ความคิดเห็นที่ 1 คือ หลักๆ ก็ยังจะเน้นขายทราย กับ หิน เป็นหลักอยู่ครับ  เพราะน่าจะเป็นสินค้าหลักที่เราจะขายแข่งกับร้านใหญ่ๆที่เปิดอยู่นานแล้วได้ เพราะมีบ่อทรายเองครับ  จึงอยากขอคำแนะนำสินค้าตัวอื่นๆ ที่พอจะขายกล้อมแกล้มเสริมไปด้วย เช่น ปูน (ยี่ห้อไหนแบบไหน รับจากที่ไหน) อิฐบล็อก หรือ อิฐมอญ  จะไปรับ หรือ ควรจะทำเองครับ จากคุณ : โอvgs เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 53 15:39:53

ความคิดเห็นที่ 2 ดิน หิน ทราย ปูน ครับของคู่กัน ผมก็ขายเหล็กวัสดุก่อสร้างอยู่ ถ้าเป็นผมคงหาทางทำ Plant ปูน ครับต่อยอดไป แล้วรับเหมาทำถนน ทำเสาเข็มไปเลยไปเลย ลงทุนน้อยกว่าร้านวัสดุเยอะครับ เพล้นก็ประมาณ 3 ล้าน รถโม่อีก 9 แสนกว่ามีสัก สามคันก็โอแล้ว ทรายก็มีแล้วเหลือหหินกับปูน ก็วิ่งเทได้แล้วครับ ไม่มีออร์เดอร์ก็ไม่ต้องผลิต ผมเองยังอยากเปิดติดที่เทศบาลไม่อนุญาตให้สร้าง ขายวัสดุก่อสร้างราคาก็ฟันกันสู้กันจนแทบไม่เหลือกำไรเหมือนกันครับ แถมลงทุนก็เยอะไม่มีต่ำว่า 5 ล้านแน่นนอนกว่าจะได้สินค้านี่ยังไม่รวมเงินหมุนเวียนและโกดังเก็บอีกผมคาดว่า ประมาณ 10 ล้านถึงจะพออ่ะครับ จากคุณ : ศรัทธาชาวสวน เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 53 17:58:37

ความคิดเห็นที่ 3 อย่าลืมนึกด้วยนะครับผม ว่าแถวๆบ้านมีร้านค้าวัสดุก่อสร้างอยู่หรือยัง หรือว่ามี plant ปูนเปิดอยู่ใกล้หรือเปล่า จขกท บอกว่า plant ปูนที่บ่อทราย จขกท ส่งให้ประจำอยู่ งานเงียบๆ ไม่ค่อยมียอดให้ไปส่ง แปลว่ามี plant ปูนอยู่แล้วที่แถวนั้น แถมงานน้อยจนไม่ค่อยมียอดอีก แบบนี้ยังควรจะเปิด plant ปูนอีกหรือครับ แถมถ้าเปิดเป็น plant แบบ indy มีวัสดุเองแบบนี้อาจจะได้เปรียบเรื่องราคาละ แต่อย่าลืมว่าถ้ามีเจ้าใหญ่ที่เค้ามีบริษัท ปูนซีเมนต์เป็นของตัวเองมาเปิดแข่ง หรือว่าต้องไปแข่งกะเค้า ไม่ว่าเรื่องเทคโนโลยี เรื่องการควบคุมคุณภาพ เรื่องส่วนลด คงไปสู้เค้าลำบากล่ะครับ แนะนำว่าลองไปดูก่อนว่าแถวๆบ้านมีร้านค้าวัสดุก่อสร้างหรือยัง เอาในรอบๆ 20-30 กิโลเมตรจากบ้านก็ได้ว่ามีกี่ร้าน หรือว่ายังไม่มี แล้วกี่ร้านที่เค้ามีขายอยู่นี่น่ะ ส่วนใหญ่เค้าขายปูนยี่ห้ออะไร แล้วเค้ามีวัสดุอะไรขายอยู่บ้าง ลองสืบคู่แข่งดูว่าเค้ามี connection อะไรกับราชการท้องถิ่น หรือ ผู้รับเหมารายใหญ่ประจำถิ่นอยู่บ้างไหม ถ้าเค้ามี ก้อต้องไปสืบหาว่าเค้ามีการให้เครดิต หรือใต้โต๊ะบนโต๊ะอะไรบ้าง แล้วก้อกลับมาดูตัวเองว่าตัวเองมี connection ดังกล่าวนี้อะไรบ้าง ถ้าพิจารณาแล้วว่า คู่แข่งน้อยราย หรือว่าไม่มี หรือว่าต่อให้มีแต่ connection สู้คุณไม่ได้แน่ ก็เปิดเลยครับผม ควรจะลงปูนยี่ห้ออะไรดีนั้น ให้ไปสังเกตุว่าคนแถวๆบ้านชอบใช้ยี่ห้ออะไร หลักๆ ก็มีพวกตราช้าง ตราเสือ ตราเพชร ตรานก ตราทีพีไอ ตราภูเขา นั่นแหละครับผม จากคุณ : As it happens to be me เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 53 18:44:24

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณครับ  เรื่องแพล้นท์ปูน คงเลิกคิดครับ เพราะเจ้าที่ผมส่งอยู่นี่เป็นเจ้าใหญ่ที่นี่เลยทีเดียวและยังเป็นเจ้าของโรงโม่หินอีก เป็นเจ้าของตลาดและที่ดินแถวนี้มากมาย ตระกูลใหญ่โตทีเดียว และยังมี CPAC มาปิดใกล้ๆกันด้วย ในระยะ 10 กิโลเมตรยังมีแพล้นท์ปูนอีกหลายเลยครับ ส่วนร้านวัสดุก่อสร้าง อยากบอกว่า มีร้านใหญ่ๆ ที่เค้ามา ร่วม30ปี พอๆกับที่บ้านผมเริ่มทำทรายเลยล่ะ ตั้ง 3 ร้าน  ในละแวก3กิโลเอง  น่ากลัวไหมครับแบบนี้ แต่ผมเองก็ยังไม่ทิ้งทรายครับ  ยังเอาเป็นหลัก  เพราะกำไรค่อนข้างดีทีเดียว (ถ้าได้ขายล็อตใหญ่ๆนะครับ) จากคุณ : โอvgs เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 53 20:32:21

ความคิดเห็นที่ 5 คือ เมื่อเช้า  ก็มีลูกค้ามาสั่ง ทราย5คิว หิน5คิว เราก็รับออเดอร์ไว้ ลูกค้าก็จ่ายเงิน  แล้วถามว่า มีปูนไหมจะใช้สัก 20ลูก คิดเสียดายเหมือนกัน  ใจจริงก็อยากเอามาเริ่มขายนะ  แต่ไม่รู้ทุนอยู่ที่ลูกละเท่าไหร่ เห็นพ่อบอกว่ากำไรน้อย แต่ผมว่าเราน่าจะค่อยๆเอามาลลองดูสักตันสองตันดูก่อน  อาจจะขายถูกกว่าร้านใหญ่หน่อย  จะได้ไหมครับ จากคุณ : โอvgs เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 53 20:45:28

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าจะซื้อปูนมาขาย คิดว่าคงยากที่จะขายถูกกว่าเจ้าใหญ่ได้ครับผม เพราะเวลาที่คุณซื้อคุณก้อต้องซื้อจากเจ้าใหญ่นั่นแหละ (เจ้าใหญ่เป็น agent ที่เปิดบัญชีตรงกับบริษัท แต่ในกรณีคุณคงไม่น่าจะเปิดบัญชีตรงได้ เพราะจะมีเรื่องพวก B/G อะไรพวกนี้อีกเยอะ หรือถึงเปิดได้ ก็น่าจะได้รับส่วนลดน้อยกว่าเจ้าใหญ่ ทำให้เวลาขายคุณก็จะไม่สามารถขายได้ถูกกว่าเจ้าใหญ่อีก) ถ้าให้แนะนำ ลองดูว่า เจ้าใหญ่ที่อยู่แถวบ้านเค้าขายยี่ห้ออะไร แล้วคุณก้อไปเอายี่ห้ออื่นที่เป็นคู่แข่งของเค้ามาขาย เพราะจะทำให้บริษัทปูนซีเมนต์เค้าเห็นช่องทางการแย่งส่วนแบ่งการตลาดโดยผ่านทางคุณได้ครับ เช่น ถ้าเจ้าใหญ่เปิดเป็นร้านซีเมนต์ไทยโฮมมาร์ท แปลว่าเค้าก้อน่าจะขายแต่ปูนตราช้างและตราเสือ แต่เค้าคงไม่มีตราเพชร ตรานก ที่เป็นของ ปูนอินทรีแน่ๆ ดังนั้น ถ้าอยากจะให้บริษัทผู้ผลิตปูนเค้าให้ส่วนลดคุณเยอะขึ้นหรือเห็นความสำคัญของคุณได้ ก็ให้ไปติดต่อเจ้าที่เป็นคู่แข่งกะเจ้าใหญ่ล่ะครับ หรือไม่อีกทาง ก็ให้ทำตัวเป็น sub-agent ของเจ้าใหญ่ซะเลย แล้วก้อลองมองดูช่องทางการขายที่เป็นคนละช่องทางกับเจ้าใหญ่ แต่เท่าที่ดู ถ้าบ้านคุณเป็นบ่อทราย เจ้าใหญ่เป็นโรงโม่หิน คุณกะเจ้าใหญ่ก็น่าจะเป็นคู่แข่งที่สูสีนะครับ ถ้าเป็นผมนะ ผมจะเป็นเทรดเดอร์ ขายตั๋วปูนละ และเลือกขายยี่ห้อคนละยี่ห้อกะเจ้าใหญ่ละ อ่อ ส่วนพวกอิฐบล๊อค อันนี้ถ้าคุณสามารถหาตลาดได้เรื่อยๆหรือมีลูกค้ามาถามเยอะนะ ผมว่าลองซื้อเครื่องจักรขนาดเล็กๆมาทำดูก็ดี ถ้าบ้านคุณอยู่แถบสุพรรณ ชัยนาท อยุธยา หรือจังหวัดใดๆที่ไม่มีปัญหาหินฝุ่นแพง ต้นทุนต่อหน่วยไม่เกิน 2.5 บาทครับ (รวมค่าแรง ค่าโสหุ้ยแล้ว) แต่ขายหน้าร้านได้ประมาณก้อนละ 4 บาท ลงทุนน้อย แต่กำไรเยอะดีนะ เสียอย่างเดียวคือ ต้องระวังพวกผู้ผลิตอิฐบล๊อคเจ้าใหญ่ๆ แถบสระบุรี พวกนั้นต้นทุนต่ำมาก (เท่าที่รู้น่าจะราวๆ 1.8-2.0 บาท ) และเวลาเค้าขายลูกค้าให้ไปขายต่อเค้าก้อขายแค่ 2.2-2.5 บาท (เหมือนกำไรก้อนละ 0.20 บาทนี่น้อยนะครับ แต่เวลาขายกันทีทีขายกันเป็นหมื่นก้อน กับเวลาผลิต พวกนี้ผลิตได้วันละไม่ต่ำกว่า 800-1500 ก้อน ในกรณีที่ใช้เครื่องจักรแบบเล็กสุดแล้วนะ) ส่วนราคาเครื่องจักร ถ้ามันไม่เปลี่ยนไปมาก ก้อราวๆ 135,000-150,000 รวมโม่ รวมสายพาน รวมยุ้งแล้วล่ะครับผม หรือไม่อีกอย่างที่น่าทำ ก้อคือเปิดพวกโรงผลิตแผ่นพื้นสำเร็จคอนกรีตอัดแรงน่ะครับ พวกนี้บ้านจัดสรรใช้เยอะ ทำก็ง่าย แถมไม่ต้องใช้ plant ปูนก็ได้ ใช้แค่โม่ลูกข่างก็ทำได้ไม่ยาก ลองดูครับผม จากคุณ : As it happens to be me เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 53 21:27:07