Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ดังใหญ่แล้ว...."แบงค์กสิกร" มีลูกค้ามาช่วยประชาสัมพันธ์อยู่หน้าแบงค์  

ได้รับการขึ้นหน้าหนึ่ง Manager online

http:manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9530000085268

แพร่ - ลูกค้าแบงก์กสิกรฯ สาขาเมืองแพร่ โวยแบงก์ไม่รับผิดชอบ หลังถูกพนักงานโกงเงินที่นำส่งชำระหนี้ผ่านเคาน์เตอร์ธนาคารแล้วไม่รับผิดชอบ ทั้งที่ศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก 2 พนักงานแบงก์ตัวต้นเหตุแล้ว กลับไม่ยอมปรับสถานะบัญชีให้ แจ้งต้องรอให้คดีถึงที่สุดก่อน ลงทุนถ่ายเอกสารคำตัดสิน-บันทึกการติดต่อ ทำใบปลิวแจกคนทั่วไปถึงหน้าแบงก์
     
      เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (21 มิ.ย.) น.ส.ลดาวัลย์ วัฒนโกศัย อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 151 หมู่ 1 ต.หางดง อ.หางดง จ.เชียงใหม่ ได้นำนางหล่าน วัฒนโกศัย มารดาอายุ 67 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51 หมู่ 2 ต.ร้องกวาง อ.ร้องกวาง จ.แพร่ ออกแจกใบปลิวกล่าวหาธนาคารกสิกรไทยสาขาแพร่ หลังศาลตัดสินให้เป็นฝ่ายชนะคดี กรณีที่นางหล่าน วัฒนโกศัย กู้เงินธนาคารกสิกรไทย สาขาแพร่จำนวน 7 ล้านบาท นำไปรับซื้อพืชไร่ (ข้าวโพด) เมื่อปี 2550
     
      หลังการซื้อข้าวโพดเสร็จได้นำเงินไปส่งคืนวันที่ 12 ก.พ.2550 จำนวน 2 ล้านบาท ต่อมาวันที่ 9 เมษายน 2550 ได้นำเงินไปส่งคืนธนาคารอีก 5 ล้านบาท โดยนำมาส่งคืนให้ที่เคาท์เตอร์ของธนาคารกสิกรไทยสาขาแพร่ เมื่อใช้เงินหมดก็สบายใจแล้วว่าหมดภาระ รอการกู้ในฤดูกาลผลิตใหม่ต่อไป
     
      แต่ปรากฏว่า ธนาคารมีหนังสือมาทวงหนี้ที่เหลืออีกจำนวน 5 ล้าน แสดงว่าพนักงานธนาคารไม่ได้นำเงินเข้าระบบจึงไม่มีการหักล้างหนี้ จึงได้เข้าติดต่อธนาคารอีกครั้งเพื่อให้มีการตรวจสอบ ซึ่งนายวิวัฒน์ พิเชียรเสถียร ผู้จัดการธนาคารในสมัยนั้นไม่รับผิดชอบ โดยอ้างว่าเป็นเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวกับธนาคาร จึงได้ไปแจ้งความที่ สภ.เมืองแพร่ ทำให้กลายเป็นคดีมาอย่างต่อเนื่อง
     
      จนกระทั่งวันที่ 29 มกราคม 2553 ศาลจังหวัดแพร่มีคำพิพากษาให้จำคุกพนักงานธนาคารสองคนคือ นายชัยฤกษ์ วงศ์ฟู รวม 11 ปี และนางศุกร์ธิวรรณ ชุ่มใจ รวม 8 ปี ซึ่งคำตัดสินดังกล่าวทำให้นางสาวลดาวัลย์ ผู้เสียหายได้เข้าทวงถามธนาคารอีกครั้งเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2553 โดยระบุให้มีการปรับบัญชีลูกหนี้เจ้าหนี้ให้ถูกต้อง
     
      ธนาคารตอบกลับมาเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2553 แจ้งผลดำเนินคดี พนักงานทั้งสองคนและแจ้งให้ทราบว่า คดีดังกล่าวเป็นคดีอาญาที่ไม่เกี่ยวกับธนาคาร ผู้กระทำผิดกำลังยื่นอุทธรณ์คำพิพากษา และคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ข้อเรียกร้องจึงต้องให้คดีถึงที่สุดก่อน โดยมีนายฉลอง พาทัน ผู้บริหารเครือข่ายลูกค้าผู้ประกอบการ ธนาคารกสิการไทยสาขาแพร่ เป็นผู้แจ้งข่าวให้ทราบ
     
      ขณะที่ น.ส.ลดาวัลย์ และนางหล่าน เห็นว่า การทำธุรกรรมกับธนาคารและเกิดความผิดพลาดโดยพนักงาน ธนาคารต้องรับผิดชอบและดำเนินการให้ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมกับธนาคารได้ต่อไป น.ส.ลดาวัลย์ ผู้เสียหายได้เข้าพบนายเทียนชัย เกิดวงศ์หงส์ ผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย สาขาแพร่ อีกครั้งเมื่อเวลา 08.00 น.วันนี้ (21 มิถุนายน) แต่ไม่ได้รับคำตอบที่น่าพอใจคือ ยังคงไม่รับผิดชอบการกระทำดังกล่าว จึงได้ทำการถ่ายเอกสารของธนาคารที่ติดต่อกับตนแจกเป็นใบปลิวให้กับประชาชนที่เดินผ่านในย่านถนนช่อแฮ เพื่อให้ประชาชนรับทราบการไม่รับผิดชอบของธนาคาร
     
      น.ส.ลดาวัลย์กล่าวต่อผู้สื่อข่าวว่า ปัญหาดังกล่าวตนและมารดาทำธุรกิจพืชไร่ โดยใช้ธนาคารกสิกรไทย เป็นแหล่งเงินทุนในการทำธุรกิจ ได้นำที่ดินพร้อมที่อยู่อาศัยและสำนักงานรับซื้อข้าวโพด เป็นตึกแถว 3 ชั้น2 คูหาที่ดิน 65 ตารางวา มีมูลค่าตามการประเมิน 20 ล้านบาท มาเป็นหลักทรัพย์กู้เงิน เมื่อทำการกู้เงินธนาคารควรที่จะให้บริการลูกค้า
     
      “เข้าใจได้ว่าพนักงานเป็นผู้ฉ้อโกง แต่เมื่อพบว่ามีการฉ้อโกงและศาลตัดสินแล้ว ก็ควรที่จะแก้ปัญหาให้กับลูกค้า แต่ธนาคารกลับปัดความรับผิดชอบโดยอ้างว่าเป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างลูกค้า กับพนักงาน ในขณะเดียวกันตนได้ส่งเงินกู้จนหมดแล้วแต่ธนาคารยังไม่ยอมคืนหลักทรัพย์ ทั้งๆ ที่เป็นสิทธิอันชอบธรรมที่จะได้รับหลักทรัพย์คืนเมื่อจ่ายเงินกู้หมดแล้ว”
     
      น.ส.ลดาวัลย์กล่าวด้วยว่า ตนจะนำคำพิพากษาเข้าร้องเรียนต่อธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค และฟ้องศาลเรียกค่าเสียหายต่อไป
     
      ด้าน นายเทียนชัย เกิดวงศ์หงส์ ผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย สาขาแพร่ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ธนาคารรับทราบปัญหาซึ่งเกิดมานานแล้ว เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจากการบริหารงานของผู้จัดการคนเก่า อย่างไรก็ตามตนเข้ามารับตำแหน่งได้ 1 ปีก็พยายามที่จะแก้ปัญหา โดยจะทำรายงานหารือไปที่ธนาคารสำนักงานใหญ่ เพื่อหาทางออก ส่วนการปรับสถานะของลูกค้า ในบัญชีลูกหนี้เจ้าหนี้นั้น จำเป็นที่จะต้องให้คดีไปถึงที่สุดก่อน จึงจะสามารถทำธุรกรรมให้ได้ ซึ่งถ้าคดีถึงที่สุด พนักงานทั้งสองคนก็คงต้องถูกลงโทษไปตามกฎหมาย และจากนั้นก็จะมีคำสั่งจากทางธนาคารต่อไป แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถลงโทษหรือทำอย่างใดอย่างหนึ่งต่อพนักงานสองคนได้เนื่องจากต้องรอศาลสั่งถึงที่สุดเสียก่อน
      “ต้องยอมรับว่าการที่ลูกค้าออกไปแจกใบปลิวให้ข้อมูลปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบต่อธนาคารอย่างรุนแรงซึ่งไม่อยากให้เกิดขึ้นเลย” นายเทียนชัยกล่าว

จากคุณ : priyakornk1
เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 53 14:43:20




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com