|
ความคิดเห็นที่ 2 |
ต่อไปก็มาดูกันว่าธรรมชาติของการวิ่งระดับ 1m 5m 15m 30m 1h 4h 1d เป็นอย่างไร
ดูธรรมชาติการวิ่งของกราฟ จากจุดเริ่มต้นของเทรนด์ ไปจนถึงสุดทาง ว่าวิ่งเท่าไหร่ ดูธรรมชาติของเวลา ว่ากราฟใช้เวลาวิ่งจากช่วงเริ่มต้น ไปจนสุดเทรนด์ กินเวลานานเท่าไหร่ - ฝึกดูจังหวะพักตัว ว่ากราฟมักจะพักตัวที่เวลาไหน นาทีที่เท่าไหร่ - ฝึกดูว่าจังหวะไหนเหมาะสมกับการเข้าไปเล่น จังหวะไหนควรรอ ธรรมชาติของเวลาและการขึ้น การลง มักจะเกิดซ้ำ ๆ ให้เห็นบ่อย ๆ (โดยมองหลักความน่าจะเป็นควบตามกันไป)
เริ่มต้นฝึกสังเกตธรรมชาติของกราฟระดับ M1
โดยเฉลี่ยระดับการวิ่งของกราฟที่ 1 นาที วิ่งได้ตั้งแต่ 5 -120 จุดโดยประมาณ ต้องดูให้ออกก่อนว่าแนวโน้มที่เกิดขึ้นเป็นแบบใหญ่ แบบเล็ก แบบย่อย ต่อหนึ่งรอบการวิ่ง ระยะเวลาการวิ่งของกราฟโดยเฉลี่ย จะอยู่ระหว่างสิบนาทีขึ้นไป แต่ไม่เกินสองชั่วโมงต่อหนึ่งรอบการวิ่งของแนวโน้มใหญ่ เล็กและย่อย
เริ่มต้นฝึกสังเกตธรรมชาติของกราฟระดับ M5
โดยเฉลี่ยระดับการวิ่งของกราฟที่ 5 นาที วิ่งได้ตั้งแต่ 20 -100 ต้นๆ โดยประมาณ ต้องดูให้ออกก่อนว่าแนวโน้มที่เกิดขึ้นเป็นแบบใหญ่ แบบเล็ก แบบย่อย ต่อหนึ่งรอบการวิ่งระยะเวลาการวิ่งของกราฟโดยเฉลี่ย จะอยู่ระหว่างครึ่งชั่วโมงขึ้นไป แต่ไม่เกิน 3-4 ชั่วโมงต่อหนึ่งรอบการวิ่งของแนวโน้มใหญ่ เล็กและย่อย
เริ่มต้นฝึกสังเกตธรรมชาติของกราฟระดับ M15
โดยเฉลี่ยระดับการวิ่งของกราฟที่ 15 นาที วิ่งได้ตั้งแต่ 30 จุดถึง 200 จุดโดยประมาณ ต้องดูให้ออกก่อนว่าแนวโน้มที่เกิดขึ้นเป็นแบบใหญ่ แบบเล็ก แบบย่อย ต่อหนึ่งรอบการวิ่งระยะเวลาการวิ่งของกราฟโดยเฉลี่ย จะอยู่ระหว่างครึ่งชั่วโมงขึ้นไป แต่ไม่เกินหนึ่งวันต่อหนึ่งรอบการวิ่งของแนวโน้มใหญ่ เล็กและย่อย
เริ่มต้นฝึกสังเกตธรรมชาติของกราฟระดับ M30
โดยเฉลี่ยระดับการวิ่งของกราฟที่ 30 นาที วิ่งได้ตั้งแต่ 50 จุดถึง 400 จุดโดยประมาณ ต้องดูให้ออกก่อนว่าแนวโน้มที่เกิดขึ้นเป็นแบบใหญ่ แบบเล็ก แบบย่อย ต่อหนึ่งรอบการวิ่งระยะเวลาการวิ่งของกราฟโดยเฉลี่ย จะอยู่ระหว่าง 1 วันขึ้นไป แต่ไม่เกิน 5 วันต่อหนึ่งรอบการวิ่งของแนวโน้มใหญ่ เล็กและย่อย
เริ่มต้นฝึกสังเกตธรรมชาติของกราฟระดับ H1
โดยเฉลี่ยระดับการวิ่งของกราฟที่ 1 ชั่วโมง วิ่งได้ตั้งแต่ 100 จุดถึง 600 จุดโดยประมาณ ต้องดูให้ออกก่อนว่าแนวโน้มที่เกิดขึ้นเป็นแบบใหญ่ แบบเล็ก แบบย่อย ต่อหนึ่งรอบการวิ่งระยะเวลาการวิ่งของกราฟโดยเฉลี่ย จะอยู่ระหว่าง 2 วันขึ้นไป แต่ไม่เกิน 6 วันต่อหนึ่งรอบการวิ่งของแนวโน้มใหญ่ เล็กและย่อย
เริ่มต้นฝึกสังเกตธรรมชาติของกราฟระดับ H4
โดยเฉลี่ยระดับการวิ่งของกราฟที่ 4 ชั่วโมง วิ่งได้ตั้งแต่ 200 จุดถึง 2,500 จุด โดยประมาณ ต้องดูให้ออกก่อนว่าแนวโน้มที่เกิดขึ้นเป็นแบบใหญ่ แบบเล็ก แบบย่อย ต่อหนึ่งรอบการวิ่งระยะเวลาการวิ่งของกราฟโดยเฉลี่ย จะอยู่ระหว่าง 5 วันขึ้นไป จนถึงหนึ่งเดือนต่อหนึ่งรอบการวิ่งของแนวโน้มใหญ่ เล็กและย่อย
เริ่มต้นฝึกสังเกตธรรมชาติของกราฟระดับ D1
โดยเฉลี่ยระดับการวิ่งของกราฟที่ 1 วัน วิ่งได้ตั้งแต่ 500 จุดถึง 3,500 จุด โดยประมาณ ต้องดูให้ออกก่อนว่าแนวโน้มที่เกิดขึ้นเป็นแบบใหญ่ แบบเล็ก แบบย่อย ต่อหนึ่งรอบการวิ่งระยะเวลาการวิ่งของกราฟโดยเฉลี่ย จะอยู่ในระหว่าง 1 เดือนขึ้นไป จนถืง 4 เดือนต่อหนึ่งรอบการวิ่งของแนวโน้มใหญ่ เล็กและย่อย
การฝึกดูธรรมชาติของกราฟ สามารถบอกได้ว่า
- จังหวะไหนควรเข้าเทรด - จังหวะไหนควรหยุดรอ - จังหวะเวลาไหนมักจะเกิดการพักตัว
เพื่อนำไปต่อยอดกับการวิเคราะห์กราฟตามขั้นตอนต่าง ๆ ที่แนะนำมาก่อนหน้านี้ (โดยใช้หลักความน่าจะเป็นควบตามไปด้วย)
นอกจากนี้ยังทำให้เข้าใจถึงระดับการวิ่ง และระดับการใช้เวลาของการขึ้นลงของกราฟในแต่ละช่วงเวลา (timeframe) และทำให้รู้ว่า ในทุกช่วงเวลามักจะมีรอบการขึ้น และรอบการลงให้นักลงทุนได้เทรดเสมอ ๆ
เมื่อเจอ sideways ก็ควรรอจังหวะให้เป็น เพราะมีรอบการขึ้นการลงให้เห็นเสมอ ๆ ในทุก ๆ ช่วงเวลา จะสังเกตุเห็นได้ว่าในช่วงเวลาที่ยาวขึ้น ระดับแนวโน้มก็มักจะกินเวลานานขึ้น ระดับการวิ่งของราคาก็มากขึ้นตามด้วยเช่นกัน
ควรเลือกช่วงเวลาให้เหมาะสมกับลักษณะการเทรดดังนี้
- 1m 5m 15m เหมาะกับการเล่นระยะสั้น มักจะหาจังหวะเล่นได้ในหนึ่งวัน - 30m 1h เหมาะกับการเล่นระยะปานกลาง - 4h 1d เหมาะกับการเล่นระยะยาว
การมองวัฎจักรของกราฟยังทำให้เข้าใจว่า
การมองควรมองระยะยาว -> ไปหาระยะปานกลาง -> ไปหาระยะสั้น
Example
ระยะยาวอาจจะพักตัวในแนวโน้มขึ้น แต่ระยะปานกลางเริ่มลง ส่วนระยะสั้นเป็นแนวโน้มขาลงชัดเจน ลักษณะเช่นนี้ นักลงทุนควรจะมองภาพรวมจากระดับช่วง เวลามากไปหาช่วงเวลาที่น้อยลงเพื่อเข้าใจภาพใหญ่ไปสู่ภาพเล็ก ฉะนั้นจึงต้องมองทุก ๆ ช่วงเวลาให้เข้าใจว่าระดับไหนเกิดแนวโน้มอะไรอยู่
หวังว่าคงจะได้ไอเดีย และนำไปประยุกต์ใช้และแบ่งเวลาเล่นได้ถูกจังหวะ หาเวลาเล่นที่เหมาะสม เข้าใจการเล่นเป็นรอบๆ เพราะในกราฟมีแค่สองรอบเท่านั้นที่จะทำกำไรได้ นอกนั้นมักจะขาดทุน (sideways) และยังทำให้นักลงทุนเข้าใจว่าช่วงเวลาไหนเหมาะกับนิสัยเรา เราว่างแบบไหนก็หาช่วงเวลาเล่นตามระดับช่วงเวลานั้นๆ
การศึกษาธรรมชาติมักจะเกิดซ้ำๆให้เห็นเสมอๆ ไม่เว้นแบบกระทั่งรูปแบบต่างๆ ก็จะเกิดซ้ำไปซ้ำมาเสมอ ๆ อยู่ที่จังหวะว่าเรามาทันมั้ย รอได้มั้ย และกำลังเล่นช่วงไหนอยู่
บทเรียนโดย the_greenday แห่ง ThailandInvestorClub.com
จากคุณ |
:
กองกำลังปั้นฝัน
|
เขียนเมื่อ |
:
6 ก.ค. 53 09:11:54
|
|
|
|
|