ความคิดเห็นที่ 1 SSC หัวข้อข่าว แจ้งการยกเลิกคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของ บมจ เสริมสุข วันที่/เวลา 11 มิ.ย. 2553 09:23:05                                                     วันที่ 11 มิถุนายน 2553 เรื่อง แจ้งการยกเลิกคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของบริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) เรียน เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์      กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย      กรรมการและผู้ถือหุ้นของบริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน)        ข้าพเจ้า บริษัท สตราทีจิค เบฟเวอร์เรจเจส (ประเทศไทย) จำกัด ("ผู้ทำคำเสนอซื้อ") ขอแจ้งการยกเลิก คำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของบริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) ("กิจการ") เนื่องจากจำนวนหุ้นสามัญที่นำมาเสนอ ขายน้อยกว่า 25,147,287 หุ้น ดังที่ปรากฏในเงื่อนไขในการยกเลิกคำเสนอซื้อตามคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (แบบ 247-4 ส่วนที่ 1 ข้อ 9.1)        สำหรับการส่งมอบหุ้นคืนแก่ผู้แสดงเจตนาขาย บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ในฐานะตัวแทนในการ รับซื้อจะดำเนินการดังนี้        1) กรณีที่เป็นใบหุ้น            ตัวแทนในการรับซื้อหลักทรัพย์จะคืนใบหุ้นแก่ผู้แสดงเจตนาขาย โดยผู้แสดงเจตนาขายสามารถมา            ติดต่อรับใบหุ้นคืนที่สำนักงานของตัวแทนในการรับซื้อหลักทรัพย์ได้ตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน 2553                  เจ้าหน้าที่บริการลูกค้า ฝ่ายปฏิบัติการหลักทรัพย์                  บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด                  48/8 อาคารทิสโก้ทาวเวอร์ ชั้น 4 ถนนสาทรเหนือ                  แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร 10500                  โทรศัพท์: 02-633-6441-5                  โทรสาร: 02-633-6690        2) กรณีไร้ใบหุ้น (Scripless) และ/หรือ NVDR            ตัวแทนในการรับซื้อหลักทรัพย์จะดำเนินการคืนหุ้นผ่านศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ เพื่อนำฝากเข้า            บริษัทหลักทรัพย์ที่ผู้แสดงเจตนาขายมีบัญชีอยู่ ตามที่ผู้แสดงเจตนาขายระบุไว้ในแบบตอบรับคำ            เสนอซื้อหลักทรัพย์ ภายในวันที่ 14 มิถุนายน 2553      จึงเรียนมาเพื่อทราบ จากคุณ : samsam เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 53 15:14:50

ความคิดเห็นที่ 2 DOW...!!! สวัสดีครับ                      พี่ DSC            พี่สายไหม    ป๋าศรัทธา   พี่ sampunth  พี่ tua_tuanoi        พี่แสนดี   พี่หล่อ พี่LiTtle-PLuDOW  พี่สุดหล่อ(ฆาตกรคิกคุ) พี่เรด  พี่มาม่า  พี่โอกรีน  พี่สัมพันธ์  พี่อาร์ต พี่คนจน พี่บ้านและการเดินทาง                                                                 พี่ยอดไม้           พี่ออสก้า  พี่ลุค  พี่yinton พี่Susaku พี่ไม่หล่อแต่เลว พี่TheWorldOfArt   พี่กังหันชี้ทิศทางลม   พี่มันนี่   พี่ต้นตา  พี่ KU_EE พี่ปลาทูออนไลน์ พี่ดอกไม้บานในดวงใจ  พี่ samsam พี่หมอสัึึจจะ  พี่ดาวเรือง  พี่ Rickman9 พี่เอี่ยมน้อย       พี่่ข้าวฟางสีทอง            และ ทุก ท่าน   จากคุณ : yai-cho เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 53 15:36:54

ความคิดเห็นที่ 3 gold spot Bid/Ask 1227.50 - 1228.50 Low/High 1227.50 - 1228.50 Change +9.80 +0.80% 30daychg -9.60 -0.78% 1yearchg +273.00 +28.60% xxxx วันเสาร์ที่ 12 มิถุนายน 2553 ทองคำ 96.5% รับซื้อ ขายออก ประกาศเวลา ทองคำแท่ง 18750 18850 09:28:00 ทองรูปพรรณ 18480.04 19250 จากคุณ : samsam เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 53 15:54:17

ความคิดเห็นที่ 4 Contract Month/Year Last Change RSS3 ยางแผ่นรมควันชั้น 3 JAN 11 91.05 -0.15 BHMR ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 JUN 10 27.05 BWR5 ข้าวขาว 5% JUN 10 12.85 TC มันสำปะหลังเส้น JUN 10 6.10 ราคาตลาดล่วงหน้า วันที่ 11/06/53 16:31 xxxx สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 11 มิถุนายน 2553 15:15:14 น. ตลาดยางโตเกียวประจำวันที่ 11 มิถุนายน 2553 มีปริมาณซื้อขายรวมทั้งสิ้น 6,415 สัญญา โดยสัญญายางส่งมอบเดือน พ.ย.2553 เคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 264.1-269.3 เยน ปิดตลาดที่ 264.8 เยน เพิ่มขึ้น 1.8 เยน จากคุณ : samsam เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 53 15:56:12

ความคิดเห็นที่ 6 กราฟแท่งเทียนรายวัน...DJIA จากคุณ : dsc เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 53 16:35:17

ความคิดเห็นที่ 7 . จากคุณ : dsc เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 53 16:36:14

ความคิดเห็นที่ 8 . จากคุณ : dsc เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 53 16:37:05

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบคุณข้อมูล ข่าวสาร และความรู้ จากพี่ๆ ทุกท่านค่ะ จากคุณ : น้องไผ่ (p.sapad) เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 53 18:11:03

ความคิดเห็นที่ 10 สวัสดีครับ คุณsamsam คุณdsc คุณyai-cho น้องไผ่ และทุกท่าน จากคุณ : jinpin เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 53 19:27:16

ความคิดเห็นที่ 11 สวัสดีครับ พี่dscครับ สวัสดีครับ พี่สายไหม     สวัสดีครับป๋า   สวัสดีครับพี่ sampunth สวัสดีครับพี่อาร์ต สวัสดีจ้า น้องพลูดาว             สวัสดีครับพี่ออสก้า   สวัสดีครับพี่ Ogreen สวัสดีจ้าน้องไม่หล่อ สวัสดีครับพี่กังหันชี้ทิศทางลม   สวัสดีครับพี่ดอกไม้บานในดวงใจ สวัสดีครับพี่ samsam สวัสดีครับพี่ดาวเรือง   สวัสดีครับพี่ ^MoOn_Man^ สวัสดีครับพี่ ayuhi292 สวัสดีครับ พี่ Red สวัสดีครับ พี่จิ้งจกเขียว สวัสดีครับ พี่yinton สวัสดีครับ พี่p4521 สวัสดีครับ พี่tah-ryin สวัสดีครับ พี่noooon010 สวัสดีครับ พี่ Nokay สวัสดีครับ พี่ LoveIsColorBlind สวัสดีครับ พี่view2306 สวัสดีครับ พี่C_yada สวัสดีครับ พี่pattern me สวัสดีครับ พี่เด็กเกาะสมุย สวัสดีครับพี่  cheawwaehc สวัสดีครับ พี่noooon010 สวัสดีครับพี่ อาปี้คุง สวัสดีครับพี่ บานบุรีสีม่วง สวัสดีครับพี่ พีทีดี สวัสดีครับพี่ armeh จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 53 20:43:19

ความคิดเห็นที่ 12 อดนอนบ่อยๆ      ระวังเป็นเบาหวาน ร่างกายที่ไม่ได้รับการนอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มอิ่ม จะใช้อินซูลินได้น้อยลง คนอดนอนบ่อยๆ จึงมีโอกาสเป็นโรคเบาหวานสูงกว่าปกติ... ที่มา : The Seattle Times, July 22, 2001 http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L9340158/L9340158.html จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 53 20:43:50

ความคิดเห็นที่ 13 ทำไม BP จึงมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของอังกฤษ       ทำไม BP จึงมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของอังกฤษ - ลูกจ้าง  BP จ้าง 10,105 คนของประชากรในประเทศอังกฤษ - บำนาญ 1 ยูโร ในทุกๆ 7 ยูโร ที่จ่ายปันผลให้กับกองทุนบำนาญ โดยกลุ่มบริษัทใน FTSE 100 มาจาก BP - ภาษี ภาษีทั้งหมดในอังกฤษ ได้เชื่อมกับ BP ตั้งแต่ 2009 (ตัวเลขของภาษีทั้งหมดจำนวน  5.8 พันล้านยูโรเป็นเงินที่ได้ มาจากภาษีรายได้ และการจ่ายประกันสังคมแห่งชาติจากลูกจ้างของ BP, และภาษีเชื้อเพลิงและ VAT จากลูกค้าของ BP) (เงินจำนวนนี้)ถึงขนาดที่ว่าอาจจะเป็นทุนของกรมการพัฒนานานาชาติได้เลย http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I9359658/I9359658.html จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 53 20:44:52

ความคิดเห็นที่ 14 คนที่คิดถึง จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 53 20:49:24

ความคิดเห็นที่ 15 DOW...!!! จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 53 05:05:14

ความคิดเห็นที่ 16 การลงทุนในตลาดหุ้น  สิ่งที่เป็นเป้าหมายของการลงทุน ก็คือ=ผลกำไร ซึ่งก็เหมือนกับการลงทุนทั่วไป ในอาชีพอื่นๆ -แต่การลงทุนในตลาดหุ้น ดูจะง่ายในทางปฏิบัติ เมื่อเทียบกับการลงทุนชนิดอื่น เช่นการค้าขายทั่วไป ซึ่งถ้าขนาดเงินลงทุนเท่ากัน ตลาดหุ้นดูจะง่ายกว่ามากและลงทุนได้ตัวเราเอง แต่ผู้เดียวก็ทำได้แล้ว -ผลตอบแทนก็ดูเหมือนว่า กำไรก็อาจเห็นผล ได้รวดเร็ว และจำนวนก็น่าจะมากกว่าด้วยเมื่อเทียบกับการลงทุนประเภทอื่นๆในช่วงเวลาเท่าๆกัน ในบางโอกาส(ถ้าได้) -แต่การลงทุนในหุ้น ก่อนท่านจะเข้ามาน่าจะพอได้ยิน-เห็นจากสื่อต่างๆมาบ้างแล้ว ว่าการลงทุนมี"ความเสี่ยง" ในตลาดหุ้น มีกำไรได้มาก ในทางกลับกันก็อาจจะขาดทุนได้มากเช่นกัน -ทุกอย่าง มักมีสองด้าน ทั้งทางบวกและลบ แต่ส่วนมากก็มักจะมองเพียงด้านเดียว"ก่อน"เสมอ -การลงทุนซื้อ-ขาย ในตลาดหุ้น กำไรเกิดจากผลตอบแทน สองแบบที่รู้กันคือจากแบบแรก "เงินปันผล" ซึ่งก็จะได้มาเฉพาะในหุ้นที่กำไร ปีละ 1 หรือ 2 ครั้งเป็นอย่างมากและสัดส่วน%การจ่ายก็แล้วแต่ละหุ้นไม่ได้เท่ากันไปทั้งหมดทุกหุ้น  อีกส่วนแบบหนึ่งกำไรมาจาก"ส่วนต่าง"ของราคา จากราคาที่ซื้อ ลบออกด้วยราคาที่ขาย ซึ่งต้องหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของโบรกและบวกรวมVAT ด้วย... จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 53 05:37:10

ความคิดเห็นที่ 17 มาถึงส่วน สำคัญ...หลังจากผ่านขั้นตอนถูกต้องตาม เงื่อนไงของตลาดหุ้นและโบรกแล้ว -จะลงทุน แบบใหน ??? -ซื้อหุ้นตัวใหน ??? -ใช้อะไรในการตัดสินใจ ทุกครั้งที่ซื้อ-ขาย ??? "คิดก่อนทำ"  ความคิดน่าจะมาจากการได้ศึกษาเรียนรู้ให้ทราบในทุกๆเรื่องของตลาดหุ้น หุ้นให้มากที่สุดเท่าที่จะ"ทำได้"ก่อน -มีข้อแนะนำและต้องเข้าใจก่อนว่า การลงทุนในตลาดหุ้นไม่ได้"ง่าย" อย่างที่เข้าใจกัน   -เงินปันผล/ปี มากกว่า ธนาคารประเด็นแรกเท่าที่ตอนนี้ได้พบนักลงทุนใหม่ที่มาเปิดพอร์ต...เข้าใจ จริงอยู่ในบางหุ้นเท่านั้นและสิ่งเหล่านั้นก็"ไม่แน่"เสมอไป ที่จะจ่ายอัตราเท่ากันตลอดไป  "ที่แน่" คือราคาหุ้นนั้นๆไม่ได้อยู่คงที่ตลอดเวลาอันนี้หลายๆท่านอาจจะลืมคิด ราคาหุ้นกับปันผล อาจจะรวมแล้วในเวลาที่รับ"ปันผล" จำนวนเงินอาจจะไม่เท่าตอนที่ซื้อแล้วก็ได้ หากราคาหุ้นที่เราซื้อไว้ลดลง -ต่อมา แบบการลงทุน ท่านต้องคิดไว้ก่อนว่าท่านจะเป็นนักลงทุนแบบใหน ??? สั้น ยาว เก็งกำไร ซึ่งท่านสามารถทำได้ทั้งนั้น -แต่"สำคัญสุด"น่าจะอยู่ที่  การเลือกซื้อหุ้นอย่างไร เมื่อไหร่ เวลาใหน ...???เพราะในวันตลาดหุ้นเปิดทำการ หุ้นหลายร้อยหุ้นทุกหุ้นราคาเปลี่ยนแปลง ขึ้น-ลงตลอดได้เวลา http://topicstock.pantip.com/sinthorn/topicstock/2009/12/I8625943/I8625943.html จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 53 05:37:25

ความคิดเห็นที่ 18 ไม่ลอง ไม่รู้...??? แต่ตลาดหุ้นการลงทุนจริง เวลาเพียงสั้นๆบางครั้ง เกิดขึ้นรวดเร็วเกินกว่าการลงทุนประเภทอื่นในทุกๆด้าน การลองโดยไม่รู้...และเข้าใจมาก่อน เป็นสิ่งที่ไม่น่าลอง เพื่อจะรู้...!!! จากคุณ : dsc   เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 52 07:21:55 จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 53 05:37:38

ความคิดเห็นที่ 19 กระทู้ DOW...!!! เกิดขึ้นมาและอยู่อย่างเงียบๆ ทุกวันก่อน 6โมงเช้าที่ผ่านมา~หนึ่งปีแล้วไม่มีวันหยุด นำเสนอสิ่งต่างๆที่พอจะเป็นประโยชน์ต่อนักลงทุน เรื่อยมาเท่าที่พอจะทำได้และหามานำเสนอได้ -สิ่งหนึ่งคือการนำเสนอความรู้เบื้องต้นสำหรับนักลงทุนใหม่ๆ ซึ่งเป็นเบื้องต้นเพื่อจะเป็นแนวทาง ไปค้นคว้าต่อยอดค้นคิดวิธีการ ลงทุนในแบบวิธีการที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนแต่ละท่านเอง -การนำเสนอใช้เครื่องมือ และวิธีที่ไม่ยากนัก หากท่านเป็นนักลงทุนเปิดพอร์ตกับโบรคเกอร์ทั่วๆไปแล้ว ก็น่าจะทำได้ตามที่กระทู้ DOW...!!! (ด้วยตัวท่านเอง)นำมาแนะนำ แต่สิ่งที่ท่านเห็นจริงในกระทู้ ทุกๆวันตอนนี้ ถ้าท่านเป็นนักลงทุนใหม่ เปิดมาอ่านครั้งแรก อาจจะดูไม่ออกและไม่ง่ายเลย บางท่านอาจเข้ามาหนเดียวแล้วก็ไม่มาอีกเลยอันนี้กระทู้ DOW...!!! อันนี้ก็ไม่ว่ากันอยู่แล้ว -การลงทุน ตลาดหุ้น "ยากนะ" ขอกล่าวคำนี้ ท่านทราบหรือไม่ว่า ตลาดหุ้นส่วนมาก นักลงทุนไม่ประสบความสำเร็จได้ตลอดไป ตรงนี้ไงที่บอกว่ายาก ถ้าง่ายปานนี้คง ไม่มีผู้คนส่วนมากไปลงทุนทำอย่างอื่นกันแล้ว -เมื่อพอรู้ว่ายาก การเข้ามาดูกระทู้ DOW...!!! ที่ว่ายากก็อาจจะน้อยกว่า เพราะ DOW...!!! ได้ค่อยๆพยายามบอกวิธีที่ "ยาก"จากการลงทุนในตลาดหุ้น" ให้ดูค่อยๆยากน้อยลงไปเรื่อยๆ แน่นอนต้องใช้เวลาที่ไม่น้อยเช่นกัน ลองดูสิ่งที่เรียกว่า "ประสบความสำเร็จ"ทั้งหลายที่ได้พบได้เห็นตามสื่อต่างๆ ก่อนถึงตรงนั้นมีอะไรๆที่อยู่เบื้องหลังได้มา "ง่ายๆ" น่าจะมีน้อยกรณีนะ  หรือแทบไม่มีเลยก็ได้ -การลงทุนในตลาดหุ้น ก่อนตัดสินใจ "ซื้อ-ขายหุ้น" มีวิธีที่จะนำมาช่วยคิด"ช่วย"ตัดสินใจจากหลายๆแบบ -"เป้าหมาย"การลงทุนในตลาดหุ้น เหมือนกันคือต้องการ "กำไร" วิธีการใดๆต่างกันได้ทั้งนั้นขอให้บรรลุเป้าหมายก็แล้วกัน...แต่อาจจะได้ผลออกมาไม่"เท่ากัน"ในแต่ละวิธีก็ได้ จากคุณ : dsc   เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 52 08:04:21     http://topicstock.pantip.com/sinthorn/topicstock/2009/12/I8625943/I8625943.html จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 53 05:37:57

ความคิดเห็นที่ 20 http://topicstock.pantip.com/sinthorn/topicstock/2009/12/I8625943/I8625943.html -การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน -การวิเคราะห์ทางเทคนิค -ปัจจัยหลักๆที่ใช้กันในการช่วยตัดสินใจในการ ซื้อ-ขายหุ้น -คงไม่ชี้ชัดได้ว่า ทางใดดีไปกว่ากันเพราะ จริงๆองค์ประกอบหลัก อยู่ที่ตัวท่านนักลงทุนแต่ละท่านเองมากกว่า -กระทู้ DOW...!!! เลือกการนำเสนอใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค เพราะจากการที่ DSC(ความเห็นส่วนตัว) ได้สัมผัสและอยูในแวดวงการลงทุนมานานพอควรระยะหนึ่งพบว่า DSC เองมีศักยภาพพอทำได้ดีแค่ ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค เท่านั้นเพราะ อย่างการวิเคราะห์พื้นฐาน หุ้นทั้งตลาดจำนวนมากคงทำได้ยาก จริงอยู่ยุคนี้อาจจะบอกว่าหา ข้อมูลได้ง่าย มีวิเคราะห์สำเร็จให้อ่านได้มากมาย แต่สิ่งเหล่านั้น ท่านอย่าลืมคิดไปนะว่า ข้อมูลนั้นท่านได้จากที่....ใดมา ถูกต้องแน่นอน หรือไม่ แล้วข้อมูลนี้เราได้มาเป็นลำดับแรกๆ หรือเปล่า ต้องเข้าใจนะว่ายุคนี้ กล่าวกันว่า ไม่ว่าข่าวสารหรือข้อมูลใดๆ ผู้ได้พบเห็นอันดันแรกย่อมจะนำไปใช่ก่อนเสมอ -จึงมีการพูดถึงสิ่งที่พูดในยุคนี้เป็น ความรวดเร็ว ฉับไว และถูกต้อง จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 53 05:38:26

ความคิดเห็นที่ 21 วิชาเทคนิค...ใน DOW...!!! ได้มาจากผลของสิ่งที่เกิด ขึ้นจริงแล้ว ออกมาให้เห็นเป็นกราฟ เส้น แท่ง แน่นอนว่าอย่างไรเสียก็ย่อมต้องช้ากว่า...แน่ -แต่ถ้าท่านเลือกเป็นนักลงทุนจริงแล้ว ถ้าอยู่ในแบบการลงทุนอาชีพ(ทำงานลงทุนในตลาดหุ้นอย่างเดียว) ที่ต้องทำแบบอาชีพอื่นก็คือต้องทำตลอดเวลา มีการกล่าวว่า จะมองจองดูกราฟ ดู TICKER ตลอดเวลาทำไม...ผู้กล่าวอาจลืมไปว่า ก็นี้เป็นงาน เป็นอาชีพของเขา...ลักษณะงานเป็นแบบนั้น ของจริงตลาดหุ้นเขามีซื้อ-ขายกันได้ตลอดเวลา แล้วจะผิดอะไรที่เขามีอาชีพเป็นนักลงทุนแบบนี้ ก็ต้องทำแบบนี้ เขารับผิดชอบที่จริงจังต่ออาชีพต่างหาก -ย่อหน้าบนพออธิบายได้ว่า ช้า...หรือไม่ช้าแค่ใหน ที่เราจะรับได้ การซื้อ-ขายจำนวนมากๆ BIG LOT ตกลงมาผ่านตา ไม่ต้องไปย้อนพายเรื่อในอ่างกับไปหาสาเหตุว่า มาจากใคร ที่ใหน อย่างไร...ให้เสียเวลา  หากท่านศึกษาเทคนิค(จริง รู้จริง)มีความรู้และแปลกราฟนั้นออก ...!!! ตัดสินใจได้ ทันที.............................................................. -ช้ากว่า ใครบ้าง...เจ้าของหุ้น หรือ   ข่าว(จริง)หรือ ใครก็แล้วแต่....ฯลฯ บุคล   เราเพียงนั่งอยู่กับที่เฉยๆ ที่บ้านหรือใหนๆก็แล้วแต่หากเห็นก็คือ.....ของจริงแล้วที่จบสิ้นการกระทำในหุ้นนั้นๆ   ทันที... -ส่วนมากอีกนั่นแหละของนักลงทุนที่อาจยังไม่เข้าใจเรื่องอย่างนี้ ช้าแค่...การกด ENTER ของผู้รู้จริง ตัวจริง ของหุ้นนั้นๆ เท่านั้น จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 53 05:39:48

ความคิดเห็นที่ 22 นักเทคนิคที่เชื่อว่า...การวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิคใช้ได้จริง ก็จะพูดทำนองว่า กราฟได้สะท้อนทุกอย่างรวมไว้ในแท่งกราฟ แต่ละแท่งแล้ว อยู่ที่ว่าใครจะแปลแท่งกราฟออกมาได้ถูกต้อง...กว่ากัน และผู้รู้จริงก็คือผู้ที่ปฏิบัติแล้วทราบผลได้ด้วยตนเอง...จึงจะเชื่อตลอดไป มากกว่าฟังเขาว่า -ลองมาดูภาพที่ผ่านมาจาก การนำเสนอสิ่งที่เริ่มต้นง่ายๆ เพื่อเป็นแรงจูงใจว่า วิชาเทคนิคแบบง่ายๆ ที่ทุกท่านก็สามารถวิเคราะห์หุ้น หาสัญญาณ ซื้อ-ขายทำได้ด้วยตัวท่านเอง ที่ DOW...!!! มานำเสนอตอนหลังๆนี้ในรูปแบบ ของการศึกษา เรียนรู้ผ่านวิดีโอสั้นๆทุกๆวัน... -จากรูปกราฟราคาแท่งเดี่ยวๆ ที่เห็นแท่งราคาแล้ว พอจะบอกลักษณะแนวโน้มราคาหุ้นที่อาจจะดำเนินไปทางใดในวันข้างหน้าต่อๆไปได้ อาจใช้แท่งราคาหนึ่งแท่ง หรือรวมหลายแท่งก็ได้ เราเคยนำเสนอมาพร้อมตัวอย่างของจริงให้ดูมาตลอด อยากรู้ก็ลองอ่าน กระทู้ DOW...!!! ย้อนหลังกลับไปได้ทุกวัน สิ่งนั้นอาจจะมีการนำมาแนะนำเสนอกันในระหว่างวัน หรือหลังจากตลาดจบไปแล้วก็มี เรียกว่าถ้าจะอ่าน DOW...!!! หาประโยชน์ให้ได้สูงสุด นอกจากข้อมูลตอนเช้าต่างๆแล้ว มีเวลาก็ย้อนกลับมาอ่านกระทู้วันวานใหม่ อีกสักครั้ง ไม่แน่นะบางท่านอาจจะโชคดีได้พบ-เห็นทางเดินของตัวเอง อันยากลำบาก บนเส้นทางการลงทุนนี้ จากบรรดาหลายๆท่านที่คอยนำมาเสนอ ในแต่ละวัน แต่ละช่วงเวลาได้ จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 53 05:40:09

ความคิดเห็นที่ 23 ส่วนตัวอย่างในการศึกษาเรื่อง Money Management พี่ศรัทธาจะเป็นตัวอย่างที่ดีมากค่ะเกี่ยวกับเรื่องนี้ คนที่เทรดหุ้นจะต้องรู้จักรักษาพอร์ตของตนเอง เพื่อให้กลับมามีกำไร ถ้าหากผิดทางแล้วไม่คัท จะเอาเงินที่ไหนมาเทรดอีก ส่วนที่จะคัทเท่าไรก็ขึ้นอยู่กับการกำหนดจุดคัทของแต่ละคน ขึ้นอยู่กับลักษณะต่างๆ ของคนนั้น ขอเรียกเป็น 4 M แล้วกันค่ะ 1.Man or Mind จะเป็นเหมือนลักษณะนิสัยของคนๆ นั้นค่ะ แต่ละคนก็จะไม่เหมือนกัน 2.Money  ขึ้นอยู่กับเงินค่ะ 3.Management or Method  ขึ้นอยู่กับวิธีการค่ะ 4.Machine or Material  ในที่นี้จะหมายถึง อุปกรณ์ในการเทรดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกราฟ หรือโปรแกรมต่างๆ น้องพลูดาวเอาหลักการคิดเรื่อง 4 M ของฝ่ายบริหารมาปรับใช้ หวังว่าคงไม่ทำให้เกิดความเสียหายนะคะ คริคริ จากคุณ : พลูดาว     เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 52 15:33:18 จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 53 05:40:43

ความคิดเห็นที่ 24 http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I9386872/I9386872.html 21 มิ.ย. 53 05:03:47 จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 05:18:09

ความคิดเห็นที่ 25 http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I9331025/I9331025.html    เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 53 05:19:43 เป็นไง...เจ้าวิชาเทคนิค CT200 DJIA อยู่ถึงเมกาคนละซีกโลก ไม่ต้องดูข่าว รู้เรื่องภายในอะไรๆของเขา หากเรามีกราฟดู และแปลผลกราฟออก ก็น่าจะเพียงพอแล้วระดับหนึ่ง ก็ไม่ได้บอกให้เชื่อ หรือยืนยันว่าวิชาเทคนิคดี หรือไม่ดี แต่เห็นพูดกันแต่ว่า...อยากอิสระทางการเงินกันบ่อยๆ แต่ที่นี่ อยากจะบอกว่า ลองทำใจปล่อยวาง เปิดใจกว้างในเรื่องต่างให้มาก โดยเฉพาะเมื่อเข้ามาเป็นนักลงทุนในตลาดหุ้น -ยืนยันได้ 1 เรื่องว่า ตลาดหุ้นไม่ใช่ของง่าย อย่าด่วนปฎิเสธ !!! การเรียนรู้ใดๆในทุกๆเรื่อง ก่อนที่จะได้ศึกษาให้ดีแล้ว ค่อยกล่าวว่า อันนั้นดี อันนั้นไม่ดี ถ้าเราได้ศึกษาดีเข้าใจด้วยตัวเองแล้ว เราค่อยพูดได้เต็มปากว่า อะไรเป็นอย่างไร...ถ้ายังไม่เคยลองด้วยตัวเองแล้ว หลีกเลี่ยงการออกความเห็นน่าจะดีที่สุด   -ไม่อยากเป็นอิสระด้าน "ความคิด" กันบ้างหรือ ??? ทำไมชาวพุทธ วันนี้วันพระ จึงเชื่อ หลงเชื่ออะไร ง่ายๆโดยที่เรายังไม่ได้ลองทำดูด้วยตัวเองเลย กาลามสูตร -อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ฟังๆ กันมา -อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ทำต่อๆ กันมา -อย่าเพิ่งเชื่อตามคำเล่าลือ -อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้างตำรา -อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกเดา -อย่าเพิ่งเชื่อโดยคาดคะเนเอา -อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกคิดตามแนวเหตุผล -อย่าเพิ่งเชื่อเพราะถูกกับทฤษฎีของตน -อย่าเพิ่งเชื่อเพราะมีรูปลักษณ์ที่ควรเชื่อได้ -อย่าเพิ่งเชื่อเพราะผู้พูดเป็นครูบาอาจารย์ของตน แก้ไขเมื่อ 25 มิ.ย. 53 20:07:36 จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 20:07:13

ความคิดเห็นที่ 26 ความคิดเห็นที่ 23 -อะ อ๊ะ ?? ยังไม่ถึงเป้า พรุ่งนี้ยังคงไปต่อ ปกติจะหลีกเลี่ยงการนำเสนอกราฟตลาดเรา แต่ที่เอามาให้ดู ที่นี่...บอกกันเสมอว่า ให้อยู่กับปัจจุบันขณะ วิชาเทคนิคในเวลาปกติน่าจะเป็นไปตามนั้น แต่ถ้ามีเหตุการณ์เปลี่ยน ก็ต้องทำตามของจริงที่ตลาดเฉลยข้อมูลออกมาใหม่ เส้นประ...กำหนดให้ตลาดเป็นไปตามนั้นไม่ได้หรอก เราต้องทำตามตลาดจึงจะอยู่รอดได้...ตลอดไป http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I9334030/I9334030.html จากคุณ : dsc เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 09:04:51 จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 20:08:16

ความคิดเห็นที่ 27 ความคิดเห็นที่ 18     ในส่วนของนักลงทุน ด้านการใช้วิชาเทคนิคในการวิเคราะห์หุ้น สิ่งที่ต้องการและมุ่งหา คือ สัญญาณ ซื้อ-ขาย ซึ่งก็คงจะหาไม่ได้ง่ายและเกิดขึ้นทุกวันในหุ้นใดหุ้นหนึ่งเฉพาะ(กราฟรายวัน) -แต่เมื่อพบได้แล้ว หากมีวินัยและเชื่อถือ เชื่อมั่นก็คงต้องปฏิบัติตาม หลังจากนั้นก็ ติดตามเฝ้ารอดู สัญญาณที่จะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ตรงกันข้าม เพื่อปฏิบัติการต่อไป นั่นคือสิ่งที่ใช้ช่วยคิด ช่วยตัดสินใจขั้นสุดท้ายของนักลงทุนด้านวิชาเทคนิค เพื่อเฝ้าหาจังหวะเวลาและราคาที่"เหมาะสมที่สุด"สำหรับการลงทุน -สัญญาณเตือน อีกอย่างหนึ่งคือสิ่งที่ นักลงทุนด้านเทคนิคจะละเว้น ไม่สนใจและไม่เฝ้าดูก็คงจะกล่าวว่าอาจไม่ถูกต้องนัก -กระทู้ DOW...!!! นำ DJIA มาสื่อวิชาเทคนิคให้ดูตลอดมา วันนี้ก็เช่นเคยจะนำเอากราฟแท่งเทียน ซึ่งเราให้ใช้เป็นสัญญาณ"ป้ายเตือน" มาดูกันต่อจากอาทิตย์สัปดาห์ที่แล้ว จากคุณ : dsc   เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 09:33:20   http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I9408657/I9408657.html จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 11:24:16

ความคิดเห็นที่ 28 http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I9423664/I9423664.html เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 53 04:56:42  เช้าวันพฤหัส  ที่ 1 กรกฎาคม 2553 จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : 2 ก.ค. 53 05:19:08

ความคิดเห็นที่ 29 เช้าวันจันทร์ ที่ 28 มิถุนายน 2553  เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 53 05:10:12 http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I9411888/I9411888.html จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : 2 ก.ค. 53 05:19:54

ความคิดเห็นที่ 30 THE SCAM จอมตุ๋น แก๊งค์อัจฉริยะ เจ๋งเป้ง       ฮิวซู ที่ปรึกษานักลงทุนทางการเงินมากฝีมือ ที่ทำความวุ่นวายให้กับตลาดเงินเกาหลี ฝีมือของเขาทำให้เขาตกเป็นที่ต้องการของแก๊งค์ต้มตุ๋น ที่กำลังวางแผนที่จะปล้นเงินรางวัล 60 ล้านวอนแต่การต้มตุ๋นครั้งยิ่งใหญ่นี้กลับเป็นการหักหลังกันในกลุ่ม เป็นหนังเรื่องนึงที่แนะนำให้คนที่ลงทุนในตลาดหุ้น หรือแม้แต่นักเก็งกำไรในตลาดหุ้นได้ดูกัน ดูแล้วก็ปลงอนิจจังว่าเราเป็นแค่มดในตลาดหุ้นเท่านั้นเอง ตราบใดที่เรายังไม่ได้เป็นคนวงใน เราก็เป็นได้แค่คนวงนอก แต่ก็อย่าไป คิดว่าเราจะไม่สามารถทำกำไรได้จากตลาดหุ้น เพราะก็ยังมีโอกาสอีกหลาก หลายในการทำกำไร ไม่ว่าจะเป็นการติดตามว่าคนวงในกำลังทำอะไร กำลังคิดอะไร ซึ่งอาจ สังเกตได้จากสัญญาณหลายๆอย่างที่คนวงในไม่สามารถปกปิดความเคลื่อนไหว ได้หมด หรือการสร้างระบบเทรดขึ้นมาที่สามารถพิสูจน์ได้ถึงศักยภาพในการทำกำไร วิธีเหล่านี้ทำให้เรา อยู่รอดได้ในระยะยาว จากคุณ : กองกำลังปั้นฝัน   เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 53 12:10:28 http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I9424581/I9424581.html จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : 2 ก.ค. 53 05:20:44

ความคิดเห็นที่ 31 บทเรียนที่ 1 : มองแนวโน้มให้ออกก่อน       หลักการมองแนวโน้ม เริ่มจากการมองเทรนด์ให้ออกก่อนเสมอ เทรนด์ในตลาดจะมีแค่ 3 แบบ Up Trend   แบบขาขึ้น จะวิ่งขึ้นอย่างเดียว   (เหมาะกับการเข้าเทรด) Down Trend แบบขาลง จะวิ่งลงอย่างเดียว (เหมาะกับการเข้าเทรด) Sideways Trend แบบขนานเคลื่อนตัวไปทางด้านข้างแบบฟันปลา ขึ้นๆลงๆ พูดง่ายๆกราฟวิ่งไม่สวย ไม่มีแนวโน้ม (ตลาดช่วงนี้ นักลงทุนมักจะขาดทุนเสมอๆ) sideways แยกออกได้เป็น sideways ในช่วง (พักตัว) เทรนด์ขาขึ้น sideways ในช่วง(พักตัว)เทรนด์ขาลง เมื่อมองแนวโน้มแล้วรู้ว่าแบบนี้คือ ขึ้น ลง หรือด้านข้างแล้ว ต่อมาก็มาเรียนรู้การเริ่มสร้างแนวโน้ม แนวโน้มขาขึ้น Up Trend จะขึ้นแบบค่อยๆขึ้นไปก่อนแล้วพักตัว (เราเรียกว่า HL) แล้วขึ้นไปต่อทำแนวโน้มสูงขึ้น (เราเรียกว่า HH ) แนวโน้มขาลง Down Trend จะลงแบบค่อยๆลงไปก่อนแล้วพักตัว (เราเรียกว่า LH) แล้วลงไปต่อทำแนวโน้มต่ำลง (เราเรียกว่า LL ต่อมาก็มาถึงการฝึกหัดลากๆ ขีดๆ ยิ่งฝึกลากบ่อยๆ ยิ่งมองภาพรวมตลาดง่ายขึ้น ในเทรนด์ขาขึ้น จะเริ่มจาก ต่ำสุดไปสูงใหม่ ได้สูงใหม่แล้วก็จะมีการ (พักตัว) ลงมาทำฐาน (เรียกว่า HL) เมื่อรู้แล้วว่าพักตัวก็จะเริ่มลากเทรนด์ขาขึ้นได้ ในเทรนด์ขาลง จะเริ่มจาก สูงสุดไปต่ำใหม่ ได้ต่ำใหม่แล้วก็จะมีการ (พักตัว) ขึ้นไปทำฐาน (เรียกว่า LH) เมื่อรู้แล้วว่าพักตัวก็จะเริ่มลากเทรนด์ขาลงได้ ส่วนการลากในกรอบ sideways นั้น จะมีหลายแบบด้วยกัน แบบขนาน แบบสามเหลี่ยม แบบกว้างไปแคบ บีบตัว ฟันปลา มีหลายรูปแบบ เทรนด์ขาขึ้นสามารถลากเทรนด์ ได้สามช่วงเวลาคือ เทรนด์ขาขึ้นระยะสั้น  เทรนด์ขาขึ้นระยะกลาง เทรนด์ขาขึ้นระยะยาว เทรนด์ขาลงสามารถลากเทรนด์ ได้สามช่วงเวลาคือ เทรนด์ขาลงระยะสั้น เทรนด์ขาลงระยะกลาง เทรนด์ขาลงระยะยาว ส่วนกรอบ sideways ไม่ควรเข้าเทรด เสียเวลานานกว่าจะหลุดกรอบ ส่วนใหญ่แล้วมักจะคืนกำไร (ขาดทุน) เป็นส่วนใหญ่ วิธีมองกรอบ รอการทะลุกรอบได้แล้วมีแนวโน้มขึ้นหรือลงค่อยพิจารณาซื้อขาย ในเทรนด์ขาขึ้นและขาลงนั้นจะมีแนวรับและแนวต้านเสมอ ๆ อะไรคือแนวรับแนวต้าน แนวรับ (Support) คือกราฟราคาวิ่งลงมาทำฐานแล้วลงต่อไปไม่ได้ แนวต้าน (Resistance) คือกราฟราคาวิ่งขึ้นไปชนทำฐานแล้ววิ่งขึ้นไปต่อไม่ได้ ในเทรนด์ขาขึ้นนั้นกราฟจะวิ่งขึ้นไปจนสุดจนกว่าจะลง รู้ได้ไงว่าลง เมื่อลากเทรนด์ขาขึ้นแล้วหลุดเทรนด์ขาขึ้นนั้นแล้วก็จะลง (เปลื่ยนทิศทาง) ในเทรนด์ขาลงนั้นกราฟจะวิ่งลงไปจนสุดจนกว่าจะขึ้น รู้ได้ไงว่าขึ้น เมื่อลากเทรนด์ขาลงแล้วหลุดเทรนด์ขาลงนั้นแล้วก็จะขึ้น (เปลื่ยนทิศทาง) ส่วนใหญ่แล้ว เมื่อมีเทรนด์ จนหมดเทรนด์ มักจะเกิด sideways ก่อนเสมอๆ เปรียบเสมือนการวิ่งมานานๆ แล้วเหนื่อยก็เลยต้องหยุดพัก (เกิด sideways) เมื่อลากกรอบ sideways ได้หลุดกรอบไปแล้วก็จะวิ่งไปต่อ (แสดงว่าหายเหนื่อยแล้ว) ตอนนี้มีความรู้เรื่อง TREND LINE แล้วก็แนวรับแนวต้าน เทรนด์ขาขึ้นขาลง ต่อไปก็ลองวิชากันครับ เมื่อเกิดเทรนด์ขาขึ้น แล้วลงมารับที่เส้น (แนวรับ) ลากเทรนด์ขาขึ้นได้แล้ว สามารถเป็นจังหวะเข้าซื้อ เมื่อเกิดเทรนด์ขาลง แล้วขึ้นมาต้านที่เส้น (แนวต้าน) ลากเทรนด์ขาลงได้แล้ว สามารถเป็นจังหวะเข้าขาย ไม่ว่าจะเทรดช่วงเวลาไหนก็ตาม 1m 5m 15m 30m 1h 4h 1d ทุกช่วงเวลามีเทรนด์เสมอ อยู่ที่เราแล้วว่ามองแนวโน้มออกหรือยัง และทุกช่วงเวลาไม่ว่าจะเกิดเทรนด์ขาขึ้น เทรนด์ขาลง เมื่อขึ้นแล้วก็จะขึ้นเป็นรอบจนหมดรอบ เมื่อเกิดเทรนด์ขาลงก็จะลงจนหมดรอบ คือควรเทรดเป็นรอบๆ ไปครับ เทรนด์สามารถบอกจังหวะเข้าซื้อขายได้ตามระดับแนวรับแนวต้าน เทรนด์สามารถบอกจังหวะหมดเทรนด์ของขาขึ้นขาลง ของรอบนั้นๆ แล้วช่วยให้มองภาพรวมได้ง่ายขึ้น เทรนด์ยังช่วยให้ขาดทุนได้น้อยลง เมื่อรู้ว่าเข้าเทรดผิดทาง (สำคัญต้องมองแนวโน้มให้ออก รู้ว่าผิด ทางก็มีวินัยโดยการกล้า cut loss) ความชันของเทรนด์ขึ้นหรือลงนั้น ยิ่งชันมากยิ่งหลุดเทรนด์เร็ว ยิ่งชันน้อยยิ่งวิ่งขึ้นลงนาน เมื่อลากเทรนด์แล้ว ฝึกซูมกราฟ มองภาพกว้างด้วยครับว่าเราเล่นยังไง บางครั้งมีเทรนด์แต่ภาพใหญ่ sideways บทเรียนโดย the_greenday แห่ง ThailandInvestorClub.com http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I9423988/I9423988.html จากคุณ : กองกำลังปั้นฝัน   เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 53 09:21:37 จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : 2 ก.ค. 53 05:23:14

ความคิดเห็นที่ 32 ถอด รหัสตลาดหุ้น #1 ทำเป็นเก่ง เจ๊งสถานเดียว http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I9354102/I9354102.html เมื่อ : 11 มิ.ย. 53 14:58:45   ถอด รหัสตลาดหุ้น #2 Limit Loss ไม่เป็น เงินเย็นหายเกลี้ยง http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I9361847/I9361847.html เมื่อ : 14 มิ.ย. 53 10:02:05   ถอด รหัสตลาดหุ้น #3 ยิ่งถูกยิ่งซื้อ ยิ่งซื้อยิ่งลง http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I9363290/I9363290.html เมื่อ : 14 มิ.ย. 53 15:43:23   ถอด รหัสตลาดหุ้น #4 ยิ่งไม่กล้าเสี่ยง กลับยิ่งเสี่ยง http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I9365629/I9365629.html เมื่อ : 15 มิ.ย. 53 08:44:35   ถอด รหัสตลาดหุ้น #5 วิ่งไปตามแนวโน้ม http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I9366781/I9366781.html เมื่อ : 15 มิ.ย. 53 14:35:26   ถอด รหัสตลาดหุ้น #6 รู้เขารู้เรา http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I9369582/I9369582.html เมื่อ : 16 มิ.ย. 53 09:29:38   ถอด รหัสตลาดหุ้น #7 เกาะไปกับ Fund Flow http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I9370696/I9370696.html จากคุณ : กองกำลังปั้นฝัน   เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 53 14:10:21   ถอด รหัสตลาดหุ้น #8 ขายหมูดีกว่าขายหมา น้ำลายหกดีกว่าน้ำตาตก http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I9373572/I9373572.html เมื่อ : 17 มิ.ย. 53 09:03:00   ถอด รหัสตลาดหุ้น #9 ย้อนรอย วัฏจักรตลาดหุ้น http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I9374778/I9374778.html เมื่อ : 17 มิ.ย. 53 14:08:51   ถอด รหัสตลาดหุ้น #10 กลวิธี ขึ้นขายก่อน อ่อนซื้อกลับ http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I9377581/I9377581.html เมื่อ : 18 มิ.ย. 53 09:28:45   ถอด รหัสตลาดหุ้น #11 กลวิธี สวนควันปืน เล่นฝืนมวลชน http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I9378622/I9378622.html เมื่อ : 18 มิ.ย. 53 13:56:12   ถอด รหัสตลาดหุ้น #12 กลวิธี สงครามกองโจร http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I9387153/I9387153.html เมื่อ : 21 มิ.ย. 53 09:16:30   ถอด รหัสตลาดหุ้น #13 กลลวง ข่าวลือ http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I9388357/I9388357.html เมื่อ : 21 มิ.ย. 53 14:20:08   ถอด รหัสตลาดหุ้น #14 กลโกงปั่นหุ้น http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I9391104/I9391104.html เมื่อ : 23 มิ.ย. 53 09:16:23   ถอด รหัสตลาดหุ้น #15 รวยเรื้อรัง หันหลังให้คำว่าเจ๊ง http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I9392250/I9392250.html เมื่อ : 22 มิ.ย. 53 09:14:09   ถอด รหัสตลาดหุ้น #16 วาทะรับน้อง http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I9394921/I9394921.html เมื่อ : 23 มิ.ย. 53 14:02:30   ถอดรหัสตลาดหุ้น #บทส่งท้าย: อย่าให้ใครมาขโมยความฝันของเราไป http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I9395949/I9395949.html จากคุณ : กองกำลังปั้นฝัน   เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 53 09:48:41   ถูกใจ : enyxmatryx แก้ไขเมื่อ 02 ก.ค. 53 05:30:44 จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : 2 ก.ค. 53 05:23:44

ความคิดเห็นที่ 33 การลากเส้นแบบไล่ความชัน กราฟเส้นสีฟ้าเป็นแนวโน้มขาขึ้น จะเห็นว่าเวลากราฟลงมาชนแล้วจะเด้งขึ้น กราฟเส้นสีชมพูเป็นแนวโน้มขาลง จะเห็นว่าเวลากราฟขึ้นไปชนแล้วจะเด้งลง วงกลมสีเหลืองเป็นรูปสามเหลี่ยมมีแนวโน้มที่จะขึ้นแรง หรือ ลงแรง (ในตัวอย่างขึ้นแรง จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : 2 ก.ค. 53 05:24:01

ความคิดเห็นที่ 34 บทเรียนที่ 2 : รู้แนวรับแนวต้าน       แนวรับ Support บอกถึงการที่ราคาลงมาที่แนวรับนั้นๆ แล้วแนวรับนั้นรับอยู่เลยดีดกลับขึ้นไปต่อ ส่วนแนวต้าน Resistance บอกถึงการที่ราคาวิ่งขึ้นไปชนแนวต้านนั้นๆ แล้วแนวต้านนั้นต้านอยู่เลยดีดกลับลงไปต่อ เรียกกันง่ายๆ แนวรับเพื่อไม่ให้ลงต่อ แนวต้านเพื่อไม่ให้ขึ้นไปต่อ แนวรับ แนวต้าน สามารถบอกถึงเป้าหมายในอนาคตได้ คือ อดีตเคยขึ้นไปเป็นแนวต้านตรงไหน อนาคตก็จะขึ้นไปที่แนวต้านเดิมที่เคยขึ้น เช่นเดียวกัน อดีตเคยลงไปตรงไหนเป็นแนวรับ อนาคตก็จะลงไปที่แนวรับเดิมที่เคยลงไปถึง เป็นไปตามธรรมชาติ เป็นรอบๆของการขึ้น ลง อดีตเคยเป็นยังไงอนาคตกราฟก็จะวิ่งไปที่เดิมที่เคยขึ้นและลงเสมอ ๆ Double top เกิดจากการที่แนวต้าน (อดีต) และแนวต้านปัจจุบันมาชนที่เดียวกันมักจะดีดตัวกลับลงแรงๆ เสมอ คล้ายๆ กับตัว M บางครั้งจะเป็นตัว M หางยาว จากคุณ : กองกำลังปั้นฝัน   เขียนเมื่อ : 2 ก.ค. 53 09:08:29   http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I9427475/I9427475.html จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 10:47:22

ความคิดเห็นที่ 35 ความคิดเห็นที่ 8     คำถามต่อไป เขาถามว่า MA MACD  RSI  คืออะไร  ผมจะพาไปเวบนี้ ที่ มืออาชีพต้องการ เวบกราฟฟรี http://stockcharts.com/h-sc/ui?s=$indu หมายเลข 1  ที่สำหรับเลือกใส่ ว่าเราอยากดูกราฟของอะไร อย่าลบ$ลบแค่ ตัวอักษร  แล้วเติมอักษรกราฟที่เราอยากดูลงไป  INDU      ดาวโจนส์  seti        ไทย  nikk        ญี่ปุ่น  hsi          หั่งเซ่ง  ssec        จีน  ftse         อังกฤษ  dax         เยอรมัน  cac         ฝรั่งเศส  GOLD      ทอง  WTIC      น้ำมัน  USD        ค่าเงินดอลล่าร์  XEU        ค่าเงินยูโร         หาตัวย่อกราฟให้ได้ ที่นี่อาจจะใช้ต่างกับที่อื่น หรืออาจจะไม่มีข้อมูล http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I9434534/I9434534.html   จากคุณ : หมอสัจจะ     เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 53 07:39:08 จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 53 08:35:03

ความคิดเห็นที่ 36 .. จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 53 08:35:22

ความคิดเห็นที่ 37 บทเรียนที่ 3 : ฝึกลากรูปแบบต่างๆ       หลังจากที่ฝึกหัดการมองเทรนด์แนวโน้มให้ออกแล้ว ก็เริ่มไปฝึกการมองหาแนวรับ-แนวต้าน รู้จักกันดีแล้วก็เริ่มมองหาจังหวะเข้าซื้อขาย ฝึกกันบ่อย ๆ ครับ มองหาให้เจอบ่อย ๆ นานๆไป จะทำให้เรามองภาพได้เร็วขึ้นและมองหาจังหวะได้ดีกว่านักลงทุนคนอื่น ต่อไปก็มารู้จักรูปแบบจากการใช้เส้น trend line ในการลากรูปแบบต่างๆที่ฝรั่งเค้าเรียกว่า chart patterns เราจะมาฝึกลากรูปแบบแรก คือ symmetrical triangle เป็นรูปแบบสามเหลี่ยมที่สมดุลย์กัน ลักษณะจะลากเอียงขาขึ้นและขาลงได้เอียงพอๆกัน ในกรอบสามเหลี่ยมนั้นจะเห็นว่าเปิดกว้างแล้วค่อยๆ เล็กลงจนทำมุมเป็นสามเหลี่ยม เป็นการเล่นราคากันระหว่างแรงซื้อและแรงขายที่ค่อยๆ บีบตัวจนเกิดรูปแบบดังกล่าว เมื่อการบีบตัวในกรอบสามเหลี่ยมแคบลง โอกาสที่จะเกิดการระเบิดของราคาก็ยิ่งสูงขึ้น เมื่อทะลุกรอบสามเหลี่ยมได้ (break out) กราฟก็จะกลับมาวิ่งแรงอีกครั้ง อธิบายแบบง่ายๆ คือ รอให้ราคาซื้อราคาขายวิ่งในกรอบสามเหลี่ยมจากกว้างแล้วบีบตัวไปแคบ ทะลุได้เมื่อไหร่แล้วค่อยพิจารณาซื้อขาย (การทะลุได้ คือการระเบิดที่เกิดจากการบีบตัวของราคาซื้อราคาขายนั่นเอง) symmetrical triangle มีแบบขาขึ้นและขาลง และยังสามารถหาเป้าหมาย (target) ของรูปแบบนี้ได้ เป็นเป้าหมายระยะสั้น (ใช้หลักความน่าจะเป็น) ดูจากรูป จากคุณ : กองกำลังปั้นฝัน   เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 09:04:53 http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I9437597/I9437597.html จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 09:55:48

ความคิดเห็นที่ 38 พื้นฐานจากรูปแบบนี้มาจากการรู้จักเทรนด์ขาขึ้น ขาลง ด้านข้าง ลากเป็นก็สามารถหารูปแบบนี้ได้ มักจะเกิดขึ้นให้เห็นบ่อยๆ รูปแบบต่อไปคือ descending triangle ขาลง เป็นรูปแบบสามเหลี่ยมที่สามารถลาก trend line ได้เทรนด์ขาลงหนึ่งเส้น แล้วลากเส้นตรงในแนวนอนได้อีกหนึ่งเส้น เมื่อลากสองเส้นนี้ได้แล้วก็คือ กรอบสามเหลี่ยมของขาลง (descending triangle downtrend) จากในรูปจะสังเกตุเห็นว่า เมื่อลากกรอบสามเหลี่ยมขาลงได้แล้วจะมีการบีบตัวในกรอบยิ่งแคบมาก โอกาสที่จะระเบิดตัวของราคาลงต่อยิ่งมีโอกาสสูงมากขึ้น จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 09:56:15

ความคิดเห็นที่ 39 บทเรียนที่ 5 : เครื่องมือช่วยการยืนยัน #1 MACD       เครื่องมือช่วยการยืนยันตัวแรกเริ่มด้วย MACD เรียกเต็มๆ ว่า Moving Average Convergence Divergence MACD สามารถบอกแนวโน้มได้ บอกการเกิด overbought, oversold และสามารถหาการเกิด divergence ขอยกให้ MACD เป็นราชาแห่ง indicator ที่ใช้ได้ดีกับทุกช่วงเวลา overbought คือ อยู่ในสภาพที่มีแรงซื้อมากเกินไป อิ่มตัวขาขึ้น แต่ไม่ใด้หมายความว่าเป็นจังหวะขายเสมอไป เพราะการอิ่มตัวขาขึ้น กราฟอาจจะวิ่งต่อได้ oversold คือ อยู่ในสภาพที่มีแรงขายมากเกินไป อิ่มตัวขาลง แต่ไม่ใด้หมายความว่าเป็นจังหวะซื้อเสมอไป เพราะการอิ่มตัวขาลง กราฟอาจจะวิ่งต่อได้เหมือนกัน MACD คือ การใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่หากำลังแนวโน้มของทิศทางว่ามีพลังมากน้อยแค่ไหน ช่วยในการยืนยันของการมองกราฟอีกชั้น เพื่อความถูกต้องและน่าจะเป็นในทิศทางที่จะเกิดขึ้น การบอกสัญญาณของ MACD - เส้นน้ำเงินตัดแดงขึ้น คือสัญญาณ ซื้อ - เส้นน้ำเงินตัดแดงลง คือสัญญาณ ขาย - สัญญาณที่บอก ซื้อ ที่ชัดเจนขึ้น เมื่อเส้น MACD (น้ำเงินตัดแดงขึ้น) อยู่ต่ำกว่า 0 แล้ววิ่งขึ้นเหนือ 0 ขึ้นไปได้ เป็นสัญญาณที่บอกการซื้อชัดเจนขึ้น - สัญญาณที่บอก ขาย ที่ชัดเจนขึ้น เมื่อเส้น MACD (น้ำเงินตัดแดงลง) อยู่เหนือ 0 แล้ววิ่งลงต่ำกว่า 0 ลงมาไปได้ เป็นสัญญาณที่บอกการขายชัดเจนขึ้น http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I9442484/I9442484.html จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 17:12:19

ความคิดเห็นที่ 40 จากคุณ : กองกำลังปั้นฝัน   เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 14:13:23   http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I9442484/I9442484.html MACD downside จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 17:12:53

ความคิดเห็นที่ 41 MACD sideway จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 17:13:13

ความคิดเห็นที่ 42 ข้อเสียของ MACD - บางครั้งจะให้สัญญาณช้าไป - ไม่เหมาะกับช่วงเกิด sideway - บางครั้งจะเกิดสัญญาณหลอกเกิดขึ้น ดังนั้นอย่าใช้ indicator นำการเข้าเทรด ซื้อขาย เด็ดขาด (สัญญาณหลอกมีเยอะ) วิธีใช้ MACD - ให้มองกราฟเป็นตัวนำเสมอ - MACD (เป็นตัวรองเสมอ) เป็นตัวช่วยตรวจสอบและยืนยันทิศทางที่ถูกต้อง ควรมองกราฟให้ออกก่อนว่าแนวโน้มไปทิศทางเดียวกับ MACD ถึงจะใช้ MACD ช่วยยืนยันทิศทางที่ถูกต้อง divergence เกิดจากการขัดแย้งกันระหว่างราคาในกราฟและ indicator เครื่องมือที่เหมาะกับการดู divergence มักนิยมใช้ MACD , RSI ส่วน stochastic ดูได้เช่นกัน แต่มักจะให้สัญญาณหลอกเยอะเกินไป bullish divergence เกิดจากราคาในกราฟยังลงต่อ แต่ MACD มีทิศทางขึ้น เริ่มเกิดขัดแย้งกัน ซึ่งเป็นสัญญาณบอกได้ถึงราคาในกราฟจบขาลง และเตรียมกลับทิศเป็นแนวโน้มขาขึ้น (เรียกง่ายๆ ว่าเริ่มมีสัญญาณแนวโน้มขาขึ้นรอบใหม่) จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 17:13:28

ความคิดเห็นที่ 43 Hidden Bullish Divergence จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 17:13:56

ความคิดเห็นที่ 44 bearish divergence เกิดจากราคาในกราฟยังขึ้นต่อ แต่ MACD มีทิศทางลง เริ่มเกิดขัดแย้งกันซึ่งเป็นสัญญาณบอกได้ถึงราคาในกราฟจบขาขึ้น และเตรียมกลับทิศเป็นแนวโน้มขาลง (เรียกง่ายๆ ว่าเริ่มมีสัญญาณแนวโน้มขาลงรอบใหม่) จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 17:14:09

ความคิดเห็นที่ 45 Hidden Bearish Divergence จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 17:14:26

ความคิดเห็นที่ 46 ข้อเสียของ divergence บางครั้งจะเกิดการหลอก (false) บ่อยเช่นกัน ไม่ควรใช้เป็นสัญญาณเข้าเทรดซื้อขาย (ควรดูแนวโน้ม ยืนยันความถูกต้องก่อน) หลักการใช้ divergence - ควรดูแนวโน้มของกราฟให้ออกก่อนว่าเป็นทิศทางเดียวกันกับการเกิด divergence เพื่อยืนยันความถูกต้อง (ไม่โดนหลอก) - การเกิด double top หรือ double bottom ในกราฟหรือใน indicators ถือว่าเป็นการเกิดสัญญาณ divergence เช่นกัน การเกิด bullish divergence และ bearish divergence มักจะเกิดให้เห็นเสมอในทุก ๆ ช่วงเวลา บอกได้ถึงการกลับตัวมามีแนวโน้มครั้งใหม่อีกครั้ง แต่เพื่อความมั่นใจในความถูกต้อง ควรใช้เครื่องมืออย่างอื่นช่วยยืนยันด้วย จะได้ไม่โดนกราฟหลอกครับ และบางครั้งมักจะเกิดช่วงเป็น double top หรือ double bottom ให้เห็นด้วยเช่นกัน ส่วนการเกิด hidden bullish Ddivergence และ hidden bearish divergence สองแบบนี้นาน ๆ ครั้งถึงจะเกิดให้เห็น บทเรียนโดย the_greenday แห่ง ThailandInvestorClub.com จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 17:14:40