|
ถอดรหัสตลาดหุ้น #13 กลลวง ข่าวลือ
|
|
“ทุ่งกล้า กลับเข้ามาในตลาดเที่ยวนี้ ผมมองว่า ราคามันควรจะวิ่งไปถึง 12 บาท มันจึงจะเหมาะสม”
“เนี่ยะ หุ้นรับเหมาอีเอซี เฮียเค้าหวังปั้น รายใหญ่ล้วนกอดหุ้นกันหมด อีกไม่นานจะได้เห็นการก้าวกระโดดของบริษัท คอยดูแล้วกัน เจ๊เองก็จะถือยาวเลยล่ะ ไม่ขายเด็ดขาด ขายไปก็ไม่มีทางได้ซื้อคืนหรอก”
อาจจะจริงก็ได้ หรือ ไม่จริงก็ได้ครับ เราไม่ใช่ผู้กุมชะตาของหุ้นตัวนี้
แต่ที่แน่ๆ ถ้าข่าวลือแพร่หลายในวงกว้างอย่างเป็นระบบ จนใครๆก็รับรู้ข่าว แสดงว่าผู้กุมชะตามีความพยายามให้ข่าวกระจาย เพื่อหวังผลทางใดทางหนึ่ง เช่น ต้องการให้มวลชนเข้าซื้อ เพื่อตนจะขายได้ราคาดี หรือ ต้องการให้มวลชนขาย เพื่อจะได้เข้าเก็บของ
เพราะถ้าเป็นความลับสุดยอดจริง ข่าวจะไม่มาถึงเราๆท่านๆ ครับ
เนื่องจาก ผู้กุมข่าวและใช้ประโยชน์จากข่าวนั้น จะเป็นผู้ได้ผลประโยชน์มหาศาล หากสาธารณชนยังไม่ทราบข่าว และหากทุกคนมีข้อมูลเสมอภาคเท่าเทียมกัน ราคาจะวิ่งรับข่าวในเวลาอันรวดเร็วจนไม่เหลือส่วนต่างให้หาประโยชน์
ตอนประเทศไทยจะลอยตัวค่าเงินบาท สมัยรัฐบาล พลเอก ชวลิต ท่านได้ข่าวลือมาก่อนไหมคับ
ตอนมาตรการ 30% จะประกาศใช้ กับ ตอนมาตรการ 30% จะได้รับการยกเว้นกับตลาดหุ้น หลังประกาศใช้ได้เพียงวันเดียว ท่านได้ข่าวลือมาก่อนไหมคับ
ครั้นจะไม่ให้แคร์ข่าวลือเลยก็ไม่ได้ ต่อให้ท่านลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี พีอีต่ำ ปันผลสูงก็เหอะ
เพราะหากข่าวลือในทางร้ายมันเกิดขึ้นจริง ความเสียหายมากมายมันก็สามารถเกิดขึ้นกับท่านได้ ในทางตรงข้าม หากมีข่าวลือในทางที่ดี แล้วท่านบอกว่าไม่สนข่าวลือ มันก็สูญเสียโอกาสในการทำกำไรได้เหมือนกัน
ข่าวลือที่ฮิตๆ เช่น ข่าวปฏิวัติซ้ำ ปฏิวัติซ้อน ปฏิวัติย้อน ข่าวลือเรื่องรัฐบาลถังแตก เรื่อง IMF คิดถึงไทย เรื่องต่างชาติจะทุบค่าเงิน ฯลฯ ข่าวรายใหญ่เข้าลุยซื้อหุ้นตัวนี้จำนวนมาก ข่าวรายใหญ่ขายหุ้นบริษัทอยู่ ข่าวบริษัทกำลังจะเพิ่มทุน บริษัทจะชนะประมูล บริษัทจะต้องทำ Tender Offer บริษัทกำลังจะมีข่าวดี บริษัทมีงานใหญ่รออยู่ บริษัทกำลังจะได้พันธมิตรต่างชาติ บริษัทจะประกาศจ่ายปันผลสูงมาก บริษัทจะไปเทคโอเว่อร์กิจการอื่น หรือบริษัทกำลังจะถูกเทคโอเว่อร์ บริษัทจะชนะคดีหรือจะแพ้คดี และ อื่นๆอีกมากมาย
ข่าวอะไรก็ตาม หากมาถึงท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งใครๆก็รู้เหมือนท่านด้วย แสดงว่าผู้กุมชะตาหุ้นตัวนั้นมีความพยายามให้ข่าวกระจาย เพื่อหวังผลทางใดทางหนึ่ง
เดี๋ยวเราไปดูกันครับ ว่าทำไมเซียนหุ้นถึงให้ “ซื้อทันที” ที่มีข่าวลือในเชิงบวก แล้วค่อยขายทำกำไรเมื่อข่าวจริงปรากฏ เข้าตำราที่ว่า “Buy on rumor, Sell on fact”
และ ทำไมเซียนหุ้นถึงให้ “ขายทันที” ที่มีข่าวลือในเชิงลบ แล้วค่อยซื้อหุ้นคืน ในต้นทุนที่ต่ำกว่าเดิมมาก เมื่อข่าวจริงปรากฏ เข้าตำราที่ว่า “Sell on Rumor, Buy on fact”
แต่ก่อนจะซื้อหรือขายช่วยเช็คหน่อยก็ดี ว่าเราเป็นคนแรกๆที่รู้ข่าวลือนี้ หรือ เขารู้กันทั้งตลาดแล้ว ลองเช็คราคาคร่าวๆดูนะครับ ว่ามันขึ้นหรือลงเล่นข่าวนั้นมากี่วันแล้ว อย่าตกเป็นเหยื่อของข่าวลือโดยเด็ดขาด
บางทีเรื่องราวต่างๆนี้ อาจจะช่วยให้ท่านเข้าใจได้ว่า ทำไมบริษัทออกจะมีข่าวดีปานนั้น แต่พอท่านซื้อแล้วมันดันทะลึ่งลง และ ทำไมบริษัทเจอมรสุมขนาดนี้ แต่พอท่านขายมันกลับเด้งกลับซะงั้น
ท่านเชื่อเรื่อง ข่าววงในไหมครับ…
โดยเฉพาะข่าววงในที่มาจากเจ้าของหุ้น หรือผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน ซึ่งตามหลักกฎหมายแล้ว การนำข้อมูลภายในมาซื้อขายหุ้น ก่อนจะแจ้งข้อมูลข่าวสารสารสนเทศต่อนักลงทุนอย่างเป็นทางการนั้น ผิดกฎหมายฐานใช้ข้อมูลวงใน (Insider trading) และผิดจรรยาบรรณ เพราะถือว่าไม่มีธรรมาภิบาลครับ
แต่เอาเข้าจริง ก็มักมีพฤติการณ์ทำนองนี้อยู่เรื่อยๆ มีทั้งจับได้มั่ง จับไม่ได้มั่ง หรือกว่าจะจับได้ก็เข้าตำรา กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้
ผมไม่สนับสนุนให้ท่านทำผิดกฎหมาย หรือร่วมกับเจ้าของหุ้นทำผิดนะครับ แต่ในเมื่อยังมีเจ้าของหุ้นมีพฤติการณ์ Insider trading แล้วก็เป็นการเอารัดเอาเปรียบนักลงทุนมาแต่ยุคดึกดำบรรพ์ ปราบไม่ได้ทำลายไม่หมดมาถึงยุคปัจจุบัน และยังน่าจะมีต่อไปคู่กับตลาดหุ้นในอนาคต ผมก็ขอเปิดกลเกมเจ้าของหุ้นให้รู้กันไว้
พวกเราคนเล่นหุ้นจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อ หรือบางทีอาจมีรางวัลงามติดปลายนวม หากเรารู้ทันพวกเจ้าของหุ้นเจ้าเล่ห์ทั้งหลาย
ถ้าบริษัทกำลังจะมีข่าวดี สมมุติว่าท่านเป็นเจ้าของหรือเป็นผู้บริหาร หรือเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ท่านจะแอบเข้าเก็บหุ้นก่อนหรือเปล่าครับ
และเมื่อท่านเก็บจนพอแล้ว ท่านอยากให้หุ้นขึ้นหรือเปล่าครับ
ถ้าจะให้หุ้นขึ้นด้วย และ ท่านเองก็ได้บุญคุณด้วย ท่านก็ต้องบอกคนใกล้ตัวให้เข้าเก็บด้วยใช่ไหมครับ
เมื่อคนใกล้ตัวหลายๆคนเข้าเก็บ กราฟราคาหุ้นจะออกอาการเป็นแนวโน้มขาขึ้น และเมื่อคนใกล้ตัวท่านโทรกริ๊งกร๊างบอกญาติพี่น้องเพื่อนพ้องเขา ข่าวลือก็จะปูดออกสู่สาธารณะ พร้อมๆกับราคาขยับขึ้นไปเรื่อยๆ อย่างเร็ว จริงปล่าว
และเมื่อข่าวจริงปรากฏ เมื่อหนังสือพิมพ์ลงข่าว นักวิเคราะห์จะปรับราคาเป้าหมายใหม่ พร้อมแนะนำซื้อ บอกว่าดีอย่างงั้นอย่างโง้นอย่างงี้ ทำให้ มวลชนคนส่วนใหญ่ในตลาดที่เคยลังเล ตอนได้ยินข่าวลือมาใหม่ๆ เกิดมีความมั่นใจอย่างแรงที่จะเข้าซื้อตามอย่างเร่งรีบ ด้วยความกลัวตกขบวนรถไฟสายด่วน
แหม ราคาก็ขึ้นมามากแล้ว ปริมาณหุ้นที่ตั้งรอซื้อก็หนาแน่น ท่านจะขายไหมครับ คนใกล้ตัวและญาติพี่น้องเพื่อนพ้องทั้งหลาย อยากจะขายไหมครับ กำไรขนาดนี้แล้ว
ถึงจะมีข่าวดี แต่หากปริมาณหุ้นจำนวนมหาศาลถูกเทขายลงมา ยังไงราคาก็รูดลง ตรงนี้เองที่ทำให้กลุ่มที่ขายทำกำไรไปก่อน มีความมั่นใจว่าจะได้ซื้อคืนในราคาที่ต่ำกว่าเดิม ……. ก่อนที่อานิสงค์ของข่าวดีนั้นจะไปโผล่ในงบการเงิน เจ้าของหรือผู้บริหาร หรือผู้ถือหุ้นใหญ่ ก็ทำกำไรกันได้ไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบแล้ว
เรื่องนี้ผมขอแชร์ประสบการณ์หน่อยแล้วกันครับ ว่าผมจัดการอย่างไรกับข่าวลือดีๆเหล่านั้น
เมื่อมีข่าวดีลือเข้ามา ผมจะเคาะซื้อไปก่อน 1 ส่วนเลย เพื่อทดสอบสมมุติฐานของข่าว
ยังไงเสีย ไม่ว่าข่าวดีที่ลือเข้ามานั้นจะจริงหรือไม่ก็ตาม อย่างน้อยผู้เจตนาปล่อยข่าวก็ต้องมีการเคาะโชว์นำขึ้นไปก่อนล่ะครับ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับข่าว เพื่อลวงมวลชนว่าข้อดีนี้มีมูล
หากผมซื้อไปแล้ว ราคาไม่ยักกะลง ทีนี้แหละก็จะซื้อตามขึ้นไป ตามสไตล์ “ยิ่งขึ้นยิ่งซื้อ” แสดงว่าหุ้นตัวนี้มันมีอะไรซ่อนอยู่ จำนวนหุ้นที่วางขาย มันเลยไม่เพียงพอ ต่อความต้องการซื้อในขณะนั้น จนผู้ซื้อต้องเคาะซื้อขึ้นไปแบบไม่เกี่ยงราคา
แต่หากผมซื้อหุ้นเข้าไปแล้ว ราคาก็ร่วงตกลงมา นี่ซิปัญหา ไฉนหุ้นถึงดิ่งลงมาให้เราซื้อได้อีกที่ราคาเดิม หรือ บางทีซื้อได้ถูกกว่าเดิมมากๆด้วยซ้ำ แบบนี้ผมเผ่นล่ะ ขายขาดทุนหนีตายดีกว่า แสดงว่าสมมุติฐานเราผิดแล้ว ใครจะมาใจดีให้เราได้ซื้อได้ไม่อั้นขนาดนั้น ถ้ามันมีข่าวดีจริงๆ รออยู่ในระยะเวลาอันใกล้
สังเกตไหมครับ หากผมซื้อแล้วขึ้นมันจะขึ้นๆๆ จนทำกำไรได้มากมาย แม้ข่าวจะยังไม่ออกก็ตาม แต่หากผมซื้อแล้วลง ผมทิ้งโดยเร็ว เสียหายเพียงเล็กน้อย ถือว่ายังคุ้มค่าที่จะเข้าไปเสี่ยง
ย้ำอีกทีนะครับ ถ้าซื้อหุ้นแล้วมันไปในทิศทางที่เราคาดหวัง กำไรจะวิ่งไปอย่างมากมาย แต่หากซื้อแล้วผิดคาด รีบยอมแพ้แต่เนิ่นๆ จะเสียหายเพียงเล็กน้อย
แบบนี้ ถูก 5 ครั้ง ผิด 5 ครั้ง ก็รวยแล้ว
และอย่าลืมนะครับ ไม่ว่าข่าวดีที่ลือกัน ไม่ว่าจะเป็นแจกวอแร้นท์ ได้พันธมิตรใหม่ ได้งานโครงการใหญ่ หรือ จ่ายเงินปันผลในอัตราที่สูงมากก็ตาม และไม่ว่าข่าวนั้นจะจริงหรือเท็จก็ตาม ส่วนใหญ่ราคาหุ้นจะวิ่งนำขึ้นมาก่อนเสมอ ท่านต้องเลือกแล้วล่ะครับว่าจะซื้อในทันที หรือ ซื้อเมื่อข่าวออก
ถ้าข่าวลือนั้นมีมูลจริง ความต้องการซื้อก็ควรจะสูง ปริมาณหุ้นที่วางขาย ก็ควรจะมีแต่คนที่จ้องจะแย่งกันเก็บ ถึงแม้อาจจะมีการบล็อกหุ้น หรือ ตบไล่แขกลงมาบ้าง แต่ราคาก็จะไม่ลงไปลึก เพราะหากลงลึก หุ้นจะถูกเปลี่ยนมือไปอยู่ในมือของรายย่อยแทน ซึ่งเป็นไปได้หรือครับ หากบริษัทกำลังจะมีข่าวดี แต่เจ้าของ หรือ ผู้บริหาร หรือ ผู้ถือหุ้นใหญ่ กลับนำความมั่งมีคืนสู่มวลชน
ในทางตรงกันข้าม สมมุติใหม่ ให้ท่านเป็นเจ้าของบริษัท หรือ เป็นผู้บริหาร หรือ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เหมือนเดิมแล้วกัน เรายังไม่ปลดท่านออก และท่านก็รู้ดีที่สุดว่า บริษัทมีข่าวร้ายซ่อนอยู่ ท่านจะชิงขายหุ้น ออกมาก่อนไหมครับ
และเมื่อท่านขายออกมาแล้ว ท่านอยากให้มันลงไหมครับ
ด้วยความหวังดี ท่านก็อาจจะกระซิบบอกคนใกล้ตัว บอกญาติพี่น้องว่าอีกไม่นานข่าวร้ายจะปูดออกมา
เมื่อคนวงในรู้ข่าวก็จะโทรไปสั่งขาย และเมื่อขาย กราฟราคาหุ้นก็จะออกอาการเป็นแนวโน้มขาลง
ช้างตายทั้งตัวไม่สามารถเอาใบบัวมาปิดได้ ในไม่ช้าข่าวลือก็จะปูดออกสู่สาธารณะ พร้อมๆกับราคาไหลลงไปเรื่อยๆ
และเมื่อข่าวร้ายปรากฏ เมื่อหนังสือพิมพ์ลงข่าว นักวิเคราะห์จะปรับราคาเป้าหมายลง พร้อมแนะนำขาย ด้วยเหตุผลอย่างงั้นอย่างโง้นอย่างงี้ ทำให้รายย่อยส่วนใหญ่ในตลาดที่เคยลังเลตอนได้ยินข่าวลือมา เกิดความกลัว และรีบขายล้างพอร์ตหนีตาย
ตลาดหุ้นเป็นเรื่องของอารมณ์ การตอบสนองต่อข่าวเกินเหตุเสมอ ดังนั้นราคาหุ้นที่ถูกเททิ้งลงมามากมายจนราคาต่ำกว่าเหตุนั้น ก็จะเริ่มจูงใจให้เจ้าของบริษัท ผู้บริหาร ผู้ถือหุ้นใหญ่ ซื้อหุ้นคืนแล้วล่ะ จริงไหมครับ มีข้อยกเว้นเพียงอย่างเดียวที่คนวงในจะไม่ซื้อคืน นั่นคือ บริษัทนั้นมันเน่าในจริงๆ กระทั่ง ผู้บริหารและเจ้าของยังไม่คิดที่จะซื้อคืนเลย
กรณีนี้ถ้าเป็นผม ผมจะจัดการอย่างไรกับข่าวลือร้ายๆเหล่านั้น
ปกติแล้ว คนเล่นหุ้นขี้ตกใจนะ ยังไงเสียหุ้นก็ลงก่อนล่ะ หากมีข่าวร้ายเข้ามา
ใครบอกว่ากระต่ายตื่นตูมก็ช่างเถอะ ผมขายก่อนล่ะ ยามที่มีข่าวร้ายวิ่งเข้ามา ยากที่ใครจะไปทนทานแรงขายได้
ในเมื่อหุ้นมีแนวโน้มจะลงเพราะความกังวลข่าวร้าย ผมจะรออะไรอยู่ครับ แทนที่จะไปนั่งเช็คข่าว ไปถามใครต่อใคร หรือ นั่งรอข่าว ผมขอขายก่อนไม่ดีกว่าหรือ
ธรรมชาติของหุ้นลงได้รวดเร็ว และ รุนแรงกว่าการขึ้นเสมอ ยังไงเสียขายไปแล้วก็ยังมีโอกาสได้ซื้อคืนอยู่ดี เพราะเมื่อข่าวลือเข้ามาในตลาด ถึงเราไม่ขาย คนอื่นก็ขาย ยังมีคนอีกตั้งมากมายนะครับที่ต้นทุนเขาต่ำมากและอยากจะล็อคกำไรออกมาก่อน
เมื่อคนทั้งตลาดขายหุ้นออกมา จนแรงขายหมดเกลี้ยงแล้ว จนราคาหุ้นต่ำเกินเหตุแล้ว แบบนี้เราค่อยซื้อคืนก็ยังไม่สายใช่ไหมครับ แถมซื้อหุ้นคืนได้ครบในต้นทุนที่ต่ำกว่าเดิมตั้งเยอะ
ที่มา : ThaiDayTrade
จากคุณ |
:
กองกำลังปั้นฝัน
|
เขียนเมื่อ |
:
21 มิ.ย. 53 14:20:08
|
|
|
| |