ความคิดเห็นที่ 1 . จากคุณ : นายไทยไฝ่รู้ เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 08:41:37

ความคิดเห็นที่ 2 http://www.manager.co.th/StockMarket/ViewNews.aspx?NewsID=9530000080898 จากคุณ : นายไทยไฝ่รู้ เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 08:42:18

ความคิดเห็นที่ 3 "เป๊บซี่" ล้มดีลเทคฯ "เสริมสุข" ตลท.จี้หาตัวคนซื้อบิ๊กล็อต 12% วานนี้ http://www.manager.co.th/StockMarket/ViewNews.aspx?NewsID=9530000080545 จากคุณ : นายไทยไฝ่รู้ เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 08:47:56

ความคิดเห็นที่ 4 NP = Notice Pending Not Non Performance จากคุณ : จิ้งจกเขียว เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 08:59:17

ความคิดเห็นที่ 5 ในนามของคนไทย ยินดีด้วย ที่บริษัทในประเทศไทย ได้ดำเนินธุรกิจที่สร้างผลกำไรต่อไปกับผลิตภัณฑ์ที่กึ่งผูกขาด ผลกำไร ที่ได้มาก็จะถูกนำไปหมุนเวียนในประเทศเรา :P ส่วนผู้ถือหุ้น ถึงแม้จะสร้างผลกำไรได้เยอะถ้าตัดสินใจขาย แต่ระยะยาวๆ ได้เงินมา ก็คงจะหาซื้อหุ้นที่ดีแบบนี้ได้ยาก (แต่ไม่ใช่ไม่ดีเลย) เข้าค่ายกินน้อยๆ แต่กินนานๆ เก็บไว้ เป็นมรดกตกทอดให้ลูกหลานได้ จากคุณ : superman2007 เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 09:35:08

ความคิดเห็นที่ 6 American Company ต้องการ Go direct ถ้าควบคุมการบริหารไม่ได้เดี๋ยวเขาก็ทำอย่างอื่น ดู PIZZA เป็นตัวอย่าง จากคุณ : Appraiser เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 09:38:16

ความคิดเห็นที่ 7 แผนแรกไม่ผ่าน อาจจะมีแผนสอง... จากคุณ : kkkai525 เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 11:09:38

ความคิดเห็นที่ 8 โดนยกเลิกสิทธิ์ ก็จ๋อย จากคุณ : vision เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 11:24:39

ความคิดเห็นที่ 9 ข้อความของคุณ vision ก็น่าคิด เหตุการณ์ครั้งนี้ก็เหมือนสร้างรอยร้าว ระหว่างเจ้าของลิขสิทธิ์กับผู้ได้รับสิทธิ์ แล้วถ้าเผื่อเป๊ปซี่ไม่ให้เสริมสุขทำต่อ แต่ไปให้สตตาทีจิคทำแทนล่ะ ? จะเป็นไปได้มั้ย ? จากคุณ : bullfrog เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 12:17:50

ความคิดเห็นที่ 10 ต้องติดตามกันยาวๆๆๆ อาจจะเปิดตัว แป๊ปซู่ ขึ้นมาเพื่อเตรียมตัว สู้ อย่างเต็มตัวก็ได้ 5555 จากคุณ : Brawo เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 12:27:32

ความคิดเห็นที่ 11 ระวังหุ้นจะ ดิ่งลงค่ะ  ใครมี โปรดพิณาด่วน!!!!! ก่อนทำเทนเดอร์  ราคาอยู่ที่  18-19 เองค่ะ   (ส่วนตัวยังแอบคว้ามาตอน 22บาท..ขาย30) หลังประกาศรับซื้อคืน....ราคาดันกันไป ตั้ง 34-35 แล้วไงล่ะ  ข่าวออกมา แบบนี้ ........ร่วงสิคร้าบบบบบบบบบบ ตอนนี้ราคา 30บาท ยังค่ะ ยัง....ยังไม่สะใจ.....พวกจ้อง เอาหุ้นคืน หลังจากทำกำไรไป ฉ่ำแล้ว.... กำลังคิดจะทุบหุ้น  ขอหุ้น จากย่อยคืนกลับมา ....ฉะนั้น ราคาจะกลับไปที่เดิม และสภาพคล่อง ก้ กลับเหมือนเดิม...........คือ......ไม่มีสภาพคล่องต่อไป จากคุณ : dawreung51 เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 13:57:58

ความคิดเห็นที่ 12 เสร็จแล้วระวัง.......พอได้หุ้นคืนครบ........ เทคนิคต่อไป ก็จะ มาออกข่าว ดันราคา อาจออกมา ทำนองว่า...........ราคาเหมาะสม น่าจะสูงกว่านี้...อาจ ซัก 40บาท ก็เป็นได้ ติดตาม.........เทคนิค พวกปั่นกำไรหุ้น.......รายใหญ่ ต่อไปค่ะ ........... งานนี้ ยังไม่เลิกรา ง่ายๆๆๆๆๆๆๆ.........มีภาค 2 แน่นอน............ไม่ฟันธง จากคุณ : dawreung51 เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 14:01:46

ความคิดเห็นที่ 13 สำนักข่าวนี้ เด่นเรื่องฉับไว แต่ชอบพิมพ์ผิด พิมพ์ถูก จากคุณ : KOHAKU เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 14:56:52

ความคิดเห็นที่ 14 อันนี้ถามเล่นๆ นะ ถ้าฝ่ายคุณสมชายต้องทำ Tender Offer บ้างจะซื้อที่ราคาเท่าไหร่ ? จากคุณ : จิ้งจกเขียว เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 17:46:08

ความคิดเห็นที่ 15 แล้วไง.ครับ  ..คนลงทุนรายย่อยละครับ จากคุณ : ส (suteeloveyou) เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 18:02:22

ความคิดเห็นที่ 16 มีใครได้อ่านรายงานความเห็นของ IFA หรือยังล่ะ เขาเขียนไว้ในรายงานว่าการคำนวณราคายุติธรรมมีหลายแบบ ดังนี้ 1. วิธีราคาตลาดย้อนหลัง  ราคายุติธรรมเท่ากับ 14.06-20.20 บาท 2. วิธีมูลค่าทางบัญชี  ราคายุติธรรมเท่ากับ 24.75 บาท 3. วิธีปรับปรุงมูลค่าทางบัญชี ราคายุติธรรมเท่ากับ 39.00 บาท 4. วิธีเปรียบเทียบอัตราส่วนมูลค่าตลาด แบ่งออกเป็น 4.1 วิธีอัตราส่วนราคาต่อมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น 35.2 - 47.1 บาท 4.2 วิธีอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น 15.61 -33.42 บาท 4.3 วิธีอัตราสวนมูลคาของกิจการต่อกําไรก่อนหักดอกเบี้ยจ่ายภาษีเงินได้ค่าเสื่อมราคา และค่าใช้จ่ายตัดจําหน่าย ราคายุติธรรมเท่ากับ 38.75 - 46.48 บาท 5 . วิธีมูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดสุทธิ ราคายุติธรรมเท่ากับ 39.00 บาท แล้วสรุปว่า ราคายุติธรรมอยู่ระหว่าง 39.3 - 41.9 บาท ด้วยเหตุผลหลายอย่างครับ ผมว่าเรื่องราคายุติธรรม หรือ มูลค่าที่แท้จริงของกิจการน่าสนใจศึกษาไว้นะครับ แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 53 18:24:02 จากคุณ : จิ้งจกเขียว เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 18:23:24

ความคิดเห็นที่ 17 งานนี่้สรุปง่ายๆนะครับ ผู้ถือหุ้นฝั่งไทย ไม่ต้องการให้ pepsi เข้ามา ก็เลยให้ FA ทำการประเมินราคาที่ควรเป็นออกมา แล้วก็เลือกเอาราคาซะสูงลิบ เพื่อไม่ให้รายย่อยขาย แล้วก็ทำได้สำเร็จ รายย่อยขายไม่ถึงจำนวนที่ต้องการ แต่ หลังจากนี้สิที่น่าคิด ถ้าหุ้น SSC เทรดต่อไป ราคาควรวิ่งขึ้นไปที่ 39 บาท เพราะเป็นราคาที่เหมาะสมไม่ใช่หรือ? ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ทำไมผู้ถือหุ้นคนไทยถึงปล่อยให้ราคาหุ้นอยู่ต่ำขนาดนี้ ซึ่งมันไม่สะท้อนพื้นฐานอย่างมาก? นอกจากนั้น ออเดอร์ big lot ที่ผ่านมา ถ้า pepsi ไม่ได้เป็นคนซื้อหรือขาย ก็ต้องเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่รายอื่น ทำไมเขาถึงซื้อขายกันที่ 29 บาทล่ะ ทั้งๆที่ราคาเหมาะสมควรเป็น 39 บาท เคสนี้มีอะไรแปลก แต่ผมรู้สึกว่า ผู้ถือหุ้นคนไทยเอาเปรียบผู้ถือหุ้นรายย่อยมาก เพราะเขาถือว่าตระกูลของเขาถือหุ้นเยอะอยู่ เขาแค่ต้องการกินปันผลไปเรื่อยในอัตราที่สูง ควบคุมราคาไม่ให้วิ่ง คนจะได้ไม่เข้ามาเล่นหุ้นเขา ซึ่งมันไม่ได้สะท้อนความเป็นจริงกับธุรกิจที่มีการเติบโตตลอด และเป็นเจ้าตลาดในประเทศไทยอยู่ อยากให้ผู้ถือหุ้นใหญ่ที่เป็นครอบครัวพวกนี้ อย่าเห็นแก่ตัวกันนัก เห็นมากเลย ราคาหุ้นต่ำกว่าที่ควรจะเป็นมากมาย รายย่อยเข้าไปซื้อ แต่ก็โดนขายออกมาตลอด เห็นก็รู้ว่าคุณคุมกันอยู่ ไม่ให้ขึ้น ทั้งๆที่รายย่อยที่เขาเข้ามาลงทุน นอกจากต้องการปันผลแล้ว เขาก็ควรได้รับ capital gain ตามสมควรที่เขาจะได้รับ ไม่ใช่มานั่งรอรับปันผลปีละ 10% เหมือนผู้ถือหุ้นใหญ่ เพราะเขาไม่ได้ถือหุ้นเยอะเหมือนพวกคุณที่จะนอนกินปันผลปีละเป็นร้อยล้าน จากคุณ : wattanac เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 53 00:06:44

ความคิดเห็นที่ 18 ผมละผิดหวังจริงๆ  อยากให้เค้ามาซื้อๆไปให้สำเร็จครับ  ไม่อยากให้มีเจ้าของแบบนี้ จากคุณ : อินจอง เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 53 00:40:41

ความคิดเห็นที่ 19 บริษัทมีเป็นร้อย ถ้ารู้ว่าเอาเปรียบก็อย่าไปยุ่งเลยครับ จากคุณ : maiaowna เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 53 00:41:11

ความคิดเห็นที่ 20 ก่อนทำ เทนเดอรอ่านจากคห 11 ผิดนะครับเพราะผมเข้าไปเอามาตอนเดือน มีนาประมาณ 14-15 บาท เอง แล้วก้อไล่ไปตรงที่คุณซื้อ  หลังปันผล เท่ากับทุนผม13.8 โดยประมาณ ให้ลงฟลอร์ไปก้อช่างเถอะ คุณสมชายเขารับจากพ่อเขามา43 ปีที่ทำงานเขาคงไม่อยากให้ตัวนี้หายไปจากตระกูลเพราะรุ่นเขาอ่ะ จากคุณ : ปลาอ้วนกวนน้ำ เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 53 09:01:27