Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
2G ---> 3G  

1G เป็นระบบอะนาล็อค ใช้ได้แต่ voic ไม่รองรับการส่งผ่าน data ใดๆทั้งสิ้น

2G เริ่มพัฒนาเป็นระบบดิจิตอล ใช้ได้ทั้ง voic และรองรับการส่งผ่าน data
    ระหว่างทางมีการพัฒนาเทคโนโลยี เช่น GPRS (2.5G) EDGE (2.75G)
    ซึ่งเป็นการพัฒนาต่อยอดจากของเดิมใช้การบีบอัดข้อมูลทำให้มีความ
    เร็วเพิ่มขึ้นตามลำดับแต่ก็มีข้อจำกัดทำให้ไม่สามารถเปิดให้บริการแบบ
    ได้อย่างเต็มรูปแบบ เนื่องจากจะทำให้เกิดผลรบกวนต่อ
    จำนวนวงจรสื่อสารแบบ Voice มากจนเกินไป

3G  ช่วยให้สามารถใช้มัลติมีเดียได้เต็มที่ และ สมบูรณ์แบบขึ้น เช่น
     รับ-ส่งข้อความที่มีขนาดใหญ่,ประชุมทางไกลผ่านหน้าจออุปกรณ์สื่อ
     สาร, ดาวน์โหลดเพลง, ดูภาพยนตร์ ฯลฯ  ทำให้โทรศัพท์เคลื่อนที่
     เปรียบเสมือน คอมพิวเตอร์แบบพกพา

4G  ทำความเร็วในการสื่อสารได้ถึงระดับ 20-40 Mbps  ทำให้คุณสมบัติการ
     เชื่อมต่อเสมือนจริงในรูปแบบสามมิติ (three- dimensional)  สามารถ
     ให้บริการรับชมรายการโทรทัศน์ผ่านมือถือได้อย่างสบาย  ฯลฯ ญี่ปุ่น
     เปิดให้บริการแล้ว

สรุป  G  คือ Generation แต่ละ G เป็นการพัฒนาให้มีความเร็วเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อรองรับการใช้งานอื่นๆ (Non-Voice) เพิ่มขึ้น แน่นอนก็ต้องมีค่าใช้จ่ายในการลงทุนตามมาด้วย

ที่เป็นข่าวตอนนี้คือการที่รัฐจะเปิดเสรี 2G ยกเลิกระบบสัมปทาน (แปลว่าผูกขาด) ที่แต่ละบริษัทเหลือกันไม่กี่ปี (เจ้าของหุ้นระวังเรื่องนี้ด้วย) แล้วใช้ระบบใบอนุญาตแทนซึ่งไม่เป็นผลดีต่อบริษัทมือถือเพราะ ทำให้มี player มากขึ้นจากเดิมสามราย ในขณะที่จำนวนผู้ใช้ยังเท่าเดิมหรือเพิ่มน้อยมาก รายได้ต้องลดลงเป็นธรรมดาตามกฏดีมานด์ซับพราย ซึ่งธุรกิจทางด้านนี้ค่อนข้างจะอิ่มตัวไม่เติบโตแบบก้าวกระโดดไปไกลแบบในช่วงแรกๆ แล้ว สิ่งหนึ่งที่เป็นที่รู้ๆกันอยู่คือ ทักกี้ยังเริ่มผละออกจากธุรกิจนี้ไปตั้งนานแล้ว ไปสู่ ธุรกิจพลังงานแทน เหมือนกับในอดีตที่เคยออกจากธุรกิจภาพยนต์ เคเบิลทีวีมาเป็นมือถือแทน แล้วปัจจุบันเห็นได้ชัดเลยว่าธุรกิจเคเบิลทีวีเป็นอย่างไง

ส่วน 3g อนาคตยังไม่รู้จะคุ้มทุนเมื่อไร เด็กวัยรุ่นที่ชอบอินเทรนใช้โทรศัพท์เห็นชอบให้ปลายทางออก ผู้ใหญ่ส่วนใหญ่พูดคุยธรรมดา เห็นหน้าเห็นตา
ทางโทรศัพท์มันเวิร์คขนาดไหนทุกวันนี้ก็มีช่องทางให้เห็นหน้าตา
กันเยอะแยะอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น mms email web cam face book ฯลฯ
ส่วนในเรื่องความเร็ว หรือใช้งานทางอินเทอร์เน็ต ทางมือถือ น่าจะเป็นแค่ตัวเสริม เช่น ผู้เล่นหุ้นส่วนใหญ่คงใช้คอมพิวเตอร์โน้ตบุคต์เล่นหุ้นมากกว่า อย่างต่ำก็ เน็ตบุกต์ เมื่อเอ้าดอร์นอกบ้าน ซึ่งมีหน้าจอเห็นชัดกว่าที่จะเทรดผ่านมือถือซึ่งมีจำนวนผู้ใช้น้อยกว่า ส่วนความเร็วทางคอมพิวเตอร์ผ่านเน็ตทุกวันนี้ก็ ok ผมดาวน์โหลดหนังได้วันละห้าหกเรื่องระหว่างรอดูหุ้นเหลือเฟือ (แค่แพกเกจสี่เม็กเอง) ซึ่งเป็นแอพพลิเคชันที่ใหญ่ในขณะนี้เหลือเฟือ (มีโปรแกรมที่ใช้ดาวน์โหลดหลังดีๆ หลายตัว) ทุกวันนี้ผมมีหนังใหม่ๆ ดูชนโรงฟรีเพียบเรื่อยๆ    .... what else ?

จากคุณ : NucEngineer
เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 53 08:52:48




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com