PANTIP.COM : I9471513 kk [หุ้น]

ความคิดเห็นที่ 19

บล.เอเซียพลัส : KK แนะนำซื้อ Fair value 31.79 บาท

คาดกำไรสุทธิ 2Q53 หดตัวเพราะบันทึกกำไรจากการขาย NPA ลดลง
ฝ่ายวิจัยคาด KK จะมีกำไรสุทธิ 2Q53 ราว 572 ล้านบาท ลดลงถึง 30.1% qoq เนื่อง
จากการลดลงของกำไรจากการขาย NPA ในงวดนี้ มาอยู่ที่ระดับเพียง 120 ล้านบาท เนื่องจาก
เหตุการณ์จลาจลในช่วงที่ผ่านมาไม่เอื้ออำนวยต่อการขาย (KK ตั้งเป้าหมายการขาย NPA ในปี
2553 ราว 4 พันล้านบาท โดยใน 1Q53 สามารถขายไปได้ 1 พันล้านบาท คิดเป็นกำไรราว
300 ล้านบาท) แต่หากไม่รวมรายการดังกล่าว คาดว่ากำไรจากการดำเนินงานในงวดนี้ยังเติบโต
8.8% qoq โดยสินเชื่อสุทธิใน 2Q53 ยังเติบโตต่อเนื่อง 3% qoq (โดยรวมแล้ว คาดสินเชื่อ
สุทธิใน 1H53 เติบโตถึง 5% จากสิ้นปี 2552 ยังใกล้เคียงกับเป้าหมายทั้งปี 2553 ที่ฝ่ายวิจัย
ประเมินไว้ที่ 12% yoy) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเติบโตของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ (สัดส่วน 71% ของ
สินเชื่อรวม) นอกจากนี้ กลุ่มสินเชื่อเพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัย (Pre-financing loan) (สัดส่วน 15%
ของสินเชื่อรวม) พบว่ามี การเติบโตที่สูงขึ้นเช่นกันจากที่หดตัวถึง 10% qoq ใน 1Q53 (แต่โดย
รวมแล้วใน 1H53 ยังติดลบเมื่อเทียบกับสิ้นปี 2552) สำหรับ NIM คาดว่าจะหดตัวเล็กน้อยจาก
งวดที่ผ่านมา แม้ Yield จะยังสามารถทรงตัวได้ตามการปล่อยสินเชื่อใหม่ๆ เพิ่มขึ้น แต่เนื่องจาก
การเพิ่มขึ้นของต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายตามการเพิ่มขึ้นของเงินกู้และตั๋ว B/E จึ่งส่งผลกระทบต่อ
NIM ดังกล่าว ส่วน NPL ไม่มีประเด็นที่น่ากังวล โดยการตั้งสำรองหนี้ฯ จะเป็นไปตามนโยบาย
ปกติของธนาคารฯ รวมกับการตั้งสำรองหนี้ฯ ที่เป็น General reserve อีกเล็กน้อย ทั้งนี้ ยังมี
ประเด็นที่ต้องติดตามเกี่ยวกับการตั้งด้อยค่าของค่านิยมจากเงินลงทุนใน บ.แกมมา แคปปิตอล
ฟันด์ฯ (สัดส่วน 94.57% ของหน่วยลงทุนทั้งหมด) และ บ.บางกอก แคปปิตอล ฟันด์ฯ (สัดส่วน
96.11% ของหน่วยลงทุนทั้งหมด) ที่ KK ได้ประมูลซื้อมาใน 1Q53 ด้วยมูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น
4.21 พันล้านบาท และได้บันทึกเป็นค่านิยมราว 700 ล้านบาท ซึ่งฝ่ายวิจัยได้คาดการณ์รายการ
ค่าใช้จ่ายดังกล่าวไว้ราว 150 ล้านบาท แต่หากธนาคารฯ ต้องบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายในมูลค่าที่สูง
กว่านี้ ก็จะทำให้ประมาณการกำไรสุทธิลดต่ำกว่าที่ประเมินไว้

แนวโน้มกำไร 2H53 จะกลับมาสดใสตามการขาย NPA ที่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ
ฝ่ายวิจัยยังมีมุมมองบวกต่อแนวโน้มกำไรสุทธิใน 2H53 ของ KK ที่จะเริ่มฟื้นตัวกลับ
เข้าสู่ภาวะปกติอีกครั้ง จากที่ซบเซาไปใน 2Q53 โดยธนาคารฯ ยังคงเป้าหมายการขาย NPA ทั้ง
ปี 2553 ดังกล่าวข้างต้น นั่นหมายถึงในช่วง 2H53 การขาย NPA จะเป็นไปอย่างเร่งตัวมากขึ้น
ซึ่งจะส่งผลบวกต่อแนวโน้มกำไรสุทธิใน 2H53 เนื่องจากมูลค่าตลาดของ NPA ในปัจจุบันอยู่สูง
กว่ามูลค่าตามบัญชีถึง....% ซึ่งสะท้อนได้จากการขาย NPA ในช่วงที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะเป็นการ
ขายที่มีกำไร สำหรับธุรกิจหลักคาดว่าการฟื้นตัวจะเป็นไปในทิศทางบวกมากขึ้นเช่นกัน โดย
เฉพาะสินเชื่อเพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัย ซึ่งภายหลังจากหมดอายุมาตรการภาษีธุรกิจอสังหาฯ จะทำให้
ยอดการชำระคืนเริ่มลดลง และเห็นการเติบโตที่เป็นบวกมากขึ้น

ราคาหุ้นถูกสุดในกลุ่มเช่าซื้อรถยนต์...ต่ำทั้ง PER และ PBV แต่ปันผลสูงสุด
ฝ่ายวิจัยแนะนำซื้อ KK โดยกำหนด Fair value ปี 2553 เท่ากับ 31.79 บาท อิง
PBV 0.9 เท่า (ภายใต้คาดการณ์ ROE ระยะยาวที่ 10.5%) โดยคาดแนวโน้ม EPS ปี 2553-
54 จะเติบโตต่อเนื่องที่ระดับ 9.8% yoy และ 6.2% yoy ตามลำดับ ทั้งนี้ ราคาหุ้นปัจจุบันยังมี
PER และ PBV ต่ำสุดเมื่อเทียบกับหุ้นในกลุ่มเช่าซื้อรถยนต์ทั้ง TCAP และ TISCO อีกทั้งยัง
คาด Div yield ปี 2553-54 สูงสุดในกลุ่มฯ หรือเฉลี่ยถึง 7-8% p.a. (สำหรับนักลงทุนที่ยอมรับ
ความเสี่ยงได้มาก สามารถเลือกลงทุน KK-W4 ได้ เพราะนอกจากจะได้ประโยชน์จาก
Gearing ในอัตราที่สูงถึง 3.68 เท่า อีกทั้งราคา KK-W4 ยังมีสถานะ In the Money ราว 2%
ดังนั้นในระยะสั้นราคา KK-W4 มีโอกาสที่จะ Outperform กว่าหุ้นแม่ KK จึงเป็นทางเลือกที่น่า
สนใจอีกทางหนึ่งสำหรับนักลงทุน)

จากคุณ : โตขึ้นจะเป็นเซียน

เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 53 04:26:33