|
ถอดรหัสตลาดหุ้น #3 ยิ่งถูกยิ่งซื้อ ยิ่งซื้อยิ่งลง
|
|
“การจะเข้าไปลงทุนในหุ้นตัวใด จะไม่ใช้หลักการว่าราคาหุ้นยังซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีและ P/E แล้วจึงเข้าไปลงทุน เพราะหากบริษัทนั้นมีพื้นฐานที่ดีจริง เหตุใดราคาหุ้นจึงไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามมูลค่าทางบัญชีและ P/E” …….. สมเกียรติ วงศ์คุณทรัพย์ (เสี่ยแตงโม) เซียนหุ้นหาดใหญ่ จาก “ช่างตัดผม” ผันสู่นักลงทุน “พันล้าน”
การเล่นหุ้น มันก็คือการค้าขาย ภาษาอังกฤษจึงใช้คำว่า Stock trading แต่ไฉนพอแปลเป็นไทยกลายเป็น เล่นหุ้น ไปได้
ในเมื่อเราจะหาหุ้นมาขาย ก็ถูกแล้วครับที่จะต้องหาซื้อหุ้นที่จะขายได้แพงกว่าต้นทุน มันถึงจะมีกำไร
แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้น สำหรับนักธุรกิจมืออาชีพก็คือ ต้องมองให้ออกว่าเสื้อผ้า โทรศัพท์มือถือ หรือ สินค้าเหล่านั้น ตกรุ่นหรือยัง
ถ้าคนหมดความนิยม แฟชั่นล้าสมัย มีสินค้ารายใหม่ที่น่าสนใจกว่าเข้ามาแข่ง ของที่เคยขายได้แพงก็จะราคาตก
โทรศัพท์มือถือเป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัด สมัยที่โทรศัพท์มือถือรุ่นแรกๆ เข้ามาเมืองไทยใหม่ๆ อาจจะเครื่องละ 8 หมื่นก็ได้ แต่ถ้าเอารุ่นนั้นมาขายให้ท่านตอนนี้ในราคา 20,000 บาท ท่านจะซื้อไหมครับ …………. อย่าว่าแต่ 20,000 เลย 500 ผมยังไม่ซื้อเลยนะ
เวลาหุ้นลง เห็นอากง อาม่า หรือ แม้กระทั่งเด็กจบมหาวิทยาลัยมาใหม่ๆ ชอบถามหาแนวรับจัง คนไทยเนี่ยะเป็นนักช๊อปปิ้งอันดับต้นๆของโลกเลย ซื้อเก่ง แต่ขายไม่เป็น ชอบซื้อ แต่ลังเลอิดออดที่จะขาย
เวลาสินค้าขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ราคาแพง ก็ไม่กล้าซื้อ เพราะจะรอซื้อถูก พอตกรุ่นขึ้นมา กลับแย่งกันซื้อจริงๆ ซื้อแล้วจะไปขายใครล่ะครับ
แล้วพวกเรารู้กันหรือปล่าวครับ ว่าตอนหุ้นตกมันจะตกไปถึงตรงไหน หลายท่านกลัวจะไม่ได้ซื้อราคาถูก จนลืมคิดไปว่าจะขายได้แพงกว่าที่ซื้อหรือไม่ ส่วนนักวิเคราะห์ก็หาแนวรับมาให้ได้เรื่อยแหละ
หุ้นบริษัทเดินเรือฝรั่งเป็นหุ้นพื้นฐานดี พีอีต่ำ ปันผลสูง ……. สมัยรุ่งเรือง มันก็เติบโตสดใสราคาขยับไปไกลถึง 60 บาทกว่า
เมื่อมันขึ้นไปถึงจุดสูงสุด ค่าระวางเรือถดถอย เทศกาลขายทำกำไรก็เกิดขึ้น
นักวิเคราะห์ออกมายกยอ สรรหาเหตุผลสารพัด แม่น้ำทั้งห้า โขง ชี มูล เจ้าพระยา ท่าจีน ถูกชัก มาบรรยายให้เห็นคุณงามความดีของหุ้นเดินเรือ พร้อมบอกว่า ราคาลงมาที่แนวรับ 55 บาท ถือเป็นโอกาสในการซื้อ พวกเราก็เข้าไปตั้งซื้อที่ 55 หวังว่าจะเอาไปขายที่ 60 กว่าบาท
หลังจากซื้อแล้วลงอีก นักวิเคราะห์บอกว่าแนวรับถัดไปอยู่ที่ 50 บาท ถือเป็นโอกาสในการซื้อ พวกเราก็ไปตั้งซื้อที่ 50 เพราะหวังว่าต้นทุนถัวเฉลี่ยจะได้ลดลง หลังจากซื้อแล้วลงอีก นักวิเคราะห์บอกว่าแนวรับถัดไปอยู่ที่ 45 บาท ถือเป็นโอกาสในการซื้อ พวกเราก็ไปตั้งซื้อที่ 45 เพราะหวังว่าต้นทุนถัวเฉลี่ยจะได้ลดลงมากๆ
หลังจากซื้อแล้วยังลงอีก นักวิเคราะห์บอกว่าแนวรับถัดไปอยู่ที่ 40 บาท ถือเป็นโอกาสในการซื้อ หุ้นตัวนี้ พื้นฐานดี พีอีต่ำ ปันผลสูง พวกเราก็จำขึ้นใจ “พื้นฐานดี พีอีต่ำ ปันผลสูง” แล้วก็พากันไปตั้งซื้อที่ 40 เพราะหวังเห็นว่า มันลงมามากแล้ว
พอราคาลงมาใกล้ 25 บาท นักวิเคราะห์ไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ครั้นจะเสี่ยงซื้อ ก็ไม่มีเงินซื้อถัวเฉลี่ยต้นทุนซะแล้ว
พอหลุด 25 บาทลงมา นักวิเคราะห์คนเดิมกลับมาอีกครั้ง พร้อมบอกว่า อ้อ หุ้นเดินเรือตัวนี้ เราปรับประมาณการลงแล้ว เปลี่ยนคำแนะนำเป็น “ขาย” …. แป่ววว Blah Blah (ฮาไม่ออกเลยคราวนี้)
หลังจากขายทิ้งไปได้ไม่นาน หุ้นเดินเรือตัวนั้นกลับเดินหน้าขึ้นรอบใหม่อย่างต่อเนื่องอีกต่างหาก
ป๋าบุญชัย พร่ำสอนมาตลอด เวลาหุ้นลงไม่ต้องมาถามหาแนวรับ เวลาหุ้นลงไม่ต้องมาถามว่าจะซื้อจุดไหนดี มันก็กะเก็งกันทั้งนั้นแหละ เก็งว่าตรงนั้น Low เก็งว่าตรงนี้ Low
“มันทำ low เมื่อไหร่ แล้วไม่วกกลับไปทำ new low ก็นั่นแหละ low จริง ….. รอซื้อตอนมันฟื้นตัว ยังถูกกว่าซื้อถัวมาตลอดทาง” ป๋าบุญชัย อดีตเทรดเดอร์มือทองกองทุนข้ามชาติ ร่ายกลยุทธ์การซื้อหุ้นถูกจังหวะตามแบบฉบับรายใหญ่ในตลาดให้ฟัง
ง่ายไหมครับ เล่นหุ้นสไตล์ป๋าบุญ ถ้าลงก็ปล่อยมันลงจนสุดก่อน พอฟื้นตัวเข้าซื้อแพงกว่า Low นิดก็ยังไม่สาย
แต่ไม่วายได้ยินคนบ่น “ไม่ซื้อหรอก ถ้าไม่ได้ราคา low” ….. โถ เวรกรรม จ้องจะซื้อที่ Low ให้ได้ ว่างั้น
แล้วทำไม เซียนหุ้นพันล้านไม่ชอบซื้อของถูกเวลาที่มันกำลังไหลลงกันล่ะ เดี๋ยวย่องๆ ไปห้อง VIP ของห้องค้าหลักทรัพย์กัน ผมอยากจะไปสอบถามแนวคิด
“อ้าวคุณ ถ้าเมื่อไหร่ ยิ่งซื้อหุ้น ยิ่งได้ของถูก ยิ่งซื้อ ต้นทุนยิ่งลดลง ซวยเลยนะ แสดงว่าเราผิดแล้ว แย่แล้ว ไม่ดีแล้วล่ะ นั่นแหละ หุ้นหมดรอบแล้ว กำลังลดราคาล้างสต๊อค” …. เสี่ย “ม.” เซียนหุ้นพันล้าน ขออภัยที่ต้องเอ่ยนาม พูดดังฟังชัด สอนสั่งกบในกะลาอย่างผม
นี่คือความต่างระหว่างพ่อค้าหุ้นที่ยิ่งใหญ่ กับ พ่อค้าแม่ค้ามือใหม่สมัครเล่น จริงๆ
ยังมีนักลงทุนกลุ่มใหญ่อีกกลุ่มหนึ่งครับ ที่ไม่นิยมซื้อหุ้นยอดฮิตที่กำลังดิ่งลงจากที่สูง แต่ชอบแสวงหาหุ้นที่ราคาต่ำเตี้ยติดดิน และ มีราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี โดยคิดว่า ซื้อของได้ถูกกว่ามูลค่าทางบัญชี แล้วรอคอยด้วยหวังว่า สักวันหนึ่ง เดี๋ยวมันก็จะขึ้นมาได้ เพราะที่ผ่านมาราคามันก็ต่ำพอแล้ว
ความคิดดูเหมือนจะดี แต่เราจะรู้ได้ยังไงครับว่าที่ราคาถูก เป็นเพราะคนในตลาดเลิกให้ความสำคัญกับมันไปแล้วหรือยัง
ฟันธงเลยครับว่าคนส่วนใหญ่ที่เข้าซื้อหุ้นที่ราคาลงมามากแล้ว ราคาต่ำเตี้ยติดดินแล้ว และ ราคาหุ้นนั้นต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีด้วย ล้วนเงินจม หรือไม่ก็เสียหายหนัก ในภายภาคหน้า
ถ้าหุ้นนั้นมีอนาคต เจ้าของเขาไม่เห็นหรอครับ? กองทุนและต่างชาติ รวมทั้งรายใหญ่ ผู้บริหาร ผู้ตรวจสอบบัญชี นายธนาคาร เขาไม่เห็นหรอ?
และถ้าเขาเห็นแล้วอัดฉีดเม็ดเงินกว้านซื้อหุ้นตัวนั้น ราคามันจะไม่กระดิกขึ้นจนแพงกว่ามูลค่าทางบัญชีในเวลาอันรวดเร็วหรือครับ
ทำไมไม่มีใครสน? มีอะไรที่ข้อมูลในงบดุล งบกำไรขาดทุน และ งบกระแสเงินสด ยังไม่ได้บอกเรา?
ในโลกนี้มีเพียงเราเท่านั้นหรือครับ ที่เล็งเห็นว่าหุ้นตัวนี้มีราคาต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี
จริงๆ แล้ว ผู้จัดการกองทุน หรือ นักลงทุนต่างชาติ หรือ นักลงทุนรายใหญ่ เขาไม่ได้สนด้วยซ้ำไปว่าราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีมากน้อยขนาดไหน ราคาถูกขนาดไหน เวลาเขาเฟ้นหาหุ้นในดวงใจ เขามองไปที่แนวโน้มของกิจการ เขาไปมองที่อนาคตมากกว่า
หุ้นลงทุนของกองทุนทั้งไทยเทศ จึงมีแต่หุ้นที่ราคาสูงกว่ามูลค่าทางบัญชีทั้งนั้น เพราะหุ้นมันมี “ความต้องการซื้อ” สูงเกินกว่า ปริมาณหุ้น ที่ผู้ถือหุ้นนั้น ขนออกมาวางขาย ราคาของหุ้นที่ดี มีอนาคต จึงไม่ควรต่ำไปกว่ามูลค่าทางบัญชี
สังเกตง่ายๆ หุ้นตัวไหนราคาต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี มันก็จะต่ำอย่างนั้นตลอดไป ไม่ว่าจะผ่านไปกี่เดือน กี่ปี ก็ตาม
ที่มา : ThaiDayTrade
จากคุณ |
:
กองกำลังปั้นฝัน
|
เขียนเมื่อ |
:
14 มิ.ย. 53 15:43:23
|
|
|
| |