรผันตามรายได้ (Y) ของประชาชน จากคุณ : Crazy Rabbit เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 53 12:36:15

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณพี่ CR ครับ พอนึกภาพออกแล้ว คือถ้า รายจ่ายรัฐบาลมากกว่ารายได้(คือภาษีของเรา) ก็ทำให้เกิดหนี้สาธารณะ ส่วนรายได้ของรัฐบาล(ภาษีของเรา) ย่อมมาจากรายได้ของเรา ซึ่งใช้ GDP เป็นตัวแทน ถ้าGDPมาก รัฐบาลย่อมเก็บภาษี(มีรายได้)ไ้ด้มาก ทางกลับกันถ้าGDPน้อย รัฐบาลย่อมมีรายได้น้อยลง ....แบบนี้ผมเข้าใจถูกใช่รึเปล่าครับ จากคุณ : clientuser เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 53 12:57:35

ความคิดเห็นที่ 12 แล้ว EU จะใช้วิธีการอะไรมั่งในการลดหนี้อ่ะคะ ?? แค่นี้ GDP growth ก็ต่ำเตี้ยแล้ว ถ้ารัดแข็มขัดแบบกรีซไม่ยิ่งแย่ เหรอคะ ?? ~เข้าใจถูกป่าวคะเนี่ยะ~ จากคุณ : nusarathi เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 53 13:18:27

ความคิดเห็นที่ 13 ก็มีอยู่แค่ 3-4 วิธีแหละครับ แต่ทุกประเทศอยากจะทำเรื่องนี้ในระยะยาว คือการปรับปรุงระบบประกันสุขภาพ/สังคม เพราะมันกินเงินมากเหลือเกิน จากคุณ : Crazy Rabbit เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 53 14:23:05

ความคิดเห็นที่ 14 เนื่องจากสัดส่วนภาษีและรายได้ภาครัฐต่อ gdp ของแต่ละประเทศที่ต่างกัน เพราะบางประเทศ GDP สูงแต่ภาษีต่ำ เพราะความสามารถในการเก็บภาษีและฐานภาษีต่ำ หรือความสามารถในการหารายได้อื่นต่ำ เมื่อเทียบกับบางประเทศที่มีรายได้อื่นสูง ทำให้มีหนี้สูงแต่ก็สามารถชำระคืนหนี้ได้ หรือมีความยืดหยุ่นในการเพิ่มรายได้ ดังนั้น การเทียบ debt/gdp จึงไม่น่าจะเป็นวิธีการเดียว เช่นเดียวกับการซื้อหุ้นแล้วดู p/e เพียงอย่างเดียวและเปรียบเทียบกับอุตสาหกรรมทั้ง sunset และ sun rise ดังนั้น ความเห็นส่วนตัวนะครับ อาจจะต้องเปรียบเทียบ 1. หนี้สินสาธารณะ(ต่างประเทศ)/ทุนสำรองระหว่างประเทศ  หรือ D/E ratio หรือ 2. ความสามารถในการชำระหนี้ = ดอกเบี้ยจ่าย/รายได้ภาครัฐ(tax+other income) หรือ 3. การดู growth gdp หนี้ และการออมของประเทศ ? ขอถามเป็นความรู้นะครับ จากคุณ : Mr Google เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 53 15:28:15

ความคิดเห็นที่ 15 เงินที่เอามาชำระหนี้เป็นภาษีนะครับ ไม่ใช่เอาทุนสำรองเงินตราไปชำระหนี้ (ทุนสำรองจะลดลงเพราะเอาเงินออกไปนอกประเทศ) ภาษีแปรผันตามรายได้ ทุนสำรองยังไม่ใช่ Equity ในมุมมองแบบบริษัทอีกด้วย .... ผมสงสัยว่า เป็นวิธีการเดียวหรือไม่เป็นวิธีการเดียวสำหรับอะไรครับ  งง? ในรายงานขององค์กรระหว่างประเทศต่างๆ ใช้ Dept/GDP และ Government Deficit/GDP เป็นตัววัดครับ ใช้ตามนี้ไปเถอะอย่าคิดมาก แต่ถ้าจะถามว่า โอกาสในการผิดนัดชำระหนี้ดูจากอะไร ไปที่นี่เลยครับ http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I9303927/I9303927.html จากคุณ : Crazy Rabbit เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 53 16:24:34

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณครับ จากคุณ : Mr Google เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 53 16:29:54

ความคิดเห็นที่ 17 จากที่อาจารย์ Crazy Rabbit ให้มา ขอสรุปจากการที่ไม่จบเศรษฐศาสตร์ ด้วยการสรุปโดยส่วนตัวได้ว่า 1. Debt/GDP เยอะไม่ได้หมายความว่า GDP จะ growth 2. GDP Growth หากลดลงจะมีผลกระทบต่อประเทศที่มี Debt/GDP สูง 3. Debt/GDP ไม่บอกถึงความสามารถในการชำระหนี้ ซะทีเดียว 4. โดยหากดูความสามารถในการชำระหนี้ ให้รอดูการจัด rating ของ S&P และ Moody’s ผิดพลาดประการใดขอเป็นความรู้ด้วยนะครับ :) จากคุณ : Mr Google เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 53 16:48:26

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณค่ะ แก้ไขเมื่อ 28 พ.ค. 53 18:43:03 จากคุณ : nusarathi เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 53 18:40:21

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณครับ พี่กระต่าย แม้จะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรก็ตาม T T จากคุณ : อาปี้คุง เขียนเมื่อ : วันวิสาขบูชา 53 22:47:46

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณครับ จากคุณ : ปลาเล็กปลาน้อย เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 53 03:15:32

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณค่ะ เข้ามาดู จากคุณ : Hana* เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 53 10:14:50

ความคิดเห็นที่ 22 อืม Debt/GDP 60-90% = Optimum ? ? ? น่าสนใจมากๆๆ (ตามกราฟนะ แต่ผลที่ตามมา มันก็อาจไปทางซ้ายหรือขวา ถ้าไปทางขวา ก็ซวย) จากคุณ : You'll never walk alone เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 53 10:25:45

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณพี่กระต่ายอีกครั้งนะครับสำหรับความรู้หลายๆกระทู้ คห 114 ดูมีเหตุผลครับผมว่า แต่ที่พี่กระต่ายบอกว่าในรายงานขององค์กรระหว่างประเทศต่างๆ ใช้ Dept/GDP ก็รับได้นะครับ เพราะว่า other income มันอาจจะน้อยมากก็ได้ เพราะรายได้หลักต้องเป็นภาษีอยู่แล้ว (เหมือน core business อะครับ) ส่วนความสามารถในการเก็บภาษีและฐานภาษีที่น่าจะต่างกันแต่ละประเทศนะครับ ผมว่ามีส่วนมากๆเลยหล่ะ จากคุณ : พุงอุ่นๆ เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 53 11:09:14

ความคิดเห็นที่ 24 เยี่ยม จากคุณ : แม่น้องอะตอม เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 53 09:23:16

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณครับ จากคุณ : cocohill (cocohill) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 53 21:32:59