ความคิดเห็นที่ 1 ขอบคุณครับ จากคุณ : แฟน รพ เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 23:03:40

ความคิดเห็นที่ 2 POL:นายกฯ ระบุยังไม่สรุปซื้อ"ไทยคม",รอดูข้อกฎหมาย-คลัง ศึกษารายละเอียด กรุงเทพฯ--15 มิ.ย.--รอยเตอร์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปแนวทางดำเนินการ เพื่อนำดาวเทียมไทยคมกลับมาเป็นของคนไทย ต้องรอให้กระทรวงการคลัง และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร(ไอซีที)ไปศึกษาก่อน โดยต้องดูข้อกฎหมายด้วย ขณะที่รมว.คลัง ระบุว่า ได้หารือเบื้องต้นกับกลุ่มเทมาเซคแล้ว ถึงการซื้อดาวเทียมไทยคม แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปถึงวิธีการ "ทุกอย่างต้องดูข้อกฎหมาย ให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย ยังไม่ได้พูดในรายละเอียดว่าซื้อ ไม่ซื้อราคาเท่าไร...มีหลายเรื่องพัวพันกันอยู่ มีประเด็นข้อกฎหมายที่คาบเกี่ยวเยอะ ทั้งเรื่องดาวเทียมและคำวินิจฉัยของศาล มันมีทางเลือกหลายทางกฎหมายหลายส่วน ก็ต้องให้เขาไปดูให้เรียบร้อย" นายกรัฐมนตรี กล่าวตอบข้อถามว่า นอกจากแนวทางซื้อคืนหุ้นบมจ.ไทยคม(THCOM)จากกลุ่มเทมาเซค จากสิงคโปร์ จะดูเรื่องการละเมิดสัญญาด้วยหรือไม่ เขากล่าวว่า ตอนขายดาวเทียมไทยคม กระทบต่อความรู้สึกของประชาชนพอสมควร เนื่องจากเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ "มันมีปัญหาเกี่ยวข้องกับความมั่นคง ตอนขายไปก็กระทบต่อความรู้สึกของคนไทยพอสมควร เพราะฉะนั้นก็เป็นการแค่บอกว่า ถ้ากลับมาเป็นของคนไทย ก็ดี แต่ยังไม่ได้พูดว่า วิธีการต่างๆจะเป็นอย่างไร" นายกรัฐมนตรี กล่าว ด้านนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลัง หาวิธีการซื้อดาวเทียมไทยคมคืนจากผู้ถือหุ้นเทมาเซค ของประเทศสิงค์โปร์ ซึ่งวิธีการ รูปแบบ อยู่ระหว่างการพิจารณา และที่ผ่านมาได้หารือเรื่องนี้กับเทมาเซคเบื้องต้นแล้ว แต่ยังไม่ลงลึกในรายละเอียด ส่วนวิธีการจะซื้อโดยให้รัฐวิสาหกิจไปซื้อ หรือให้คนไทยเข้าไปซื้อหุ้นโดยตรงก็ถือว่าเป็นของคนไทยทุกคนอยู่แล้ว เขากล่าวว่า บริษัทไทยคม ประกอบธุรกิจ 2 รูปแบบ คือ ธุรกิจดาวเทียม และ ธุรกิจมือถือในประเทศกัมพูชา และเวียดนาม ซึ่งในส่วนของธุรกิจมือถือ รัฐบาลไม่ได้มีความสนใจ ดังนั้นการซื้อคืน ก็จะซื้อแต่ธุรกิจดาวเทียมเท่านั้น "คลังยังไม่อยากพูดเรื่องนี้มาก เพราะยิ่งพูด ราคาหุ้นของบริษัทไทยคมก็ยิ่งขึ้น มีผลต่อความยากลำบากในการซื้อดาวเทียมไทยคมคืนกลับมาเป็นของคนไทย เพราะต้นทุนจะสูงขึ้น ดังนั้นหากคนไทยต้องการเห็นดาวเทียมไทยคมเป็นของคนไทย ก็ขอให้ปล่อยคลัง ได้ทำหน้าที่ในเรื่องนี้ ส่วนกำหนดเวลาจะซื้อคืนได้เมื่อไร ขึ้นอยู่กับทางเทมาเซคจะตัดสินใจขายคืนให้เราเมื่อไร" นายกรณ์ กล่าว เมื่อวานนี้ นายกรัฐมนตรี เผยว่า ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลัง ไปดูเรื่องแผนซื้อหุ้น THCOM จากกลุ่มเทมาเซค ของสิงคโปร์ โดยให้คำนึงถึงผลประโยชน์ เงื่อนไข ความสมเหตุสมผลของราคา กลุ่มเทมาเซค จากสิงคโปร์ ถือหุ้นใหญ่ใน บมจ.ชินคอร์ปอเรชั่น (SHIN) ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งที่ถือหุ้น 41.14% ใน THCOM โดยเทมาเซคได้ซื้อหุ้น SHIN จากกลุ่ม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อต้นปี 49 ปัจจุบัน THCOM เป็นผู้ให้บริการดาวเทียมเพียงรายเดียวในไทย โดยมีดาวเทียม ที่ยิงขึ้นสู่วงโคจรแล้วทั้งสิ้น 5 ดวง ซึ่งในปีที่ผ่านมา บริษัทยังมีผลขาดทุนสุทธิ แต่คาดจะพลิกมีกำไรสุทธิ ตั้งแต่ไตรมาส 3/53 หลังธุรกิจดาวเทียมเริ่มทำกำไรได้ตั้งแต่ ไตรมาส 1 และยังมีความต้องการใช้ดาวเทียม ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง--จบ-- (โดย ประชา หริรักษาพิทักษ์ รายงาน;พนารัตน์ เทพกำปนาท เรียบเรียง--วพ--) จากคุณ : LoknaR เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 23:12:38

ความคิดเห็นที่ 3 GOVT:รมว.อุตสาหกรรม เผย"ดาว เคมิคอล"มั่นใจลงทุนไทยต่อ แม้มีปัญหามาบตาพุด กรุงเทพฯ--15 มิ.ย.--รอยเตอร์ นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รมว.อุตสาหกรรม เผยกลุ่มดาว เคมิคอล ซึ่งเป็นบริษัท ด้านปิโตรเคมี จากสหรัฐ ยังมั่นใจลงทุนในไทยต่อเนื่อง แม้มีปัญหาการลงทุนในพื้นที่ มาบตาพุด ด้านที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ เห็นชอบร่างพ.ร.บ.องค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ ซึ่งเป็นหนึ่งการขจัดอุปสรรคปัญหาลงทุนดังกล่าว "ดาว เคมิคอลฯ ยังมีความมั่นใจที่จะลงทุนในประเทศไทยต่อไป เพราะมี ความเข้าใจกับปัญหาที่เกิดขึ้นในโครงการมาบตาพุด ว่าเป็นเรื่องทางกฎหมายไม่ได้ เกิดจากการกลั่นแกล้ง" นายชัยวุฒิ กล่าวภายหลังผู้บริหารบริษัท ดาว เคมิคอล ประเทศไทย จำกัดเข้าพบในวันนี้ กลุ่มดาว เคมิคอลฯ เป็นผู้ร่วมทุนกับเครือซิเมนต์ไทย ในธุรกิจปิโตรเคมี หลายโครงการในไทย โดยมีบางโครงการที่ถูกระงับการดำเนินกิจกรรมชั่วคราวใน พื้นที่มาบตาพุด ตามคำสั่งศาลปกครองกลาง หลังมีผู้ฟ้องคดีกรณีที่หน่วยงานรัฐอนุมัติ ให้โครงการดำเนินกิจกรรม โดยไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า ผู้บริหารของดาว เคมิคอลฯได้เข้าพบวันนี้ เนื่องจากต้องการขอความชัดเจนใน 2 โครงการของบริษัทที่ยังไม่สามารถดำเนิน การได้ ได้แก่ เป็นโครงการผลิตโพลีเอททีลีน และโครงการผลิตไฮโดเจน อย่างไรก็ตาม ได้ชี้แจงต่อผู้บริหารของดาว เคมิคอลฯว่า ขณะนี้คณะรัฐมนตรี (ครม.)ได้เข้ามาแก้ไขปัญหาดังกล่าว และสามารถดูแลได้ในระดับหนึ่งแล้ว โดยวันนี้ ครม.ได้อนุมัติร่างพ.ร.บ.การจัดตั้งองค์การอิสระ ด้านสิ่งแวดล้อม ทรัพยากร ธรรมชาติและสุขภาพแล้ว โดยองค์การอิสระฯ มีหน้าที่พิจารณาให้ความเห็นชอบกับโครงการที่ต้องทำ รายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) และผลกระทบด้านสุขภาพ(HIA) ตามมาตรา 67 วรรค 2 ของกฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ปี 50 แต่เบื้องต้นรัฐบาลได้จัดตั้งองค์การอิสระฯ ภายใต้ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ความเห็นตามมาตรา 67 วรรคสอง ในระหว่างที่รอการจัดตั้งองค์การอิสระฯภาย ใต้รัฐธรรมนูญ นอกจากนี้คณะกรรมการ 4 ฝ่ายเพื่อแก้ปัญหามาบตาพุด ยังอยู่ระหว่างการจัดทำ ทำบัญชีรายชื่อกิจการ ที่อาจก่อผลกระทบรุนแรงด้านสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัย ซึ่งคาดว่าจะ มีความชัดเจนสัปดาห์หน้า ซึ่งจะช่วยขจัดอุปสรรคในการลงทุนดังกล่าว นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ดาว เคมิคอลฯ ระบุว่าสำหรับ 2 โครงการของบริษัท ขณะนี้ได้ดำเนินการทำ HIA ล่วงหน้า ซึ่งใกล้สิ้นสุดแล้ว ซึ่งหากบริษัทดำเนินการเสร็จ สิ้นและนำเรื่องเสนอต่อหน่วยงานราชการ ก็จะเร่งรัดการพิจารณาโดยเร็ว "ต้นเดือนหน้าประธานดาว เคมิคอล จะเดินทางมาประเทศไทย เพื่อพบกับนายก รัฐมนตรี แต่บริษัทก็ยังยืนยันว่า ไม่เคยเสียความเชื่อมั่นในการลงทุนในประเทศไทย พร้อมที่จะขยายการลงทุนต่อไปในอนาคต และบริษัทเข้าใจว่าเป็นเรื่องของกฎหมาย ไม่ใช่เป็นเรื่องข้อบกพร่องของใคร" นายชัยวุฒิ กล่าวกับผู้สื่อข่าว --จบ-- (โดย พิสิทธิ์ ช้างพลายงาม รายงาน;วิลาวัลย์ พงษ์พิทักษ์ เรียบเรียง--วพ--) จากคุณ : LoknaR เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 23:14:34

ความคิดเห็นที่ 4 UPDATE:MAJOR คาดกำไรสุทธิ Q2/53 ดีกว่าปีก่อน ขณะที่รายได้โตกว่า 8-10% (เพิ่มรายละเอียด) กรุงเทพฯ--15 มิ.ย.--รอยเตอร์ บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป(MAJOR) ผู้ประกอบการธุรกิจโรงภาพยนตร์ รายใหญ่สุดของไทย คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/53 ดีกว่างวดเดียวกันปีก่อน ขณะที่มอง รายได้รวมในไตรมาส 2 ปีนี้ จะเติบโตมากกว่า 8-10% จากปีที่แล้ว "กำไร(ไตรมาส 2/53) ก็ต้องดีกว่าปีก่อน ส่วนรายได้จากการขายตั๋ว ไตรมาส 2 น่าจะโต 8-10% แต่ถ้าคิดเป็นรายได้รวม จะโตมากกว่า 8-10%"นายวิชา พูลวรลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ MAJOR กล่าวกับผู้สื่อข่าว ในไตรมาส 2/52 MAJOR มีกำไรสุทธิ 13.30 ล้านบาท เขา กล่าวว่า ไตรมาส 2/53 พารากอนซีนีเพล็กซ์ ซึ่งเป็นโรงภาพยนตร์ ในเครือของบริษัท มียอดขายตั๋วลดลงในช่วงเดือนเม.ย. เนื่องจากมีการปิดห้างจาก สถานการณ์การเมือง ซึ่งในช่วงที่มีการปิดศูนย์การค้าพารากอนนั้น ทำให้รายได้ของ MAJOR สูญเสียไปประมาณ 25-30 ล้านบาทต่อเดือน อย่างไรก็ตาม พบว่าในช่วงเวลาเดียวกัน สาขาเดิมในพื้นที่อื่น มียอดการ ขายตั๋วเติบโตขึ้นมาก ทำให้คาดว่าในช่วงไตรมาส 2 รายได้จากการขายตั๋วน่าจะโต ได้ราว 8-10% ส่วนรายได้รวมในปีนี้ คาดว่าจะเติบโตประมาณ 10% จากปีก่อน เนื่องจาก มีภาพยนตร์ที่อยู่ในกระแสความสนใจ เข้ามาฉายหลายเรื่อง รวมถึงมีการใช้เม็ดเงิน โฆษณาของบริษัทต่างๆ มีเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของสินค้าอุปโภคบริโภค ในด้านงบลงทุน นายวิชา กล่าวว่า บริษัทยังคงแผนการลงทุนปีนี้ไว้ที่ 600 ล้านบาท เพื่อใช้เปิดสาขาใหม่ และปรับปรุงสาขาเดิม รวมทั้งเป็นการลงทุนในประเทศ อินเดีย โดยในช่วงที่ผ่านมา มีการเปิดสาขาใหม่ไปแล้ว 2 สาขา และในเดือนหน้า จะเปิดอีก 1 สาขา นอกจากนี้ บริษัทยังมีการเจรจากับห้างสรรพสินค้าในต่างจังหวัดอีก 1 แห่ง เพื่อเปิดโรงภาพยนตร์ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ พร้อมทั้งมีแผนที่จะเปิดโรงภาพยนตร์ใน ห้างเซ็นทรัล เชียงใหม่ด้วย เขา กล่าวถึงรายการบิ๊กล็อตของหุ้น บมจ.สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์(SF) ที่เข้ามาในวันนี้ว่า ยังไม่ทราบว่าใครเป็นผู้เข้ามาซื้อ แต่คาดว่าน่าจะเป็นต่างชาติ เนื่องจากเป็นการซื้อขายรายการใหญ่ ในวันนี้หุ้น SF มีรายการบิ๊กล็อต จำนวน 37 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 3.30 บาท คิดเป็นมูลค่า 122.10 ล้านบาท ขณะที่ MAJOR เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ SF ในสัดส่วน 22.93% ราคาหุ้น MAJOR ปิดตลาดวันนี้ไม่เปลี่ยนแปลง อยู่ที่ 8.85 บาท--จบ-- (โดย ศรัญญา สุขสมกิจ รายงาน;สะตะวสิน สถาพรชาญชัย เรียบเรียง--วพ--) จากคุณ : LoknaR เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 23:14:47

ความคิดเห็นที่ 5 BOT:ธปท.เผย มีโอกาสปรับเพิ่มประมาณการศก.ปีนี้ หลังเศรษฐกิจโลกยังโตได้ กรุงเทพฯ--15 มิ.ย.--รอยเตอร์ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เผย ธปท.มีโอกาสปรับเพิ่มประมาณการ ขยายตัวทางเศรษฐกิจ(จีดีพี) ปีนี้ หลังมองเศรษฐกิจโลกยังมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง แม้มีปัจจัยที่ทำให้การขยายตัวสะดุดบ้าง แต่ไม่กระทบมากนัก ส่งผลให้ความสามารถ ในการส่งออกของไทยยังเป็นไปด้วยดี ขณะเดียวกันยังเห็นว่า ภาคการลงทุนน่าจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้อย่างช้าภายใน สิ้นปีนี้ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจเช่นกัน "ใช่ เชื่อว่าเศรษฐกิจโลกยังฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง อาจมีสะดุดบ้าง แต่ว่า ไม่ถึงกับฟุบใหม่ เรายังมีความสามารถในการส่งออกได้" นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการ ธปท. ตอบผู้สื่อข่าวที่ถามว่า มีโอกาสที่ธปท.จะปรับประมาณการเศรษฐกิจขึ้นใช่ไหม เขา กล่าวอีกว่า จากการคาดการณ์ขององค์กรระหว่างประเทศ เช่น กองทุน การเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) และ ธนาคารโลก พบว่ามีการปรับประมาณการ ทางเศรษฐกิจของทุกภูมิภาค โดยเฉพาะเอเชีย ที่มีการปรับเพิ่มขึ้น ดังนั้น การที่ เศรษฐกิจไทยจะออกมาติดลบในระดับมากๆ ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ ธปท.จะมีการทบทวนประมาณการเศรษฐกิจ ในการประชุมคณะกรรมการนโยบาย การเงิน(กนง.) ครั้งหน้า ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 14 ก.ค. นี้ เมื่อปลายเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ธปท.ได้ปรับเพิ่มประมาณการจีดีพี ปี 53 เป็น ขยายตัว 4.3-5.8% จากเดิมคาดการณ์ว่าจะขยายตัว 3.3-5.3% เนื่องจากเศรษฐกิจ ในไตรมาส 4/52 และไตรมาส 1/53 แข็งแกร่งกว่าที่ประเมินไว้ รวมทั้งการส่งออก ยังขยายตัวดีกว่าประมาณการครั้งก่อน ขณะที่ การประชุม กนง.เมื่อต้นเดือนนี้ แสดงความวิกฤติต่อหนี้ในยุโรปขณะนี้ ว่ายังไม่มีความชัดเจนว่าจะสิ้นสุดลงเมื่อใด และทำให้เกิดความกังวลต่อการเกิดวิกฤติ เศรษฐกิจโลกรอบใหม่ ซึ่งจะมีผลต่อภาคการส่งออก ที่ถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของ เศรษฐกิจไทย--จบ-- (โดย บุญทิวา วิชกูล รายงาน; สะตะวสิน สถาพรชาญชัย เรียบเรียง--ฉก--) จากคุณ : LoknaR เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 23:15:33

ความคิดเห็นที่ 6 บาท/ดอลลาร์ภาคบ่ายทรงตัวจากช่วงเช้า, แกว่งตัวรอปัจจัยใหม่ กรุงเทพฯ--15 มิ.ย.--รอยเตอร์ *บาท/ดอลลาร์ภาคบ่ายทรงตัวจากช่วงเช้า แต่ยังอยู่ในทิศทางอ่อนค่า จากวันก่อนหน้า ตามแรงขายทำกำไรสกุลเงินต่างๆเมื่อเทียบดอลลาร์ *สกุลเงินเอเชียอ่อนค่าลงในวันนี้ จากความกังวลเรื่องปัญหาหนี้ของยุโรป ที่กลับมาปกคลุมตลาดอีกครั้ง รวมถึงแรงขายทำกำไรระยะสั้นในเงินยูโร *ยูโรชะลอตัวในวันนี้ จากการที่นักลงทุนขายทำกำไร และความเชื่อมั่น ต่อยูโรยังคงเปราะบาง ขณะที่มีความวิตกระลอกใหม่เกี่ยวกับปัญหาหนี้ สาธารณะ หลังจากมูดี้ส์ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซลงสู่อันดับ ไม่น่าลงทุน หรือ อันดับขยะ *นักลงทุนใช้ข่าวเรื่องการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซ เป็น ข้ออ้างในการปรับสถานะการลงทุนในยูโร ขณะที่เทรดเดอร์ กล่าวว่า การที่นักลงทุนโดยรวมกลับเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงช่วงนี้ อาจช่วยสกัดกั้น การร่วงลงของยูโรได้บ้าง *ดอลลาร์ออสเตรเลียขยับลงจากระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือน เทียบกับ ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เทรดเดอร์ลดความต้องการซื้อสกุลเงินที่ให้อัตรา ผลตอบแทนสูง หลังรายงานการประชุมของธนาคารกลางออสเตรเลีย ทำให้ตลาดเชื่อมั่นว่า จะมีการตรึงดอกเบี้ยต่อไปอีกอย่างน้อยหนึ่งเดือน *รายงานการประชุมธนาคารกลางออสเตรเลีย ระบุว่า ธนาคารกลาง ยังสามารถคงอัตราดอกเบี้ยได้ ในระยะเวลาอันใกล้ ขณะที่ การขึ้น อัตราดอกเบี้ยก่อนหน้านี้ ทำให้ธนาคารกลางมีเวลาที่จะดูว่า ปัญหาหนี้สิน ของยุโรปจะส่งผลกระทบอย่างไรต่อเศรษฐกิจโลก *ธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยในวันนี้ พร้อมกับ เปิดเผยรายละเอียดของแผนการปล่อยเงินกู้ครั้งใหม่ *16.52 น. บาท/ดอลลาร์ อยู่ที่ 32.41/45 จาก 32.41/44 ช่วงเช้า ขณะที่ในตลาด offshore อยู่ที่ 32.40/44 จาก 32.40/43 ช่วงเช้า *เยน/ดอลลาร์ อยู่ที่ 91.37/40 จาก 91.52/55 ช่วงเช้า *ยูโร/ดอลลาร์ อยู่ที่ 1.2253/56 จาก 1.2212/14 ช่วงเช้า "วันนี้ก็ sideways มีแรงซื้อ(ดอลลาร์)เข้ามาตั้งแต่ช่วงเช้า แต่ตลาด ก็ยังรอดูข้อมูลใหม่ๆ อยู่" ดีลเลอร์ กล่าว เขา กล่าวว่า เงินบาทในวันนี้แกว่งตัวในกรอบไม่กว้างนัก หลังจากที่ ช่วงเช้ามีแรงซื้อดอลลาร์กลับเข้ามา จากปัจจัยเรื่องที่กรีซถูกปรับลดอันดับความ น่าเชื่อถือ แต่เนื่องจากเป็นปัจจัยที่ตลาดคาดไว้ก่อนแล้ว ทำให้ตลาดไม่ได้ปรับตัว ไปมาก และเป็นการซื้อขายทำกำไรในช่วงสั้นมากกว่า ดีลเลอร์ ระบุว่า ตลาดยังรอคอยข้อมูลใหม่ๆ เพื่อประเมินถึงทิศทาง เศรษฐกิจโลกในระยะต่อไป ทำให้ในช่วงนี้ สกุลเงินต่างๆ อาจจะยังไม่มีทิศทาง ที่ชัดเจน และแกว่งตัวตามแรงเก็งกำไรระยะสั้นเป็นหลัก--จบ-- (โดย สะตะวสิน สถาพรชาญชัย รายงานและเรียบเรียง--ฉก--) จากคุณ : LoknaR เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 23:16:39

ความคิดเห็นที่ 7 SET:หุ้นไทยปิดลบเล็กน้อย แรงขายหุ้นพลังงาน-แบงก์ถ่วงตลาด กรุงเทพฯ--15 มิ.ย.--รอยเตอร์ ดัชนีหุ้นไทยปิดลบ 0.1% ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาคที่ ส่วนใหญ่อยู่ในกรอบที่ไม่มากนัก ขณะที่นักลงทุนขายหุ้นพลังงาน และแบงก์ออกมาถ่วง ตลาด หลังจากที่ราคาหุ้นปรับขึ้นมามากก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เห็นว่าตลาดหุ้นไทยไม่มีปัจจัยเข้ามามากนัก แต่ การที่มูดี้ส์ ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซ อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้มีแรงขายหุ้น ออกมาบ้าง ประกอบกับตลาดหุ้นเอเชีย รวมถึงหุ้นไทยได้ปรับขึ้นมามากแล้ว ทำให้ โอกาสขยับขึ้นต่อจะอยู่ในกรอบจำกัด และน่าจะยังกดดันต่อเนื่องในวันพรุ่งนี้ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ปิดลบ 0.76 จุด มาที่ 780.37 จุด ระหว่างวันดัชนี ปรับขึ้นสูงสุดที่ 783.35 และต่ำสุดที่ 777.21 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขาย 24,465.42 ล้านบาท ขณะที่ SET50 ปิดลบ 0.84 จุด หรือ 0.16% มาที่ 540.27 จุด และ SET100 ปิดลบ 0.63 จุด หรือ 0.05% มาที่ 1,174.62 จุด ดัชนีกลุ่มพลังงาน ลบ 0.23% ด้วยมูลค่าซื้อขายสูงสุดของตลาดที่ 20.61% นำโดยหุ้นปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP) ลบ 0.69% ,กลุ่มแบงก์ ลบ 0.53% แต่หุ้นธ.กรุงไทย(KTB) บวก 3.17% แต่หุ้นทุนธนชาต (TCAP) ลบ 1.87% ดัชนีกลุ่มอาหาร บวกแรง 1.86% นำโดยหุ้นเจริญโภคภัณฑ์อาหาร(CPF) บวก 3.7% และกลุ่มเทคโนโลยี ลบ 1.68% โดยหุ้นไทยคม(THCOM) ปรับขึ้น 2.13% แต่หุ้น แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส(ADVANC) ลบ 1.18% "ปัจจัยไม่มีอะไรที่สำคัญมากนักในช่วงนี้ การที่มูดี้ส์ลดเครดิตกรีซเป็นสิ่งที่ คาดหมายอยู่แล้ว แต่ก็อาจจะเป็นข้ออ้างในการขายหุ้นออกมาบ้าง...หุ้นเอเชียปรับขึ้น ติดต่อกันก่อนหน้านี้ ก็อาจจะลดความร้อนแรงลงบ้าง" นายอนุพนธ์ ศรีอาจ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.บีฟิท กล่าว มูดี้ส์ปรับลดอันดับเครดิตของกรีซลง 4 ขั้น สู่ "Ba1" เมื่อวานนี้ โดยจัดให้ กรีซเข้าสู่สถานะขยะ 1 ขั้น ขณะที่ระบุถึงความเสี่ยงในแผนความช่วยเหลือของยูโรโซน/ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) สำหรับกรีซ นายอนุพนธ์ กล่าวว่า สำหรับปัจจัยภายในประเทศ ยังไม่มีประเด็นในทางลบ แต่ยังต้องติดตามกรณีปัญหามาบตาพุด และการยกเลิกพ.ร.ก.การบริหารราชการใน สถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งหากมีความชัดเจน ก็จะส่งผลดีต่อตลาด ส่วนแนวโน้มการซื้อขายวันพรุ่งนี้ เขา เห็นว่ายังคงต้องติดตามปัจจัยจาก ต่างประเทศ รวมถึงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยมองกรอบการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น ไทยจะมีแนวต้านบริเวณ 787,790 และแนวรับที่ 774-775 จุด หลักทรัพย์ 5 อันดับแรก ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด CPF บวก 0.70 บาท มาที่ 19.60 บาท KTB บวก 0.40 บาท มาที่ 13.00 บาท THCOM บวก 0.15 บาท มาที่ 7.20 บาท PTTEP ลบ 1.00 บาท มาที่ 143.00 บาท BANPU บวก 6.00 บาท มาที่ 618.00 บาท (โดย วิลาวัลย์ พงษ์พิทักษ์ รายงานและเรียบเรียง--วพ--) จากคุณ : LoknaR เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 23:17:32

ความคิดเห็นที่ 8 GOVT:ครม.เห็นชอบให้ใช้มาตรการภาษี สนับสนุนการอ่านเป็นวาระแห่งชาติ กรุงเทพฯ--15 มิ.ย.--รอยเตอร์ คณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติเห็นชอบข้อเสนอของกระทรวงศึกษาธิการ ในการใช้ มาตรการภาษี เพื่อสนับสนุนให้การอ่านเป็นวาระแห่งชาติ โดยจะใช้เวลา 1 เดือน ในการ พิจารณาสิทธิประโยชน์ทางภาษี อาทิ การให้ธุรกิจหนังสือ ซึ่งรวมถึงนิตยสารและหนังสือพิมพ์ เข้าอยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT) อัตรา 0% เป็นการช่วยลดต้นทุนการผลิตหนังสือ "นายกรัฐมนตรีเป็นคนดึงเรื่องนี้เข้ามาเอง เพื่อฟังความเห็นของครม. ซึ่งครม. ได้เห็นชอบในหลักการการส่งเสริมการอ่าน โดยใช้มาตรการภาษี โดยรัฐมนตรีช่วย ประดิษฐ์ (ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง) จะร่วมประชุมกับคณะกรรมการของกระทรวงศึกษาฯ คาดว่า ไม่เกิน 1 เดือน จะมีข้อสรุปเรื่อง VAT" นายวัชระ กรรณิกา รองโฆษกรัฐบาล กล่าวแถลงข่าวหลังประชุมครม. เขา กล่าวว่า ในส่วนของมาตรการอื่นๆ ได้แก่ การยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับ ค่าใช้จ่ายในการบริจาคหนังสือ แก่หน่วยงานราชการ สถานศึกษา และองค์กรสาธารณกุศล โดยให้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล สามารถนำไปยกเว้นภาษีเงินได้ เป็นจำนวน 2 เท่า ของรายจ่าย แต่ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน หรือกำไรสุทธิ นอกจากนี้ ยังเสนอให้ยกเว้นภาษีเงินได้ สำหรับค่าใช้จ่ายในการซื้อหนังสืออ่าน เพื่อพัฒนาตนเอง ครอบครัว และองค์กร โดยบุคคลธรรมดาให้ยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับ ค่าใช้จ่ายในการซื้อหนังสือไม่เกิน 1 หมื่นบาท ส่วนนิติบุคคลให้ยกเว้นภาษีเงินได้ ที่เป็น ค่าใช้จ่ายในการซื้อหนังสืออ่านในองค์กร เป็นจำนวน 2 เท่าของรายจ่าย--จบ-- (โดย กิติพงศ์ ไทยเจริญ รายงาน; สะตะวสิน สถาพรชาญชัย เรียบเรียง--ฉก--) จากคุณ : LoknaR เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 23:17:53

ความคิดเห็นที่ 9 UPDATE:TRUE คาดปีนี้ทรูออนไลน์ มีรายได้ 2.7 หมื่นลบ.เติบโตกว่า 10% (เพิ่มรายละเอียด) กรุงเทพฯ--15 มิ.ย.--รอยเตอร์ บมจ.ทรูคอร์ปอเรชั่น(TRUE) ผู้ให้บริการธุรกิจโทรคมนาคม คาดปีนี้ทรูออนไลน์ มีรายได้ 2.7 หมื่นล้านบาท เติบโต กว่า 10% จากปีก่อน "ปีนี้ทรูออนไลน์ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 2.7 หมื่นล้านบาท จากเป้าของกลุ่มทรูฯ ที่ 5 หมื่นกว่าล้านบาท ซึ่งในไตรมาสแรกทำได้แล้ว 1 ใน 4 ของเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งคาดว่าทั้งปี จะได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้" นายวิเชาวน์ รักพงศ์ไพโรจน์ กรรมการผู้จัดการ ทรูออนไลน์ ของ TRUE กล่าวกับผู้สื่อข่าว นายวิเชาวน์ กล่าวว่า การเติบโตดังกล่าว จะเป็นการโตในส่วนของบรอดแบนด์ และดาต้า ประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท ที่เหลือจะเป็นวอยซ์ และอื่นๆ ทั้งนี้ รายได้ของทรูออนไลน์ คิดเป็นสัดส่วนเกือบ 50% ของรายได้ TRUE เขากล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ามีผู้ใช้บรอดแบนด์สิ้นปีนี้ 8-9 แสนราย จาก 7.18 แสน รายในไตรมาส 1/53 และยังตั้งเป้าใช้เงิน 2.5 พันล้านบาท เพื่อขยายเครือข่ายในปีนี้ วันนี้ ทรูออนไลน์ แถลงเปิดตัวแพ็กเกจใหม่ ไฮสปีดอินเทอร์เน็ต อีโคแพ็กจาก ทรูออนไลน์ เพียง 399 บาท สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง 2 Mpbs นาน 100 ชั่วโมง/เดือน พร้อมรับฟรี Router และฟรีค่าติดตั้งโทรศัพท์บ้าน โดยมุ่งเจาะกลุ่ม ผู้เริ่มต้นใช้งานออนไลน์ นายวิเชาวน์ กล่าวในเอกสารเผยแพร่ว่า อัตราการใช้งานบรอดแบนด์เทียบจากปีที่ผ่าน มา มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องประมาณ 33% ทั้งยังมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น โดยแพ็กเกจ ที่ออกใหม่ มั่นใจในจุดเด่นของคุณภาพโครงข่าย ราคาที่คุ้มค่า จึงช่วยขยายฐานตลาดลูกค้า ได้เพิ่มขึ้น เขากล่าวว่า จากในไตรมาส 1/53 ซึ่งทรูออนไลน์ ได้สร้างสรรค์แพ็กเกจหลากหลาย ให้เลือก ทำให้สามารถเพิ่มยอดผู้ใช้บริการได้มากกว่า 2.7 หมื่นราย ส่งผลให้มีจำนวน ผู้ใช้บริการบรอดแบนด์ทั้งหมด รวมแล้วประมาณ 7.18 แสนราย ราคาหุ้น TRUE ช่วงบ่าย ลบ 1.26% มาที่ 3.14 บาท--จบ-- (โดย มนันพัทธ์ ธนนันท์พร รายงาน;วิรัช บูรณกนกธนสาร เรียบเรียง--วพ--) จากคุณ : LoknaR เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 23:18:30

ความคิดเห็นที่ 10 GOVT:ครม.เห็นชอบนำค่าที่พักโรงแรมในปท. หักภาษีบุคคลไม่เกิน 1.5 หมื่นบาท กรุงเทพฯ--15 มิ.ย.--รอยเตอร์ คณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติเห็นชอบข้อเสนอของคณะกรรมการร่วมภาครัฐและ เอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ(กรอ.) ให้ประชาชนสามารถนำค่าใช้จ่าย ในส่วนของ ค่าที่พักในโรงแรมที่มีใบอนุญาตตามกฎหมาย มาหักภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ในปีภาษี 2553 ได้ไม่เกินคนละ 15,000 บาท "ครม.ไม่ได้โต้แย้ง โดยอนุมัติตามที่มติคณะกรรมการกรอ.เสนอมา" นายวัชระ กรรณิกา รองโฆษกรัฐบาล กล่าวแถลงข่าวภายหลังการประชุมครม. นอกจากนี้ ครม.ยังมอบหมายให้กระทรวงแรงงาน ไปดำเนินการฝึกอบรมเพื่อ เพิ่มทักษะด้านภาษา ให้กับพนักงานและลูกจ้างในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ที่ได้รับผลกระทบ จากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง อีกทั้ง ยังให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ไปดำเนินการศึกษาโครงสร้าง อาชีพอิสระด้านการท่องเที่ยว ที่อยู่นอกระบบประกันสังคม ให้เข้ามาอยู่ในระบบ ตามที่ กรอ.เสนอด้วย วานนี้ ที่ประชุม กรอ.ระบุว่า การเสนอมาตรการนำค่าที่พักโรงแรม มาหัก ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดานั้น เป็นไปตามข้อเสนอของ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่ง ประเทศไทย(สทท.) ที่ได้เสนอแนวทางและมาตรการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งทางการเมือง ขณะที่ สัปดาห์ก่อนครม. อนุมัติให้ผู้ที่ซื้อแพคเกจทัวร์จากบริษัทนำเที่ยว สามารถ นำค่าใช้จ่ายดังกล่าว มาหักภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ไม่เกิน 15,000 บาท เช่นกัน --จบ-- (โดย กิติพงศ์ ไทยเจริญ รายงาน; สะตะวสิน สถาพรชาญชัย เรียบเรียง--ฉก--) จากคุณ : LoknaR เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 23:18:44

ความคิดเห็นที่ 11 บลจ.ทหารไทย ออก 3 กองทุนพันธบัตรเกาหลีใต้, เริ่มขายพรุ่งนี้ กรุงเทพฯ--15 มิ.ย.--รอยเตอร์ บลจ.ทหารไทย ออกกองทุนเปิดทหารไทย พันธบัตรเกาหลีใต้ 3 กองทุน มูลค่ารวม 3.4 พันล้านบาท แบ่งเป็นอายุ 6 เดือน, 10 เดือน และ 1 ปี 11 เดือน โดยคาดอัตราผลตอบแทนที่ประมาณ 1.75%, 2.15% และ 2.60% ต่อปี ตามลำดับ ทั้ง 3 กองทุน จะเสนอขายพร้อมกัน ระหว่างวันที่ 16-22 มิ.ย. นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทหารไทย กล่าวในเอกสาร เผยแพร่ ว่า กองทุนที่เสนอขายในครั้งนี้ ทั้ง 3 กองทุน มีนโยบายลงทุนในพันธบัตร ตั๋วเงินคลัง หรือพันธบัตรธนาคารแห่งชาติ ที่รัฐบาล องค์กร หรือหน่วยงานรัฐบาลของ เกาหลีใต้ เป็นผู้ออกหรือค้ำประกัน นอกจากนี้ บริษัทยังได้ปรับเพิ่มผลตอบแทนของกองทุนเปิดทหารไทย พันธบัตร เกาหลีใต้ รุ่นที่ 84 อายุประมาณ 11 เดือน ที่เปิดขายไปก่อนนี้ เป็น 2.20% จากเดิม 2.10% ต่อ ซึ่งเป็นผลจากการปรับเพิ่มขึ้น ของผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ --จบ-- (โดย สะตะวสิน สถาพรชาญชัย เรียบเรียง--วพ--) จากคุณ : LoknaR เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 23:20:12

ความคิดเห็นที่ 12 บลจ.แอสเซท พลัส ออกกองทุนผสม อายุ 1 ปี, ตั้งเป้าหมายผลตอบแทน 10% กรุงเทพฯ--15 มิ.ย.--รอยเตอร์ บลจ.แอสเซท พลัส ออกกองทุนเปิด แอสเซทพลัสสมาร์ท 5 ซึ่งเป็นกองทุนผสม อายุ 1 ปี ที่สามารถปรับสัดส่วนการลงทุน ระหว่างตราสารทุนและตราสารหนี้ ได้ 0-100% ตามสถานการณ์ในแต่ละช่วง โดยตั้งเป้าหมายผลตอบแทนสุทธิที่ 10% กองทุนดังกล่าว อยู่ระหว่างการเสนอขาย ไปจนถึงวันที่ 22 มิ.ย.นี้ นางลดาวรรณ เจริญรัชต์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.แอสเซท พลัส กล่าว ในเอกสารเผยแพร่ ว่า กองทุนดังกล่าว จะหาจังหวะที่เหมาะสม ในการเข้าลงทุนในหุ้น และมีเป้าหมายการสร้างผลตอบแทนสุทธิที่ระดับ 10% ทั้งนี้ กองทุนจะเริ่มทยอยทำกำไร ด้วยวิธีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ เมื่อ มูลค่าหน่วยลงทุนปรับขึ้นไปถึง 10.50 บาท หรือ 5% ของเงินลงทุนเริ่มแรก และปิดกองทุน เมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนผ่านระดับ 11.00 บาท หรือเมื่อครบอายุกองทุน 1 ปี แล้วแต่ว่า เหตุการณ์ใดจะเกิดขึ้นก่อน เขา กล่าวว่า กองทุนนี้จะเน้นลงทุนในหุ้นที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์ จากการ เปิดเขตการค้าเสรีอาเซียน(อาฟต้า) โดยเฉพาะผู้ผลิตและส่งออกรายใหญ่ ที่มีความ ได้เปรียบในเรื่องต้นทุนต่ำ ได้แก่ หุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร และกลุ่มชิ้นส่วนรถยนต์ ตลอดจนหุ้นขนาดใหญ่ ที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ของภาครัฐ และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก เช่น หุ้นกลุ่มพลังงาน และกลุ่มธนาคารพาณิชย์ รวมถึงหุ้นของบริษัทที่เป็นผู้นำของอุตสาหกรรม ที่มีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิ หรือมี ศักยภาพในการเติบโตสูง อาทิ หุ้นในกลุ่มธุรกิจเกษตร กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม นอกจากนี้ หุ้นทุกกลุ่มอุตสาหกรรมที่เลือกลงทุน จะเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และ มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง นางลดาวรรณ กล่าวถึงมุมมองต่อตลาดหุ้นไทยในปีนี้ ว่า หากความกังวลด้าน ปัญหาหนี้สาธารณะของประเทศยุโรป และความกังวลด้านการเมืองในประเทศปรับลดลง ตลาดหุ้นไทยก็มีโอกาสที่จะเริ่มปรับสูงขึ้นได้ จากปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจ รวมถึงแนวโน้ม ผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน และอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ยังดีอยู่ โดย บลจ.แอสเซท พลัส มองว่า ดัชนีหุ้นไทยในปีนี้มีโอกาสปรับขึ้นไปที่ระดับ 820 จุดได้ ดัชนีหุ้นไทย ล่าสุด บวก 0.19% มาที่ 782.59--จบ-- (โดย สะตะวสิน สถาพรชาญชัย เรียบเรียง--วพ--) จากคุณ : LoknaR เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 23:20:30

ความคิดเห็นที่ 13 *SITHAI:ศรีไทยฯ คงเป้ารายได้ปี 53 ที่ 5.7 พันลบ.แม้มีเหตุไฟไหม้ กรุงเทพฯ--15 มิ.ย.--รอยเตอร์ บมจ.ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ (SITHAI) ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกและเมลามีนรายใหญ่ ของไทย คงเป้าหมายรายได้ปีนี้ที่ 5.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 4.7 พันล้านบาทในปี ที่แล้ว แม้เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานเช้านี้ "แม้มีเหตุไฟไหม้เกิดขึ้นในวันนี้ กระทบไลน์ผลิตไม่มาก เราก็ยังคงเป้าหมาย รายได้ไว้ที่ 5.7 พันล้านบาท โตจากปีก่อนที่ 4.7 พันล้านบาท เพราะเรายังมั่นใจ" นายสนั่น อังอุบลกุล ประธาน กรรมการและกรรมการผู้จัดการ SITHAI กล่าวกับผู้สื่อข่าว เขา กล่าวว่า ขณะนี้รอการเข้าไปตรวจสอบของฝ่ายราชการ ซึ่งหากไม่มีปัญหา คาดว่าจะกลับมาเดินเครื่องได้ภายใน 10 วัน เพราะส่วนที่เป็นแม่พิมพ์ไม่ได้รับผลกระทบ ซึ่งพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย จะอยู่ในส่วนคลังสินค้า สำหรับสาเหตุน่าจะมาจากไฟฟ้าลัดวงจร แต่บริษัทได้ทำประกันไว้ 3.2 พันล้านบาท ซึ่งครอบคลุมความเสียหายทั้งหมด เมื่อเวลาประมาณ 03.00 น.วันนี้ เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานพลาสติกของ SITHAI ที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรี ซึ่งเจ้าหน้าที่ใช้เวลาควบคุม เพลิงราว 3 ชั่วโมงก่อนจะสงบลง ส่งผลให้โรงงาน 1 หลังได้รับความเสียหาย ขณะที่บริษัทแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า เหตุเพลิงไหม้ดังกล่าว เกิดในบริเวณ ที่เป็นคลังสินค้าและพื้นที่การผลิต บางส่วน ทำให้เกิดความเสียหายต่อสินค้าสำเร็จรูป และวัตถุดิบ เครื่องจักร ตลอดจน อาคารโรงงานส่วนหนึ่ง ส่งผลกระทบ ทำให้การส่งมอบสินค้าให้แก่ลูกค้าต้องล่าช้าออกไป และกำลัง การผลิตของบริษัทที่ลดลงในช่วงฟื้นฟูโรงงาน หุ้น SITHAI ช่วงบ่ายลดลง 0.50 บาท มาที่ 7.35 บาท --จบ-- (โดย พิสิทธิ์ ช้างพลายงาม รายงาน;วิลาวัลย์ พงษ์พิทักษ์ เรียบเรียง--วพ--) จากคุณ : LoknaR เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 23:20:42

ความคิดเห็นที่ 14 เอกชนเผย ธปท.ส่งสัญญาณเตรียมขึ้นดบ.นโยบาย, ขอแบงก์ชาติช่วยดูแลเงินบาท กรุงเทพฯ--15 มิ.ย.--รอยเตอร์ ภาคเอกชน เผยธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตรา ดอกเบี้ยนโยบาย หลังเศรษฐกิจฟื้นตัว ขณะที่เรียกร้องให้ธปท. ดูแลความเคลื่อนไหวของ ค่าเงินบาท ให้สอดคล้องไปกับสกุลเงินของประเทศคู่ค้า และไม่อยากให้บาทแข็งค่าไปกว่า ระดับปัจจุบัน "ท่าน(ธปท.) ก็เพียงแต่บอกว่าอัตราดอกเบี้ยจะต้องขยับบ้าง แต่ไม่ได้บอกว่า จะปรับเมื่อไหร่ คงเป็นแบบค่อยๆ ขึ้น" นายพงษ์ศักดิ์ อัสสกุล รองประธานกรรมการ หอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวกับผู้สื่อข่าว หลังตัวแทนภาคเอกชน เข้าหารือกับผู้บริหาร ธปท.ในวันนี้ เขา กล่าวว่า ธปท.ได้บรรยายถึงภาพรวมเศรษฐกิจไทย ว่ามีทิศทางฟื้นตัวขึ้น จึงมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งจะเป็นการทยอยปรับขึ้น แต่ธปท.ไม่ได้ ระบุว่าจะปรับขึ้นในช่วงใด โดยธปท.อธิบายว่า อัตราดอกเบี้ยในขณะนี้ อยู่ในระดับต่ำสุด ในรอบหลายปี ซึ่งหากอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำนาน ก็อาจจะไม่ดีต่อเศรษฐกิจ ปัจจุบัน อัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร(อาร์/พี) ระยะ 1 วัน ซึ่งเป็นดอกเบี้ย นโยบายของไทย อยู่ที่ 1.25% โดยเมื่อสัปดาห์ก่อน นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการ ธปท. คาดว่าจะได้เห็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย อย่างน้อย 1 ครั้ง ภายในปีนี้ หลังมอง เศรษฐกิจไทย ยังมีแรงส่งของการขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า ในที่ประชุมวันนี้ ยังมีการหารือเรื่องค่าเงินบาท ซึ่งทางผู้ประกอบการอยากให้ธปท.ดูแลค่าเงินบาท ให้ใกล้เคียงกับประเทศคู่ค้า เพราะ ในขณะนี้ รู้สึกว่าค่าเงินบาทจะแข็งค่ากว่าประเทศอื่น โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับจีน ด้านนายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหาร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า ธปท.ได้ชี้แจงเรื่องค่าเงินบาท ว่า เฉลี่ยแล้ว ความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท ไม่ได้ห่างกับประเทศคู่ค้าคู่ขายมากนัก แต่ผู้ประกอบการไทย มีความรู้สึกว่าเงินบาทค่อนข้างแข็ง จึงอยากให้ธปท.ช่วยดูแล ไม่ให้เงินบาทแข็งไปมากกว่านี้ ซึ่งเขาระบุว่า ธปท.ชี้แจงว่าจะดูแลไม่ให้ค่าเงินผันผวน บาท/ดอลลาร์ ช่วงบ่ายอยู่ที่ 32.40/49 โดยตั้งแต่ต้นปีนี้ บาทแข็งค่าขึ้นมา ประมาณ 2.8% เป็นอันดับ 2 ในภูมิภาค รองจาก ริงกิต มาเลเซีย นายสันติ กล่าวถึงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ด้วยว่า หากจะมีการปรับขึ้นประมาณ 0.25% ก็ถือเป็นระดับที่ไม่น่าเป็นห่วง และเป็นสิ่งที่น่าจะยอมรับได้ แต่สิ่งที่ภาคเอกชน เป็นห่วง คือเรื่องสภาพคล่อง แต่ธปท.ก็ชี้แจงต่อผู้ประกอบการว่า สภาพคล่องของระบบ ธนาคารพาณิชย์ขณะนี้ มีค่อนข้างมาก ขณะที่ นายสมมาต ขุนเศรษฐ เลขาธิการ ส.อ.ท. กล่าวว่า หาก ธปท.จะมีการ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย อย่างเร็วที่สุดควรเป็นช่วงปลายปี 53 หรือต้นปี 54 จึงจะ เหมาะสม เพื่อให้ภาคเอกชนได้มีเวลาปรับตัวก่อน--จบ-- (โดย บุญทิวา วิชกูล รายงาน;สะตะวสิน สถาพรชาญชัย เรียบเรียง--วพ--) จากคุณ : LoknaR เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 23:20:55

ความคิดเห็นที่ 15 บลจ.นครหลวงไทย ออกกองทุนพันธบัตรเกาหลี 1 ปี, คาดผลตอบแทนราว 2.20% กรุงเทพฯ--15 มิ.ย.--รอยเตอร์ บลจ.นครหลวงไทย ออกกองทุนเปิดนครหลวงไทย ตราสารหนี้ต่างประเทศ 12 เดือน 6/10 อายุประมาณ 12 เดือน โดยเน้นลงทุนใน MSB และ KTB ซึ่งเป็น พันธบัตรรัฐบาล และตราสารหนี้สถาบันการเงินของเกาหลีใต้ พร้อมป้องกันความเสี่ยง อัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน โดยคาดอัตราผลตอบแทนที่ประมาณ 2.20% กองทุนมีมูลค่า 500 ล้านบาท โดยจะเสนอขายระหว่างวันที่ 16-22 มิ.ย. นายไตรพิชิต วัฒนวิจิตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บลจ.นครหลวงไทย กล่าวในเอกสารเผยแพร่ว่า แนวโน้มอัตราผลตอบแทนการลงทุน ในตลาดพันธบัตรเกาหลีใต้ในสัปดาห์นี้ ปรับตัวลงจากสัปดาห์ก่อนประมาณ 0.20-0.30% ทั้งนี้ เป็นผลจากตลาดคลายความกังวล ต่อมาตรการของรัฐบาลเกาหลีใต้ ที่ได้ประกาศออกมา เกี่ยวกับมาตรการการลดความผันผวนของกระแสเงินทุนไหลเวียน ต่อค่าเงินวอน เขา กล่าวว่า มาตรการที่ออกมา เป็นมาตรการจำกัดการซื้อขายสัญญา ล่วงหน้าสกุลเงินและตราสารอนุพันธ์ ของธนาคารในประเทศ ไว้ไม่เกิน 50% ขณะที่ ธนาคารต่างประเทศที่มีสาขาในเกาหลีใต้ จำกัดไว้ไม่เกิน 250% ของทุนจดทะเบียน ซึ่งจะมีผลในเดือน ต.ค 53 นี้ การดำเนินมาตรการดังกล่าว มีผลกระทบทำให้ส่วนต่างของต้นทุนการ ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ดอลลาร์สหรัฐ/วอน ปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ ผลตอบแทนของพันธบัตรเกาหลีใต้มีการปรับตัวเล็กน้อย ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับ ต้นทุนการป้องกันความเสี่ยงระหว่าง ดอลลาร์/บาท--จบ-- (โดย สะตะวสิน สถาพรชาญชัย เรียบเรียง--วพ--) จากคุณ : LoknaR เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 23:21:08

ความคิดเห็นที่ 16 บลจ.บีที เพิ่มลงทุนหุ้นเป็นกว่า 80% ของพอร์ต หลังเหตุชุมนุมการเมืองยุติ กรุงเทพฯ--15 มิ.ย.--รอยเตอร์ บลจ.บีที เผยได้เพิ่มพอร์ตการลงทุนในหุ้นเป็นกว่า 80% หลังจากการชุมนุม ทางการเมืองยุติลง โดยเน้นลงทุนหุ้นในกลุ่ม SET50 เป็นหลัก พร้อมประเมินว่า ยังมี โอกาสที่ในปีนี้ นักลงทุนต่างชาติจะกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย และหนุนให้ดัชนี ปรับตัวขึ้นไปแตะระดับ 820 จุด ได้ "หลังการเมืองจบ เราได้มีการปรับพอร์ตการลงทุน โดยเพิ่มลงทุนในหุ้นเป็น มากกว่า 80% จากในช่วงเหตุการณ์ (สัดส่วนหุ้น) จะต่ำกว่านี้" นายเจิดพันธุ์ นิธยายน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ด้านการลงทุน บลจ.บีที กล่าวกับผู้สื่อข่าว เขา กล่าวว่า เหตุผลที่มีการเพิ่มน้ำหนัการลงทุนในหุ้นมากขึ้น เนื่องจากยัง เชื่อมั่นว่า ภาคธุรกิจจะสามารถปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น หลังสถานการณ์การเมือง สงบลง รวมถึงพื้นฐานเศรษฐกิจของไทยยังมีความแข็งแกร่ง ซึ่งจะเป็นแรงจูงใจให้ ต่างชาติกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง ส่วนผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจ จากปัญหาหนี้ในยุโรปนั้น เขา มองว่า จะ ไม่รุนแรงเท่าวิกฤติการเงินที่เกิดขึ้นในสหรัฐเมื่อปี 51 ดังนั้น นักลงทุนต่างชาติจึงอาจ ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ด้านนายอนุสรณ์ บูรณกานนท์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.บีที กล่าวว่า ปีนี้คาดว่า สินทรัพย์ภายใต้การบริหาร(AUM) จะปรับตัวขึ้นราว 15-20% ใกล้เคียงกับอุตสาหกรรม กองทุนรวม จากสิ้นปีก่อนที่บริษัทมี AUM ประมาณ 1.9 หมื่นล้านบาท โดยในช่วงกว่า 5 เดือนที่ผ่านมา AUM ของบริษัทได้ปรับตัวมาอยู่ที่ 2.3 หมื่นล้านบาทแล้ว ขณะที่ ทั้งปีนี้ บริษัทมีแผนออกกองทุนใหม่ไม่ต่ำกว่า 10 กองทุน เช่น กองทุน ตราสารหนี้เกาหลีใต้, กองทุนอสังหาริมทรัพย์ และกองทุน ETF ที่ลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ โดยในส่วนของกองทุนตราสารหนี้เกาหลีใต้ ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน ออกไปแล้ว 4 กองทุน ส่วนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ในปีนี้มีแผนที่จะออก 2-3 กองทุน โดยกองแรกคือ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์แบบมีกรรมสิทธิ์ เมอร์เคียว สมุย จะเสนอขายระหว่างวันที่ 5-12 ก.ค. มีมูลค่ากองทุน 828 ล้านบาท ซึ่งจะมีการค้ำประกันการจ่ายปันผลในช่วงปีที่ 1-5 คิด เป็นอัตราผลตอบแทน ที่ผู้ถือหน่วยลงทุนจะได้รับเฉลี่ยต่อปี ที่ประมาณ 6.5-7.0% หลังจากนั้น คาดว่าในช่วงไตรมาส 3 จะมีการออกกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ที่มีสินทรัพย์อ้างอิงเป็นโกดัง ในเขตกรุงเทพฯ ซึ่งจะมีขนาดกองทุนไม่เกิน 700 ล้านบาท และในช่วงไตรมาสส 4/53 บริษัทอาจจะออกกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ที่มีสินทรัพย์ อ้างอิงเป็นโรงแรมที่สมุย อีก 1 กองทุน ขนาดกองทุนไม่เกิน 1 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม กองทุนอสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงแรมดังกล่าว อยู่ระหว่างการ ศึกษาว่า จะตั้งเป็นกองทุนใหม่ หรือนำสินทรัพย์เข้ามารวมกับ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ แบบมีกรรมสิทธิ์เมอร์เคียว สมุย สำหรับการออกกองทุน ETF นายอนุสรณ์ กล่าวว่า จะเป็นการลงทุนในสินค้า โภคภัณฑ์ ประเภทน้ำมันหรือทองคำ ซึ่งคาดว่าจะออกกองทุนได้ในช่วงไตรมาส 3/53 เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ลงทุน ในภาวะที่ตลาดหุ้นไทยมีความผันผวน--จบ-- (โดย ศรัญญา สุขสมกิจ รายงาน;สะตะวสิน สถาพรชาญชัย เรียบเรียง--วพ--) จากคุณ : LoknaR เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 23:21:19

ความคิดเห็นที่ 17 QLT:ควอลลีเทค เล็งปรับเป้ารายได้ปีนี้จากเดิมคาดโต 10% หลังการเมืองกระทบ กรุงเทพฯ--15 มิ.ย.--รอยเตอร์ บมจ.ควอลลีเทค(QLT) ผู้ให้บริการทดสอบและตรวจสอบวัสดุทางวิศวกรรมชั้นนำของ ไทย อยู่ระหว่างปรับเป้าหมายรายได้ในปีนี้ใหม่ จากเดิมคาดเติบโตประมาณ 10% จาก 279.71 ล้านบาทในปีก่อน หลังได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมือง ทำให้ลูกค้าชะลอโครงการ "ลูกค้าไม่มั่นใจในสถานการณ์การเมือง ทำให้ชะลอโครงการ ไม่ใช่ลูกค้าหันไป หาคู่แข่งรายอื่น เพียงแต่จะกระทบต่อการรับรู้รายได้ ทำให้บริษัทต้องเตรียมปรับกลยุทธ์ ในการดำเนินงานใหม่ เพื่อให้สอดคล้องและรองรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น" นายสรรพัชญ์ รัตคาม กรรมการผู้จัดการ QLT กล่าวในเอกสารเผยแพร่ เขา กล่าวว่า ปัจจุบันผู้ประกอบธุรกิจส่งออก เกี่ยวกับชิ้นส่วนที่ใช้ในโครงการ ปิโตรเคมีได้ชะลอธุรกิจ เนื่องจากยังไม่มั่นใจในสถานการณ์ทางการเมือง ทำให้การส่งออก ในส่วนนี้ชะลอตัว หลายบริษัทได้ลดเป้าหมายธุรกิจ ทำให้บริษัทอยู่ระหว่างปรับเป้าหมาย รายได้ใหม่ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่างานตรวจสอบทางวิศวกรรม ยังคงจะได้รับความสำคัญอย่าง ต่อเนื่อง เพราะเป็นเรื่องของความปลอดภัย เขา คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลัง สถานการณ์ต่างๆ และแนวโน้มธุรกิจจะดีขึ้น จาก ความจำเป็นที่ต้องมีการตรวจสอบ โดยเฉพาะโครงการท่อก๊าซของบมจ.ปตท.(PTT) นอกจากนี้ ปีนี้บริษัทจะเข้าไปร่วมประมูลโครงการท่อก๊าซเส้นที่ 4 (ส่วนที่ 2) ของ PTT มูลค่างานประมาณ 100 ล้านบาท ขณะที่ PTT เตรียมขยายโครงข่ายระบบท่อ ส่งก๊าซธรรมชาติ ไปยังพื้นที่ภาคเหนือ-อีสาน ซึ่งจะเป็นโอกาสของบริษัทที่จะเข้าไปร่วม การประมูลงานดังกล่าว หุ้น QLT ช่วงบ่ายบวก 0.10 บาท มาที่ 5.55 บาท --จบ-- (โดย วิลาวัลย์ พงษ์พิทักษ์ เรียบเรียง--วพ--) จากคุณ : LoknaR เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 23:21:32

ความคิดเห็นที่ 18 บลจ.กรุงไทย ออกกองทุนบอนด์ 4 เดือน,ลงทุนพันธบัตรเกาหลี-เงินฝากแบงก์ในยูเออี กรุงเทพฯ--15 มิ.ย.--รอยเตอร์ บลจ.กรุงไทย ออกกองทุนเปิดกรุงไทย ฟอเรน ฟิกซ์อินคัม 4 เดือน 2 อายุ 4 เดือน ซึ่งมีนโยบายลงทุนในพันธบัตรภาครัฐเกาหลีใต้ 75% ส่วนที่เหลือจะลงทุนในบัญชีเงินฝาก ธ.สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด สาขา ยูเออี โดยคาดผลตอบแทนไว้ที่ประมาณ 1.30% ต่อปี กองทุนมีมูลค่า 900 ล้านบาท เสนอขายระหว่างวันที่ 16-22 มิ.ย. นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย กล่าวในเอกสารเผยแพร่ว่า เมื่อสัปดาห์ก่อน คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน ธนาคารกลางเกาหลีใต้ มีมติให้คง อัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 2.00% ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดได้คาดการณ์ไว้ ขณะที่ ผลตอบแทนจากพันธบัตรภาครัฐเกาหลีใต้ ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย เนื่องจาก ธนาคารกลาง ส่งสัญญาณว่า สถานการณ์เกี่ยวกับหนี้สาธารณะของกลุ่มประเทศยุโรป และภาค อสังหาริมทรัพย์ของเกาหลีใต้ ยังไม่ถึงระดับที่ต้องน่าวิตก แต่สิ่งที่ธนาคารกลาง จะยังคงให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง ได้แก่ การเจริญเติบโต ของเศรษฐกิจเกาหลีใต้ จึงทำให้ตลาดคาดการณ์ว่า อาจจะมีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย นโยบายขึ้นในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังได้ประกาศแผนที่จะควบคุมเสถียรภาพ ของสกุลเงินวอน โดยจะจำกัดให้ธนาคารต่างชาติ มีอนุพันธ์เกี่ยวกับค่าเงินวอนได้ไม่เกิน 250% ของเงินทุน และ 50% สำหรับธนาคารท้องถิ่น ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ตลาดอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้า แกว่งตัวค่อนข้างมากในสัปดาห์ที่ผ่านมา นายสมชัย กล่าวอีกว่า บลจ.กรุงไทย ยังอยู่ระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนตราสารหนี้ ในประเทศ ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 3เดือน3 โดยจะเสนอขายไปจนถึง วันที่ 18 มิ.ย. กองทุนดังกล่าว มีอายุ 3 เดือน ซึ่งจะลงทุนในพันธบัตรภาครัฐในประเทศ 8%, หุ้นกู้ธนาคารดอยซ์แบงก์ เอจี และธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด แห่งละ 24% ส่วนที่เหลือจะลงทุนในเงินฝาก ธ.ซีไอเอ็มบี ไทย(CIMBT) 20% และธ.ธนชาต 24% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยมีผลตอบแทนประมาณการที่ 0.90% ต่อปี--จบ-- (โดย สะตะวสิน สถาพรชาญชัย เรียบเรียง--วพ--) จากคุณ : LoknaR เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 23:21:44

ความคิดเห็นที่ 19 INTERVIEW:TASCO คาดปีนี้กำไรโต ส่งออก-งบรัฐหนุน,โรงกลั่นฯมาเลเซียไม่ขาดทุน โดย วิรัช บูรณกนกธนสาร กรุงเทพฯ--15 มิ.ย.--รอยเตอร์ บมจ.ทิปโก้แอสฟัลท์ (TASCO) ผู้ผลิตและจำหน่ายยางแอสฟัลท์อิมัลชั่น และยางมะตอย ผสมสำเร็จรายใหญ่สุดของไทย คาดกำไรสุทธิปีนี้ดีกว่าปีก่อน ด้วยปริมาณการขายสูงสุดนับ ตั้งแต่ตั้งบริษัท หลังยอดขายในต่างประเทศเติบโต รวมถึงงบประมาณไทยเข้มแข็ง ช่วยสนับสนุน ผู้บริหาร คาดธุรกิจโรงกลั่นที่มาเลเซียปีนี้ไม่ขาดทุน จากที่ขาดทุน 9.5 ล้าน เหรียญสหรัฐในปีก่อน ตามปริมาณการผลิตและปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น "ปีนี้กำไรยังดีอยู่ มันธรรมดา ถ้าเราผลิตมากขึ้น เราขายได้มากขึ้น กำไรก็มาก ขึ้นตามไปด้วย ถ้าไม่มีอะไรมาสะดุดในไตรมาส 3 และ 4 ก็น่าจะดีกว่าปีก่อน" นายชัยวัฒน์ ศรีวรรณวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ TASCO กล่าว กับ"รอยเตอร์" TASCO ในปี 52 มีกำไรสุทธิ 493.82 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 1/53 มีกำไรสุทธิ 316.76 ล้านบาท นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ปีนี้ธุรกิจของบริษัทเติบโตทั้งการขายในประเทศ และการ ส่งออกที่โตต่อเนื่อง โดยงบไทยเข้มแข็งของรัฐบาล ทำให้มีการก่อสร้างเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ มีการใช้ยางมะตอยเพิ่มขึ้น จึงเป็นประโยชน์ต่อบริษัทอย่างมาก ขณะที่การส่งออกของบริษัทก็ยังเติบโต ซึ่งปัญหาเศรษฐกิจในยุโรป ไม่ได้ส่งผล กระทบต่อธุรกิจของบริษัท เพราะลูกค้าเกือบทั้งหมดเป็นประเทศในเอเซีย ทั้งนี้สัดส่วนรายได้ของบริษัท เป็นการส่งออกประมาณ 60-65% โดยบริษัทพยายาม จะรักษาฐานลูกค้าใน 17-20 ประเทศ เช่น จีน เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย และอินเดีย เป็นต้น ขณะที่รายได้อีก 35-40% เป็นการขายในประเทศ ซึ่งได้รับผลดีจากงบของภาครัฐบาล นายชัยวัฒน์ คาดว่าปริมาณการขายในปีนี้ จะทำสถิติสูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท หลังจากไตรมาสแรก มีปริมาณขาย 2.85 แสนตัน ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดเป็นรายไตรมาส เป็นผล จากโรงกลั่นยางมะตอยในมาเลเซีย สามารถส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ได้มากขึ้น ขณะเดียวกัน บริษัทยังได้รับผลดีจากงบประมาณไทยเข้มแข็ง ซึ่งจะต่อเนื่องไป ยังไตรมาส 2/53 ทำให้ปริมาณการขายจะใกล้เคียงกับไตรมาสแรกที่ผ่านมา "ไตรมาสสองยังดีอยู่(ปริมาณขาย) แต่ก็ยังเหลือเดือนมิถุนายนอีกหนึ่งเดือน แต่ก็ น่าจะเท่าๆ กัน ไม่น่าจะแพ้ไตรมาสหนึ่ง" นายชัยวัฒน์ กล่าว นอกจากนี้ เขาประเมินว่า ความต้องการยางมะตอยในประเทศ ยังดีต่อเนื่องไปจน ถึงปี 54 รับผลดีจากงบประมาณของภาครัฐ ขณะที่ในต่างประเทศ ก็ยังไม่มีสัญญาณเชิงลบ ซึ่งจีน เป็นประเทศขนาดใหญ่ก็ยังมีความต้องการเป็นจำนวนมาก เขากล่าวว่า โรงกลั่นยางมะตอยในมาเลเซีย ปีนี้จะไม่ขาดทุนแล้ว จากปีก่อนที่ ขาดทุนประมาณ 9.5 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากการผลิตและปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น "ปีนี้โรงกลั่นฯ จะเป็นตัว drive และจะโตอย่างเห็นได้ชัด เป็นการโตแบบก้าวกระโดด เพราะปีที่แล้วเรานำเข้าน้ำมันดิบแค่ 3 ล้านบาร์เรลเศษ แต่ปีนี้ถ้าได้ตามแผนจะอยู่ที่ 6 ล้านบาร์เรล ซึ่งครึ่งปีแรกเราซื้อไปแล้ว 3.8 ล้านบาร์เรล ดังนั้นทั้งปีน่าจะทำได้" นายชัยวัฒน์ กล่าว เขากล่าวว่า ทิศทางของโรงกลั่นฯ ดังกล่าว ขึ้นอยู่กับการหาน้ำมันดิบมาป้อน ซึ่ง ขณะนี้บริษัทเริ่มเป็นที่รู้จักกับผู้ค้าน้ำมันดิบหลายๆ ประเทศ ทำให้สามารถมีปริมาณน้ำมันดิบ ที่พอเพียงกับการผลิต สามารถหาได้หลายแหล่ง จากเดิมมีแหล่งซื้อเพียงประเทศเวเนซูเอล่า เท่านั้น ซึ่งในอนาคตหากสามารถหาแหล่งน้ำมันดิบได้เป็นจำนวนมาก ก็อาจจะทำให้บริษัทมี อำนาจต่อรอง ที่จะซื้อในราคาที่ลดลงได้ นอกจากนี้ บริษัทยังมีการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยง จากความผันผวนของราคา น้ำมันดิบ ทำให้สามารถควบคุมต้นทุนได้ในระดับหนึ่ง เขากล่าวอีกว่า ในครึ่งปีหลังบริษัทมีแผนจะสั่งต่อเรือใหม่อีก 1 ลำ ซึ่งคาดว่า จะสามารถรับมอบได้ภายในปลายปี 54 หรือต้นปี 55 ซึ่งจะมีขนาดประมาณ 6.5-7 พันตัน คาดว่าจะใช้เงินเกือบ 20 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ ยังมีแผนจะซื้อเรือมือสองอีก 1 ลำ เพื่อทดแทนเรือเดิม ที่มีอายุการ ใช้งาน 26-30 ปีแล้ว โดยขนาดตั้งแต่ 1-4 พันตัน ซึ่งการซื้อเรือดังกล่าว ได้รับความเห็น ชอบจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นแล้ว ส่วนเงินทุนนั้น เขากล่าวว่า ขณะนี้บริษัทมีอยู่ประมาณ 15 ล้านเหรียญสหรัฐแล้ว ซึ่งเป็นเงินที่มาจากการสั่งต่อเรือ เมื่อปีก่อน แต่บริษัทที่ต่อเรือประสบปัญหาการเงิน จึงไม่สามารถต่อเรือให้บริษัทได้ ทำให้ต้องคืนเงินพร้อมดอกเบี้ยมาให้กับบริษัท ปัจจุบัน TASCO มีเรือขนส่งยางมะตอย 5 ลำ และยังบริหารให้กับพันธมิตร อีก 2 ลำ เขากล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีโรงงาน และคลังยางมะตอยที่ประเทศจีน 4 แห่ง และ ที่ประเทศกัมพูชาอีก 1 แห่ง โดยขณะนี้ยังไม่มีแผนที่จะสร้างโรงงานหรือคลังยางมะตอยเพิ่ม ในต่างประเทศ **เล็งปันผลงวดปี 53 นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า หากในปีนี้มีกำไรที่เพิ่มขึ้น ก็จะเสนอต่อคณะกรรมการบริษัท เพื่อพิจารณา เรื่องการจ่ายเงินปันผล หลังจากปีก่อนบริษัทของดการจ่ายเงินปันผล "ช่วงประชุมผู้ถือหุ้น เราก็โดนซักเยอะ ที่เราของดจ่ายปันผล เพราะดี/อีเรายังสูง และเงินกู้ก็มีเยอะ ซึ่งผู้ถือหุ้นก็เข้าใจและโหวตให้เรา 100% แต่ถ้าปี 2010 เรามีกำไร แน่นอนอย่างไรเราก็ต้องพิจารณาจ่ายเงินปันผล ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องไปหารือบอร์ดเพื่อขอ อนุมัติ" นายชัยวัฒน์ กล่าว ด้านนายชยงศักดิ์ พิศิษฎพงศ์ กรรมการบริหาร TASCO กล่าวว่า บริษัทมีนโยบาย การจ่ายเงินปันผล 60% ของกำไรสุทธิ แต่ก็ต้องพิจารณาว่า บริษัทมีแผนจะนำเงินไปใช้ลงทุน ขยายกิจการหรือไม่ รวมถึงจะต้องพิจารณาการคืนเงินกู้บางส่วนให้เหมาะสมด้วย นายชยงศักดิ์ กล่าวว่า ปัจจุบันสัดส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E)ของบริษัทยังอยู่ใน ระดับสูง โดยลดลงเล็กน้อยจากช่วงปลายปีซึ่งอยู่ที่ 2.7 เท่า สาเหตุเนื่องจากปีที่ผ่านมา บริษัทจำเป็นต้องนำเงินไปซื้อน้ำมันดิบแทน โรงกลั่นฯที่มาเลเซีย อย่างไรก็ตาม บริษัทพยายามที่จะระมัดระวัง ไม่ให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุนเพิ่มขึ้น จึงงดจ่ายปันผลในงวดปี 52 แม้บริษัทจะมีกำไร โดยที่ผ่านมาธนาคารที่ให้กู้ก็เข้าใจการ ดำเนินธุรกิจของบริษัท จึงอนุมัติวงเงินให้แล้วไม่ต่ำกว่า 400 ล้านเหรียญสหรัฐ และยังมี วงเงินกู้อื่นๆ ที่สนับสนุนอีกมาก ราคาหุ้น TASCO ช่วงเช้าบวก 0.50 บาท อยู่ที่ 41.25 บาท--จบ-- (โดย วิรัช บูรณกนกธนสาร รายงานและเรียบเรียง--วพ--) จากคุณ : LoknaR เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 23:22:06

ความคิดเห็นที่ 20 PS:พฤกษาฯ กำหนดดบ.หุ้นกู้อายุ 3 ปี ที่ 3.00%, 5 ปี ที่ 3.75% กรุงเทพฯ--15 มิ.ย.--รอยเตอร์ บมจ.พฤกษาเรียลเอสเตท (PS) ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ กำหนด อัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้ประเภทไม่ด้อยสิทธิ และไม่มีประกัน มูลค่ารวม 2.5 พันล้านบาท โดยแบ่งเป็น หุ้นกู้อายุ 3 ปี มูลค่า 1.5 พันล้านบาท กำหนดอัตราดอกเบี้ยที่ 3.00% ขณะที่หุ้นกู้อายุ 5 ปี มูลค่า 1 พันล้านบาท กำหนดอัตราดอกเบี้ยที่ 3.75% นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ PS กล่าวในเอกสารเผยแพร่ว่า หุ้นกู้ดังกล่าวจะเปิดให้ลูกค้า นักลงทุน และประชาชน ทั่วไปจองซื้อได้ ระหว่างวันที่ 21-23 มิ.ย. โดยมีธ.กรุงเทพ(BBL), ธ.กสิกรไทย (KBANK) และธ.ซีไอเอ็มบี ไทย(CIMBT) เป็นผู้จัดการการจำหน่าย ขณะที่ ทริสเรทติ้ง จัดอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ไว้ที่ระดับ A หุ้นกู้ดังกล่าว กำหนดมูลค่าจองซื้อขั้นต่ำที่ 5 หมื่นบาท ขณะที่ กำหนดจ่าย ดอกเบี้ยทุก 3 เดือน พันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 ปี และ 5 ปี วันนี้มีอัตราผลตอบแทนที่ 2.42% และ 3.05% ตามลำดับ ขณะที่หุ้นกู้อายุ 3-5 ปี อันดับความน่าเชื่อถือ A ซื้อขายใน ตลาดรอง โดยบวกส่วนต่างจากพันธบัตรรัฐบาลอีก 0.92% ราคาหุ้น PS ช่วงเที่ยง ลบ 1.18% มาที่ 16.80 บาท--จบ-- (โดย สะตะวสิน สถาพรชาญชัย เรียบเรียง--วพ--) จากคุณ : LoknaR เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 23:22:17

ความคิดเห็นที่ 21 *ADVANC:เอไอเอส เผยมีแนวโน้มเพิ่มงบลงทุนมือถือระบบ 3G รอดูเกณฑ์ประมูล กรุงเทพฯ--15 มิ.ย.--รอยเตอร์ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส(ADVANC) หรือ AIS ผู้ให้บริการโทรศัพท์ เคลื่อนที่รายใหญ่สุดของไทย ระบุว่ามีแนวโน้มที่จะปรับเพิ่มงบลงทุนโทรศัพท์เคลื่อนที่ ระบบ 3G ใหม่ จากเดิมที่ตั้งงบลงทุน 5 หมื่นล้านบาทเพื่อขยายงานโทรศัพท์เคลื่อนที่ ระบบ 2G และการขยายเครือข่ายระบบ 3G ในอีก 3 ปีข้างหน้า "ตอนนี้ ต้องดูความชัดเจนของเงื่อนไขสัญญาสัมปทานใหม่ว่าเงื่อนไขของ 3.9G เป็นอย่างไร ขณะนี้ยังตอบไม่ได้ แต่มีแนวโน้มที่จะปรับงบลงทุนเพิ่มขึ้น เพราะเรื่อง ราคาอุปกรณ์" นายวิเชียร เมฆตระการ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ผู้บริหาร ADVANC กล่าว กับผู้สื่อข่าว ทั้งนี้ คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กทช.) ได้ผลักดันการ ออกใบอนุญาต 3.9G บนคลื่นความถี่ 2.1 GHz แทน 3G เนื่องจากการออกใบอนุญาต 3G ของไทยล่าช้ากว่ากำหนดมาก ขณะที่เทคโนโลยีปัจจุบันได้พัฒนาไปไกลมากแล้ว หุ้น ADVANC เช้านี้ลดลง 1.25 บาท มาที่ 83.50 บาท --จบ-- (โดย พิสิทธิ์ ช้างพลายงาม รายงาน;วิลาวัลย์ พงษ์พิทักษ์ เรียบเรียง--วพ--) จากคุณ : LoknaR เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 23:22:36

ความคิดเห็นที่ 22 INTERVIEW:KK คาดกำไรสุทธิปีนี้ดีกว่าปีก่อน, ศก.ฟื้นหนุนสินเชื่อโต 10-12% โดย มนันพัทธ์ ธนนันท์พร และ อารดา กุลตวนิช กรุงเทพฯ--15 มิ.ย.--รอยเตอร์ ธ.เกียรตินาคิน(KK) ซึ่งเป็นผู้ปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์อันดับ 3 ของไทย คาดกำไรสุทธิปี 53 ดีกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิราว 2.23 พันล้านบาท หลังมองเศรษฐกิจ ที่ฟื้นตัวขึ้น จะหนุนให้สินเชื่อปีนี้ขยายตัวได้ 10-12% ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ KK ยังตั้งเป้าที่จะลดสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ก่อนหักสำรอง (Gross NPL) ให้เหลือต่ำกว่า 5% ในสิ้นปีนี้ พร้อมทั้งวางเป้าหมายผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) ไว้ประมาณ 12-15% ในปี 53 "(กำไรสุทธิ) ปีนี้ผมคิดว่าดีกว่าปีที่แล้ว ปีที่แล้วเป็นปีที่เราเพิ่งฟื้นไข้ จากที่เห็นตัวเลขลางๆ แล้วก็เห็นว่าตัวเลขดีกว่าปีที่แล้ว ซึ่งเราโฟกัสทั้งสินเชื่อ เช่าซื้อ สินเชื่อเอสเอ็มอี" นายธวัชไชย สุทธิกิจพิศาล กรรมการผู้จัดการใหญ่ KK กล่าวกับ"รอยเตอร์" ปี 52 KK มีกำไรสุทธิ 2.23 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 51 ที่มีกำไรสุทธิ 1.87 พันล้านบาท เขา กล่าวว่า กำไรสุทธิที่คาดว่าจะดีขึ้นในปีนี้ เป็นผลการเติบโตของสินเชื่อ ซึ่งมองว่าจะขยายตัวได้ราว 10-12% ใกล้เคียงกับเป้าหมายซึ่งตั้งไว้ที่ 8-12% โดย ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา ยอดขายรถยนต์และสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ขยายตัวได้ดี ขณะที่ ในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ จะขยายตัวได้ดีกว่าใน ช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามความต้องการที่เพิ่มขึ้น และตามภาวะเศรษฐกิจที่คาดว่าจะ ขยายตัวได้ประมาณ 4-5% ในปีนี้ ทั้งนี้ แม้ว่าในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ ความไม่สงบทางการเมืองอยู่บ้าง แต่เขากล่าวว่า ในตลาดต่างจังหวัด สินเชื่อยังคง ขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อ ซึ่งธนาคารมีสัดส่วนสินเชื่อต่างจังหวัดประมาณ 80% และที่เหลือเป็นในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ส่วนภาวะการแข่งขันในตลาดสินเชื่อเช่าซื้อ เขา มองว่า ในแง่ของคู่แข่ง จำนวนผู้เล่นในตลาดยังมีเท่าเดิม ซึ่งการทำธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ยังจำเป็นต้องมี พนักงานเข้าไปเจาะตลาดตามเต้นท์รถยนต์อยู่ ขณะที่ การทำธุรรกรรมสินเชื่อ ผ่านสาขา ของธนาคารพาณิชย์ ยังมีไม่มากนัก สำหรับส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ(NIM) ในปีนี้ นายธวัชไชย คาดว่าจะ สามารถรักษาไว้ที่ระดับประมาณ 5% ซึ่งทรงตัวจากปีก่อน โดยเป็นผลจากต้นทุนดอกเบี้ย เงินฝากที่ลดลง ซึ่งในไตรมาสแรกต้นทุนเงินฝากอยู่ที่ 2.4% ลดลงจากสิ้นปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 3.1% อย่างไรก็ตาม คาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะยังไม่ปรับขึ้นในช่วงนี้ เพราะทางการ ต้องใช้อัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงนี้ โดยอาจจะเห็นการปรับขึ้นอัตรา ดอกเบี้ยได้ในช่วงปลายปีนี้ **เดินหน้าลด NPL กรรมการผู้จัดการใหญ่ KK กล่าวอีกว่า ธนาคารตั้งเป้าที่จะลด Gross NPL ให้ เหลือต่ำกว่า 5% ในสิ้นปีนี้ จากสิ้นปีก่อน และสิ้นไตรมาส 1/53 ซึ่งอยู่ที่ 5.64% และ 5.42% ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ธนาคารไม่มีแผนจะขาย NPL ที่มีอยู่ออกไป แต่จะเป็นการปรับลด ด้วยการปรับโครงสร้างหนี้ และการขยายตัวของฐานสินเชื่อ ส่วนนโยบายการตั้งสำรองของธนาคารนั้น ต้องการรักษาให้อยู่ในระดับเดียวกับ ค่าเฉลี่ยของระบบธนาคารพาณิชย์ ซึ่งในไตรมาสแรกปีนี้ สัดส่วนการตั้งสำรองต่อ NPL อยู่ที่ ประมาณ 75% ขณะที่ค่าเฉลี่ยของระบบ ในไตรมาสแรกปีนี้อยู่ที่ 80% เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีก่อน ที่ค่าเฉลี่ยของระบบธนาคารพาณิชย์อยู่ที่ 75% นายธวัชไชย กล่าวด้วยว่า ในปีนี้ ธนาคารตั้งเป้า ROE ไว้ที่ 12-15% โดยใน ไตรมาส 1/53 สามารถทำ ROE ได้ 17.7% ขณะเดียวกัน คาดว่าปีนี้จะยังมีการจ่ายปันผล ต่อเนื่องจากปีก่อน ที่ราว 50% ของกำไรสุทธิ งวดปี 52 KK จ่ายเงินปันผลในอัตรา 2 บาท/หุ้น ขณะที่นโยบายการจ่ายเงินปันผล กำหนดไว้ไม่เกิน 60% ของกำไรสุทธิ ราคาหุ้น KK ล่าสุดอยู่ที่ 27.25 บาท ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้า โดยตั้งแต่ ต้นปีนี้ หุ้น KK ปรับตัวขึ้นมาแล้วเกือบ 7% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยบวกขึ้นมาราว 6.50%--จบ-- (โดย สะตะวสิน สถาพรชาญชัย เรียบเรียง--วพ--) จากคุณ : LoknaR เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 23:22:48

ความคิดเห็นที่ 23 ผู้ประกอบการวอนรัฐ เลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน หลังกระทบความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยว กรุงเทพฯ--15 มิ.ย.--รอยเตอร์ ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว เรียกร้องให้รัฐบาล ยกเลิกการประกาศใช้ พระราชกำหนด(พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เนื่องจากมีผล กระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติ พร้อมขอให้รัฐสนับสนุนนสินเชื่อ แก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยว ในวงเงิน 2.16 หมื่นล้านบาท นายเจริญ วังอนานนท์ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว กล่าวภายหลัง นำคณะผู้ประกอบการท่องเที่ยว เข้าพบ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในวันนี้ โดยเขาระบุว่า นายกรัฐมนตรีรับจะพิจารณาถึงความเหมาะสมในเรื่องพ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ก็ได้ย้ำว่า รัฐบาลยังมีความจำเป็นต้องคงพ.ร.ก.นี้ต่อไป อย่างไรก็ตาม จะพยายาม ยกเลิกให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ "นายกรัฐมนตรีรับปากว่าจะยกเลิกให้เร็วที่สุด และแสดงความเข้าใจว่า ระยะสั้นการท่องเที่ยวอาจมีผลกระทบบ้าง แต่ระยะยาว หากไม่เกิดความวุ่นวาย การประกาศพ.ร.ก. ก็จะเป็นประโยชน์สำหรับการท่องเที่ยว" นายเจริญ กล่าว นายกรัฐมนตรี ประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร(กทม.) และปริมณฑล เมื่อวันที่ 7 เม.ย.53 เพื่อดูแลการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) หรือ กลุ่มเสื้อแดง ที่ชุมนุมมาตั้งแต่กลางเดือนมี.ค. เพื่อกดดันรัฐบาลให้ยุบสภา แต่ต่อมารัฐบาลได้ขยายพื้นที่บังคับใช้พ.ร.ก.นี้ ในพื้นที่รวม 24 จังหวัด และแม้กลุ่มเสื้อแดงประกาศยุติการชุมนุมเมื่อวันที่ 19 พ.ค. แต่ได้เกิดเหตุการณ์วุ่นวาย ขึ้นหลายแห่ง ทั้งการเผาอาคารของรัฐ และเอกชนในพื้นที่ กทม. และต่างจังหวัด ทำให้มีผู้เสียชีวิต และ บาดเจ็บจำนวนหนึ่ง ขณะที่เมื่อสัปดาห์ก่อน นายสุเทพ เทือกสบุรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ระบุว่า อาจคงพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต่อไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อดูแลความสงบ เรียบร้อย เนื่องจากขณะนี้ยังมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้านรัฐบาล นายเจริญ กล่าวอีกว่า ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวยังขอให้รัฐบาลพิจารณา ช่วยเหลือการปล่อยกู้สำหรับธุรกิจท่องเที่ยว วงเงิน 2.16 หมื่นล้านบาท โดยแบ่งเป็น ธุรกิจขนาดใหญ่ 1 หมื่นล้านบาท,เอสเอ็มอี 1 หมื่นล้านบาท และอีก 1.6 พันล้านบาท สำหรับรายย่อย เขา กล่าวว่า การปล่อยสินเชื่อดังกล่าว จะเป็นการช่วยเหลือแรงงานในภาค การท่องเที่ยว ซึ่งเขาระบุว่า นายกรัฐมนตรีพร้อมจะดูเรื่องนี้ให้ แต่ขอให้ไปพิจารณา จัดรายละเอียดกลุ่มที่ต้องการความช่วยเหลือให้มีความชัดเจน ก่อนจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในสัปดาห์หน้า "เราอยากให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือ ในลักษณะการปล่อยกู้ให้ธุรกิจท่องเที่ยว และอยากให้การปล่อยกู้ของเรา เป็นแบบเดียวกับธุรกิจราชประสงค์ ที่ได้รับผลกระทบจาก การชุมนุมทางการเมืองของคนเสื้อแดง" นายเจริญ กล่าว--จบ-- (โดย ประชา หริรักษาพิทักษ์ รายงาน; สะตะวสิน สถาพรชาญชัย เรียบเรียง--ฉก--) จากคุณ : LoknaR เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 23:23:00

ความคิดเห็นที่ 24 HOT:TPIPL พุ่ง 9.78% โบรกฯแนะ"เก็งกำไร"มองยอดขายปูนซิเมนต์โต-หุ้นเข้าSET50 กรุงเทพฯ--15 มิ.ย.--รอยเตอร์ หุ้นบมจ.ทีพีไอโพลีน(TPIPL) บวกกว่า 9% โบรกเกอร์แนะนำ"เก็งกำไร"หลังประเมิน ยอดขายปูนซิเมนต์สูงขึ้น และหุ้นจะเข้าไปอยู่ใน SET50 เช้านี้ ราคาหุ้น TPIPL บวก 0.90 บาท มาที่ 10.10 บาท ซึ่งเป็นราคาสูงสุด ขณะที่ภาวะตลาดหุ้นโดยรวม ดัชนีบวก 0.17% บล.กรุงศรีอยุธยา แนะนำ"เก็งกำไร" TPIPL หลังมองยอดขายปูนซิเมนต์ปรับตัวสูงขึ้น และคาดว่าจะขยายตัวดีต่อ จากโครงการลงทุนภาครัฐ และหุ้น TPIPL จะเข้าไปใน SET50 วันนี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ระบุในเอกสารเผยแพร่ว่า ได้คัดเลือก หลักทรัพย์ชุดใหม่ โดยใช้ข้อมูลการซื้อขายหลักทรัพย์ตั้งแต่ วันที่ 1 มิ.ย.52-31 พ.ค.53 สำหรับการคำนวณดัชนี SET50 และดัชนี SET100 ในช่วง 6 เดือนหลังของปีนี้ โดยหลักทรัพย์ชุดใหม่ที่ใช้คำนวณดัชนี SET50 ครั้งนี้ มีหลักทรัพย์ที่ ได้รับ คัดเลือกเข้ามาใหม่ 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ บมจ. กรุงเทพประกันชีวิต (BLA), บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO), บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL), บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) และ TPIPL ซึ่งจะเริ่มใช้ตั้งแต่ 1 ก.ค.-31 ธ.ค.นี้--จบ-- (โดย วิรัช บูรณกนกธนสาร เรียบเรียง--วพ--) จากคุณ : LoknaR เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 23:23:15

ความคิดเห็นที่ 25 HOT:PDI สูงสุดรอบ 2 สัปดาห์ หลังราคาสังกะสีปรับขึ้น,สัญญาณเทคนิคดี กรุงเทพฯ--15 มิ.ย.--รอยเตอร์ หุ้นบมจ.ผาแดงอินดัสทรี (PDI) ปรับขึ้นกว่า 2% ทำสถิติสูงสุดรอบสองสัปดาห์ หลังราคาสังกะสีในตลาดโลหะลอนดอน(LME) พุ่งขึ้นเมื่อวานนี้ ขณะหุ้นมีสัญญาณทางเทคนิคดี เช้านี้หุ้น PDI ปรับขึ้นด้วยมูลค่าซื้อขายที่โดดเด่น โดยราคาปรับขึ้นแตะ 23 บาท สูงสุดนับจากระดับ 23.40 บาทเมื่อ 1 มิ.ย. ล่าสุดราคาหุ้นบวก 0.50 บาท มาที่ 22.80 บาท สวนทิศทางตลาดหุ้นไทยที่ลดลง 0.14% เมื่อวานนี้ ราคาโลหะสังกะสีใน LME ปรับขึ้น 57 ดอลลาร์ มาที่ 1,797 ดอลลาร์/ตัน ขณะที่ราคาโลหะส่วนใหญ่ใน LME ล้วนปรับขึ้น จากการที่ตลาดต้องการ สินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง และนักลงทุนกำลังจับตาดูสัญญาณอุปสงค์โลหะที่แข็งแกร่งจากจีน ด้านบล.โกลเบล็ก ระบุทางเทคนิคสำหรับหุ้น PDI โดยเห็นว่าราคาแกว่งตัว ออกด้านข้างในลักษณะของการพักฐานราคา ขณะที่การแกว่งตัวยังอยู่ในทิศทางบวกอยู่ จากแรงหนุนของแนวรับเส้นค่าเฉลี่ยที่รองรับอยู่ คาดราคามีโอกาสปรับขึ้นได้ โดยมองแนวรับบริเวณ 22.00,21.70 บาท และแนวต้านที่ 22.60 และ 23.00 บาท --จบ-- (โดย วิลาวัลย์ พงษ์พิทักษ์ เรียบเรียง--วพ--) จากคุณ : LoknaR เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 23:23:31

ความคิดเห็นที่ 26 HOT:HMPRO พุ่งทำนิวไฮ หลังตลท.นำหุ้นเข้าคำนวณดัชนี SET50 ในครึ่งหลังปีนี้ กรุงเทพฯ--15 มิ.ย.--รอยเตอร์ หุ้นบมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์(HMPRO) บวกกว่า 6% เป็นสถิติสูงสุดใหม่ หลังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) นำหุ้นเข้าคำนวณดัชนี SET50 ตั้งแต่ 1 ก.ค.-31 ธ.ค.นี้ เช้านี้หุ้น HMPRO บวก 0.35 บาท มาที่ 6.90 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขายติด 1 ใน 10 ของหุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุดของตลาด ระหว่างวันราคาหุ้นพุ่งขึ้นทำสถิติ สูงสุดใหม่ที่ 7 บาท ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยลบ 0.3% เมื่อเช้านี้ ตลท.ประกาศ 5 รายชื่อหลักทรัพย์ที่นำไปใช้คำนวณดัชนี SET50 ซึ่งจะเริ่มใช้ตั้งแต่ 1 ก.ค.-31 ธ.ค.นี้ ได้แก่ บมจ.กรุงเทพประกันชีวิต (BLA), HMPRO, บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL), บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) และ บมจ.ทีพีไอ โพลีน(TPIPL) --จบ-- (โดย วิลาวัลย์ พงษ์พิทักษ์ เรียบเรียง--วพ--) จากคุณ : LoknaR เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 23:23:49

ความคิดเห็นที่ 27 *HOT:THCOM พุ่งต่อ 13% หลังรัฐจะซื้อหุ้นจากเทมาเซค,ตลท.เตือนลงทุนระมัดระวัง กรุงเทพฯ--15 มิ.ย.--รอยเตอร์ หุ้นบมจ.ไทยคม(THCOM) เช้านี้บวก 13.48% หลังรัฐบาลมีแผนจะซื้อหุ้นจากกองทุน เทมาเซค ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เตือนให้นักลงทุนลงทุนอย่างระมัดระวัง ช่วงเช้าราคาหุ้น THCOM บวก 0.70 บาท มาที่ 7.75 บาท ระหว่างวันราคาได้ปรับ ขึ้นมาสูงสุดที่ 8.20 บาท ขณะที่ภาวะตลาดหุ้นโดยรวม ดัชนีลบ 0.44% เช้านี้ตลท.แจ้งว่า ตามที่ปรากฏข่าวตามสื่อต่างๆ เกี่ยวกับหน่วยงานทางการ มีแผนจะซื้อหุ้นของ THCOM จากกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท ซึ่งตลท.ได้ติดตามขอให้บริษัท ชี้แจงสารสนเทศดังกล่าว ซึ่งบริษัทได้ชี้แจงว่า บริษัทยังไม่ได้รับการติดต่อจากหน่วยงาน ของรัฐในเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด เนื่องจากข่าวที่ปรากฏ ยังเป็นเรื่องที่อยู่ระหว่างการพิจารณาแนวทาง และยังไม่ มีข้อสรุปที่ชัดเจนแน่นอน ดังนั้น ตลท.จึงขอให้นักลงทุนติดตามข่าวสารเกี่ยวกับบริษัท THCOM ด้วยความระมัดระวัง และติดตามข่าวสารอย่างเป็นทางการ เพื่อประกอบการพิจารณา ตัดสินใจลงทุน นอกจากนี้ บมจ.ชินคอร์ปอเรชั่น (SHIN) และ THCOM ยังแจ้งตลท.เช้านี้ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อจากหน่วยงานรัฐบาล กรณีที่มีแผนจะซื้อหุ้นดาวเทียมไทยคม เมื่อวานนี้ นายกรัฐมนตรี ระบุว่าได้มอบหมายให้กระทรวงการคลัง ไปดูเรื่อง แผน ซื้อหุ้น THCOM จากกลุ่มเทมาเซค ของสิงคโปร์ โดยให้คำนึงถึงผลประโยชน์ เงื่อนไข ความสมเหตุสมผลของราคา เพราะเห็นว่าดาวเทียมไทยคมเป็นเรื่องความมั่นคงของประเทศ กลุ่มเทมาเซค จากสิงคโปร์ ถือหุ้นใหญ่ใน SHIN ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งที่ถือหุ้น 41.14% ใน THCOM โดยเทมาเซคได้ซื้อหุ้น SHIN จากกลุ่ม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อต้นปี 49 ปัจจุบัน THCOM เป็นผู้ให้บริการดาวเทียมเพียงรายเดียวในไทย โดยมีดาวเทียม ที่ยิงขึ้นสู่วงโคจรแล้วทั้งสิ้น 5 ดวง--จบ-- (โดย วิรัช บูรณกนกธนสาร เรียบเรียง--วพ--) จากคุณ : LoknaR เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 23:24:05

ความคิดเห็นที่ 28 SHIN/THCOM:ชินคอร์ป-ไทยคม เผยยังไม่ได้รับการติดต่อจากรัฐกรณีซื้อคืนดาวเทียม กรุงเทพฯ--15 มิ.ย.--รอยเตอร์ บมจ.ชินคอร์ปอเรชั่น (SHIN) และบมจ.ไทยคม(THCOM) ระบุว่าขณะนี้ยังไม่ได้ รับการติดต่อจากหน่วยงานรัฐบาล กรณีที่มีแผนจะซื้อหุ้นดาวเทียมไทยคม SHIN และ THCOM แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า บริษัทและ THCOM ยังไม่ได้รับการ ติดต่อจากหน่วยงานของรัฐในเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด เมื่อวานนี้ นายกรัฐมนตรี ระบุว่าได้มอบหมายให้กระทรวงการคลัง ไปดูเรื่อง แผนซื้อหุ้น THCOM จากกลุ่มเทมาเซค ของสิงคโปร์ โดยให้คำนึงถึงผลประโยชน์ เงื่อนไข ความสมเหตุสมผลของราคา เพราะเห็นว่าดาวเทียมไทยคมเป็นเรื่องความมั่นคงของประเทศ กลุ่มเทมาเซค จากสิงคโปร์ ถือหุ้นใหญ่ใน SHIN ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งที่ถือหุ้น 41.14% ใน THCOM โดยเทมาเซคได้ซื้อหุ้น SHIN จากกลุ่ม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อต้นปี 49 ปัจจุบัน THCOM เป็นผู้ให้บริการดาวเทียมเพียงรายเดียวในไทย โดยมีดาวเทียม ที่ยิงขึ้นสู่วงโคจรแล้วทั้งสิ้น 5 ดวง ปิดตลาดวานนี้หุ้น SHIN อยู่ที่ 27.50 บาท และ THCOM ปิดที่ 7.05 บาท--จบ-- (โดย วิลาวัลย์ พงษ์พิทักษ์ เรียบเรียง--วพ--) จากคุณ : LoknaR เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 23:24:28

ความคิดเห็นที่ 29 *SAT:สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ฯ เพิ่มทุนรองรับออกวอร์แรนท์ และขายแบบ PP ตลาดหลักทรัพย์ฯ--15 มิ.ย.--รอยเตอร์ บมจ.สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี(SAT) เพิ่มทุนเพื่อรองรับการออกใบสำคัญ แสดงสิทธิในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่โอนสิทธิได้(วอร์แรนท์) จำนวน 25 ล้านหน่วย และขายให้ กับบุคคลในวงจำกัด (Private Placement) จำนวน 15 ล้านหุ้น SAT แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ เช้านี้ว่า คณะกรรมการมีมติเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 340 ล้านบาท จาก 300 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 40 ล้านหุ้น ราคาพาร์หุ้นละ 1 บาท โดยได้จัดสรร 25 ล้านหุ้น เพื่อรองรับวอร์แรนท์ ส่วนอีก 15 ล้านหุ้นเสนอขายแบบ PP สำหรับวอร์แรนท์ที่ออก มีอายุไม่เกิน 2 เดือน นับตั้งแต่วันที่ออก จัดสรรให้ฟรี แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราส่วนหุ้นสามัญเดิม 12 หุ้น ต่อวอร์แรนท์ 1 หน่วย มีอัตราการใช้ สิทธิ 1 วอร์แรนท์ ซื้อหุ้นสามัญได้ 1 หุ้น ราคาหุ้นละ 14 บาท คณะกรรมการบริษัท ยังอนุมัติให้ บริษัท อินเตอร์ แนลชั่นแนล แคสติงส์ โปรดักส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ SAT ถือหุ้นอยู่ 99.99% ขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 2,500 ตัน/เดือน โดยมีมูลค่าการลงทุนประมาณ 1,203 ล้านบาท โดยสร้างโรงงานผลิตงานหล่อชิ้นส่วนแห่งใหม่ ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัด ระยอง เพื่อรองรับคำสั่งซื้อทั้งปัจจุบัน และคำสั่งซื้อใหม่ในอนาคต ในผลิตภัณฑ์งานหล่อ จากลูกค้า หลักในกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ และชิ้นส่วนเครื่องจักรกลการเกษตร บริษัท ได้กำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/53 ในวันที่ 20 ก.ค.53 เพื่อขอความเห็นชอบในเรื่องดังกล่าว ราคาหุ้น SAT ปิดวานนี้อยู่ที่ 19.20 บาท--จบ-- (โดย วิรัช บูรณกนกธนสาร เรียบเรียง--วพ--) จากคุณ : LoknaR เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 23:24:45

ความคิดเห็นที่ 30 SITHAI:เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานศรีไทยซุปเปอร์แวร์ในจ.ชลบุรี, เพลิงสงบแล้ว กรุงเทพฯ--15 มิ.ย.--รอยเตอร์ เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานพลาสติก ของบมจ. ศรีไทยซุปเปอร์แวร์(SITHAI) ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรี โดยเจ้าหน้าที่ ใช้เวลาควบคุมเพลิงราว 3 ชั่วโมงก่อนจะสงบ ส่งผลให้โรงงาน 1 หลังเสียหายทั้งหมด เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองชลบุรี กล่าวกับ"รอยเตอร์"ว่า เหตุเพลิงไหม้ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 03.00 น. และใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงในการควบคุมเพลิง "เพลิงลุกไหม้ที่โรงงานของบริษัทศรีไทย แต่ตอนนี้เพลิงสงบแล้ว" เจ้าหน้าที่ ตำรวจสภ.เมืองชลบุรี กล่าว ด้านประชาสัมพันธ์ของ SITHAI กล่าวกับ"รอยเตอร์"ว่า โรงงานพลาสติกของ บริษัทในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร มีทั้งสิ้น 3 โรงงาน โดยเหตุเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้น ส่งผลให้โรงงานที่ 1 เสียหายทั้งหลัง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างประเมินมูลค่าความเสียหาย SITHAI เป็นผู้ผลิตสินค้าพลาสติกด้านการฉีด (injection) ที่ใหญ่ที่สุดของไทย โดยผลิตภัณฑ์จะมีทั้งสินค้าในครัวเรือน และสินค้าอุตสาหกรรม มีโรงงานผลิตสินค้าใน ไทย,เวียดนาม ,จีน และอินโดนีเซีย ซึ่งส่งออกสินค้าไปราว 98 ประเทศทั่วโลก เมื่อกลางปี 51 บริษัทได้ยุบโรงงานพลาสติกที่ถนนสุขสวัสดิ์ ที่กทม. ไปรวมกับ โรงงานพลาสติกในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร เพื่อลดต้นทุนการผลิต หุ้น SITHAI ปิดเมื่อวานนี้ อยู่ที่ 7.85 บาท --จบ-- (โดย วิลาวัลย์ พงษ์พิทักษ์ รายงานและเรียบเรียง--วพ--) จากคุณ : LoknaR เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 23:25:08

ความคิดเห็นที่ 31 *เจ๊ง เครียด ด่าโบรก ถ้าไม่อ่านบทวิเคราะห์อย่างมีวิจารณญาณ COMPANY REPORT : HMPRO : บล.ฟาร์อีสท์         15 มิ.ย.--บล.ฟาร์อีสท์     Distributor - Bisnews AFE HMPRO ม้ามืดติดโผ SET50 รอบใหม่ที่จะประกาศวันนี้     หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้นฉบับวันนี้พาดหัวข่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จะเปิดเผยราย ชื่อบริษัทจดทะเบียนที่ติดอยู่ใน SET50 ซึ่งรอบนี้มี 5 ตัว ได้แก่ BLA, IVL, TISCO, TPIPLและตัวสุด ท้ายที่เพิ่งเข้าสู่การพิจารณา ได้แก่ HMPRO Comment :     เราเห็นว่าข่าวดังกล่าวถ้าประกาศออกมาจริง จะเป็นบวกอย่างมากต่อ HMPRO โดยเป็นแรงเสริม ต่อความน่าสนใจในการลงทุนมากขึ้นต่อหุ้นในกลุ่มพาณิชย์ (Commerce Sector) โดยเฉพาะนักลงทุนต่าง ชาติที่คาดว่าจะให้ความสนใจมากขึ้นไปอีก ส่วนมุมมองของเรายังคงเป็นบวกต่อแนวโน้มผลการดำเนินงาน ของ HMPRO ในปีนี้และปีหน้า เนื่องจาก (1) การเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทในส่วนที่เป็น home improvement (2) การเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์ประเภท house-brand และ direct sourcing (3) การขยายสาขาต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 5 สาขาในปีนี้     นอกจากนี้ เราคาดว่า HMPRO  จะยังคงสร้างผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่องในงวด 2Q10 แม้อาจมี ความกังวลว่า เหตุการณ์การชุมนุมทางการเมืองในช่วงเวลา 2 เดือน (กลางเดือน มี.ค.-กลางเดือน พ.ค.53) จะส่งผลกระทบต่อขาย แต่เราได้สอบถามแล้วพบว่า บริษัทยังคงรักษาระดับยอดขายที่ดีจนถึงขณะนี้ เนื่องจากสาขาที่มีผลกระทบโดยตรง (ได้แก่ สาขาเพลินจิต) มีสัดส่วนต่อยอดขายรวมที่ต่ำเพียง 2-3% เท่านั้น ขณะที่สาขาในต่างจังหวัดมียอดขายที่ดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง same-store sales ที่แข็ง แกร่ง (เติบโตถึง 12.7% ในงวด 1Q10) รวมทั้งจะรับรู้รายได้อีก 260 ล้านบาทจากงาน HomePro Expo นอกจากนี้ การเพิ่มยอดขายสินค้าประเภท house-brand ยังเพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้ บริษัท พิจารณาได้จาก gross margin ที่ระดับประมาณ 23.8% ในช่วง 1Q10 ที่ผ่านมา (เทียบกับ 23.5% ในงวด 1Q09) ซึ่งสัดส่วนสินค้า house-brand คิดเป็นประมาณ 15.6% ของยอดขายรวม ทั้งนี้ เรายังคงแนะนำ "ซื้อสะสม" โดยมีราคาเป้าหมายปี 2553 เท่ากับ 6.75 บาท (PE ระดับ 18 เท่า) จากคุณ : LoknaR เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 23:27:27

ความคิดเห็นที่ 32 *เจ๊ง เครียด ด่าโบรก ถ้าไม่อ่านบทวิเคราะห์อย่างมีวิจารณญาณ COMPANY REPORT : THCOM : บล.ฟาร์อีสท์         15 มิ.ย.--บล.ฟาร์อีสท์     Distributor - Bisnews AFE ตีปี๊บระดมเงินซื้อไทยคมคืน     "มาร์ค" ตีปี๊บ ซื้อไทยคมคืนจากเทมาเส็กเพื่อความมั่นคง ศิริโชคเผย 2 เดือนที่แล้วไปสิงคโปร์พร้อม "กรณ์" เจรจาแล้ว เทมาเส็กไม่ขัดข้อง แต่ รมว.คลังตบปาก อุตส่าห์ออกตั๋วเครื่องบินให้ยังพูดมาก ลั่น เรื่องความมั่นคงไม่เผยรายละเอียด คาดตั้งเป็นกองทุนระดมเงินให้ประชาชนเป็นเจ้าของใช้พันล้าน แต่ผู้ บริหารไทยคมยังเทิดทูนนายใหญ่ ให้รัฐบาลตอบซื้อเพราะความมั่นคงหรือปิดทีวีเสื้อแดงถาวร (ไทยโพสต์ 15 มิ.ย. 53) Comment :     นายกรัฐมนตรีเผยว่า ทางกระทรวงการคลังกำลังพิจารณาอยู่ ซึ่งเหตุผลจริงๆ คือเราต้องคำนึงถึง ผลกระทบต่อความมั่นคง แต่ทั้งนี้ต้องดูว่าถ้าจะต้องไปดำเนินการซื้อจะต้องมีความโปร่งใสในเรื่องของราคา และเงื่อนไขต่างๆ นอกจากนี้หากย้อนกลับไปดูช่วงที่เทมาเส็กซื้อหุ้นของบริษัทแม่ ก็ได้เคยชี้แจงไว้ต่อ สาธารณะและเข้าใจต่อตลาดหลักทรัพย์แล้วว่าไม่ได้มีเจตนาที่จะมาซื้อเรื่องของดาวเทียม     แน่นอนว่าประเด็นดังกล่าวจะเป็นผลบวกต่อราคาหุ้น THCOM ในระยะสั้นเนื่องจากผู้ที่ออกมาให้ข่าว เป็นตัวนายกรัฐมนตรีเอง อย่างไรก็ดีความเป็นไปได้ในการซื้อคืนยังไม่ชัดเจนนัก เนื่องจากยังเป็นเพียง แนวคิดเบื้องต้น และจากข่าวก็เป็นการไปเจรจาเบื้องต้นเมื่อ 2 เดือนที่แล้วและเรื่องก็เงียบหายไป (ครั้ง นั้น รมว. คลังเดินทางไปสิงคโปร์เพื่อเจรจาประเด็นเรื่องความมั่นคงกับเทมาเส็ก) ประกอบกับหาก ประเด็นที่รัฐบาลเป็นห่วงนั้นเป็นเรื่องความมั่นคง การซื้อ THCOM อาจแก้ปัญหาไม่ได้ทั้งหมดเนื่องจาก การ เผยแพร่สื่อโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมในประเทศไทยสามารถทำผ่านดาวเทียมของชาติอื่นได้ อย่างไรก็ดีหาก มองในแง่ของเม็ดเงินที่ใช้เพียงราว 3,179 ล้านบาทหากซื้อที่ราคาตลาด 7.05 บาท หรือ 6,312 ล้าน บาทหากซื้อที่มูลค่าทางบัญชีที่ 14 บาท ก็มีความเป็นไปได้อยู่บ้างเนื่องจากใช้เงินไม่มาก ประกอบกับการที่ เทมาเส็กเองที่เข้าซื้อ SHIN นั้นก็ไม่ได้ต้องการธุรกิจดาวเทียมแต่แรก     ครั้งนี้เราจึงแนะนำให้เพิ่มระมัดกับการเข้าลงทุนใน THCOM และเน้นให้ "หาจังหวะขายทำกำไร" จากเดิมเราแนะให้ซื้อเมื่ออ่อนตัว ในช่วงที่ตลาดยังคงเล่นกับข่าวที่ไม่ชัดเจนนี้ โดยในแง่พื้นฐานเรายังคง ประเมินมูลค่าเหมาะสมไว้ที่ 7.00 บาท จากคุณ : LoknaR เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 23:28:07

ความคิดเห็นที่ 33 ข่าวหมดแล้วจ้าา คืนนี้นอนหลับฝันดี ราตรีสวัสดิ์ ฝันเห็นหุ้นที่จะขึ้นพรุ่งนี้กันทุกคนนะ *สวัสดีพี่ แฟน รพ. ขอให้พอร์ตบวกน้า อิอิ จากคุณ : เรนเบอร์รี่~* (LoknaR) เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 23:29:09