Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ปุจฉา-วิสัชนา "รายละเอียดการสอบ stress test ภาคธนาคารยุโรป"  

xBT> EUROPE:ปุจฉา-วิสัชนา "รายละเอียดการสอบ stress test ภาคธนาคารยุโรป"
       บรัสเซลส์--20 ก.ค.--รอยเตอร์

       ประเทศต่างๆในสหภาพยุโรป (อียู) จะดำเนินการทดสอบภาวะวิกฤติ
(stress test) ในธนาคารหลายแห่งและจะเปิดเผยผลการทดสอบในวันที่ 23
ก.ค. ตั้งแต่เวลา 23.00 น.ตามเวลาไทย โดยมีจุดประสงค์เพื่อทำให้ตลาด
การเงินมีความมั่นใจในสถานะของระบบการธนาคารของอียู
       ต่อไปนี้เป็นรายละเอียดเกี่ยวกับการทดสอบภาวะวิกฤติ:-

       * ธนาคารแห่งใดบ้างที่จะได้รับการทดสอบ
       ธนาคาร 91 แห่งใน 20 ประเทศที่ครองส่วนแบ่ง 65 % ในภาคธนาคาร
ของยุโรป โดยมีตั้งแต่ธนาคารดอยช์ แบงก์ของเยอรมนีจนถึงธนาคารแบงก์ ออฟ
วาลเลตตา ของประเทศมอลตา และรวมถึงธนาคารระดับภูมิภาค 7 ใน 8 แห่ง
ของเยอรมนีด้วย โดยธนาคารระดับภูมิภาคเพียงแห่งเดียวที่ไม่ได้เข้าร่วมไว้ใน
การทดสอบครั้งนี้ คือธนาคารซาร์ (Saar) ที่มีขนาดเล็กมาก ขณะที่ธนาคาร
ออมทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดของสเปน หรือ caja ทั้ง 19 แห่งจะเข้า
รับการทดสอบในครั้งนี้
       ในประเทศสมาชิกอียูแต่ละประเทศนั้น ธนาคารที่เข้ารับการทดสอบ
จะเริ่มตั้งแต่ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของประเทศนั้นและธนาคารลำดับรองลงไปเรื่อยๆ
จนกระทั่งครอบคลุมส่วนแบ่งอย่างน้อย 50 % ในภาคธนาคารของประเทศดังกล่าว

       * วิธีการทดสอบเป็นอย่างไร
       หน่วยงานกำกับดูแลของแต่ละประเทศจะทำการทดสอบ โดยจะประสานงาน
กับคณะกรรมาธิการผู้ตรวจสอบการธนาคารยุโรป (CEBS) ซึ่งเป็นกลุ่มผู้กำกับดูแล
ด้านการเงินที่ตั้งอยู่ในกรุงลอนดอน
       การทดสอบจะจำลองวิธีการรับมือของธนาคารต่อแรงกดดันทางการเงิน
ที่มีต่อเงินกู้และสินทรัพย์อื่นๆในภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ย่ำแย่ลง
       สถานการณ์ในการทดสอบครั้งนี้จะเป็นการตั้งข้อสมมุติว่ามูลค่าผลิตภัณฑ์
มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของอียูได้หลุดจากกรอบราว 3 % จากตัวเลข
คาดการณ์ของคณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) ในช่วง 2 ปีข้างหน้า และจะเป็น
การสมมุติว่าเกิด "ภาวะตื่นตระหนกเกี่ยวกับหนี้สินรัฐบาล" ขึ้น โดยในสถานการณ์
ดังกล่าวนี้ ราคาพันธบัตรรัฐบาลบางรายการจะร่วงลงไปอีกจากระดับที่ตกต่ำในช่วง
ต้นเดือนพ.ค. ขณะที่แหล่งข่าวกล่าวว่า ราคาพันธบัตรรัฐบาลกรีซจะดิ่งลง 23 %
จากระดับราคาในตลาดปัจจุบันในการทดสอบครั้งนี้
       ธนาคารต่างๆจะถูกทดสอบเรื่องความแข็งแกร่งของเงินกองทุนขั้นที่ 1
(Tier 1 capital) ซึ่งเป็นตัววัดสำคัญสำหรับความแข็งแกร่งทางการเงิน
โดยธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ต้องการที่จะดูว่าอัตราส่วนเงินกองทุนขั้นที่ 1
ต่อสินทรัพย์จะยังคงอยู่เหนือระดับอ้างอิงขั้นต่ำที่ 6 % ของสินทรัพย์ในระหว่าง
การทดสอบหรือไม่ ทั้งนี้ ถึงแม้อัตราที่ใช้ในการทดสอบนี้อยู่สูงกว่าระดับขั้นต่ำ
ทางกฏหมายที่ 4 % แต่ก็อยู่ต่ำกว่าระดับที่ผู้ถือหุ้นธนาคารส่วนใหญ่พอใจ
โดยขณะนี้ดอยช์แบงก์มีอัตราส่วนเงินกองทุนขั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์สูงกว่า 11%

       * จะมีการเปิดเผยผลการทดสอบเมื่อใด
       จะมีการเปิดเผยผลการทดสอบโดยรวมในวันที่ 23 ก.ค. ณ เวลา
23.00 น.ตามเวลาไทยทางเว็บไซท์ของ CEBS ที่ www.c-ebs.org ขณะที่
ธนาคารและผู้กำกับดูแลของแต่ละประเทศจะเปิดเผยผลการทดสอบของแต่ละ
ธนาคารทางเว็บไซท์ของตนในเวลาตั้งแต่ 23.00 น.ของวันเดียวกัน

       * การทดสอบมีแนวโน้มที่จะบ่งชี้อะไร
       การทดสอบธนาคารขนาดใหญ่นั้นคาดว่าจะไม่บ่งชี้ถึงปัญหาที่รุนแรง
โดยธนาคารเหล่านี้มีความแข็งแกร่งขึ้นโดยรวมนับตั้งแต่เกิดวิกฤติการเงินโลก
ในปี 2007-2009 และยังคงมีความสามารถที่จะระดมทุนจากตลาดเงินทุนภาค
เอกชน โดยแหล่งข่าวกล่าวว่าธนาคารดอยช์ แบงก์, คอมเมิร์ซแบงก์ และ
บาเยิร์นของเยอรมนีได้ผ่านการทดสอบไปแล้ว
       มีความวิตกอย่างมากเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ผลการทดสอบครั้งนี้
จะแสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอในงบดุลบัญชีของธนาคารชั้นสองและชั้นสาม
ที่มีขนาดเล็ก ซึ่งรวมถึงธนาคารระดับภูมิภาคของเยอรมนีและธนาคารออมทรัพย์
ของสเปน โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่า รัฐบาลในแต่ละแคว้นของเยอรมนี
ซึ่งเป็นเจ้าของธนาคารระดับภูมิภาค ไม่ได้เปิดเผยถึงปัญหาของธนาคารกลุ่มนี้
อย่างเต็มที่ในช่วงที่ผ่านมา
       ธนาคารจำนวนมากในกรีซและโปรตุเกสไม่สามารถเข้าถึงตลาดทุน
ภาคเอกชนในช่วงที่เกิดวิกฤติหนี้สินในประเทศตน และต้องขอเงินกู้จากอีซีบี
ในช่วงที่ผ่านมา
       อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จากอีซีบีและรัฐบาลต่างๆในอียูได้ยืนยันว่า
การทดสอบภาวะวิกฤติจะแสดงว่าระบบการธนาคารของยุโรปมีความแข็งแกร่ง
โดยพื้นฐาน
       นักวิเคราะห์และนักการธนาคารหลายรายเชื่อว่า ในการเพิ่มความ
น่าเชื่อถือของการทดสอบครั้งนี้โดยไม่ทำให้ตลาดตื่นตระหนกกับผลการทดสอบนั้น
ผู้ควบคุมกฎระเบียบจะเปิดเผยผลการทดสอบที่แสดงให้เห็นถึงปัญหาในแต่ละจุด
ที่ไม่เกี่ยวข้องกันในธนาคารบางแห่ง แต่ปัญหาดังกล่าวจะไม่ร้ายแรงมากพอที่จะ
เป็นภัยคุกคามต่อระบบการธนาคารทั้งประเทศ
       นักวิเคราะห์ประเมินว่าอาจมีธนาคารราว 20 แห่งที่จำเป็นต้องเพิ่มทุน
หลังการทดสอบ โดยธนาคารเครดิต สวิสประเมินว่า การทดสอบในครั้งนี้จะแสดง
ให้เห็นว่าธนาคารในยุโรปจำเป็นต้องเพิ่มทุน 9 หมื่นล้านยูโร ซึ่งรวมถึงธนาคาร
ระดับภูมิภาคของเยอรมนีที่ต้องเพิ่มทุน 3.7 หมื่นล้านยูโร และธนาคารออมทรัพย์
ของสเปนที่ต้องเพิ่มทุน 1.2 หมื่นล้านยูโร

       * การทดสอบจะเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับตลาดหรือไม่
       การทดสอบภาวะวิกฤติในวงจำกัดต่อธนาคารยุโรปจำนวนไม่กี่แห่งในปีที่แล้ว
ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดได้ และไม่ได้มีการเปิดเผยผลการทดสอบของ
ธนาคารแต่ละแห่งออกมาด้วย
       การทดสอบครั้งใหม่นี้มีความใกล้เคียงกับการทดสอบภาวะวิกฤติในธนาคาร
สหรัฐ ทั้งในด้านขอบเขต, ความเข้มงวดและความโปร่งใส  โดยการทดสอบในสหรัฐ
ในครั้งนั้นประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งในการ คลายความวิตกของนักลงทุน
       อย่างไรก็ดี อาจจะเกิดความเสียหายขึ้นได้ถ้าหากนักลงทุนมองว่า สถานการณ์
ที่ใช้ในการทดสอบเป็นสถานการณ์ที่ไม่เลวร้ายมากพอ หรือถ้าหากมีการเปิดเผยผลการ
ทดสอบเพียงบางส่วนต่อสาธารณชน เพราะการทำเช่นนี้ จะทำให้นักลงทุนมองว่าการ
ทดสอบในครั้งนี้เป็นเพียงความพยายามปั่นความเห็นในตลาด และปกปิดปัญหาที่ฝังราก
ลึกอยู่ในระบบธนาคาร ซึ่งถ้าหากนักลงทุนมองเช่นนี้ การทดสอบในครั้งนี้ก็จะส่งผลให้
ความกังวลในตลาดเพิ่มสูงขึ้น
       อาจมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กระบวนการที่ใช้ในการทดสอบครั้งนี้  ยกตัวอย่าง
เช่น "ภาวะตื่นตระหนกเกี่ยวกับหนี้สินรัฐบาล" ที่ใช้ในการทดสอบครั้งนี้ไม่ใช่สถานการณ์
ที่ประเทศสมาชิกยูโรโซนผิดนัดชำระหนี้อย่างเต็มที่ ขณะที่ธนาคารบางแห่งอาจหลีกเลี่ยง
การรับรู้ยอดขาดทุนทางพันธบัตรในสถานการณ์ดังกล่าวด้วยการระบุว่า ทางธนาคาร
จะถือครองพันธบัตรดังกล่าวจนครบกำหนดไถ่ถอน แทนที่จะปรับลดราคาพันธบัตรในบัญชี
ลงตามราคาในตลาด
      สิ่งที่แตกต่างกันระหว่างธนาคารสหรัฐกับธนาคารยุโรปในการทดสอบภาวะ
วิกฤติก็คือว่า ปัญหาสำคัญสำหรับธนาคารยุโรปหลายแห่งไม่ใช่คุณภาพของงบดุล
แต่เป็นความสามารถในการระดมทุนด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ไม่สูงเกินไป โดยอัตรา
ดอกเบี้ยเงินกู้ระยะสั้นระหว่างธนาคารพุ่งขึ้นมาแล้วเกือบ 0.20 % ในช่วงสามเดือน
ที่ผ่านมา ในขณะที่อีซีบีเริ่มต้นปรับลดระยะเวลาในการปล่อยกู้แก่ธนาคารในยุโรป
และตลาดคาดว่าอีซีบีจะยุตินโยบายอัดฉีดเงินทุนอย่างไม่จำกัดจำนวนในเวลาไม่กี่
เดือนข้างหน้า
       เมื่อผลการทดสอบออกมา นักลงทุนจะต้องการดูว่า รัฐบาลของแต่ละ
ประเทศจะเต็มใจและสามารถดำเนินการอย่างรวดเร็วในการแก้ปัญหาใดๆ
ที่ตรวจพบหรือไม่ ถ้าหากธนาคารไม่สามารถระดมทุนได้มากพอจากตลาด
       เจ้าหน้าที่อีซีบีได้เรียกร้องให้ประเทศต่างๆรับประกันว่า มีโครงข่าย
ความปลอดภัยทางการเงินฉุกเฉินเพื่อสกัดกั้นการล้มละลายอย่างไม่เป็นระเบียบ
ของธนาคารต่างๆที่ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการดำรงเงินกองทุนที่ 6% ในการ
ทดสอบ
       เนื่องจากงบดุลในภาคธนาคารมีความซับซ้อนและมีความไม่แน่นอน
เป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่ตลาดอาจจะไม่มั่นใจในภาคธนาคาร
จนกว่าเศรษฐกิจของประเทศต่างๆในยุโรปจะเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน
ซึ่งกระบวนการนี้อาจกินเวลา 1-2 ปีในประเทศทางตอนใต้ของยุโรป

       * รัฐบาลจะสามารถรับมือกับปัญหาที่ได้รับการเปิดเผยในผลการทดสอบ
ครั้งนี้หรือไม่
       ดูเหมือนว่ารัฐบาลจะสามารถรับมือกับปัญหาดังกล่าวได้  ถึงแม้ว่ากระบวน
การนี้อาจจะต้องใช้เงินจำนวนมาก, ใช้เวลานาน  และก่อให้เกิดความคิดเห็นขัดแย้ง
ในทางการเมือง
       รัฐบาลต่างๆระบุว่า รัฐบาลได้สร้างโครงข่ายความปลอดภัยแล้ว หรือเต็มใจ
ที่จะดำเนินการต่อไปเพื่อปกป้องระบบการเงินหากจำเป็น
       สเปนเป็นตัวอย่างหนึ่งในเรื่องนี้ โดยมีการจัดตั้งกองทุนสำหรับการปรับ
โครงสร้างธนาคารเมื่อ 1 ปีที่แล้ว โดยมีทุนขั้นแรก 9 พันล้านยูโรและสามารถกู้ยืม
อีก 9 หมื่นล้านยูโรในตลาดตราสารหนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน
       แหล่งข่าวกล่าวว่า ถ้าหากธนาคารแห่งใดแห่งหนึ่งของเยอรมนีไม่ผ่าน
การทดสอบ ธนาคารกลางเยอรมนีก็จะขอให้ธนาคารดังกล่าวกู้เงินจากตลาดทุน
หรือกู้เงินจากกองทุน Soffin ของเยอรมนี ซึ่งยังคงมีเงินราว 3 แสนล้านยูโร
อยู่ในกองทุน
       ภายใต้ข้อตกลงกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) นั้น
รัฐบาลกรีซได้เตรียมออกกฏหมายเพื่อจัดตั้งกลไกสนับสนุนเงินทุน 1 หมื่นล้านยูโร
สำหรับธนาคารต่างๆในกรณีที่อัตราเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงลดลง และธนาคาร
ดังกล่าวไม่สามารถระดมทุนจากตลาด
       นายโอลลี เรห์น กรรมาธิการเศรษฐกิจและการเงินของอียูกล่าว
ในวันที่ 5 ก.ค.ว่า ถ้าหากรัฐบาลประเทศใดขาดแคลนเงินทุนที่จะใช้ในการ
เพิ่มทุนให้แก่ธนาคาร รัฐบาลประเทศนั้นก็จะสามารถกู้เงินจากวงเงินปล่อยกู้
ฉุกเฉินจำนวน 5 แสนล้านยูโรที่อียูจัดตั้งไว้ในเดือนพ.ค. ที่ผ่านมา
       สินเชื่อดังกล่าวอาจต้องใช้เวลา 2-3 สัปดาห์ในการเตรียมการ
แต่โครงการที่ได้รับการจัดตั้งในเดือนพ.ค.ระบุว่า อีซีบีสามารถเข้าแทรกแซง
ตลาดทุนได้ในทันทีเพื่อลดปัญหาด้านการระดมทุน โดยใช้วิธีเข้าซื้อพันธบัตร
ที่ธนาคารดังกล่าวถือครองไว้หรือพันธบัตรของประเทศที่ประสบปัญหา--จบ--

       (รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปล; ก้องเกียรติ กอวีรกิติ เรียบเรียง)
     

แก้ไขเมื่อ 20 ก.ค. 53 17:38:17

จากคุณ : longde
เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 16:26:16




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com