|
ความคิดเห็นที่ 18 |
ความคิดเห็นที่ 20
ผมขอร่วมคิดด้วยคนนะครับ ขออนุญาต จขกท. งามๆ ก่อน
๑. Contrarian Trading ต้องใช้ทักษะสูงพอสมควร เพราะหากวิเคราะห์สถานการณ์ผิด จะพลาดได้สูง เห็นได้จาก
อ้างอิง Comment#6 Oct 13, 2008 The New Hard Times รูปคนตกงานในช่วง Great Depression 1930
ผู้คนหวั่นกลัวว่าจะกลายเป็น Great Depression 2.0 (ทั้งที่คนรุ่นนั้นตาย+แก่งอมหมดแล้ว หรือว่ารุ่นพ่อแม่ เขาถ่ายทอดอารมณ์ฝากลูกหลานไว้ได้นะ)
หุ้นยังตกต่อไปอีก 3-4 เดือน จากนั้นก็ขึ้นยาว <= อันนี้เป็นข้อเท็จจริง แต่ปัญหา คือ
ถ้าใครใช้วิธีการนี้อย่างเดียวเข้าซื้อหุ้น...ผมควรจะรู้ได้อย่างไรว่า "อาการหวั่นกลัวสุดขีด" แบบไหน จึงควรทะยอยซื้อ หรือเก็บเต็มอัตราศึก??
อ้างอิง Comment#5 Oct 5, 2009 The Tragedy of Detroit
คราวนี้ หากผมใช้กลยุทธ์ทะยอยซื้อ (ซึ่งได้วิชามาจากการเรียนรู้เหตุการณ์ Oct 13, 2008)
ผมทะยอยเข้าซื้อหุ้น Ford Motor หลังซื้อไม้แรก มันขึ้นๆ ผมจึงตามด้วยไม้สองและสาม ผ่านไป ๓ สัปดาห์หลังซื้อไม้แรก...ตอนนี้ MACD บอกให้ขายแล้ว ผมควรทำอย่างไรในตอนนี้?
แต่ผมยึดหลัก Contrarian Trading จึงทนถือต่อไป...ปรากฎว่า ๑ เดือนหลังซื้อไม้แรก ราคาหุ้น Ford Motor ลดลงมาพอๆ กับราคาซื้อไม้แรก แน่นอนตอนนี้ผมขาดทุนแล้ว (เพราะซื้อไม้สองกับสามไปด้วย)
คำถาม คือ เวลานั้น ผมจะทนแรงกดดันได้อย่างไร? แน่นอนมันติดลบมากกว่าจุด Stop loss มาเยอะแล้ว...
๒. Contrarian Trading Method อาจจะบอกจุดซื้อ แต่ไม่ได้บอกจุดขาย เราควรรู้ได้อย่างไรว่า จะต้องถือหุ้นไปจนถึงเมื่อไหร่? ใช้เหตุการณ์อะไรบอกให้ขาย...นักลงทุนกลับมาสวนเสเฮฮาใช่มั้ย?
สมมุติผมใช้หลักการวิเคราะห์ดูนักลงทุนออกมาตอบสนอง อวดรวยแข่งกันแบบออกหน้านะครับ
อ้างอิง Comment#6 Oct 13, 2008 The New Hard Times
พอเข้า April 2009 ดัชนีพุ่งขึ้นเข้าเขต Over bought จุดแรก ผู้คนก้อออกมาสวนเสเฮฮา และคาดหวังว่าดัชนีจะวิ่งไปเท่านั้นเท่านี้จุดแล้ว.....ผมควรขายได้แล้วใช่มั้ย?
เอาเป็นว่า ผมประเมินพบว่า ยังมีนักลงทุนบางส่วนหวั่นกลัวว่าจะขึ้นไม่จริงปะปนพอสมควร ผมจึงทนถือต่อไป...ปรากฎว่า ดัชนีมันขึ้นต่อไปจริงๆ แน่นอนว่าผู้คนยิ่งออกมาร่าเริ่งครั้งใหญ่ ดังนั้น ราวๆ May, 2009 ผมจึงขายทิ้ง เพราะนักลงทุนสนุกสนานกันเหลือเกิน
และพอ June, 2009 ดัชนีมันเริ่มลงและลดลงไปเกือบหนึ่งเดือน ... ตอนนี้ผมคิดว่า "ทำถูกที่สุด" ผมดีใจและมั่นใจในฝีมือการวิเคราะห์ของตนเองมาก นับวันตั้งตารอให้นักลงทุนหดหู่ใจแบบสุดๆ อีกครั้ง
สุดท้าย ปรากฎว่า ดัชนีลงมาได้หน่อย ก้อวกขึ้นไปอีก... ผล คือ เป็นเพียงการปรับฐาน แต่ที่แน่ๆ คือ ผมขายหมูตัวอ้วนงามไปเรียบร้อยแ้ล้ว T_T
อ้างอิง Comment#5 Oct 5, 2009 The Tragedy of Detroit
คราวนี้ก้อเช่นกันครับ ผมจะขายหมูราวๆ สิ้นปี 2009 พอเข้าปี 2010 ราคามันกลับกระชากขึ้น...ตอกย้ำอารมณ์ขายหมูให้ผมยิ่งนัก T_T
อย่างไรก้อตาม วิธีการ Contrarian Trading Method ก็ยังทำให้ผมมีกำไร . . ใช่มั้ยครับ? ถึงแม้จะทำให้ผมขาดทุนกำไรไปอีกเท่าตัวก้อตามเถอะ T_T (บางคนอาจจะยอมรับตรงนี้ได้นะ)
แต่ปัญหาหลักๆ มันอยู่ตรงข้อถัดไปนะครับ
๓. Contrarian Trading ให้สัญญาณเข้าซื้อ-ขายประมาณปีละครั้ง (ได้ป่าวอ่ะ?)
สมมุติว่าเฉลี่ยปีละครั้งนะครับ คือ บอกให้ซื้อหนึ่งครั้ง กับขายหมู (งามดูพี) หนึ่งครั้ง แล้วต้องทนจับตาดูอาการของวัฏจักรของนักลงทุนต่อไปอีกเป็นปี
ปัญหาใหญ่เกิดขึ้น นั่นคือ ผมจะทนอาการลงแดงเป็นปีได้อย่างไร??? T_T
จากคุณ : tomimoto เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 53 01:29:45
จากคุณ |
:
sandee.kung
|
เขียนเมื่อ |
:
30 พ.ค. 53 05:16:00
|
|
|
|
|