|
ความคิดเห็นที่ 18 |
ต่อด้วย การวิเคราะห์งบดุล(เปรียบเสมือนโครงสร้างบริษัท เมื่อเจอพายุ)
- ทรัพย์สิน 2 รายการแรก คือ เงินสด และเงินลงทุนระยะสั้นของบริษัท มีจำนวนรวมกันถึง 3,393.83 ล้านบาท เฉพาะเงินสด มีถึง 91.25 ล้านบาท มองได้ชัดว่า บริษัท มีสภาพคล่องทางการเงินสูงมาก - ลูกหนี้การค้า บริษัทมี 1,125.26 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับรายได้ 4,129.44 ล้านบาท ต่อไตรมาส หรือ เป็น 1,376.48 ล้านบาท ต่อเดือน ก็จะเห็นว่าบริษัทให้เครดิตลูกค้าสั้นมากคือ ประมาณ 24 วันเท่านั้น ((1,125 x 30) / 1,376) - สินค้าคงคลัง หรือสต๊อกวัตถุดิบ และ สินค้าของบริษัท มีจำนวน 88.17 ล้านบาท ในขณะช่วง 3 เดือน บริษัทมีต้นทุนขาย 2,331 ล้านบาท หรือ เดือนละ 777 ล้านบาท - สินทรัพย์หมุนเวียนอื่น ๆ จำนวน 165.11 ล้านบาท ถือว่าไม่มีนัยสำคัญมากเมื่อเทียบกับ สินทรัพย์หมุนเวียนทั้งหมดจำนวน 4,776.26 ล้านบาท - เงินลงทุนและเงินฝากสถาบันการเงินที่มีข้อจำกัด มี 523.28 ล้านบาท - บริษัท stpi มีสินทรัพย์ที่เป็นที่ดิน โรงงาน และเครื่องจักรสุทธิ 1,288.52 ล้านบาท - สินทรัพย์อื่น ๆ มีเพียง 33.85 ล้านบาท ไม่มีนัยสำคัญ และก็ถือว่าเป็นสิ่งดี เพราะ แสดงว่าผู้บริหาร ไม่นำเงินไปลงทุนสิ่งอื่น นอกเหนือจากธุรกิจหลัก - รวมสินทรัพย์ของบริษัท stpi มี 6,628.17 ล้านบาท
หนี้สิน
- เจ้าหนี้และตั๋วจ่ายเงินการค้าสุทธิ 420.84 ล้านบาท ซึ่งถือว่าน้อย - หนี้สินหมุนเวียนอื่น ๆ จำนวน 147.11 ล้านบาท เมื่อเทียบกับหนี้สิน หมุนเวียนทั้งหมด 2,322.31 ล้านบาท ถือว่าน้อย และเมื่อเทียบกับทรัพย์สินทั้งหมดของบริษัท แล้วยิ่งไม่ถือว่าน่ากลัว แม้เราไม่รู้ว่าเป็นหนี้อะไรบ้าง - หนี้ระยะยาว 3.59 ล้านบาท ในกรณีอย่างนี้สำหรับผมแล้วถือว่าบริษัทที่มีหนี้น้อย ซึ่งในการทำธุรกิจของบริษัทในประเทศไทยนั้น บริษัทประเภทไม่กู้หนี้ทำธุรกิจมีน้อยมาก นักธุรกิจไทยส่วนใหญ่ชอบใช้เงินกู้ ไม่ชอบใช้เงินกู อย่างที่มีการพูดกัน ซึ่งทำให้โครงสร้างทางการเงินอ่อนแอ เพราะเงินกู้นั้น กิจการจะมีกำไรหรือขาดทุน บริษัทก็ต้องจ่ายดอกเบี้ยและเงินต้นคืนเจ้าหนี้อยู่ดี ถ้าธุรกิจตกต่ำ รายได้เข้ามาไม่เพียงพอ บริษัทก็อาจตกอยู่ในฐานะล้มละลายได้ โครงสร้างทางการเงินของ stpi แข็งแรงมาก เพราะมีหนี้สินทั้งหมด 2,325.90 ล้านบาท แต่มีส่วนของผู้ถือหุ้นรวมกัน 4,302.27 ล้านบาท หรือมีหนี้ ประมาณ 35 เปอร์เซ็นต์ของสินทรัพย์ ซึ่งบริษัทโดยทั่วไปมักมีหนี้เกินกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของสินทรัพย์ทั้งหมด ส่วนของผู้ถือหุ้นวิเคราะห์ได้ว่า บริษัทมีหุ้นสามัญที่ออกและชำระเต็มมูลค่าแล้ว 328.04 ล้านบาท ส่วนเกินมูลค่าหุ้น 523.11 ล้านบาท ส่วนเกินทุนอื่น 84.25 ล้านบาท และเมื่อรวมกับกำไรสะสมจำนวน 3,402.52 ล้านบาท และหักส่วนหุ้นรับซื้อคืน 35.65 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีส่วนของผู้ถือหุ้นทั้งสิ้น 4,302.27 ล้านบาท ซึ่งถือว่ามีทุนค่อนข้างมาก ข้อที่น่าสังเกตคือทุนจำนวนมากที่สุดคือจำนวน 3,402.52 ล้านบาทนั้น มาจากกำไรแต่ละปีหลังหักเงินปันผลแล้ว ทบเข้ามาเพิ่มเรื่อย ๆ บริษัทที่กำไรสะสมเยอะ ๆ นั้น ตามตำราบอกว่า เป็นกิจการที่ล้มยาก - มูลค่าหุ้นตามบัญชี(Book Value) คำนวณจากการเอาส่วนของผู้ถือหุ้น หารด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท ได้ออกมาว่า บริษัทนี้มีมูลค่าหุ้นตามบัญชีประมาณ 13 บาทต่อหุ้น พูดให้ง่ายก็คือ ถ้าคุณเป็นเจ้าของเดิมอยู่หนึ่งหุ้น ก็เหมือนกับคุณได้ใส่เงินลงไป 13 บาท ในบริษัทนี้ เพราะฉะนั้น ถ้าคุณลงทุนซื้อหุ้น stpi ที่ราคา 28 บาทต่อหุ้น เขาก็จ่ายมากกว่าผู้ถือหุ้นเดิม ประมาณ 15 บาท หรือประมาณ 115 เปอร์เซ็นต์ เป็นค่าความนิยมของกิจการ
ต่อด้วย การวิเคราะห์แนวโน้มผลการดำเนินงานและฐานะการเงินของกิจการ
จากคุณ |
:
boozy bird
|
เขียนเมื่อ |
:
25 มิ.ย. 53 15:35:22
|
|
|
|
|