ความคิดเห็นที่ 1 สวัสดี...ทุกท่านผู้อ่านกระทู้ DOW...!!! วันจันทร์ วันพระ จากคุณ : dsc เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 53 07:54:59

ความคิดเห็นที่ 2 วันนี้วันพระ... “สัพเพ ธัมมา นาลัง อภินิเวสายะ - สิ่งทั้งหลายทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น” -เมื่อมาเป็น นักลงทุนในตลาดหุ้น สิ่งแรกคือต้องศึกษาให้รู้จักว่าตลาดหุ้น คืออะไร...? อย่างไร...? แบบใหน...?  จากการสอบถามและการอ่านพบว่ามีข้อหนึ่งในนั้นคือ รู้เขา-รู้เรา ยุคก่อนนั้นคนรุ่นเก่าบอกว่า ให้ดูพอร์ตต่างชาติ ผ่านทางหุ้น XXX-F จะได้รู้ว่า ฝรั่งซื้อ-ขายหุ้นอะไร แต่ตลาดหุ้นก็มีพัฒนาการ และการเปลี่ยนแปลงตลอดไป ซึ่งเป็นเรื่องความเป็นจริงทุกอย่างทางธรรมะ บอกและสอนเราไว้ว่าไม่ยึดหมั่น-ถือหมั่น และ ยึดติดทุกอย่างซึ่งต้องมีการเปลี่ยนเปลงไปได้เรื่อยๆ -ถ้าเราทราบ และคิดเรื่องอย่างนี้ได้ ก็จะเข้าใจและพร้อมที่จะปรับและยอมรับการที่จะมีการเปลี่ยนแปลงได้โดย ไม่ต้องกังวลใดๆที่จะเกิดอะไรขึ้นอีกได้ในอนาคตของตลาดหุ้นและหุ้น จากคุณ : dsc เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 53 08:35:49

ความคิดเห็นที่ 3 XXX-F กระดาน F ต่อมาก็มีลดน้อยลง เพราะตลาดไปเปิดทางเลือกของนักลงทุนต่างประเทศ ที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยทาง NVDR -http://www.set.or.th/set/nvdrbystock.do ซึ่งนักลงทุนที่ชอบรู้แนวทางการลงทุนตามแนวทาง ต่างชาติส่วนหนึ่งก็ติดตาม เข้าไปอ่านเก็บข้อมูล ซึ่งก็มีหุ้นตามตัวอักษร ครบทั้งตลาด จากคุณ : dsc เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 53 08:43:43

ความคิดเห็นที่ 4 เขียวสดใส จากคุณ : yai-cho เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 53 08:53:28

ความคิดเห็นที่ 5 นักลงทุนอีกประเภท หนึ่งก็อาจจะ ใช้วิธีง่ายๆ สั้นๆโดยการดูคร่าวๆว่า พอร์ต นักลงทุนแยกประเภท ใคร ซื้อ-ขาย เท่าใหร่ในแต่ละวันจาก -http://marketdata.set.or.th/mkt/investortype.do?language=th&country=TH หรือ ตรวจเรียงเบอร์จาก  Sinthorn Summary : ต่างชาติขายสุทธิ -243.87 ลบ. คุณ roadtrip ทุกๆวัน จากคุณ : dsc เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 53 08:54:41

ความคิดเห็นที่ 6 -แต่ วิธี ล่าสุด...มีทางเลือกใหม่อีกแล้วที่บางท่านอาจจะยังไม่ทราบ แบบนี้ค่อนข้าง ต้องสนใจจริงและอาจถึงขั้นเป็นบักลงทุนที่ เริ่มเอาจริง ไม่ว่าจะประเภท สนในด้าน พื้นฐาน+เทคนิค   -คือการเข้าไปดู กราฟที่มีทั้งข้อมูลแต่หุ้นทั้งตลาด ที่มีทั้งอักษรพื้นฐานและเส้นกราฟ -ดูฟรี ผ่านโบรกเกอร์ของท่านที่เป็นสมาชิก คู่มือโปรแกรม eFin Smart  v.3.1.2 http://www.mediafire.com/?hqomzzgnyyj เรียนการใช้ด้วยวีดีโอ http://www.efinancethai.com/TrainingOnline/re_trainingonline.aspx จากคุณ : dsc เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 53 09:02:45

ความคิดเห็นที่ 7 สวัสดีครับ พี่dscครับ สวัสดีครับ พี่สายไหม     สวัสดีครับป๋า   สวัสดีครับพี่ sampunth สวัสดีครับพี่อาร์ต สวัสดีจ้า น้องพลูดาว             สวัสดีครับพี่ออสก้า   สวัสดีครับพี่ Ogreen สวัสดีจ้าน้องไม่หล่อ สวัสดีครับพี่yai-cho สวัสดีครับพี่กังหันชี้ทิศทางลม   สวัสดีครับพี่ดอกไม้บานในดวงใจ สวัสดีครับพี่ samsam สวัสดีครับพี่ดาวเรือง   สวัสดีครับพี่ ^MoOn_Man^ สวัสดีครับพี่ ayuhi292 สวัสดีครับ พี่ Red สวัสดีครับ พี่จิ้งจกเขียว สวัสดีครับ พี่yinton สวัสดีครับ พี่p4521 สวัสดีครับ พี่tah-ryin สวัสดีครับ พี่ สุทธิสาร สวัสดีครับ พี่ Nokay สวัสดีครับ พี่ LoveIsColorBlind สวัสดีครับ พี่view2306 สวัสดีครับ พี่C_yada สวัสดีครับ พี่pattern me สวัสดีครับ พี่เด็กเกาะสมุย สวัสดีครับพี่  cheawwaehc สวัสดีครับ พี่noooon010 สวัสดีครับพี่ อาปี้คุง สวัสดีครับพี่ บานบุรีสีม่วง สวัสดีครับพี่ พีทีดี สวัสดีครับพี่ armeh สวัสดีครับพี่มาเพราะรัก สวัสดีครับพี่jvit สวัสดีครับพี่Qvixote สวัสดีครับพี่Suthas14 สวัสดีครับพี่ รักหวางหลุง สวัสดีครับพี่ nusarathi สวัสดีครับพี่ mannormal สวัสดีครับพี่Duo-Core สวัสดีครับพี่นู๋นัน สวัสดีครับน้องเค้าให้หนูมาเที่ยวดอย แก้ไขเมื่อ 26 ก.ค. 53 22:15:10 จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 53 09:06:07

ความคิดเห็นที่ 8 เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม ขอขอบคุณภาพประกอบจาก treehugger.com          "พลาสติก" มีส่วนสำคัญอย่างมากในชีวิตมนุษย์ทุกวันนี้ แต่ก็ส่งผลกระทบอย่างมากในอนาคตเช่นกัน เพราะ "พลาสติก" เป็นขยะที่กำจัดได้ยาก หากนำไปฝังกลบก็ใช้เวลาย่อยสลายเป็นร้อย ๆ ปี และเปลืองพื้นที่ แต่ถ้านำไปเผาก็ยิ่งจะสร้างปัญหาทางมลพิษเพิ่มมากขึ้นไปอีก นั่นจึงทำให้ทุก ๆ วันในประเทศไทยจะมีขยะพลาสติกสูงถึง 7,391 ตันต่อวัน หรือคิดเป็น 18% ของขยะทั้งหมด และหากคิดเป็นปริมาณของทั้งปี ขยะพลาสติกก็จะอยู่ที่ 2.7 ล้านตันเลยทีเดียว (ข้อมูล ณ วันที่ 20 มิถุนายน 2553)          ด้วยเหตุนี้ จึงมีการรณรงค์ให้คนหันมาใช้ถุงผ้าแทนการใช้ถุงพลาสติก เพื่อลดปัญหาขยะ รวมทั้งอีกหนึ่งทางเลือกที่เกิดจากไอเดียดี ๆ ที่จะช่วยพิทักษ์โลก นั่นคือการใช้ "พลาสติกชีวภาพ" นั่นเอง          สำหรับ "พลาสติกชีวภาพ" (BioPlastic) หรือ "พลาสติกชีวภาพที่ย่อยสลายได้" (Biodegradable plastic) คือพลาสติกที่ย่อยสลายได้ง่ายตามธรรมชาติ ผลิตมาจากพืชหลาย ๆ ชนิด มาผ่านกระบวนการผลิตต่าง ๆ จนสามารถนำไปขึ้นรูป เพื่อแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์พลาสติกต่อไปได้ แบ่งออกเป็น 2 ชนิดคือ 1.โพลีแลคติคแอสิด (Polylactic Acid) หรือ "PLA"          การผลิตพลาสติกชีวภาพชนิดนี้ จะใช้พืชที่มีแป้งเป็นองค์ประกอบหลัก เช่น ข้าวโพด มันสำปะหลัง มันสำปะหลัง อ้อย ปอ ฯลฯ เป็นวัตถุดิบ โดยนำมาผ่านกระบวนการบดให้เป็นแป้ง และย่อยให้เป็นน้ำตาล ก่อนจะนำไปหมักกับจุลินทรีย์เพื่อให้กลายเป็นกรดน้ำนม (Lactic Acid) แล้วนำไปผ่านกระบวนการโพลีเมอร์ จะได้สารประกอบโพลีเมอร์จากกรดน้ำนม (PLA) สามารถนำไปเป็นวัตถุดิบในการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกได้เช่นเดียวกับเม็ดพลาสติกจากปิโตรเลียม          โดยพลาสติกชีวภาพชนิดนี้ มีคุณสมบัติพิเศษ คือมีความใส ไม่ย่อยสลายในสภาพแวดล้อมทั่วไป แต่สามารถย่อยสลายได้เอง เมื่อนำไปฝังกลบในดินในระยะเวลาอันสั้น และยังนำไปทำเป็นปุ๋ยหมักได้โดยไม่ทำลายธรรมชาติ 2.โพลีไฮดรอกซีอัลคาโนเอท (Polyhydroxyalkanoates) หรือ "PHAs"          ใช้วัตถุดิบจากแป้งและน้ำตาลเหมือนตัวแรก แต่แตกต่างตรงขั้นตอนการหมัก ที่จะต้องใช้จุลินทรีย์ชนิดพิเศษ ชื่อ "Eschericia Coli" ที่กินน้ำตาลเป็นอาหาร และสามารถเปลี่ยนโครงสร้างทางเคมีของน้ำตาลภายในตัวจุลินทรีย์เองเป็น PHAs ได้ คุณสมบัติของ PHAs สามารถนำไปทำผลิตภัณฑ์พลาสติกได้หลากหลาย เช่น การขึ้นรูปเป็นฟิล์ม การฉีดและเป่า ฯลฯ          และไม่ว่าจะเป็นพลาสติกชีวภาพประเภทใด ต้องบอกว่าเป็นนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจริง ๆ เพราะสามารถย่อยสลายได้ง่ายด้วยอุณหภูมิที่เหมาะสม จึงไม่ก่อให้เกิดมลภาวะทางสิ่งแวดล้อม หลังหมดอายุการใช้งาน ที่สำคัญกระบวนการผลิตพลาสติกชีวภาพ จะปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาน้อยกว่าการผลิตพลาสติกทั่วไปจากปิโตรเคมี จึงสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่าการผลิตพลาสติกทั่วไปถึง 50%          เห็นประโยชน์มากมายของ "พลาสติกชีวภาพ" อย่างนี้ ทำให้หลาย ๆ ประเทศที่เริ่มตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมหันมาใช้ "พลาสติกชีวภาพ" กันมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ที่พัฒนา "พลาสติกชีวภาพ" เป็นส่วนประกอบในหลาย ๆ ผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นการผลิตโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก อุตสาหกรรมยานยนต์ บรรจุภัณฑ์ แคปซูลบรรจุยา กระถางต้นไม้ รวมทั้งนำพลาสติกชีวภาพมาใช้ในการดูดซับน้ำใต้ดิน ในงานเตรียมการก่อสร้างขนาดใหญ่อย่างสนามบินและโรงงานอุตสาหกรรมอีกด้วย          หันกลับมาดูที่ประเทศไทยของเราเอง ก็ให้ความสนใจกับ "พลาสติกชีวภาพ" ไม่น้อยหน้าไปกว่าชาติไหน โดยรัฐบาลได้สนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมวัสดุชีวภาพ ให้เป็นโครงการระดับชาติ เพราะประเทศเรามีวัตถุดิบและทรัพยากรในการพัฒนาอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพได้ และยังมีอุตสาหกรรมที่สามารถรองรับในการพัฒนาพลาสติกชีวภาพย่อยสลายได้ ซึ่งปัจจุบันมีหลาย ๆ หน่วยงานทางธุรกิจที่เริ่มหันมาใช้ "ถุงพลาสติกชีวภาพ" แทนถุงพลาสติกแบบเก่ากันบ้างแล้ว          อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีข้อจำกัดที่สำคัญก็คือ การผลิต "ถุงพลาสติกชีวภาพ" มีต้นทุนสูงกว่าการผลิตถุงพลาสติกธรรมดา 2-3 เท่า และประเทศไทยก็ยังไม่สามารถผลิตเม็ดพลาสติกชีวภาพได้เอง แต่ในอนาคตหากมีเทคโนโลยีที่ดีขึ้น เราจะสามารถผลิตพลาสติกชีวภาพเพื่อสิ่งแวดล้อมได้เอง ซึ่งจะทำให้เราได้ "พลาสติกชีวภาพ" ที่มีราคาถูกลงใช้แพร่หลายกันมากขึ้น แถมยิ่งช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้นด้วย          แต่ก่อนจะถึงขั้นนั้น ถ้าจะให้ดีที่สุด เราควรแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ด้วยการลดการใช้ถุงพลาสติก และใช้ถุงพลาสติกให้คุ้มค่ามากที่สุดก่อนที่จะนำไปทิ้ง หรือหันมาใช้ถุงผ้า เพื่อลดโลกร้อนตามที่หลายหน่วยงานกำลังรณรงค์กันอยู่ ก็ถือเป็นก้าวแรกที่จะช่วยรักษาโลกสีเขียวได้ ณ ตั้งแต่วันนี้เป็นการดีที่สุดค่ะ จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 53 09:07:20

ความคิดเห็นที่ 9 สนง.บัญชี 4 พันรายป่วน พาณิชย์ออกกฎใหม่ตั้งหลักประกัน3% บังคับใช้26ก.ค.โวยกระทันหันไป สำนักงานบัญชีมึนถ้วนหน้า กระทรวงพาณิชย์ออกกฎกระทรวงไล่บี้บังคับต้องมีเงินหลักประกัน อ้างเพื่อความมั่นคงธุรกิจ ขีดเส้นตาย 26 ก.ค.นี้บังคับใช้ ระบุฝ่าฝืนปรับทันทีไม่เกิน 3 แสนบาท ไม่แก้ปรับเพิ่มอีกวันละหมื่นบาท ฟันธงกระเทือน 4 พันบริษัทเล็ก วิ่งโร่หาหลักประกัน ธุรกิจโวยกระทันหันไป ทำไม่ทัน แนะเลื่อนการบังคับใช้ไปถึงช่วงต้นปี 2554 http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1280030092&grpid=02&catid=no จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 53 09:09:47

ความคิดเห็นที่ 10 วันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 เวลา 15:27:30 น.  ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ "ตัน" โบกมือลา "โออิชิ" ช้าหรือเร็ว...ก็ต้องไป ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา กระแสข่าวการโบกมือลาโออิชิของราชันย์ชาเขียว ตัน ภาสกรนที ได้รับความสนใจและติดตามจากคนในแวดวงต้องหันมามองเป็นตาเดียว ย้อนกลับไปเมื่อต้นสัปดาห์ "ตัน ภาสกรนที" ได้พบกับผู้สื่อข่าวและแสดงความเห็นว่า อีกไม่นานธุรกิจอาจจะเข้าสู่ภาวะวิกฤต เพราะเขาเชื่อวัฏจักรของธุรกิจนั้นจะเกิดขึ้นทุก ๆ 12-13 ปี และวันนี้โออิชิก็มีอายุ 11 ปีแล้ว วันถัดมาก็มีข่าวตามหนังสือพิมพ์ว่า "ตัน" ลาออกจากโออิชิ หลังข่าวแพร่สะพัดไปทั่ว โออิชิต้องทำหนังสือชี้แจงตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ข่าวดังกล่าวเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น "ตัน" ไม่ได้ยื่นหนังสือลาออกจากบริษัทแต่อย่างใด "ประชาชาติธุรกิจ" ได้สอบถามเรื่องดังกล่าวไปยัง "ตัน ภาสกรนที" ซึ่งเขาชี้แจงว่า "ข่าวลือเรื่องผมลาออกก็ยังเป็นข่าวลือต่อไป หากจะลาออกจริง ๆ จะแจ้งให้ทุกคนทราบ อย่างไรก็ตาม ได้ทำหนังสือชี้แจงไปยังตลาดหลักทรัพย์ฯแล้ว" เขายังย้ำด้วยว่า หากดูเรื่องการดำเนินงานนั้นไม่ใช่ปัญหาอย่างแน่นอน เฉพาะกำไรของโออิชิ ปีที่แล้วก็ทำได้หลายร้อยล้าน ส่วนปีนี้เชื่อว่าจะเป็นพันล้าน เรื่องที่บอกว่ามีความขัดแย้งในการบริหารงานนั้น ไม่ใช่เหตุผลแน่นอน ส่วนเรื่องความต้องการอยากไปทำธุรกิจของตัวเองก็ไม่ใช่อีก เพราะปัจจุบันลูก ภรรยา และหุ้นส่วนธุรกิจหลายคนก็มีทำธุรกิจต่าง ๆ อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร คาราโอเกะ ฯลฯ "หากผมจะลาออกมีเพียงเหตุผลเรื่องต้องการพักผ่อน และเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ขึ้นมาทำหน้าที่แทน ผมเคยพูดเรื่องการเปลี่ยนถ่ายเลือด การสร้างคนใหม่ขึ้นมา เป็นเรื่องที่เคยคุยกันในออฟฟิศนานแล้ว แต่ตอนนี้ยืนยันว่ายังไม่มีการลาออกแน่นอน และไม่สามารถบอกได้ว่าถ้าจะลาออกจะเป็นเมื่อไร" ขณะที่แหล่งข่าวใกล้ชิดกับราชันย์ชาเขียว วิเคราะห์ว่า หาก "ตัน" ไปจากโออิชิจริง เหตุผลหลักน่าจะมาจากความต้องการที่มีเวลาให้กับธุรกิจส่วนตัวมากกว่าที่เป็นอยู่ การที่ "ตัน" มีฐานะอยู่ในขั้นเศรษฐีพันล้าน เมื่อพิสูจน์ตัวเองได้ตามคำมั่นสัญญาแล้วก็คงถึงเวลาที่จะต้องยุติบทบาทการเป็น "ปืนรับจ้าง" "ความขัดแย้งในเชิงความคิดในการบริหารงาน ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ที่จะทำให้ตันยื่นใบลาออก เพราะไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถทำงานร่วมหัวจมท้ายกันมาได้นานถึง 4 ปี" แหล่งข่าวรายนี้แสดงความเห็น อาณาจักรโออิชิ เกิดจากร้านอาหารบุฟเฟต์ญี่ปุ่น เมื่อช่วงปี 2542 และขยับขยายไปยังร้านอาหารญี่ปุ่น เบเกอรี่ และกระโดดมาสู่ชาเขียว เมื่อปลายปี 2546 และใช้เวลาเพียงประมาณ 2 ปีก็โค่นยูนิฟแชมป์ในเวลาได้อย่างราบคาบ หลังจากที่โออิชิเข้าไปอยู่ภายใต้ร่มเงาของ "เจ้าสัวเจริญ" ตั้งแต่ต้นปี 2549 จนถึงวันนี้อาณาจักรโออิชินับวันก็ยิ่งเติบใหญ่ และเป็นกลุ่มธุรกิจที่สร้างรายได้ให้ไทยเบฟฯอย่างเป็นกอบเป็นกำทั้งในแง่ของรายได้และกำไร เมื่อสิ้นปี 2549 โออิชิมียอดขาย 3.97 พันล้านบาท กำไร 189 ล้านบาท ถัดมาปี 2550 รายได้เพิ่มเป็น 4.68 พันล้านบาท ขณะที่กำไรกระโดดไปถึง 558 ล้านบาท ปี 2551 มีรายได้ 5.99 พันล้านบาท กำไร 592 ล้านบาท ส่วนปี 2552 รายได้พุ่งไปเป็น 7.16 พันล้านบาท และกำไร 751 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 1 ปีนี้ เพียงไตรมาสเดียวตัวเลขยอดขายวิ่งไปถึง 2.16 พันล้านบาท และกำไร 193 ล้านบาท หรือหากจะมองในแง่ของราคาหุ้นที่ซื้อขายกันในตลาดหลักทรัพย์ฯ วันที่เจ้าสัวเจริญควักกระเป๋าซื้อโออิชิ ราคาหุ้นเคาะกันที่ 32.50 บาท แต่วันนี้ราคาขยับขึ้นไปวิ่งอยู่ที่ 72-73 บาท สูงกว่าเมื่อช่วง 4 ปีที่ผ่านมามากกว่าเท่าตัว และเท่ากับว่าเป็นราคาที่เจ้าสัวเจริญก็น่าจะแฮปปี้ นี่ยังไม่นับรวมถึงเงินปันผลที่ได้รับทุกปี หาก "ตัน" จะประกาศวางมือในช่วงนี้ หลาย ๆ คนมองว่า นี่เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เพราะอย่างน้อยที่สุด เขาก็สามารถพิสูจน์ให้เป็นที่ประจักษ์ถึงความสำเร็จของโออิชิ ที่ก้าวขึ้นเป็นเจ้าตลาดได้อย่างเต็มภาคภูมิ และสร้างตลาดเครื่องดื่มชาเขียวให้เติบโตขึ้นมาภายในเวลาไม่กี่ปี ประการถัดมา วันนี้เครื่องดื่มชาเขียวได้ผ่านจุด "รุ่งโรจน์" สูงสุดไปแล้ว และไลฟ์ไซเคิลของชาเขียวจากนี้ไปก็คงจะไม่หวือหวาเหมือนเมื่อครั้งที่โออิชิรุ่งเรืองเมื่อ 5-6 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม หลังจากมีข่าวการลาออกของคีย์แมนโออิชิ ตลาดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (19-23 กรกฎาคม) ราคาหุ้นปรับตัวลงเล็กน้อย และปรับตัวมาอยู่ที่ต่ำสุด 69.75 บาท จากก่อนหน้าราคาหุ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 71-72 บาท นี่อาจจะเป็นดัชนีอย่างหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นว่า นักลงทุนในตลาดหุ้นมีความกังวลกับเรื่องการลาออกของ "ตัน" และเชื่อว่าข่าวดังกล่าวมีโอกาสที่จะเป็นจริง มีคำถามเกิดขึ้นว่า หากโออิชิไม่มีขุนศึกชื่อ "ตัน" แล้ว โออิชิ กรุ๊ปในวันนั้นจะเป็นอย่างไร "โดม คุณประยูรสวัสดิ์" นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ที่ผ่านมาภาพลักษณ์ของโออิชิผูกติดไปกับตัวผู้บริหาร คือ คุณตันค่อนข้างมาก ประกอบกับการที่ค่ายไทยเบฟเวอเรจ ของเจ้าสัวเจริญที่เข้ามาถือหุ้นใหญ่ไม่ได้มีการสร้างทีมผู้บริหารขึ้นมาทดแทนผู้บริหารชุดเก่า หากมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารจริง ย่อมกระทบความเชื่อมั่น ทั้งการลงทุนและผลประกอบการ ส่วนจะช้าหรือเร็ว คนที่จะให้คำตอบได้ดีที่สุดก็คือ "ตัน ภาสกรนที" แม้วันนี้จะมีคำปฏิเสธออกมาจากปากของ "ตัน" เป็นที่เรียบร้อย แต่คำพูดเมื่อช่วงกลางเดือนกรกฎาคม ที่เขาเปรยกับนักข่าวก็ดูน่าคิดไม่น้อย เพราะเป็นคำพูดที่ลึก ๆ แล้วน่าจะสะท้อนความรู้สึกส่วนตัวของ "ตัน" ไม่มากก็น้อย "คนจะเรียกผมว่า ตัน โออิชิ จริง ๆ ผมไม่ต้องการให้ตัวเองผูกติดกับคำว่า โออิชิ" หลายคนถามว่า ถ้าอย่างนั้นจะให้เรียกว่าอะไร "เรียกผมว่า กัปตันก็ได้"   คือคำยืนยันของ "ตัน" ในวันนั้น http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1280046633&grpid=no&catid=04 จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 53 09:10:24

ความคิดเห็นที่ 11 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 เวลา 13:06:23 น.  ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ "ไอโฟน 4" กับวิกฤตศรัทธา จุดเปลี่ยน "แอปเปิล" ? บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐ "แอปเปิล" เพิ่งประกาศผลประกอบการไตรมาสล่าสุด โดยสามารถทำผลงานได้แข็งแกร่งเหนือความคาดหมาย แม้จะเผชิญกับวิกฤตศรัทธาจากปัญหาเสารับสัญญาณที่มีส่วนทำให้สายหลุด   เอเอฟพีรายงานว่า ผลการดำเนินการของแอปเปิลในไตรมาส 3 ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งเหนือความคาดหมายของนักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีต โดยกำไรพุ่งถึง 78% อยู่ที่ 3.25 พันล้านดอลลาร์ จาก 1.83 พันล้านดอลลาร์ ส่วนรายได้ก็เพิ่มขึ้นแตะระดับ 15.7 พันล้านดอลลาร์ จาก 9.73 พันล้านดอลลาร์ ในปีที่แล้ว มากกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินกันไว้ที่ 14.75 พันล้านดอลลาร์ "สตีฟ จ็อบส์" ซีอีโอของแอปเปิล กล่าวว่า นี่เป็นไตรมาสที่สร้างปรากฏการณ์เหนือความคาดหมาย ซึ่งเป็นผลมาจากการเปิดตัว "ไอโฟน 4" หนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของบริษัท รวมถึง "ไอแพด" ที่มีจุดเริ่มต้นที่ดี และการที่ยอดขายเครื่องคอมพิวเตอร์ "แมค" ก็เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ แอปเปิลขายไอแพดได้ทั้งหมด 3.27 ล้านเครื่อง ในไตรมาสล่าสุด ส่วนไอโฟนขายได้ 8.4 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 61% จากปีก่อน ซึ่งในจำนวนนี้นับรวม "ไอโฟน 4" ราว 1.7 ล้านเครื่อง ที่ขายได้ในช่วง 3 วันแรก หลังวางจำหน่ายเมื่อ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา ด้าน "ไอพอด" เครื่องเล่นเพลงดิจิทัลกลับมียอดขายลดลง 8% และเครื่องแมคขายได้ 3.47 ล้านเครื่อง "แยร์ ไรเนอร์" นักวิเคราะห์ของออพเพนไฮเมอร์ แอนด์ โค กล่าวกับรอยเตอร์สว่า นี่เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่ผลงานของแอปเปิลแซงหน้าการคาดการณ์ของวอลล์สตรีต ขณะเดียวกันตอนนี้นักลงทุนกำลังกังวลเกี่ยวกับปัญหาเรื่องเสารับสัญญาณของไอโฟน 4 ที่อาจจะส่งผลต่อยอดขาย แต่แอปเปิลก็ได้ส่งสัญญาณถึงความแข็งแกร่ง โดยแอปเปิลต้องปวดขมับกับข้อบกพร่องของไอโฟน 4 ที่พบคำร้องเรียนจากผู้ใช้ตั้งแต่หลังวางขายใหม่ ๆ ซึ่งหากผู้ใช้ถือโทรศัพท์ในบางลักษณะอาจทำให้สัญญาณขาดหายและสายหลุดได้ ขณะที่นิตยสาร "คอนซูเมอร์ รีพอร์ต" ซึ่งทดสอบผลิตภัณฑ์และแนะนำคุณภาพสำหรับผู้บริโภค ไม่แนะนำให้ใช้งานไอโฟน 4 "สตีฟ จ็อบส์" บัญญัติศัพท์เรียกปัญหานี้ว่า Antennagate ซึ่งมาจากคำว่า antenna ที่แปลว่าเสาอากาศ ผนวกกับคำว่า gate ที่ใช้ต่อท้ายเพื่อหมายถึงกรณีอื้อฉาว ดูเหมือนว่าไอโฟน 4 ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของแอปเปิล กำลังเผชิญความท้าทายจากปัญหา Antennagate ซึ่งอาจลากฉุดศรัทธาของสาวกแอปเปิล ทำให้แอปเปิลจัดแถลงข่าวเรื่องนี้หลังกระแสวิพากษ์วิจารณ์เริ่มขยายวงมากขึ้น โดยเสนอทางออกแบบ "โลว์เทค" เพื่อแก้ปัญหา "ไฮเทค" ด้วยการแจกซองกันกระแทกสำหรับผู้ซื้อไอโฟน 4 ฟรี จนถึง 30 กันยายน ส่วนผู้ที่ซื้อซองหุ้มมาแล้วก็สามารถขอรับเงินคืนได้ ซึ่งประเมินกันว่าจะคิดเป็นต้นทุนราว 175 ล้านดอลลาร์ เทียบกับกรณีเรียกคืนสินค้าที่อาจส่งผลให้ต้นทุนพุ่งถึง 1.5 พันล้านดอลลาร์ และส่งผลต่อแบรนด์แอปเปิลอย่างมาก ในงานแถลงข่าว จ็อบส์กล่าวยอมรับว่า ไม่มีโทรศัพท์มือถือเครื่องใดที่สมบูรณ์แบบ พร้อมกันนี้ จ็อบส์ระบุด้วยว่า สมาร์ทโฟนค่ายอื่น ๆ ก็มีปัญหาเรื่องเสาอากาศและสัญญาณเช่นกัน นี่ทำให้บรรดาคู่แข่งที่ถูกพาดพิงตบเท้าออกมาตอบโต้ในทันที ไม่ว่าจะเป็น "เอชทีซี" ที่บอกว่า ปัญหาเสารับสัญญาณไม่ได้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเหมือน ๆ กัน ส่วน "โนเกีย" ระบุว่าบริษัทควักเงินลงทุนจำนวนมาก เพื่อศึกษาพฤติกรรมการใช้มือถือของมนุษย์ รวมถึงการจับโทรศัพท์ การฟังเพลง และการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ขณะที่ "รีเสิร์ช อิน โมชั่น" (อาร์ไอเอ็ม) ผู้ผลิต "แบล็คเบอร์รี่" ระบุว่า นี่เป็นเกมโยนบาป โดยแอปเปิลพยายามจะลากอาร์ไอเอ็มเข้าไปร่วมในปัญหาที่แอปเปิลสร้างขึ้นมาเอง วอลล์สตรีต เจอร์นัล ระบุว่า ไม่ว่าผลประกอบการของแอปเปิลจะออกมาดีหรือไม่ แต่สิ่งที่นักลงทุนกังวลที่สุดตอนนี้คือผลกระทบจากปัญหาเสารับสัญญาณของไอโฟน 4 เพราะนี่ไม่ใช่สถานการณ์ปกติที่จะพบเห็นได้บ่อย ๆ ที่สตีฟ จ็อบส์ ต้องออกโรงจัดแถลงข่าวเป็นพิเศษเพื่อปกป้องผลิตภัณฑ์ของบริษัท ปัญหาที่สำคัญคือข้อบกพร่องของไอโฟน 4 ดังกล่าว จะบานปลายจนส่งผลให้แอปเปิลเสียโมเมนตัมหรือไม่ ท่ามกลางการแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟนที่ดุเดือด ซึ่งแอปเปิลจะต้องสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนให้ได้ว่า ปัญหาของไอโฟนจะไม่กระทบต่อการขยายตัวของบริษัทอย่างรุนแรง ด้าน "ดิ อินดีเพนเดนต์" รายงานว่า แอปเปิลต้องเตรียมรับมือกับวิกฤตด้านภาพลักษณ์จากปัญหาเชิงเทคนิคของไอโฟน 4 รวมถึงการที่บริษัทมั่นใจในตัวเองเกินไป ก็อาจทำลายความรักของผู้คนที่มีต่อบริษัทในที่สุด โดยเมื่อแรกเริ่มที่เกิดปัญหา แอปเปิลอธิบายว่าเกิดจากซอฟต์แวร์มีปัญหา ซึ่งส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของบริษัทในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีของโลก ขณะที่สตีฟ จ็อบส์ แนะให้ผู้ใช้ถือโทรศัพท์ให้ถูกต้อง ซึ่งฉุดภาพลักษณ์ของสินค้าไฮเอนด์ของแอปเปิลลง ประกอบกับกระแสข่าวที่ว่า วิศวกรอาวุโสของแอปเปิลเคยเตือนเกี่ยวกับการออกแบบที่อาจทำให้เกิดปัญหาในการรับสาย แต่ก็ไม่ได้มีการดำเนินการใด ๆ นักวิเคราะห์บางรายมองว่า ปัญหาดังกล่าวอาจกระทบต่อยอดขายของไอโฟน 4 เพราะผู้ซื้ออาจชะลอแผนไปจนกว่าบริษัทจะปรับเปลี่ยนดีไซน์ใหม่ ซึ่งผลสำรวจของไอดีซีพบว่า 66% ของผู้ที่ซื้อไอโฟนรุ่นเก่ายังรีรอที่จะเปลี่ยนมือถือของตัวเองเป็นรุ่นใหม่ และ 25% ของผู้ซื้อรายใหม่ชะลอแผนซื้อไอโฟน 4 ออกไปก่อน ขณะที่บางฝ่ายมองว่า ปัญหานี้อาจกระทบต่อกระแสความนิยมของผู้บริโภค ดังที่ "โทนี่ แซคโคนากี" นักวิเคราะห์จากเบิร์นสไตน์ รีเสิร์ช เตือนว่า การก่อตัวของความเชื่อมั่นที่มากเกินไปของบริษัทที่แสดงออกมา อาจมีส่วนช่วยคู่แข่งให้กลับมาต่อกรกับแอปเปิล และเป็นความเสี่ยงที่จะทำให้ลูกค้ารู้สึกห่างเหินกับบริษัท รวมทั้งบั่นทอนความสำเร็จของบริษัท http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1280038211&grpid=07&catid=no&sectionid=0225 จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 53 09:12:04

ความคิดเห็นที่ 12 วันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 ปีที่ 34 ฉบับที่ 4230  ประชาชาติธุรกิจ โบรกฯอัดแคมเปญเทรดมินิโกลด์ฯ "กิมเอ็ง-เคจีไอ"แจกทอง-ไอโฟน-ทีวี-บัตรกำนัล ดีเดย์ 2 ส.ค.เปิดเทรดมินิโกลด์ฟิวเจอร์ส บริษัทหลักทรัพย์จัดแคมเปญ "แจกทอง-บัตรกำนัล-ลุ้นรางวัลทุกเดือน" ให้ลูกค้าเทรดคึกคัก ด้านกิมเอ็งคาดลูกค้าเปิดบัญชีเพิ่ม 20-30% ค่ายโกลเบล็กเตรียมหาโปรโมชั่นปลุกลูกค้า ฝั่งออสสิริสฯเร่งเพิ่มมาร์เก็ตติ้งอีก 20 คน จับลูกค้ารายย่อย หวังสกัดมาร์เก็ตแชร์หด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 2 ส.ค.นี้จะเริ่มเปิดซื้อขาย (เทรด) มินิโกลด์ฟิวเจอร์ส 10 บาท/สัญญา ซึ่งมีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทยอยออกโปรโมชั่นแล้ว เช่น บล. เคจีไอแจกทองคำมูลค่า 4,000 บาท เมื่อลูกค้าเทรดมินิโกลด์ครบ 500 สัญญา หรือโกลด์ฟิวเจอร์ส 50 บาท/สัญญา ครบจำนวน 100 สัญญา ส่วน บล.กิมเอ็งแจกบัตรกำนัลมูลค่า 200 บาท เมื่อเทรดสินค้าในตลาดอนุพันธ์ (TFEX) จำนวน 15 สัญญา และทุกเดือนยังมีสิทธิ์ลุ้นรางวัลโทรทัศน์ LCD 32 นิ้ว นายโฆษิต บุญเรืองขาว รองกรรมการ ผู้จัดการสายงานธุรกิจหลักทรัพย์รายย่อย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ทางบริษัทเตรียมทำการตลาดในสินค้า "มินิโกลด์ฟิวเจอร์ส" ที่จะเปิดซื้อขายในวันที่ 2 ส.ค.นี้ โดยจะใช้ธุรกิจจัดการกองทุนของบริษัทในการเป็น เครื่องมือช่วยจัดสรรเงินลงทุนให้ลูกค้า พร้อมวางกลยุทธ์ในการออกสินค้าให้ลูกค้าเลือกลงทุนสร้างผลตอบแทนเพิ่ม หลังจากพักเงินในตลาดหุ้นสามารถย้ายมาเล่นตลาด TFEX ได้ ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าไม่ต้องพักเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร ส่วนการทำโปรโมชั่นการซื้อขายในตลาดโกลด์ฟิวเจอร์ส ลูกค้าที่เปิดบัญชีใหม่ลุ้นรับบัตรกำนัลหรือของสมนาคุณอื่น ๆ เช่น ไอโฟน ซึ่งคาดว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนรายย่อยมากขึ้น และคาดว่าจะมีบัญชีใหม่เพิ่มขึ้นถึง 20-30% จากปัจจุบัน ส่วนมูลค่าการซื้อขาย (วอลุ่ม) ในตลาด TFEX จะเพิ่มขึ้น 10-15% และมาร์เก็ตแชร์เพิ่มขึ้นมาที่ 10% จากปัจจุบัน 8% นายสัญญา หาญพัฒนกิจพานิช หัวหน้าทีมพัฒนาธุรกิจตลาดอนุพันธ์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า การเทรดมินิโกลด์ฟิวเจอร์สจะใช้เงินวางหลักประกันลดลงเหลือ 1.4 หมื่นบาท/สัญญา ซึ่งจะใช้เงินลงทุนที่ต่ำกว่าโกลด์ฟิวเจอร์สสัญญา 50 บาท ซึ่งคาดว่าจะมีลูกค้าใหม่เพิ่มประมาณ 500 บัญชี โดยจะเน้นกลุ่มลูกค้าร้านค้าทองคำที่เคยร่วมมือกันมาก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นบริษัทยังไม่ได้คาดหวังกับยอดเทรดมินิโกลด์มากนัก เพราะปัจจุบันฐานส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าเทรดโกลด์ฟิวเจอร์ส ส่วน โปรโมชั่นกำลังเตรียมจะออกมาในเร็ว ๆ นี้ นายบุญเลิศ สิริภัทรวณิช ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออสสิริส ฟิวเจอร์ส จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทมีการปรับกลยุทธ์รองรับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นหลังเปิดเทรดมินิโกลด์ฟิวเจอร์ส และได้จัดทีมเจ้าหน้าที่การตลาด (มาร์เกตติ้ง) ดูแลลูกค้าและเตรียมเพิ่มมาร์เก็ตติ้งอีก 20 ราย จากที่มีอยู่ 35 ราย โดยมาร์เก็ตติ้งคนหนึ่งจะดูแลลูกค้า 10 ราย ส่วนลูกค้าที่เทรดโกลด์ฟิวเจอร์สซึ่งมีวอลุ่มเทรดสูงกว่ามินิโกลด์จะมีมาร์เก็ตติ้งจัดพอร์ตลูกค้าเป็นราย ๆ "แต่ถ้าเป?ดเทรดมินิโกลด์ฟิวเจอร์ส บล.จะได้รับประโยชน์มากกว่าเรา และอาจส่งผลต่อมาร์เก็ตแชร์ด้านเทรดทองของฝั่งโบรกเกอร์ทองคำปรับตัวลดลงได้ เพราะฐานวอลุ่มใหญ่ขึ้น ปัจจุบันโบรกเกอร์ทองคำมีมาร์เก็ตแชร์ 50-60% ของวอลุ่มโกลด์ฟิวเจอร์ส" นายบุญเลิศกล่าว นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทวายแอลจี บูลเลียน แอนด์ ฟิวเจอร์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้เตรียมทำตลาดรับการเปิดเทรดมินิโกลดŒฯ โดยจะชูบริการที่เชี่ยวชาญด้านการลงทุนทั้งทองแท่งและโกลด์ฟิวเจอร์ส พร้อมเปิดเทรดถึง 4 ทุ่ม ซึ่งสามารถเทรดพร‰อม ตลาดต่างประเทศ ทำให‰ลูกค้าจะมีโอกาสทำกำไรในภาวะที่ราคาทองผันผวน จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 53 09:12:24

ความคิดเห็นที่ 13 วันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 เวลา 13:46:10 น.  ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ FW: ต้องเป็นให้เป็น‏ เจอเจ้านายไม่ดี ถือว่าเรามีโอกาสให้แสวงหา ให้เรียนรู้ดูเป็นตัวอย่าง แต่ถ้าเจอเจ้านายเข้าท่า ให้ถือว่ามีครูดี ทุกคนต้องเป็นทั้งเจ้านายคนอื่นและเป็นเจ้านายตัวเองทั้งสิ้น เมื่อศรัทธาเจ้านายไม่ได้ ก็อย่าปล่อยให้ชีวิตผ่านไปอย่างไร้ความหมาย คนอื่นจะเป็นอย่างไรเรื่องของเขา หันมาทำตัวเองให้น่าศรัทธาก็พอ เวลาของคนเรามีน้อย อย่าต่อสู้และต่อต้านในสิ่งที่เสียเวลา ตัวอย่างมีให้เห็น เลือกเป็นในแบบที่เราศรัทธา จากคำสอนของท่านพุทธทาสข้างต้น ทำให้คิดถึงประโยคที่ว่า ′ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตล้วนดี′ ไม่ใช่ดีจากสิ่งที่เกิด แต่ดีจากมุมที่เรามอง แม้เราจะเจอสิ่งที่ไม่ดี เหตุการณ์ที่ทำให้ทุกฃ์ หากเรามองหาข้อดีของมันเราก็จะรู้สึกดีขึ้นและเศร้าใจน้อยลง รู้จักโลก รู้จักตัวเองมากขึ้น เมื่อตัวเราอยู่ด้วยแรงแห่งศรัทธา บางครั้งเราปล่อยให้ตัวเราเสื่อมความศรัทธาจากความดี เพียงเพราะคนเคยดีคนหนึ่ง  เท่านั้น..!!     อย่าปล่อยให้ความศรัทธาอยู่ที่ตัวเขา   แต่ขอให้มันอยู่ที่ใจเรา แล้วเราจะไม่มีวันสูญเสียความศรัทธา จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 53 09:12:44

ความคิดเห็นที่ 14 จากที่เขียน...ในวันนี้ก็คือ อยากจะบอกว่า เรานักลงทุนในตลาดหุ้น ควรตามรู้พอร์ตลงทุนต่างชาติ ซึ่งถือว่า ตลาดหุ้นทั่วโลก แนวโน้มการเคลื่อนใหว ของดัชนีก็เกิดโดยทิศทางตามๆกันจากนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งเป็นกองทุนใหญ่ก็มีจำนวณเงินทุน ที่มากพอจะกำหนดทิศทางหุ้น ทิศทางตลาดหุ้นบางขณะได้...(ไม่ยากนัก) ซึ่งเราก็ควรจะพอรู้ทิศทางเขาไว้บ้างแม้ไม่ถูกต้องไปทั้งหมด -สำหรับ เรื่องนี้ หากท่านได้ลองเข้าไปดู EFIN Online ในหัวข้อ NDRV ก็อาจเข้าใจหลายๆอย่างเรื่องนี้ได้ดีขึ้น จากคุณ : dsc เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 53 09:17:16

ความคิดเห็นที่ 16 เมื่อได้ ดู-ฟัง TrainingOnline จะพบว่ามีหุ้น หุ้นหนึ่งซึ่งทุกวันนี้ ยังติดหุ้น TOP VOLUME โดยที่ NVDR ก็ดูจากกราฟไม่ได้ถือครองแล้ว -วันที่ Volume สูงสุด มากกว่า 5000 ล้าน จากคุณ : dsc เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 53 09:27:51

ความคิดเห็นที่ 17 สวสดีคุณชู  คุณdsc  คุณsandee kung คุณชูมาเปิดกระทู้ไหม่เพิ่มจากคุยโขมงฯหรือ?? ผม 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมางานยุ่งมากเลยไม่ได้เข้ามาสินธรเลย วันนี้เริ่มว่างเข้ามามีแต่ข้อความดีๆให้อ่านจากทั้ง 3 ท่าน จากคุณ : ฒ-อ่อนแอ (ฒ-อ่อนแอ) เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 53 09:35:45

ความคิดเห็นที่ 18 คุณอา ฒ ครับผมเห็นยังไม่มีใครเปิดครับเลยเปิดควบไปเลยครับ จากคุณ : yai-cho เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 53 09:50:28

ความคิดเห็นที่ 19 ท่านใด...อยู่ใกล้ๆ อย่าลืมไปเวียนเทียนกัน http://video.cdd.go.th/view_video.php?viewkey=af2f3114485aa4e0a23b&page=1&viewtype=basic&category=tf แก้ไขเมื่อ 26 ก.ค. 53 10:03:30 จากคุณ : dsc เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 53 10:02:13

ความคิดเห็นที่ 20 . จากคุณ : dsc เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 53 10:07:13

ความคิดเห็นที่ 21 สวัสดีค่ะ ทุกท่าน จากคุณ : saimai77 เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 53 11:25:54

ความคิดเห็นที่ 22 วันนี้ไปเวียนเทียนทำบุญ และไม่ลืมที่จะแช่งให้คนใจร้ายให้ตายอย่างทารุณทุกตัว จากคุณ : ใบโหระพา เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 53 11:44:10

ความคิดเห็นที่ 23 สวัสดีครับ ทุกท่าน จากคุณ : samsam เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 53 12:03:53

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบพระคุณมากครับ ประเด็นของบทความวันนี้เป็นประโยชน์กับ การตัดสินใจรายตัวในการซื้อเก็บ การถือต่อ และการหาจังหวะขายของผมมากครับ จากคุณ : halogen เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 53 12:04:12

ความคิดเห็นที่ 25 #22 คุณใบโหระพา ทำบุญด้วยใจเบิกบานเถิดครับ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมอยู่แล้วปล่อยเขาเถอะ ขอให้เรามองหาหนทางช่วยสังคมทางอื่นๆเพื่อส่งเสริมและพัฒนาจะดีกว่าครับ จิตใจเราจะได้ไม่ขุ่นมัว จากคุณ : ฒ-อ่อนเพลีย (ฒ-อ่อนแอ) เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 53 12:13:15

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณมากจ้า จากคุณ : แม่น้องอะตอม เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 53 13:44:30

ความคิดเห็นที่ 27 ยุโรป...เปิดมาแล้ววันนี้ จากคุณ : dsc เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 53 14:25:00

ความคิดเห็นที่ 28 สวัสดีครับพี่ใหญ่ ขอบคุณที่ตั้งกระทู้ DOW...!!! นะครับ ขอบคุณสำหรับการรวมรวมข้อมูลดีๆ เพื่อให้ผมและเพื่อนนักลงทุนได้ศึกษาค้นคว้าต่อไปครับ... สวัสดีครับ พี่DSC ขอบคุณคุณพี่DSCนะครับที่ให้ความรู้ตลอดปี 51-52 ที่ผ่านมา 1 ปีเต็มๆ และยังคงอยู่กับนักศึกษาวิชาเทคนิคต่อไปครับ... สวัสดีครับ พี่สายไหมคนสวย                       สวัสดีครับ คุณหนูพลูดาวและน้องอะตอม   สวัสดีครับ พี่แสนดี                                    สวัสดีครับ พี่แซม สวัสดีครับ พี่ออสก้าฯ                                 สวัสดีครับ พี่เรด สวัสดีครับ พี่sampunth                              สวัสดีครับ พี่โอกรีน สวัสดีครับ พี่อาร์ท                                     สวัสดีครับ พี่เกิดพล สวัสดีครับ พี่เชี๊ยว                                     สวัสดีครับ พี่ยอดไม้ฯ สวัสดีครับ พี่มาม่าเจ็ดบาท                          สวัสดีครับป๋าศรัทธาชาวสวน สวัสดีครับ พี่ahcmos                                 สวัสดีครับ พี่ลุค สวัสดีครับ พี่bnux                                     สวัสดีครับ พี่Yai-cho สวัสดีครับ พี่ดาวเรือง                                 สวัสดีครับ พี่กังหันชี้ทิศทางลม สวัสดีครับ พี่บ้านและการดินทาง                   สวัสดีครับ พี่ต้นตา สวัสดีครับ พี่KU_EE                                   สวัสดีครับ พี่เด็กเกาสมุย สวัสดีครับ พี่Rickman9                              สวัสดีครับ พี่kor_kor สวัสดีครับ พี่ดอกไม้บานในดวงใจ                 สวัสดีครับ พี่กิตติ kitty63 สวัสดีครับ พี่nananza                                สวัสดีครับ พี่เลิฟอีส LoveIsColorBlind สวัสดีครับ พี่yinton                                   สวัสดีครับ พี่p4521 สวัสดีครับ พี่มณีสยาม                                สวัสดีครับพี่Qvixote สวัสดีครับ พี่abyim                                    สวัสดีครับ พี่ดร.เพียว สวัสดีครับ พี่nuy (investernb)                     สวัสดีครับ พี่dawreung51 สวัสดีครับ พี่ayuhi292                               สวัสดีครับ พี่เอี่ยมน้อย สวัสดีครับ พี่กายสีขาว                                สวัสดีครับ พี่Pogio สวัสดีครับ พี่armeh                                   สวัสดีครับ พี่จิ้งจกเขียว สวัสดีครับ พี่ayuhi292                                สวัสดีครับ พี่อาปี้คุง สวัสดีครับ พี่พีทีดี                                      สวัสดีครับ พี่jerryja สวัสดีครับ พี่ๆทุกคนที่มาอ่าน และขอโทษด้วยครับพี่เรียกชื่อได้ไม่ครบ ^^" และสวัสดีพี่ๆน้องๆลุงป้าน้าอาทุกท่านที่กำลังจะตามมาด้วยนะครับ :) ----- จากคุณ : เค้าให้หนูมาเที่ยวดอย เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 53 15:43:53

ความคิดเห็นที่ 29 DF daily ครับ ตอนนี้เแท่งเทียนสุดท้ายคือของวันนี้ยังไม่จบครับ --- จากคุณ : เค้าให้หนูมาเที่ยวดอย เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 53 15:50:03

ความคิดเห็นที่ 30 มีคนบอกว่า ค่าเงินยูโรแข็งตัวไป ... จริงๆเหรอ o_O --- จากคุณ : เค้าให้หนูมาเที่ยวดอย เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 53 16:11:57

ความคิดเห็นที่ 31 จากคุณ : เค้าให้หนูมาเที่ยวดอย (yai-cho) เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 53 16:19:23

ความคิดเห็นที่ 32 จากคุณ : เค้าให้หนูมาเที่ยวดอย (yai-cho) เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 53 16:19:38

ความคิดเห็นที่ 33 จากคุณ : เค้าให้หนูมาเที่ยวดอย (yai-cho) เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 53 16:19:53

ความคิดเห็นที่ 34 ฝนตกกกกก จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 53 19:11:51

ความคิดเห็นที่ 35 อิอิ จากคุณ : yai-cho เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 53 19:27:32

ความคิดเห็นที่ 36 . จากคุณ : dsc เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 53 19:40:20

ความคิดเห็นที่ 37 ขอบคุณครับ พี่dsc ขอบคุณครับ พี่ ใหญ๋ จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 53 20:07:21

ความคิดเห็นที่ 38 ^ ^ จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 53 20:07:32

ความคิดเห็นที่ 39 หิวเมื่อไหร่ก็แวะมา จากกราฟนี้ทำให้เจ๊รู้ว่าในช่วง 20 วันที่ผ่านมามีแฟนๆเข้ามาเพิ่มถึง 11,000 คน หรือมีจำนวนที่เข้ามาใหม่เท่่ากับช่วงที่เปิดมา 2 เดือนกว่าภายใน 20 วัน ที่เป็นเช่นนี้เพราะ facebook นำหน้านี้ไปเป็นหน้าแนะนำให้สมาชิกที่เข้ามาเริ่มใช้ facebook (รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งค่ะ ขอบคุณ facebook) แฟนๆใหม่ๆที่เข้ามาก็จะมีความคุ้นเคยกับหน้านี้น้อยจึงอ...าจมีคำถามที่เจ๊เคยตอบไปก่อนหน้านี้แล้วแต่ไม่ทราบ ดังนั้นเจ๊ต้องต้อนรับแฟนใหม่ด้วยการทำให้คุ้นเคยกับหน้านี้และคิดว่าจะทำอะไรให้สมกับที่ได้รับความสนใจ ยินดีต้อนรับทุกท่านนะคะ นานๆทีจะเจอป้ายแบบนี่้ค่ะ ใครเห็นป้ายแบบนี้ที่ไหนบ้างอีกไหม ....ที่นี่...ระยองฮิ จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 53 20:10:26

ความคิดเห็นที่ 40 #39 พี่แสนดีครับ ป้ายอันนี้อยู่ที่ไหนอ่ะ ผมจะไปเปิด 7-11 หลังป้ายเลยครับ ๕๕๕ จากคุณ : เค้าให้หนูมาเที่ยวดอย เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 53 20:28:09

ความคิดเห็นที่ 41 5555555555 ระยองฮิ เเต่ พี่ไม่รู้ ว่าส่วนไหน ของจังหวัดอะ 55555 จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 53 20:35:27

ความคิดเห็นที่ 42 มาตกงานตอนแก่       ตลอดชีวิตการทำงาน เป็นลูกจ้างบริษัทมาตลอด เมื่อต้องถูกปลดระวางเมื่ออายุขึ้นเลข ๕ แล้ว ขนาดว่าจบและทำงานสายช่างมาตลอดนะเนี่ย ... การหางานใหม่เป็นเรื่องที่ยากกว่าพาเมียไปเที่ยวขั้วโลกใต้หรือภูเขาหิมาลัยซะอีก จะประกอบอาชีพประเภทค้าขายก็ไม่เคยมีความรู้และประสบการณ์ ซื้อเขาอย่างเดียว ไม่เคยขาย ก็คิดว่าเป็นทางเลือกที่ต้องทำ ดังนั้น ท่านทั้งหลาย อย่าได้คิดว่าได้ทำงานบริษัทแล้วมั่นคง ยิ่งในอนาคต การจ้างงานในตลาดแรงงานจะมีลักษณะชั่วคราวหรือมีกำหนดระยะเวลามากขึ้น มาเล่าให้ฟัง และขอความคิดเห็น พร้อมกับคำวิจารณ์ ขอบคุณทุกท่านล่วงหน้าที่เข้ามาตอบครับ http://www.pantip.com/cafe/silom/topic/B9494307/B9494307.html จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 53 20:37:47

ความคิดเห็นที่ 43 ความคิดเห็นที่ 24     อย่าคิดมากนะคะ ค่อยๆ คิด ค่อยๆ ทำ เป็นกำลังใจให้นะคะ ดิฉันก็ตกงานตอนอายุ 40 ปีพอดี ปีนั้นแย่ทั้งปี 15 มกราคม 2552 คือวันที่ตกงาน 16 มกราคม 2552 คุณพ่อเกิด อุบัติเหตุ ล้มหัวกระแทกผนัง เดินไม่ได้ พูดไม่ได้ 6 ตุลาคม 2552 ดิฉันโดนงูเขียวหางไหม้กัด แพ้พิษงู โรงพยาบาลบำราศนราดูร ไม่ยอมฉีดเซรุ่มให้ น้องสาวต้องพาไปนนทเวช ไปอยู่ในห้อง ICU 4วัน เพราะเลือดไหลไม่หยุด อาเจียน ถ่ายเป็นเลือด หมอต้องให้เกร็ดเลือด ให้เลือด ใช้เซรุ่ม 18 units อาการหนักมาก คืนนั้นเจียนตาย คุณหมอกลัวช็อค เพราะเสียเลือดมาก จ่ายค่ารักษาพยาบาลไป 140,000 + โชคดีที่มีประกันอุบัติเหตุ ที่ซื้อไว้ทันทีเมื่อตัวเองตกงาน ออกจากโรงพยาบาล วันเสาร์ ที่ 10 พอวันที่ 15 คุณพ่อเสียชีวิต เรียกว่าถึงจุดต่ำสุดในชีวิต ได้แต่หวังว่าเราคงจะไม่โชคร้ายจนเกินไป อดทน มองโลกในทางบวก พอดีมีงานทำ ก็ทำแบบอดทนทำ ตอนนี้กำลังจะกลับไปทำงาน ที่เคยทำงานก่อนที่จะตกงาน อะไรก็จะดีขึ้น ที่สำคัญอย่าท้อ อดทน อย่าโทษโชคชะตา ให้สู้ต่อไปค่ะ จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 53 20:38:30

ความคิดเห็นที่ 44 จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 53 20:38:51

ความคิดเห็นที่ 45 ไม่เห็นมี นู๋นัน เลย จากคุณ : นู๋นัน เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 53 21:34:01

ความคิดเห็นที่ 46 สวัสดีครับ พี่นู๋นัน จากคุณ : เค้าให้หนูมาเที่ยวดอย เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 53 21:49:39

ความคิดเห็นที่ 47 วันเข้าพรรษา (บาลี: วสฺส, สันสกฤต: วรฺษ, อังกฤษ: Vassa, เขมร: វស្សា, พม่า: ဝါဆိုး) เป็นวันสำคัญในพุทธศาสนาวันหนึ่ง ที่พระสงฆ์เถรวาทจะอธิษฐานว่าจะพักประจำอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง ตลอดระยะเวลาฤดูฝนที่มีกำหนดเป็นระยะเวลา 3 เดือน ตามที่พระธรรมวินัยบัญญัติไว้ โดยไม่ไปค้างแรมที่อื่น หรือที่เรียกติดปากกันโดยทั่วไปว่า จำพรรษา ("พรรษา" แปลว่า ฤดูฝน, "จำ" แปลว่า พักอยู่) พิธีเข้าพรรษานี้ถือเป็นข้อปฏิบัติสำหรับพระสงฆ์โดยตรง ละเว้นไม่ได้ ไม่ว่ากรณีใด ๆ ก็ตาม[1] การเข้าพรรษาตามปกติเริ่มนับตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ของทุกปี (หรือเดือน 8 หลัง ถ้ามีเดือน 8 สองหน) และสิ้นสุดลงในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 หรือวันออกพรรษา วันเข้าพรรษา (วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8) หรือเทศกาลเข้าพรรษา (วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ถึง วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11) ถือได้ว่าเป็นวันและช่วงเทศกาลทางพระพุทธศาสนาที่สำคัญเทศกาลหนึ่งในประเทศไทย โดยมีระยะเวลาประมาณ 3 เดือนในช่วงฤดูฝน โดยวันเข้าพรรษาเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาที่ต่อเนื่องมาจากวันอาสาฬหบูชา (วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8) ซึ่งพุทธศาสนิกชนชาวไทยทั้งพระมหากษัตริย์และคนทั่วไปได้สืบทอดประเพณีปฏิบัติการทำบุญในวันเข้าพรรษามาช้านานแล้วตั้งแต่สมัยสุโขทัย สาเหตุที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตการจำพรรษาอยู่ ณ สถานที่ใดสถานที่หนึ่งตลอด 3 เดือนแก่พระสงฆ์นั้น มีเหตุผลเพื่อให้พระสงฆ์ได้หยุดพักการจาริกเพื่อเผยแพร่ศาสนาไปตามสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นไปด้วยความยากลำบากในช่วงฤดูฝน เพื่อป้องกันความเสียหายจากการอาจเดินเหยียบย่ำธัญพืชของชาวบ้านที่ปลูกลงแปลงในฤดูฝน และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วงเวลาจำพรรษาตลอด 3 เดือนนั้น เป็นช่วงเวลาและโอกาสสำคัญในรอบปีที่พระสงฆ์จะได้มาอยู่จำพรรษารวมกันภายในอาวาสหรือสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง เพื่อศึกษาพระธรรมวินัยจากพระสงฆ์ที่ทรงความรู้ ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์และสร้างความสามัคคีในหมู่คณะสงฆ์ด้วย ในวันเข้าพรรษาและช่วงฤดูพรรษากาลตลอดทั้ง 3 เดือน พุทธศาสนิกชนชาวไทยถือเป็นโอกาสอันดีที่จะบำเพ็ญกุศลด้วยการเข้าวัดทำบุญใส่บาตร ฟังพระธรรมเทศนา ซึ่งสิ่งที่พิเศษจากวันสำคัญอื่น ๆ คือ มีการถวายหลอดไฟหรือเทียนเข้าพรรษา และผ้าอาบน้ำฝน (ผ้าวัสสิกสาฏก) แก่พระสงฆ์ด้วย เพื่อสำหรับให้พระสงฆ์ได้ใช้สำหรับการอยู่จำพรรษา โดยในอดีต ชายไทยที่เป็นพุทธศาสนิกชนเมื่ออายุครบบวช (20 ปี) จะนิยมถือบรรพชาอุปสมบทเป็นพระสงฆ์เพื่ออยู่จำพรรษาตลอดฤดูพรรษากาลทั้ง 3 เดือน โดยพุทธศาสนิกชนไทยจะเรียกการบรรพชาอุปสมบทเพื่อจำพรรษาตลอดพรรษากาลว่า "บวชเอาพรรษา" นอกจากนี้ ในปี พ.ศ. 2551 รัฐบาลไทยได้ประกาศให้วันเข้าพรรษาเป็น "วันงดดื่มสุราแห่งชาติ"[2] โดยในปีถัดมา ยังได้ประกาศให้วันเข้าพรรษาเป็นวันห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั่วราชอาณาจักร[3] ทั้งนี้เพื่อรณรงค์ให้ชาวไทยตั้งสัจจะอธิษฐานงดการดื่มสุราในวันเข้าพรรษาและในช่วง 3 เดือนระหว่างฤดูเข้าพรรษา เพื่อส่งเสริมค่านิยมที่ดีให้แก่สังคมไทย[4] สำหรับในปี พ.ศ. 2553 นี้ วันเข้าพรรษาจะตรงกับ วันอังคารที่ 27 กรกฎาคม ตามปฏิทินสุริยคติ จากคุณ : Ogreen เขียนเมื่อ : วันเข้าพรรษา 53 01:17:29

ความคิดเห็นที่ 48 DOW...!!! จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : วันเข้าพรรษา 53 04:55:44