![](/cafe/image/w40px.gif) |
ความคิดเห็นที่ 22 |
^^^ http://www.thaibond.com/Default.aspx?tabid=36&EntryID=19 -------------------------------------------------------------------------- หุ้นกู้ ฮีโร่ยุคเศรษฐกิจผันผวน จริงหรือ Posted by: แม่พลอย 5/14/2009 2:19 PM
ช่วงนี้มีหุ้นกู้ออกใหม่เยอะเหลือเกิน 4 เดือนแห่กันออกไปเกือบหนึ่งแสนสามหมื่นล้านบาทแล้ว และแต่ละรุ่นต่างก็ขายดิบขายดี นักลงทุนแย่งกันจองกันอย่างล้นหลาม โดยเฉพาะหุ้นกุ้กลุ่มบิ๊ก พลังงานบางรุ่นยังไม่ทันถึงวันเปิดขายเลยค่ะ แต่ปรากฎว่าหลายคนโทรไปจองก็หมดเสียแล้ว สาเหตุที่ขายดีอย่างกะแจกฟรีคงมาจากขณะนี้นักลงทุนรายย่อยไม่รู้จะลงทุนอะไรดี ในยามที่ ดอกเบี้ยแบงก์เหลือแค่ 50 สตางค์ และผลตอบแทนจากกองทุน Money market ที่เคยฮิตก็ลด ต่ำลงเรื่อยๆ จนเหลือไม่ถึง 1% ครั้นจะซื้อหุ้นรึก็ยังเสียวๆ หรือว่าจะซื้อพันธบัตรเกาหลีรึก็ยังหวั่นๆ ก็เหลือหุ้นกู้เนี่ยแหละ ที่เห็นเขาโฆษณานักหนาว่าเป็นฮีโร่ในยุคเศรษฐกิจผันผวน
วันนี้เลยขอมองต่างมุมหน่อยค่ะว่าหุ้นกู้เป็นฮีโร่อย่างที่พยายามโปรโมทกันจริงหรือ เพราะหุ้นกู้ระดับ AAA หรือ AA จองยากจองเย็นทำให้นักลงทุนบางคนเริ่มหันไปมองหุ้นกู้ระดับรองๆลงไปที่ผลตอบแทน ก็ดูเย้ายวนใจ ซึ่งถ้าหากเศรษฐกิจฟื้นตัวก็คงไม่มีปัญหาอะไร บริษัทต่างๆนำเงินกำไรมาจ่ายดอกเบี้ย ได้ไม่ยาก แต่ถ้าหากเศรษฐกิจพลิกกลับดำดิ่งลงอีกรอบ บริษัทเอกชนที่ฐานไม่แข็งพอก็น่าเป็นห่วง
จริงๆไม่ต้องย้อนไปไกลเอาแค่วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ครั้งนี้ เราก็เห็นแล้วว่าหุ้นกู้ของ TSFC ที่เดิมก็ได้ rating ในระดับ A อยู่ๆต้องกลายเป็น default ผิดนัดชำระหนี้ หรือ ก่อนหน้านั้นเราก็มีกรณี default ของหุ้นกู้ ปิคนิก ที่ส่งผลสะเทือนวงการกองทุนรวมมาแล้ว ยังดีที่สองตัวนี้ไม่ได้ขายให้นักลงทุนรายย่อย โดยตรง คนก็เลยไม่ค่อยตกใจกันเท่าไร ผิดกับช่วงหลังที่การออกหุ้นกู้ส่วนใหญ่จะเน้นขายแต่รายย่อยเป็นหลัก
ไหนๆก็ไหนๆ ดิฉันก็ขอหยิบยกเคส Default ทั้งหลายในช่วงวิกฤติต้มยำกุ้งปี 40 มาให้ดูกัน เพื่อเป็นข้อมูล เฉยๆ ไม่ได้แปลว่าหุ้นกู้ที่เคย default แล้วจะต้อง default อีกนะคะ เพราะเขาอาจระมัดระวังในการดำเนินงาน มากกว่าเดิมไม่ให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ส่วนหุ้นกู้ที่ไม่เคย default มาก่อนก็ไม่ได้หมายความว่าจะ default ไม่ได้ แต่อาจเป็นเพราะเมื่อก่อนยังไม่เคยออกหุ้นกู้ก็เป็นได้
ข้อมูลย้อนไป ณ เดือนธันวาคม 2541 หลังเกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง จากยอดรวมของหุ้นกู้ทั้งหมดในขณะนั้น ประมาณ 1.2 แสนล้าน (ยังเด็กๆค่ะเทียบกับตอนนี้ยอดรวมสูงถึงเกือบ 9 แสนล้าน) ปรากฏว่ามีจำนวนหุ้นกู้ default ถึง 33 บริษัท มูลค่ารวม 35,000 ล้าน โดยเกือบครึ่งคือประมาณ 44% เป็นกลุ่มเงินทุนหลักทรัพย์ ที่ถูกสั่งปิดกิจการ อย่างเช่น FIN1, GF, CMIC, ONE รองมาเป็นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ประมาณ 20% อาทิ KMC, PERFECT, NPARK, QH, M-HOME ที่เหลือก็มีกระจายกันไปในหลาย Sector อาทิ ROBINS, TPI, TPIPL,RANCH, IEC, ITD, BGH, SAMART บางบริษัทก็ล้มหายตายจากกันไปแล้ว บางบริษัทจนป่านนี้ก็ ยังลุ่มๆดอนๆอยู่ แต่อีกหลายบริษัทก็มีการปรับโครงสร้างกันไปจนตอนนี้ผลการดำเนินงานกลับมาเป็นปกติ แล้วแถมบางแห่งได้ rating สูงถึงระดับ A ด้วย ก็เป็นข้อมูลให้ไปลองไปตรวจสอบกันดูได้ค่ะ
จากคุณ |
:
นิสิต
|
เขียนเมื่อ |
:
8 มิ.ย. 53 11:26:31
|
|
|
|
![](/cafe/image/w40px.gif) |