ความคิดเห็นที่ 6 |
15 ปี แห่งความหลัง
เอากราฟเซทตั้งแต่เริ่มมาให้ดูกัน และเพื่อรำลึกความหลังกับผู้อาวุโสทั้งหลาย .... เหล่านักรบเดนตาย
ที่จุดแดง เป็นจุดเริ่มของชีวิตในตลาดของผม เข้าตลาดตอนมันขึ้นเป็นรอบสุดท้าย ได้ลิ้มลองรสชาติความหอมหวนของกำไรที่หาได้ง่าย ไม่ต้องทำงานหนัก
ช่วงแรกที่เข้าตลาด เงินทองไหลมาเทมา ยิ่งได้กำไรมาก ยิ่งถมเอาเงินเข้าไปเพิ่มอีก พอเงินเดือนออก เอามาซื้อหุ้นหวังต่อยอดให้กำไรงอกงามเข้าไปอีก
ได้ใจมาก ถึงขนาดเอาเงินของคนอื่นมาลง โดยยอมจ่ายดอกเบี้ยให้อย่างาม ... ความโลภบังตาโดยแท้
พอตลาดเริ่มลง เริ่มขาดทุนบ่อยครั้ง และมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ในเมื่อบรรดานักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงเชื่อมั่นว่า เดี๋ยวก็เด้งอย่างที่เคยเป็น
... ก็ขนาดเขาเป็นนักวิเคราะห์ยังเชื่อแบบนั้น แล้วแมงเม่าปีกอ่อนๆแบบผม จะเห็นเป็นอื่นได้อย่างไร
นำมาซึ่งการตัดสินใจที่ผิดพลาดที่สุดเรื่องหนึ่งในชีวิต .... เปิดบัญชีมาร์จิ้น
ตลาดยังคงไหลลงต่อเนื่อง แต่ด้วยความด้อยประสบการณ์และงี่เง่า จึงทำสิ่งที่ผิดพลาดมากขึ้น คือ เอาเงินเข้าไปเติมในบัญชีเพื่อรักษาสถานะไม่ให้ถูกฟอร์สเซล
ตลาดไหลต่อลงไปพร้อมเด้งเป็นระยะๆ จนลงไปต่ำสุดที่ประมาณ 207 จุด .... ตลาดลงมากองพร้อมกับจุดต่ำสุดในชีวิตของแมงเม่าคนหนึ่ง
แม้ว่าตลาดจะค่อยๆไต่กลับขึ้นมาเรื่อยๆ แต่ความตกต่ำและบาดแผลในใจของแมงเม่าคนนี้ยังคงอยู่อีกหลายปี
2 ปี หลังจากที่สูญเสียเกือบทุกอย่าง ... ผมก้มหน้าก้มตาทำแต่งาน ไม่คิดแม้จะเปิดหนังสือพิมพ์ดูราคาหุ้น
แต่สิ่งที่เจ็บปวดที่สุด คือ เสียงหัวเราะของคนหลายคนเมื่อยามที่พูดถึงแมงเม่าในตลาดหุ้น คนเจ๊งหุ้น
เมื่อบาดแผลเริ่มตกสะเก็ด ผมได้เข้ามาอ่านในสินธร และเริ่มศึกษาการวิเคราะห์ทางเทคนิค
ผมใช้เวลา 2 ปีกว่า เพื่ออ่านหนังสือและบทความเกี่ยวที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งหาโปรแกรมชื่อดังทั้งหลายมาลองใช้
หนังสือ 200 กว่าเล่ม และโปรแกรม 27 โปรแกรม สร้างความมั่นใจได้พอสมควร ... จึงกลับเข้ามาในวงการอีกครั้ง
แม้คราวนี้จะมีความรู้ติดตัวแล้ว แต่ก็ยังไม่เป็นที่พอใจ เวลามีกำไรก็ได้มาก .... มากกว่าทำงานประจำเยอะ แต่สุดท้ายก็คืนตลาดไปเรื่อยๆ ... ไม่สม่ำเสมอซักที
ชีวิตในการเทรดของผม เปลี่ยนไปสิ้นเชิงเมื่อได้รับคำแนะนำจากคนที่ประสบความสำเร็จในตลาดจริงๆแล้ว 3 คน
การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดคือ การเปลี่ยนแปลงทัศนคติ .... เปลี่ยนที่จิตใจ วิธีการคิด
มันอาจใช้เวลานานมาก เกือบ 10 ปี กว่าที่ผมจะได้เข้าใจตลาด .... ต้องสูญเสียมากมายกว่าจะได้มา
ถ้าผมไม่สูญเสียมันมาก่อน ผมอาจจะไม่มีวันเข้าใจ .... และหากผมไม่เข้าใจ สิ่งผมไม่สูญเสียไปเมื่ออายุ 30 ปี อาจเทียบกันไม่ได้กับที่จะเสียเมื่ออายุมากขึ้น
ล้มเมื่ออายุ 30 ปี ยังพอมีแรงสู้ใหม่ แต่ถ้าล้มเมื่ออายุ 60 ปี .... ผมคงล้มเหลวตลอดไป
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
บางคนอาจจะเห็นว่า ผมจริงจังมากไปในหลายๆครั้ง และพูดให้ระวังจนอาจมากเกินไป
ขอให้เข้าใจเถอะครับ หวังดีจริงๆ แม้จะไม่เคยพบหน้ากัน ... สิ่งที่ผมผ่านมา ไม่อยากให้เกิดกับใคร
.... เคยอัดอั้นตันใจขนาด นั่งรถเมล์ตอนดึกๆกลับบ้าน ได้ยินเพลงๆนึง กระทบใจถึงขนาดนั่งร้องไห้บนรถเมล์มาแล้ว
แก้ไขเมื่อ 16 ก.ค. 53 14:31:08
จากคุณ |
:
ซาไก
|
เขียนเมื่อ |
:
16 ก.ค. 53 14:18:25
|
|
|
|