ถอดรหัสตลาดหุ้น #6 รู้เขารู้เรา
|
|
ตอนที่แล้วเราเริ่มจากการทำการบ้านแล้วหาแนวรับแนวต้าน รวมทั้งจุดตัดขาดทุนรอไว้แล้ว พอตลาดเปิดมา เราก็มาดูโวลุ่มใช่ไหมครับ เพื่อค้นหาว่าหุ้นตัวไหนที่เราว่าดี และมีคนขับสตาร์ทรถรออยู่ พร้อมจะวิ่งจากจุดสตาร์ทได้ก่อนกัน
ในระหว่างเส้นทางการเดิน คนขับแต่ละคนก็มีนิสัยไม่เหมือนกันอีก
โชเฟอร์บางคนชอบทำตัวเป็นหนุ่มซิ่ง วิ่งโชว์สาว
โชเฟอร์กลุ่มนี้จะชอบลากหุ้นยาวๆ ลากไปไกลๆ อย่างรวดเร็ว จนคนที่ไม่ได้ทำการบ้านรอไว้น้ำลายหก เลือดกำเดาไหล กว่าจะไปตรวจกราฟ ตรวจโวลุ่ม กว่าจะมั่นใจ กว่าจะเข้าคิวรอซื้อ ก็ถึงเวลาเขาขายทำกำไรกันซะแล้ว
โชเฟอร์บางคน ชอบทำตัวเป็นหนุ่มเจ้าสำราญ
โชเฟอร์กลุ่มนี้วิ่งไปได้ไม่ไกลก็จอดพักระหว่างทาง หาข้าวปลาอาหารกิน หาเพลงฟัง แล้วค่อยวิ่งรถไปต่อ ทำนองว่า ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง แบบนี้คนใจร้อนก็ขอลงก่อนเหมือนกันล่ะ ขี้เกียจรอ กว่าจะไปถึงปลายทาง ต้องต่อรถไม่รู้กี่ต่อ เปลืองตังค์อีกต่างหาก
โชเฟอร์บางคน ก็มารยาทแย่มาก
โชเฟอร์กลุ่มนี้มีเยอะซะด้วย ออกรถกระชาก แล้วเบรกเอี๊ยดกะทันหัน แล้วไล่คนลงจากรถ พอไปถึงป้ายหน้า ก็เบรกเอี๊ยดกะทันหันอีกครั้ง แล้วตะเพิดคนลงจากรถอีก กว่าจะไปถึงสถานีปลายทาง ผู้โดยสารก็อ๊วกแตกอ๊วกแตน อาเจียนออกมาเป็นเลือดหมด
แล้วเราจะรู้นิสัยโชเฟอร์แต่ละคนได้ยังไงล่ะ แหม ถ้าจะตอบแบบไม่เกรงใจกัน ก็ต้องบอกว่า ลองไปนั่งดูแล้วเดี๋ยวก็จะรู้เอง!
ทุกวันหลังตลาดปิด แม้เราจะทำการบ้านดูกราฟ แนวรับแนวต้านมาดีเพียงใด และเมื่อตลาดเปิดมาแล้ว โวลุ่มเทรดจะเข้ามาสนับสนุนการวิ่งขึ้นของราคาหุ้นหรือไม่ แต่สิ่งที่จำเป็นมากอีกอย่างหนึ่งก็คือ ต้องรู้ใจ “เจ้ามือ” ด้วย ซึ่งต่อไปนี้จะขอเรียกว่า “นิสัยหุ้น” แทนแล้วกันนะครับ
นิสัยหุ้นแต่ละตัวไม่เหมือนกัน บางตัวซน บางตัวเล่นๆอยู่ก็เลิกดื้อๆ บางตัวซิ๊กแซ๊กขึ้นเป็นระเบียบ ถ้าท่านเป็นคนช่างสังเกตอยู่แล้วจะช่วยได้มากครับ เพราะมันจะช่วยให้เรารู้รูปแบบการวิ่งของหุ้นได้ดีขึ้นมากเลยล่ะ
เจ้ายุธ เพื่อนผมเอง เป็นคนใจร้อน ชอบเล่นหุ้นไว จริงๆแล้วเขาเล่นหุ้นอยู่เพียง 2 ตัวเท่านั้น แต่อยู่กับ 2 ตัวนั้นมานาน จนรู้นิสัย รู้รูปแบบหุ้น โดยไม่ต้องใช้กราฟ จนเจ้าหน้าที่ที่ดูแลบัญชีของเจ้ายุธรู้สึกทึ่งไปด้วย
“น้อง เคาะซื้อเลย 5 หมื่นหุ้น เร็วๆ ราคาเท่าไหร่ก็ซื้อมาเหอะ ซื้อให้ทัน” เจ้ายุธสั่งเจ้าหน้าที่โบรกเกอร์ให้ซื้อหุ้นในดวงใจหลังจากราคาถูกลากไปไกลกว่า 8 ช่อง
“เฮ้ย ยุธ ลื้อไม่กลัวหรอ ซื้อปุ๊ปลงปั๊ปหน่ะ” ผมงงที่เห็นเจ้ายุธสั่งเคาะซื้อแบบไม่เกี่ยงราคา
“ตัวนี้อั้วรู้ ถ้ามันลากเร็วๆหลายๆช่องแบบไม่รอใครเป็นวันแรกนะ เข้าได้เลย มันจะลากไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีคนกล้ามาตั้งซื้อ ดังนั้นถ้าลื้อจะเข้าต้องเข้าทันที ราคาไหนก็ได้ เข้าให้ทัน” เจ้ายุธ บอกนิสัยหุ้นให้ฟัง หลังจากเล่นตัวนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่ามาหลายเดือน
“น้อง ขายทิ้งเลย มันหยุดวิ่งแล้ว” เจ้ายุธสั่งให้เจ้าหน้าที่คีย์ขายทิ้ง แกรู้ดีว่า ถ้าตัวนี้หยุดวิ่ง หมายถึง รอขายใส่คนที่มาวางซื้อ เจ้ายุธเลยสั่งขายทิ้งทันทีก่อนที่ราคาจะร่วงลง
“เฮียครับ คอนเฟิร์มนะครับ ขายได้ครบ 5 หมื่นหุ้น กำไร 9 พันกว่าบาท” เจ้าหน้าที่โบรกเกอร์ โทรมารายงานการขายหุ้น นอกจากการเล่นตามแบบฉบับเจ้ายุธแล้ว ยังมีพี่ชัช ที่ชอบเลือกหุ้นที่เพิ่งฟื้นตัวแล้วไต่ขึ้นช้าๆ แกก็จะถือหุ้นไปเรื่อยๆ ระยะนึงเลยล่ะ ตามประสาคนใจเย็น จนกว่าจะเห็นการวิ่งแรงๆติดกันเป็นวันที่สอง
“อ้าว พี่ กำไรตั้ง 50% แล้ว พี่ไม่ขายหรอคับ” ผมถามคำถามโง่ๆ กับพี่ชัช
“ตัวนี้ยังไม่ขายหรอก พี่ซื้อมาตอนที่มันฟื้นตัว ตอนนี้เพิ่งฟื้นมาได้ไม่นาน ยังไม่มีคนสังเกตเห็นหรอก หลายสัปดาห์แล้วหุ้นวิ่งเหนือเส้นค่าเฉลี่ยมาตลอด ปล่อยมันวิ่งไปเหอะ” พี่ชัชตอบแบบนักปราชญ์
“เอ แล้วพี่จะขายเมื่อไหร่ล่ะครับ” ผมถามแบบโง่ๆเป็นครั้งที่สอง
“ว่าจะรอให้นักวิเคราะห์เชียร์ก่อนแล้วพี่ค่อยขาย (ฮา)” พี่ชัช กัดเบาๆ แล้วขยายความต่อ “ไอ้ตัวนี้นะ พี่ได้มาหลายรอบแล้ว ถ้าไม่มีใครมาเล่นด้วย มันก็ขึ้นไปเรื่อยๆแหละ พอคนมาแห่ซื้อมากๆ มันจะวิ่งเร็ว พอวิ่งเร็ว นักวิเคราะห์ก็จะออกมาเชียร์ซื้อ นั่นแหละ ขายได้เลย ไม่งั้นจะไม่ได้ขายอีก” โอ้โห พี่ชัชรู้จริงแหะ
แต่ถ้าจะเล่นหุ้นซาดิสต์ ต้องคุยกับเจ้าตองครับ ผู้เชี่ยวชาญทางจิต
“เห็นไหม ฉันขายไปแล้ว ยังไงก็ได้ซื้อคืน ซื้อปิดขายเปิด ซื้อปิดขายเปิด ได้เงินทุกวันเลยล่ะ ไอ้ตัวนี้มันชอบเปิดสูงปิดต่ำ ตบ 2 ครั้ง ค่อยเข้าซื้อ” นั่นแน่ เจ้าตอง เผยสูตร
“แกรู้ไหมว่าทำไม” เจ้าตองจะเฉลยง่ายๆทั้งทีก็กลัวเสียฟอร์ม งั้นผมต้องรบเร้าซะหน่อย ว่าแล้วก็ทำท่าอยากรู้ให้เจ้าตองเห็น
“ก็อาหารโปรดของตัวนี้ คือ เงินของพวกเล่นเน็ตเซ็ตเทิ้ลเม้นท์นะซี่ ราคาเปิดยกสูง แล้วไล่ราคาขึ้น พอพวกเน็ตเซ็ตเทิ้ลเม้นท์เข้ามา ก็เจอขายใส่ แล้วกดราคาหุ้นลงไปเรื่อยๆ แล้วตบทิ้งอีกทีตอนตลาดปิด ได้หุ้นคืนจากพวกเน็ตเซ็ตเทิ้ลเม้นท์เพียบเลย ซื้อคืนได้ถูกกว่าที่ขายไปตั้งเยอะ” เจ้าตองแจงแบบรู้จริง
หลายท่านได้ยินแบบนี้ คงคิดว่าเล่นหุ้นพื้นฐานน่าจะดีกว่า ความจริงแล้วหุ้นที่มีฝรั่งเป็นโชเฟอร์ขับเคลื่อนก็แสบไม่แพ้กันครับ
ฝรั่งเขาเก่งในเรื่องเล่นสลับ เดี๋ยวธนาคาร เดี๋ยวพลังงาน โยกไปมา ไม่ให้ใครได้แอ้มเงินเขาง่ายๆหรอก
ตอนตลาดซบเซา ความเชื่อมั่นหดหาย ฝรั่งเขาก็ทยอยเก็บทีละเล็กทีละน้อยเรื่อยๆ ใครขายมา เขาก็ตั้งโต๊ะรับซื้อหมด ในช่วงนี้คนส่วนใหญ่ก็ยังปอดๆนะ
หลังจากทยอยกวาดสินค้าแกรนด์เซลล์เป็นเดือนแล้ว หากฝรั่งเห็นว่าของยังขาดอยู่มาก แต่ไม่มีใครขายลงมาแล้ว เขาจะเร่งซื้อของให้ครบตามที่นโยบายกองทุนกำหนด พอฝรั่งผู้นำกวาดรวบ ฝรั่งผู้ตามกับกองทุนไทยก็เหมือนกับถูกบีบให้ซื้อตาม ไม่งั้นราคาจะแพงขึ้นไปเรื่อยๆ
เมื่อกองทุนและต่างชาติรายอื่นซื้อตาม หุ้นก็จะขึ้นไปเรื่อยๆ พอหุ้นขึ้นไปมากๆ รายย่อยเริ่มมั่นใจก็จะกลับเข้ามาซื้อ สังเกตได้ง่ายๆ หุ้นกลุ่มโบรกเกอร์จะเริ่มฟื้น
พอรายย่อยและกองทุนไทยกลับเข้ามา ลีลาการขายของฝรั่งก็เริ่มออกลวดลาย และยิ่งขายได้แพงขึ้นไปเรื่อยๆซะด้วย แสบไหมล่ะครับท่าน เดี๋ยวยกตัวอย่างให้ดูแล้วกัน
เมื่อฝรั่งลากแบ็งค์ขึ้นต่อเนื่อง ก็จะแอบทยอยขายพลังงานต่อเนื่อง เมื่อเวลาผ่านไปเป็นสัปดาห์ คนจะเริ่มรู้สึกว่าเล่นกลุ่มพลังงานไม่ได้ตังค์ ต้องเล่นแบ็งค์ถึงจะได้ตังค์ เลยขายพลังงานไปเข้าแบ็งค์
สัปดาห์ถัดมา พอคนมั่นใจว่าแบ็งค์มา คนทั้งตลาดก็จะไปตั้งรอซื้อแบ็งค์ ฝรั่งก็จะขายแบ็งค์ พร้อมๆกับช้อนซื้อพลังงานที่คนทั้งตลาดขายลงมา
หลังจากลากพลังงานขึ้นต่อเนื่อง ขายแบ็งค์ต่อเนื่อง มาเป็นสัปดาห์ คนส่วนใหญ่ก็จะเริ่มรู้สึกว่า เขาเลิกเล่นแบ็งค์แล้ว เขาเล่นพลังงานกันอยู่ ก็เลยขายแบ็งค์ไปเข้าพลังงาน
สัปดาห์ถัดมา พอคนมั่นใจว่าพลังงานมา คนทั้งตลาดก็จะไปตั้งรอซื้อพลังงาน ฝรั่งก็ใจดี ขายพลังงานให้เรา แล้วช้อนซื้อแบ็งค์ที่คนทั้งตลาดขายลงมา
สังเกตเห็นใช่ไหมครับ ระหว่างการเล่นสลับในหุ้นสองกลุ่มนี้ เขาขายได้ราคาหมดเลย โดยใช้เงินเพียงเล็กน้อย ก็สามารถหาออร์เดอร์ซื้อจำนวนมาก มารองรับปริมาณหุ้นที่เขาต้องการจะขายได้แล้ว
สิ่งที่ผู้จัดการกองทุนแคร์ โดยเฉพาะกองทุนต่างชาติด้วยแล้ว เขาไม่ได้แคร์เรื่องราคานะครับ แต่เขาแคร์ปริมาณ เขาห่วงแต่เพียงว่า จะทำอย่างไรจึงจะมีปริมาณเสนอซื้อที่มากพอที่จะรองรับปริมาณหุ้นที่เขาต้องการจะขายได้
แหม ดูๆไปไม่ได้ต่างจากหุ้นเก็งกำไรตัวเล็กๆของไทยเลยนะ มันก็เหมือนกับกับพวกทำราคาหุ้นเก็งกำไรนั่นแหละ
ทำไมเวลาลากต้องลากเว่อร์ๆ? ก็ถ้าเขาไม่ลากขึ้นให้เว่อร์ แล้วเขาจะขายได้ครบปริมาณที่ต้องการขายหรือ แหมๆ ถามได้
กลับมาดูฝรั่งต่อ ……. เมื่อทุกคนเริ่มเวียนหัว มันก็เป็นช่วงเวลาที่เขาทยอยขายได้เกือบครบแล้ว แถมทยอยขายได้ ในราคาที่แพงขึ้นเรื่อยๆซะด้วย เจ๋งป่ะ
ระหว่างทางที่แอบขายกลุ่มนึง ฝรั่งก็จะซื้อโชว์อีกกลุ่มนึงขึ้นไป เพื่อสร้างอารมณ์ความเชื่อมั่นร่วม ศิลปะการขายนี้ เป็นการทยอยขายพร้อมๆกับลากขึ้น พอคนเวียนหัว เริ่มงง พอคนส่วนใหญ่เริ่มระอา ที่เข้าผิดตัวตลอด คราวนี้ เขาก็จะขายแบบไม่ลากอะไรขึ้นแล้ว เพราะเขารู้แล้วว่า ตลาดเริ่มคึกแล้ว เดี๋ยวเราจะไปตั้งรับออร์เดอร์ที่เขาขายใส่ลงมาให้เอง
ในเมื่อเรารู้เขาแล้ว เรามารู้เรากันมั่งดีกว่า
ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่หุ้นเริ่มฟื้น ไม่ว่าหุ้นนั้นจะเป็นหุ้นเล็กเก็งกำไร หรือ หุ้นพื้นฐานดีมีฝรั่งขับเคลื่อนก็ตาม หากเงินเพิ่งเริ่มออกสตาร์ท ต้องซื้อตามเกาะกระแสเข้าไปก่อน อย่ารีรอ
และเมื่อไหร่ที่ยิ่งคึก เมื่อไหร่ที่ขวัญกำลังใจมากันแบบตื่นเต้นสนุกสุดขีด เมื่อนั้นน่าจะเป็นจังหวะขายซะมากกว่า ทั้งนี้แนวรับแนวต้านตามกราฟจะช่วยได้มากครับ
ที่มา : ThaiDayTrade
จากคุณ |
:
กองกำลังปั้นฝัน
|
เขียนเมื่อ |
:
16 มิ.ย. 53 09:29:38
|
|
|
|