ความคิดเห็นที่ 6 |
ว้าว...
ผมเล่าเรื่องให้ฟัง
สมัยปี 2539 บริษัทผมมอบหมายให้ บงล ธนสยาม(สมัยนั้นเขายังไม่แยกใบอนุญาต บง. และ บล. เหมือนสมัยนี้) เป็นผู้จัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพโดยมีผมเป็นกรรมการกองทุนฝ่ายลูกจ้างคนหนึ่ง ซึ่งกรรมการของทุนฯทุกคนลงความเห็นว่า จนท.ของธนสยามแต่ละคนยะโสโอหังมาก แต่เขามั่นคงและมีฝีมือ เราอยากได้ผลประโยชน์สูงๆให้พนักงาน จำใจต้องว่าจ้างเขา!!
ตอนนั้นพิจารณาว่า ๑. ธนาคารไทยพาณิชย์ ถือหุ้นใหญ่..เจ๋ง ๒.ผู้บริหารมีชื่อเสียง...เจ๋ง ๓.ทีมงานบริหารพอร์ตเป็นคนหนุ่ม-สาวหัวก้าวหน้า..เจ๋ง ๔.ในกรุ้ปมีทั้ง ธ.ไทยพาณิชย์ บงล.ธนชาติ บงล.ธนสยาม ฯลฯ ใหญ่เบ่อเร่อ
ในที่สุด...เจ๊ง ครับ
ก่อนถูกทางการสั่งปิดประมาณสัก ๓๐-๔๐ วัน เจ้านายผมดูงบ ดูผลประกอบการของ บงล.ธนสยาม แล้วบอกว่าเราเปลี่ยน ผจก.กองทุนดีกว่า เพราะด้อยฝีมือและท่าทางจะไม่รอด ในที่สุดประมูลได้ ธ.กรุงศรีอยุธยา ที่เพิ่งได้ใบอนุญาตบริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพพนักงานมาหมาดๆ เสนอการันตีผลประโยชน์โดยให้ผลตอบแทนในปีนั้นเท่ากับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำเฉลี่ยของ ๕ ธนาคารชั้นนำ(เอาดอกเบี้ย ๕ แบ็งค์มาหา Mean)+ ๓%
ปีนั้น ๒๕๔๑ อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำน่าจะสูงถึง ๑๔-๑๕% มั้ง เมื่อ+๓% เข้าไปได้ผลตอบแทนเป็น ๑๗-๑๘% จากที่กองทุนฯ บลง.ธนสยาม ที่ถูกปิดไปบริหารติดลบจนไม่กล้าบอกพนักงาน ผลกลายเป็นได้ผลบวกกลับคืนมา
ซึ่งต้องขอบพระคุณ ธ.กรุงศรีฯที่ใจกล้าและเรารู้ว่าท่านเพิ่งได้ใบอนุญาต ประสบการณ์น้อย อยากได้ลูกค้ารายใหญ่ จึงต้องถูกรับน้องใหม่ราคาแพงที่กล้ารับโอนกองทุนฯขนาดยักษ์นี้มาบริหาร
ที่เล่ามาเพื่อจะบอกว่าภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ไม่มีอะไรมั่นคงหรอกครับ!!!
จากคุณ |
:
พาชื่น
|
เขียนเมื่อ |
:
28 มิ.ย. 53 19:54:42
|
|
|
|