ความคิดเห็นที่ 1 ลดรายจ่ายวิธีแรก หอพักหรือวิมาน หลายคนที่ต้องทำงานต่างจังหวัด คือเข้ามาทำงานในเมืองใหญ่ แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายจำเป็นและมากที่สุดสำหรับหลายๆคน คือ ค่าเช่าหอ โดยปกติแล้วเราควรระมัดระวังไม่ให้ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยมากกว่า 30%ของรายได้รวม(ใครกำหนดวะเนี่ย) สำหรับผมจำนวนนี้มันมากเกินไปด้วยซ้ำ แต่เชื่อไหมครับ ว่าหลายคนพักหอพักที่มีค่าเช่า 4,500-5,500 บาทต่อเดือนโดยไม่รวมค่าน้ำค่าไฟ!!! แม่เจ้านั่นหมายถึง (6,000/15,000)*100= 40%ต่อเดือน หรือหมายความว่าเราจ่ายเฉพาะค่าที่อยู่ 6,000*12=72,000 บาทต่อปี 0_o!!! ส่วนใหญ่จะบอกว่ามันใกล้ที่ทำงานบ้างล่ะ ซื้อความสะดวกสบายบ้างล่ะ คำถามคือ มันเหมาะสมแล้วหรือไม่ หลายคนนอกจากเช่าหอแล้วยังมีเรื่องของค่าเดินทางอีก หอต้องกินอยู่สะดวก ใกล้รถไฟฟ้า(แพงขึ้นไปอีก) เวลาผมเห็นหอพวกเค้าแล้วยังคิดเลยว่านี่เช่าอยู่หรือซื้อขาดเนี่ย อุปกรณ์ในห้องต้องครบชุดเลย ทีวี ตู้เย็น คอมพิวเตอร์ ไม่รู้หมดไปอีกเท่าไหร่ ถ้าใครจะบอกว่าอ้าวนี่มัน เมืองกรุงเทพ เมืองฟ้าอมรนะ ราคามันก็ประมาณนี้แหละ พี่น้องครับผมทำงานอยู่บนถนนสาธร และผมเองก็เช่าหออยู่ไกลจากที่ทำงานประมาณขี่จักรยาน 10 นาที(รู้หมดเลยว่าผมไปทำงานยังไง) คิดดูว่าหอกลางเมืองแบบนี้ผมมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ 10,000ต่อเดือนรึ 7,000 หรือ 5,000บาท เดือนล่าสุดที่ผมจ่ายค่าหอรวมค่าน้ำค่าไฟคือ 3,425 บาทถ้วนครับ นั่นแหละไม่ผิดหรอกค่าเช่าหอกลางเมืองที่ว่ากันว่าแพงมหาโหดนั่นแหละ จริงๆแล้วที่พักราคาถูกนั้นมีอยู่ทุกที่ครับ แถวลาดพร้าวใกล้ๆรถไฟฟ้าราคา2,000บาทยังมีเลย ทีนี้ต้องมาดูกันแล้วว่า ”เราเช่าหอเพื่ออยู่ หรือเพื่อบอกฐานะ” หลายคนต้องอยู่หอที่มีอุปกรณ์ครบ มีเคเบิลทีวี(ทั้งๆที่ไม่ค่อยได้ดูหรอก) มีอินเตอร์เน็ท(เอาไว้โหลดบิท – ฮา) คือยอมจ่ายเงินโดยไม่ยอมคิดว่าจริงๆแล้วมันจำเป็นไหมกับความต้องการของชีวิต และมันเหมาะสมไหมกับรายได้ที่มี หอผมเองมีแค่เตียงนอนกับตู้เสื้อผ้าเท่านั้น เพราะปกติผมใช้ชีวิตกับคอมพิวเตอร์และหนังสือ ดังนั้นสิ่งนอกเหนือจากนี้ที่จะทำให้ผมต้องจ่ายมากขึ้น ผมจะเอามาทำไม จำไว้นะครับ ทุกๆ500บาทที่ลดลงได้ในแต่ละเดือน นั่นหมายถึงเงินเก็บที่มากขึ้น6,000บาทในแต่ละปีครับ จากคุณ : ขอบฟ้าบูรพา เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 00:33:54

ความคิดเห็นที่ 2 ลดรายจ่ายที่สอง น้ำมันขึ้นราคา พาเอาปวดตับ ผมเองก็ปวดตับครับเวลาที่มีคนมาบ่นเรื่องเงินเดือนไม่พอใช้ แล้วพอซักไปซักมา อ้าวขับรถมาทำงาน “ซะงั้น” จริงๆการขับรถก็ไม่ผิดหรอกครับถ้าเรารู้จักการประเมินและวางแผนอย่างเหมาะสม แต่ว่าการที่มีเงินเดือน 15,000บาทแล้วต้องมาจ่ายค่าน้ำมันเดือนละ 3,000-4,000บาทต่อเดือนนี่ผมว่ามันยังไงๆอยู่นะ เพราะเรากำลังใช้จ่ายเงินไป 36,000-48,000บาทต่อปีเลยทีเดียว ซื้อทองใส่ได้2-3บาทเลยนะนั่น บางคนบอกว่า ทำยังไงได้ก็ที่พักมันไกลจากที่ทำงานนี่นา ขับรถไปทำงานสะดวกกว่าเป็นไหนๆ ผมเองก็งงนะ ตอนบอกว่าแพงมันบอกว่าสะดวกกว่า แต่พอพูดเรื่องรถติดมันดันบ่นขับรถเหนื่อย สรุปว่ามันดีหรือไม่ดีแน่เนี่ย ผมงง บ้างก็ว่าแถวบ้านไม่มีรถประจำทางผ่าน แม่เจ้า นี่ผมอยู่กรุงเทพเมืองฟ้าอมรหรืออยู่หมู่บ้านเล็กๆแถวตะเข็บชายแดนกันเนี่ย มีตรอก ซอก ซอยไหนที่ไม่มีรถไฟฟ้า รถเมล์ สองแถว แมงกะไซผ่านเลยจริงๆหรอ แล้วเพื่อแก้ปัญหานั้น คือการซื้อรถหรือนี่ ทำไมตอนผมอยู่บ้านผมเลือกขี่จักรยานมาขึ้นรถเมล์หว่า แล้วคนที่ขับรถมาทำงาน เชื่อเถอะว่ามันไม่ได้มีแค่ค่าน้ำมันอย่างเดียวแน่นอน ไหนจะค่าซ่อมบำรุง ค่าประกัน ภาษี บางออฟฟิศมีค่าจอดรถอีกด้วย บางคนจ่ายเองไม่ไหวก็เป็นภาระที่บ้านให้ช่วยด้วยในบางส่วน(ทั้งหมดสำหรับบางคน) อันที่จริงการใช้รถก็เป็นเรื่องที่ถูกที่ควรครับ หากนำมาใช้เพราะเหตุผลที่ถูกที่ควร แต่ที่เห็นใช้กันส่วนใหญ่เพราะเท่ห์ เพราะจะได้ไปเที่ยวต่อได้ เพราะจะได้กลับบ้านดึกได้ เพราะจะเอาไปส่งแฟน แล้วก็มาบ่นว่า ไม่มีเงินเก็บ เอาละเพิ่งผ่านไปสองหัวข้อเอง ลองเทียบกับตัวเองดูสิครับว่าแค่สองข้อนี้เราใช้เงินไปทั้งหมดเป็นกี่เปอร์เซ็นของรายได้เราแล้ว และเราจะลดลงได้บ้างหรือเปล่า เพราะว่าค่าใช้จ่ายที่ลดลงทุกๆ1บาท ก็คือเงินเก็บที่เพิ่มขึ้น 1 บาทนั่นเอง จากคุณ : ขอบฟ้าบูรพา เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 00:34:46

ความคิดเห็นที่ 3 ลดรายจ่ายวิธีที่สาม จ่ายน้อยจ่ายง่าย ผมโชคดีที่ได้มีโอกาสจัดอบรมและบรรยายด้านการเงิน ทำให้ผมได้พบกับบุคคลหลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาพนักงานออฟฟิศแบบเราๆท่านๆนี่แหละครับ และคำถามส่วนใหญ่ที่ได้รับก็คือ “ไม่ได้ใช้เงินเลย แต่ไม่รู้หายไปไหนหมด ไม่มีเงินเก็บ” อืมเงินมันเป็นสสารแล้วเราก็เคยเรียนมาสมัยเด็กๆว่าสสารไม่มีทางหายไปจากโลก มันทำได้แค่เปลี่ยนสภาพจากสถานะหนึ่งไปสู่อีกสถานะหนึ่งเท่านั้น ”แล้วเงินหายไปไหน” จากการนั่งคุยกันไม่เกิน 10 นาทีโฮล์มก็ไขปริศนาของคดีฆาตกรรม เอ้ยคดีปล้นทรัพย์(จากกระเป๋าเราๆท่านๆ)ได้ทั้งหมด สรุปได้ว่า(ส่วนใหญ่จะเป็นสาวๆ)ชาวออฟฟิศทำเงินหล่นตามรายทางดังนี้ครับ เริ่มด้วยการไปกินข้ามกินน้ำตามปกติ อาจจะบอกค่าขนมนมเนยไปอีกนิดหน่อย อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับเต็นท์ที่ท่านไปอิงอาศัยว่าระดับราคาจะเป็นเท่าไหร่ แต่คดีจะเริ่มจากตรงนี้ครับ ระหว่างทางเดินกลับออฟฟิศ เอเอาผลไม้กลับขึ้นไปกินด้วยดีกว่า ตีว่า 20 เออซื้อขนมไปกินด้วยนะ ตีว่า 20 เดินๆไปอุ้ยต่างหูคู่ละ 20 บาทสามคู่ 50 เพื่อความคุ้มจัดมา3คู่ ถ้าวันไหนมีรองเท้า มีเสื้อ สนนราคา199-299 บาทต่อชิ้น รวมเบ็ดเสร็จสนนราคา 20+20+50=90 บาท เหมารวมๆ 100บาทต่อหนึ่งพักกลางวันไปแล้ว นี่ถ้าวันไหนมีเสื้อหรือรองเท้าติดมือกลับมา วันนั้นจ่ายแบ็งค์ม่วงเหลือแบ็งค์แดง ถ้าเราเอามารวมตีว่าทำงาน 20 วัน 20*100=2,000 บาทต่อเดือนเข้าไปแล้ว และจะมากกว่านี้ถ้ามีเสื้อหรือรองเท้าอย่างที่บอก ทีนี้ลองคิดดูนะครับว่าเงินเราหล่นไปตามรายทางแบบนี้บ้างหรือเปล่า หลายคนบ่นว่าทำงานเงินเดือนก็ไม่ได้น้อย ค่าใช้จ่ายก็ไม่มี ทำไมไม่มีเงินเก็บก็ไม่รู้ นี่แหละครับเงินมันเสียไปทีละน้อยๆเราไม่ได้คิด แต่พอเอามารวมกันก็เยอะพอดู นี่แหละทำไมถึงแนะนำกันว่าควรจะทำบัญชี เพราะว่าบัญชีจะทำให้เราเห็นค่าใช้จ่ายในเงามืดที่เราเข็มขัดสั้นได้ครับ จากคุณ : ขอบฟ้าบูรพา เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 00:35:58

ความคิดเห็นที่ 4 ลดรายจ่ายวิธีที่สี่ ไม่สร้างหนี้ไม่มีฐานะ โดยปกติแล้วผมจะแนะนำให้คนรู้จักทำบัตรเครดิตหนึ่งใบเมื่อสามารถทำได้ เพื่อไว้ใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน และเพื่อยืดวันใช้เงิน(สดๆจากกระเป๋าเรา)ออกไป แต่คนทำงานโดยส่วนใหญ่พอมีความสามารถ(ไม่ต้องมีโล่ด้วย-ฮา)ที่จะก่อหนี้ ก็ละเลยวินัยในการบริหารเงินไปทันที ยิ่งคนที่มีรายได้อย่างที่ผมนำมายกตัวอย่างยิ่งใช้เรื่องรายได้น้อย(ตรงไหนเนี่ย ราชการเค้าเริ่มที่7,000บาทยังอยู่กันได้)เป็นข้ออ้างในการก่อนหนี้ โดยปกติชนชั้นแรงงาน(ใช้แรงแลกเงิน)อย่างเราๆท่านๆก็จะมีบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด ซึ่งดอกเบี้ยก็แพงมหาโหดอยู่แล้ว (ตอนฝากได้ร้อยละบาทแต่ตอนใช้บัตรจ่ายร้อยละ20 สาธุ) บางคนยังถอยรถแมงกะไซบ้าง รถยนตร์บ้าง ”ตามศักดิ์ฐานะที่ตัวเองคิดว่าควรจะมี(คิดไปเองทั้งน้าน) บางคนบอกว่าไม่อยากเช่าหอนะ เพราะจ่ายเงินแพงแถมไม่ได้เป็นของเรา ซื้อคอนโดเล็กๆดีกว่า ถ้าเลิกงานก็ปล่อยเช่าได้ด้วย แหมคิดดีอนาคตไกล ทั้งๆที่วางแผนว่าจะทำงานแค่สองปีแต่มีภาระผ่อนคอนโด30ปี ไอ้ครั้นจะปล่อยเช่าก็สภาพห้องไม่ดี(เริ่มทำงานเลยซื้อได้แค่นี้) ปล่อยราคาต่ำผู้เช่าก็ค่อนข้างแย่ ไปๆมาๆแทนที่จะเพิ่มค่าทรัพย์สินมีมูลค่าลดลงซะงั้น คนส่วนใหญ่คิด(เองเออเองทั้งนั้น – ฮา) ว่าเมื่อรายได้เพิ่มขึ้นคงจะปลดภาระตรงนี้ไปได้ แต่พอมีรายได้เพิ่มเหตุผมเดิมๆก็จะตามมาคือ “มีภาระเพิ่มขึ้น”(ยังกะกฏตายตัว) แล้วไม่เชื่อก็ต้องเชื่อหลายคนตกกับดักหนี้สินก็อีตอนนี้แหละ มีบัตรเครดิตเยอะๆ บัตรกดเงินสดเยอะๆ พอบัตรนี้เต็มก็ไปกดบัตรนั้น บัตรนั้นเต็มก็ไปสมัครเพิ่ม ถ้าหาเงินมาจ่ายขั้นต่ำไม่ทันก็ไปกดจากบัตรกดเงินสดมาสิ แหมหมุนเงินยิ่งกว่าผู้บริหาร แล้วพอวันนึงเมื่อวงเงินเต็มทุกบัตร หรือว่าโดนให้ออก(อย่าคิดนะว่าไม่มีโอกาส ลองนึกย้อนไปสิว่าที่บริษัทเคยให้คนออกไหม แล้วคิดหรอว่าเราจะไม่มีโอกาสโดน) วันนั้นก็จะบูมมมม!!! กลายเป็นโกโกครันช์ สำหรับค่าใช้จ่ายตรงนี้มันขึ้นอยู่กับแต่ละคนจริงๆ ผมไม่สามารถประเมินได้ แต่มันก็เป็นอีกตัวที่จะฉุดรั้งการออมของเราให้เป็นไปได้ยาก  ดังนั้นถ้าจะมีบัตรดูให้แน่ใจว่า 1. บัตรนั้นไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปีให้เป็นภาระ บางบัตรจะยกเว้นค่าธรรมเนียมถ้าใช้จ่ายถึงระดับที่กำหนด 2. หากใช้บัตร ให้กันเงินส่วนที่จะต้องชำระค่าใช้จ่ายนี้ทันที อย่าไปหวังเงินเดือนหน้า ย้ำกันไว้ทันที!!! 3. จ่ายเต็ม การชำระขั้นต่ำก็เหมือนปล่อยน้ำในอ่างให้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สักวันมันจะมิดจมูกเรา จากคุณ : ขอบฟ้าบูรพา เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 00:37:21

ความคิดเห็นที่ 5 ลดรายจ่ายวิธีที่ห้า กินอาหารหรือซื้อบรรยากาศ อันนี้เป็นกันได้ทุกคน เพราะเดี๋ยวนี้ร้านอาหารน่าทานเยอะแยะ ร้านสะดวกซื้อ(แต่ไม่ค่อยจะสะดวกเวลาจ่าย)ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด และการพักผ่อนที่ดีอีกวิธีนึงก็คือการไปหย่อนใจตามร้านอาหาร  ร้านไหนใครว่าอร่อยก็ขอตามไปลองว่ามันเด็ดมันดีสมกับที่มันดังหรือเปล่า แล้วร้านอาหารเดี๋ยวนี้ราคาก็ไม่แพงเท่าไหร่ 200-300บาทก็ถือว่าไม่แพงเกินไป หา!!! เอาจริงสิ ไม่แพงจริงๆหรอ อันที่จริงผมก็เข้านะร้านพวกนี้ หรือจะแพงกว่านี้ก็บ่ยั่นถ้ามันเด็ดดวงจริงๆ แต่การจะเข้าเราต้องดูสภาพ(ทางการเงิน) ของเราด้วยว่าเดือนนี้เราสามารถ(สามารถอีกละ)จ่ายได้ไหม เพราะอะไร หากเราไปหย่อนใจแค่อาทิตย์ละครั้งก็ปาเข้าไปเป็นพันแล้วนะครับ แล้วถ้าใครมีแฟนนี่ต่ำๆก็อาจจะเจอ2,000บาทต่อเดือนเข้าให้ ผมไม่ได้บอกให้ทำตัวอดๆอยากๆนะครับ แต่พยายามทำความเข้าใจว่าจะทำอะไรให้มันพอเหมาะพอควร ทำงานได้เงินวันละ500บาท แล้วก็เอามาลงกับอาหารมื้อเดียวนี่ ทำได้ครับ แต่อย่าบ่อยจะเป็นดี ยิ่งบางคนชอบมากกก กับการดื่มด่ำบรรยากาศบามค่ำคืนกับน้ำสีอำพัน อันนี้นี่ก็เรื่องใหญ่ครับ โอเคว่าคนเรามันต้องเข้าสังคม แต่บางทีมันก็เกินไป เพื่อนผมมีรายได้รวมต่อเดือนนี่ 50,000-70,000 บาทแต่ แต่ แต่ อกอีแป้นจะแตก ไม่มีเงินเก็บเลยสักบาท เพราะว่าเอาไปแปรสภาพเป็นน้ำสีอำพันซะหมด นี่ถ้าซื้อเปล้าแล้วได้ไมค์สะสมคงบินกันได้รอบโลก จากคุณ : ขอบฟ้าบูรพา เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 00:38:39

ความคิดเห็นที่ 6 สรุปนะครับ อันดับแรกของการสร้างความมั่งคั่งนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเรามีรายได้เท่าไหร่ แต่ขึ้นอยู่กับว่าเราเก็บออมเพื่อให้มันงอกเงยได้มากเท่าไหร่ ดังนั้นอย่าน้อยอกน้อยใจหากว่าเงยหน้าขึ้นมาแล้วพบว่าหลายคนมีรายได้มากกว่าเรา แต่จงดีใจหหากว่าเราสามารถเก็บออมเงินได้มากกว่าคนเหล่านั้นครับ อย่างน้อยๆควรจะเก็บให้ได้ 10% ของรายได้หรือถ้าใครเก็บได้มากกว่านั้นก็เลิศเลย ส่วนถ้าใครที่ยังทำไม่ได้ด้วยว่าติดนู่นติดนี่(หนี้) อันนี้ก็บอกได้เลยว่าอย่าเพิ่งคิดอะไรไปไกล เพราะในเมื่อเราไม่ยอมเปลี่ยนแปลงอะไรในชีวิตเลย เราทำแต่สิ่งเดิมๆแล้วเราจะไปคาดหวังสิ่งใหม่ๆในชีวิตได้ยังไงครับ อันนั้นมันฝันเฟื่อง เล่ามาซะนานคืออยากจะให้พยายามเก็บเงินกันให้ได้ก่อน แล้วถ้ามีโอกาสเราค่อยมาตอกันว่า จะเก็บที่ไหนดี และจะแบ่งสัดส่วนอะไรยังไง ค่อยๆเป็นค่อยๆไปครับ ว่าไปแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เพราะกว่าผมจะเขียนตอนต่อไปได้ ถึงเวลานั้นก็หวังว่าคนอ่านก็คงจะเริ่มเก็บ10%ของรายได้กันแล้วนะครับ อิอิ (@_@) จากคุณ : ขอบฟ้าบูรพา เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 00:39:40

ความคิดเห็นที่ 7 ผมเก็บ 47% อยากเที่ยวอยากพักผ่อน เอาจากกำไรไปใช้ สบายใจไร้หนี้ จากคุณ : onmine เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 01:04:10

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ ..... ส่วนตัวอยากเจอบทความแบบนี้ตั้งแต่เรียนจบ ... มาได้อ่าน ได้เจอ บทความแนวนี้ก็ผ่านไปหลายปี ... ตอนนี้เริ่มเก็บมาได้สามปีแล้ว ... อยากให้น้องๆเริ่มเก็บกันเร็วๆ ... เห็นเงินที่เพิ่มขึ้นๆแล้วชื่นใจดี ^_^ แต่ผมก็ยังแบ่ง ไว้กินไว้เที่ยวเหมือนเดิมนะ .... จากคุณ : NoNameLFC เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 01:50:34

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบคุณ คุณขอบบูรพามากเลย สำหรับบทความดีๆ ตอนนี้กำลังพยายามอยู่ค่ะ แต่บางครั้งความอดทนก็หลุดเหมือนกันนะค่า เพราะเห็นป้าย Sale เท่านั้นแหละ อุ้ย วิญญาณนักช้อปมาสิงทันที ไม่ซื้อก็กลัวเสียสิทธิ์นักช้อปที่ดีพึงกระทำ 555+ >>>> แต่ผู้หญิงจะอารมณ์ม้ากกกก ถ้าได้ช้อป เพลินเลย ดังนั้น ถ้ารู้ตัวว่ามันจะเซลล์ จะหลีกเลี่ยงโดยไม่ไปเลย เช่น ห้างนี้จะมีร้านเสื้อเซลล์ ไม่ไปห้างนี้ในวันแรกๆที่เค้าเริ่มเซลล์ ถ้าบังเอิญไปวันหลังๆ เสื้อผ้ามันจะเหลือน้อย ทำให้เราไม่ถูกใจ สุดท้ายก็ไม่เสียเงิน เราพยายามบอกตัวเองให้เก็บตังค์ ประมาณว่าบังใจให้ตัวเองห้ามใช้เงินเยอะ คิดเสียว่าเมื่อเราแก่ตัวลงไป เราจะได้มีเงินก้อนไว้ใช้จ่าย ไม่ต้องเป็นภาระของของใคร เข้าข่ายใช้เงินตัวเองสบายใจที่สุด ไม่ต้องเกรงใจหรือต้องอดทนกับใคร เวลาได้ยินหรือเห็นญาติพี่น้องมีสมบัติเพิ่มขึ้น ประมาณมีบ้านที่ดินเพิ่มขึ้น ความฮึดของเราจะกลับสิงร่างโดยบัดดล เมื่อนั้นจะตั้งหน้าตั้งตาเก็บมันลูกเดียว ประมาณการณ์ว่าอีก 7 ปีจะต้องเริ่มดาวน์บ้านและผ่อนให้มันได้สักหลังหนึ่ง ไม่รู้ว่าช้าไปไหมแต่จะพยายามค่ะ จากคุณ : Kokoro yori เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 07:21:32

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ขอโหวตนะครับ จากคุณ : gongort2 เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 08:21:18

ความคิดเห็นที่ 11 ชอบๆ ให้กิ๊ฟไว้ก่อน  เดี๋ยวเย็นนี้มาอ่านอีกทีค่ะ จากคุณ : mild.mind เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 08:27:16

ความคิดเห็นที่ 12 เข้ามาอ่านค่ะ 10%นี่ทำได้เเล้ว  พยายามจะเก็บให้ได้30%เเต่ยังทำไม่ได้ค่ะ สงสัยคนที่เก็บ30-40%นี่เขาทำกันอย่างไร อยากทำได้บ้างน่ะค่ะ จากคุณ : Hana* เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 08:40:42

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณคับ  ทุกวันนี้ เก็บเงินก็บ่นกับตัวเองทุกที ว่าจะเก็บไปทำไมเนี้ย ชาวบ้าน ชาวช่องเค้าก็ไม่เห็นเก็บกัน  หน้าฝนทีไรก็ต้องสู้กับกิเลส อยากซื้อรถตลอด อ่านบทความนี้แล้วมีกำลังใจทำต่อคับ จากคุณ : น้ำเต้าฮวย 5 บาท เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 08:52:34

ความคิดเห็นที่ 14 เข้ามาให้กำลังใจท่าน จขกท ดิฉันเห็นว่า เป็นการนำเสนอที่ดี การฝึกให้รู้จักออมให้เป็นนิสัย เป็นความแน่นอนที่ทำได้โดยตัวเอง เป็นความคิดที่น่ายกย่องค่ะ จากคุณ : ใบโหระพา เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 08:57:11

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณ คุณขอบบูรพามากเลย สำหรับบทความดีๆ ตอนนี้กำลังพยายามอยู่ค่ะ ดิฉันติดตามอ่านบทความดีๆๆของคุณมากตลอดค่ะ ตอนแรกดิฉันก็เริ่มที่ 10% ค่ะ ตอนนี้เก็บที่ 20% บริษัทหักเข้ากองทุน 10% และบริษัทให้อีก 15% และเก็บซื้อกองทุนเองอีก 10% อยากจะบอกว่าตอนแรกที่ทำ ยากมากๆๆ พอทำไปสัก 6 เดือน ก็จะเป็นเรื่องปกติ ทำให้มีสติในการจ่ายเงิน โดยเฉพาะ ลดรายจ่ายวิธีที่สาม จ่ายน้อยจ่ายง่าย สาวๆออฟฟิตจะเป็นการมาก (ดิฉันทำงานที่ราชดำริ แต่ทานอาหารกลางวัน แถวๆหลังสวน ตึกสินธร จะเจอบรรกาศแบบนี้ประจำ) แก้ไขเมื่อ 02 ส.ค. 53 11:25:01 จากคุณ : Ausary เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 10:17:21

ความคิดเห็นที่ 16 เคยอ่านบทความ มีคนเก็บได้ หกสิบเปอร์เซ็นต์ โอ๊ย ทำได้ยังไง แต่ขอบอกว่า เราเป็นคนนึง ที่เน้นแต่เก็บเงิน แต่ข้อเสียคือ หนึ่ง ไม่มีเพื่อน (บางทีต้องมีสังคมบ้าง) สอง ครอบครัว(สามี) จะหาว่าเรา งก และบางทีอาจเสียประโยชน์บางอย่าง เช่นเวลาเค้าให้ทอง ลูกๆ หลานๆ บางทีเราจะไม่ได้เลยอะ สาม ประหยัดจนคนเค้าคิดว่า (เราเป็นเสมียน) จึงดูไม่มีโหวงเฮ้ง บางทีก็ไม่ดีเหมือนกัน คนไทยชอบมองคนจากภายนอกด้วย ตอนนี้ตัวเองพยามเก็บอยู่ แต่ไม่เน้นเก็บมากเท่าเมื่อก่อนแล้ว จากคุณ : may_muay เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 10:23:38

ความคิดเห็นที่ 17 ชอบคำนี้มากครับ ”เราเช่าหอเพื่ออยู่ หรือเพื่อบอกฐานะ” ขอถามเรือ่งส่วนตัวหน่อยนะครับ อยากรู้ว่าคุณขอบฟ้าเงินเดือนเท่าไหร่ ออมได้เท่าไหร่ครับ แต่ผมมั่นใจอย่างนึงเลยว่าจากภาษาการเขียนกับความคิดที่ถ่ายทอดมาคุณขอบฟ้ามีรายได้เดือนนึงไม่ต่ำกว่า 50000 บาทแน่นอน(คร่าวๆนะ) ที่ถามเพราะอยากเอามาเปรียบเทียบกับตัวผมครับ ตัวผมก็ออมเดือนนึงมากกว่า 50% อาจจะเป็นเพราะอายุที่เลข 3 เพื่อนๆเริ่มแต่งงานหมดแล้ว แฟนก็ไม่มี (สงสัยงกเกินเลยไม่มีใครเอา 555) กินเหล้า เที่ยวผู้หญิงก็ไม่เป็นอีกต่างหาก มือถือราคาล่าสุด lotus เอามาทำโปร 1 แถม 1 (ลูกน้องยังใช้ iphone เลย) T_T จากคุณ : scp1234 เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 11:16:23

ความคิดเห็นที่ 18 ผมอยากทราบว่า กรณีที่เราต้องอยู่กับคนที่มีนิสัยใช้เงินเกินตัว ซื้อสินทรัพย์แพง ขายออกไปถูกตลอดเวลา โดยไม่เชื่อฟังเรา และเข้าข่ายคนไม่มีเงินเก็บ เกือบหมดทุกข้อ มีวิธีแก้ไขอย่างไร ปล.ค่าใช้จ่ายที่บ้าน 5 เท่าของเงินเดือนผม สร้างหนี้ ฟุ่มเฟือย แล้วเราดัดนิสัยไม่ได้เลย ปล.2 ผมทำได้หมดเลย เก็บเงินทั้งหมดมาให้ที่บ้านผลาญ - -! เริ่มนอย จากคุณ : ยิ้มไว้เมื่อหุ้นลง เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 12:06:11

ความคิดเห็นที่ 19 อยากให้ซัก 10 เลยค่ะ ถูกใจจริง ๆ จากคุณ : เด็กน้อยตัวแสบ เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 12:26:35

ความคิดเห็นที่ 20 เห็นด้วยทุกข้อ และพยายามแนะนำคนใกล้ตัวเหมือนกันครับ ตอนนี้ก็เก็บคร่าว ๆ ที่ 30 เปอร์เซ้นต์ เหมือนกันครับ จากคุณ : โดดเดี่ยวในบ้านหลังใหญ่ เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 12:26:44

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณค่ะ จากคุณ : Glittering Wings เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 12:29:43

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณพี่ขอบฟ้าฯ มากครับ ผมชอบบทความประเภทตีแสกหน้าแบบนี้มากๆ แทงใจดำแบบนี้อาจพัฒนาคนได้หลายๆ คนเชียวครับ จากคุณ : zylinz เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 12:37:59

ความคิดเห็นที่ 23 ตอนนี้เราจะมีสมุดบันทึกไว้ 1 เล่มค่ะ จดทุกอย่างทั้งเงินรับ และเงินเข้าทุกวัน ย้ำนะคะ ว่าทุกวัน อย่าบอกว่าไม่มีเวลาเลยค่ะ ทุกคนก็มีเวลาเท่ากันคือ 24 ชม./1 วัน หาเวลาก่อนนอนซัก 10 นาทีเขียนก็ได้ อย่างเมื่อวานที่เราจด ค่าน้ำมันรถ 100 ค่ากิน  100 ค่าไฟ 600 เติมเงินโทรศัพท์ 100 ได้เงินพิเศษ  +200 ฯลฯ แล้วพอเรามาดูสิ้นเดือน อ๋อออ  ทำไมค่ากินมันเยอะ (พอย้อนมาดู โอ้ว กินพวก Fast Food อาทิตย์ละ 2 ครั้งเลยเหรอ) ทีนี้เราก็จะรูว่าเราใช้อะไรไปเท่าไร อันไหนควรลด ได้เงินมา ควรแยก "เงินเก็บ" เอาไว้ตั้งหากเลย ทีเหลือก็ค่อยมาแบ่งสรรค์ปันส่วนในการใช้จ่าย การหาเงิน   การใช้เงิน   การเก็บเงิน สิ่งไหนทำยากที่สุด  คำตอบที่ถูกคือ  "การใช้เงิน" เมื่อใช้เงินเป็น  เงินก็มีเหลือ   เมื่อมีเหลือ  ก็มีเก็บ จากคุณ : เด็กน้อยตัวแสบ เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 12:40:08

ความคิดเห็นที่ 24 เยี่ยมครับ เดี๋ยวนี้ถ้ามีเวลา ผมจะเตรียม อาหารมากินทั้งเช้าและกลางวัน (ที่บ้านญาติขายอาหาร) จากคุณ : view2306 เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 12:51:41

ความคิดเห็นที่ 25 รอ ขั้นที่สองอยู่นะครับ จากคุณ : หมึกสด เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 12:52:46

ความคิดเห็นที่ 26 คนที่บ้านเก็บซะ 120 % ของรายได้เลย(เงินเดือน + รายได้เสริม) จากคุณ : เหล็กเส้น เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 13:07:05

ความคิดเห็นที่ 27 เราทำแต่สิ่งเดิมๆแล้วเราจะไปคาดหวังสิ่งใหม่ๆในชีวิตได้ยังไงครับ อันนั้นมันฝันเฟื่อง ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้ว ขอบคุณครับ จากคุณ : หมี MO เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 13:25:01

ความคิดเห็นที่ 28 เยี่ยมครับ ... จากคุณ : เทพ ทับช้าง เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 13:43:17

ความคิดเห็นที่ 29 อ่านเพลินเลย^^ จากคุณ : น้องเอยแก้มอ้วน เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 14:12:17

ความคิดเห็นที่ 30 ให้กิ๊ฟคนทำดีเพื่อบอร์ด จากคุณ : ริชแมน เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 14:12:33

ความคิดเห็นที่ 31 ชอบมากๆเลยค่ะ ชอบทุกข้อ เคยคิดว่าเราแปลกที่คิดแบบนั้นรึปล่าว แต่พอเห็นว่ามีคนคิดเหมือนกันอยู่ก็แฮปปี้มากๆค่ะ จากคุณ : กันดัมจัง เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 14:13:23

ความคิดเห็นที่ 32 มากกว่า 10 เก็บ 40-50 ทำได้ค่ะ ถ้ารายได้เพิ่มขึ้น เงินเดือนก็ต้องเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆอยู่แล้ว รายจ่ายเท่าเดิมหรือลดลง เช่น รถไม่ต้องผ่อนแล้ว ทำอยู่ เก็บ 45 ให้แม่ 20  แม่ใช้ไม่หมด ก็วนกลับคืนมาที่เรา ยิ่งเก็บจะยิ่งสนุก ยิ่งงก ก็เบรคด้วยการทำบุญ จากคุณ : aomk เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 14:20:52

ความคิดเห็นที่ 33 สุดยอด ผู้ที่เริ่มทำงานทุกคนควรได้อ่าน (และผู้ที่ทำงานแล้วแต่ยังไม่มีเงินเก็บ หรือมีน้อยก่วาที่ควร ก็ต้องอ่าน) จากคุณ : LiTtle_LOliTa เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 14:54:11

ความคิดเห็นที่ 34 คนโสด ...ที่ยังไม่มีลูก ไม่มีคู่ครอง ..จะเก็บได้มากกว่านะครับ   ถ้ามีลูก + คู่ครอง เมื่อไรภาระจะตามมา มากมาย...  อยากจะเก็บมากๆก็คงจะไม่สำเร็จ... ยกเว้นว่าจะมีรายได้มากๆ   ตัวผมเองเป็นคนประหยัดครับ (แต่ไม่ขี้เหนียวนะครับ อะไรจำเป็นก็ซื้อ)... ผมไม่ Shopping ที่เกินจำเป็น ,ไม่ดื่มเหล้า, ไม่สูบบุหรี่, ไม่เล่นการพนัน , ไม่เที่ยวกลางคืน , ไม่มีลูก ,ไม่มีภรรยา... มีแฟน แต่ตอนนี้เลิกไปแล้ว   ค่าใช้จ่ายส่วนตัวจึงน้อยมากๆครับ ... ผมจึงเก็บได้ 80% ของรายได้   ใช้เอง 7%  , ให้แม่ 13%  ทุกเดือนครับ... จากคุณ : Birdysiam เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 15:10:57

ความคิดเห็นที่ 35 โดนใจมากมาย กระทู้ดี ๆ อย่างนี้ ขอบคุณครับ จากคุณ : Egoagogo เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 15:17:04

ความคิดเห็นที่ 36 โดนใจมาก ครับ จะพยายามเก็บเยอะๆนะครับ มีกำลังใจขึ้นเยอะกับการเก็บเงินสร้างอานาคต สู้โว้ยยย !!!!! จากคุณ : สู้ เพื่อ อนาคตที่ดี (GamKochakorn) เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 15:26:04

ความคิดเห็นที่ 37 เฉพาะ 10% ที่ว่าผมส่งให้แม่ใช้ที่บ้านนอกครับ ส่วนที่เหลือก็ยังพอเก็บได้อยู่นะ จากคุณ : นายฉิม เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 16:59:18

ความคิดเห็นที่ 38 เก็บเงิน 10% ง่ายนิดเดียว แต่หาแหล่งลงทุนที่ให้ 10% ต่อปีทบต้น แบบปลอดภัย ไม่เสี่ยงขาดทุน ยากโคตรๆ ตอนนี้ผมเก็บเงินได้ 90% ของรายได้ด้วยซ้ำครับ แต่ยังไม่สามารถหาแหล่งลงทุนที่ให้ผลตอบแทน 10% ต่อปีได้เลย .. อย่างดีก็เป็นพวกพันธบัตร แล้วก็ ธกส.ล็อตเก่าๆ ที่ให้ผลตอบแทน 3% กว่้าๆ ครับ แก้ไขเมื่อ 02 ส.ค. 53 23:25:04 จากคุณ : หมอก้อนหิน เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 17:34:57

ความคิดเห็นที่ 39 ยอดเยี่ยมจริงๆ ค่ะ จากคุณ : pyada เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 19:04:26

ความคิดเห็นที่ 40 สำนวนการเขียนสนุกสนานแถมได้สาระจริงจังอีก แจ่มมว๊ากกก จากคุณ : ohyooha เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 20:41:40

ความคิดเห็นที่ 41 วันนั้นก็จะบูมมมม!!! กลายเป็นโกโกครันช์ ฮามากกกก ทั้งฮาทั้งได้สาระดีดี ขอบคุณมากนะครับ จากคุณ : nutow เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 20:58:39

ความคิดเห็นที่ 42 โหวต Together จากคุณ : Gunner_Noy_Skywalker_5 เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 21:37:15

ความคิดเห็นที่ 43 เข้าคิว รอฟังต่อ เอาเงินออมไปเก็บอย่างไร งอกเงยๆๆ^^ ทุกวันนี้เก็บได้แค่ 10% (บางเดือนขาดตกไปบาง แฮ่...เที่ยวเยอะไปหน่อย) แต่ก็พยายามเก็บให้เยอะๆขึ้น หนูจะไม่ซื่อเสื้อผ้าใหม่ จะไม่เข้าผับ ตลอดเข้าพรรษานี้เลย....(ภาวนาๆๆๆ) อาจจะเก็บเพิ่มเป็น 15% ก็ได้ค่ะ จากคุณ : ^_* (NooChin) เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 21:40:14

ความคิดเห็นที่ 44 ทุกวันนี้ทำงานแล้วพยายามจะเก็บเงินให้ได้มากกว่า 50% ของรายได้ต่อเดือน มากสุดจะพยายามให้ได้ ถึง 70% (อันนี้ หักที่ให้แม่ ให้น้องในแต่ละเดือนแล้วค่ะ)   ตอนนี้ ผ่านไป 1 ปี มีเงินเก็บ 6 แสนบาท ทอง 5บาท (ทองอันนี้เพิ่งได้มา เห่อสุดๆ เกิดมาไม่เคยได้จับ) แต่............หนึ่งปีที่ผ่านมา เหนื่อยสุดๆ แทบรากเลือด ประหยัดมากขึ้นแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน คงเป็นเพราะว่า เคยอ่านบทความแบบที่ท่าน จขกท.บอก แล้วพยายามทำตาม   ถ้าสังเกตอย่างหนึ่ง เราจะใช้คำว่า พยายาม.....เพราะก่อนหน้านี้ เราเป็นเด็กใช้เงินเปลืองมาก ไม่มีเงินเก็บเลย แม่ให้มาเท่าไหน ใช้เท่านั้น บางทีขอเพิ่มด้วยซ้ำ  แต่ตอนนี้ เราเป็นคนประหยัดมากขึ้นมาก....แต่บางครั้ง เราก็อยากใช้เงินสบายๆ ไม่ต้องคิดมากแบบตอนเรียนอีกครั้ง  แต่อีกใจนึงก็บอกไม่ได้    เฮ๊อ กลายเป็นเราบ่นให้ใครๆฟังซะงั้น.... จากคุณ : Vodka-tonic เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 22:03:25

ความคิดเห็นที่ 45 ขออนุญาตมองต่างมุมนิดนึงนะครับ (จริงๆก็ไม่ได้ค้านอะไร เพียงแต่มีอีกมุมมองหนึ่ง) ส่วนตัวผมเชื่อในการเดินทางสายกลาง มากกว่าการประหยัดจนกลายเป็นตระหนี่ หรือจนเสียสุขภาพจิต สำหรับบางคนที่แค่เห็นตัวเลขในบัญชีเพิ่มมากขึ้นก็มีความสุขได้แล้ว นั่นก็เป็นโชคดีของคนประเภทนี้ครับ แต่สำหรับคนที่ไม่ใช่ แบบผม ซึ่งยังต้องการความสุขด้านอื่นๆของชีวิตอยู่ ผมเชื่อว่าชีวิตมันมีอะไรมากกว่าการเกิดมาแล้วทำให้ตัวเลขในบัญชีเพิ่มขึ้นๆ เสร็จแล้วก็ ตายไปแบบมีแต่ตัวเลขในบัญชี บางทีลูกหลานยังไม่มีเลย เพราะประหยัดจนไม่ได้แต่งงาน ผมเชื่อว่า คนเราหาเงินมาก็ต้องใช้ครับ จะใช้ตอนนี้ หรือใช้ตอนไหนเท่านั้นเอง ไม่งั้นคุณจะหามาทำไม เหนื่อยแทบตาย คนที่เก็บเงิน ผมเืชื่อว่าคุณก็มีเป้าหมายว่าจะต้องใช้ เพียงแต่รอเก็บให้มันก้อนใหญ่ขึ้น ให้มันปลอดภัยขึ้นที่จะใช้ คนที่ไม่มีเป้าหมายจะใช้จ่ายอะไรเลยนอกจากปัจจัยสี่ ผมคิดว่าก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องเก็บเงินเช่นกัน คุณไปบวชก็ได้เพราะคุณแทบจะไม่มีกิเลสแล้ว และสำหรับผมเงื่อนเวลาก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน ยกตัวอย่างง่ายๆ คุึณมีรถเฟอรารี่ขับตอนอายุ 25 กับตอนอายุ 75 มันต่างกันครับ หรือคนที่อยากไปเที่ยวรอบโลก คุณไปตอนอายุ 25 กับตอนอายุ 75 มันก็ต่างกันครับ แน่นอน ถ้าคุณไม่มีเงินแล้วคุณไปซื้อเฟอรารี่มาขับ อันนี้มันผิดตั้งแต่ต้นอยู่แล้วครับ แต่ที่ผมจะบอกคือ สำหรับคนที่ยังตัดทางโลกไม่ได้ และความสุขของคุณไม่ใช่แค่การมีเงินในบัญชี การใช้จ่ายเพื่อซื้อสุขภาพจิตที่ดีให้ตัวเอง ไม่ใช่สิ่งที่ผิด แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า การใช้จ่ายเยอะเกินไป จะทำให้คุณเสียสุขภาพจิตยิ่งกว่าการที่คุณตระหนี่ซะอีก สำหรับผมปัจจุบันเก็บเงินประมาณ 40% ของรายได้ทั้งหมดครับ ซึ่งคิดว่าอยู่กลางๆเมื่อเทียบกับมาตรฐานห้องนี้ แต่ผมคิดว่าเดินทางสายกลางนี่แหละดีที่สุดครับ อะไรที่มันตึงหรือหย่อนเกินไปก็ไม่ดีทั้งนั้น ป.ล. มีเรื่องเห็นต่างอีกเรื่องหนึ่ง คือเรื่องการใช้รถครับ สำหรับคนที่จำเป็นจริงๆ มันก็ไม่ผิดที่จะใช้ครับ แม้จะขาดทุนยังไงก็ตาม เพราะมันซื้ออะไรบางอย่างที่สำคัญกว่าเงินได้ครับ คือความปลอดภัยของคุณและคนที่คุณรัก คือเอาง่ายๆครับ ถ้าผมมีลูกเป็นผู้หญิงแล้วผมมีเงินพอจะซื้อรถให้ลูกขับได้ ผมซื้อให้แน่ๆ เพราะมันปลอดภัยกว่าที่จะให้ลูกผมไปขึ้นแท็กซี่ หรือรถเมล์ หรือปั่นจักรยานในกรุงเทพครับ ถ้าเป็นอะไรไปเงินซื้อของพวกนี้ไม่ได้ครับ ป.ล. 2 เรื่องหอก็เหมือนกันครับ ตรรกะเดียวกัน ถ้าจ่ายถูกแล้วปลอดภัยด้วยก็ดีไปครับ แต่ถ้าไม่ ผมเลือกความปลอดภัยมาก่อนเป็นอันดับแรกครับ จากคุณ : Varga เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 23:45:47

ความคิดเห็นที่ 46 ทางสายกลางดีที่สุดค่ะ ของตัวเราเอง ให้แม่+น้อง30% ใช้เอง10% ที่เหลือเก็บ ... จากคุณ : Monaliza^^ ($an-Dee) เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 00:58:06

ความคิดเห็นที่ 47 ตอนนี้เอาเงินไปผ่อนบ้าน 60% เก็บอีก 10% (ไม่ได้เก็บเป็นเงินสดแต่เก็บเข้ากองทุนและสหกรณ์ของที่ทำงาน) เหลืออีก 30% เป็นค่ากินอยู่ ค่าน้ำมันรถ เหนื่อยแต่ก็ต้องสู้ ตะกี้ก่อนอ่านบทความกิเลสกำลังพุ่งอยากถอย iPhone4 ทั้งที่มี BB และ HTC อยู่แล้วสองเครื่อง อ่านจบ หยุดเลย iPhone4 จากคุณ : -=เหมือนจะใช่=- เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 01:55:15

ความคิดเห็นที่ 48 โอย รักกระทู้นี้จัง ^ ^ ดีใจครับที่มีคนมีวินัยในการใช้จ่ายเยอะขนาดนี้ อีกหน่อยเรารวมตัวไปเผยแพร่วิธีการบริหารเงินกันดีกว่า ดีใจครับที่หลายคนชอบและมีกำลังใจในการเก็บเงิน ผมเองก็ยังได้ความรู้ใหม่ๆเวลามีคนมาโพสตอบด้วย นี่แหละครับที่เค้าว่าไอเดียยิ่งแลกยิ่งรวย เอามาคนละหนึ่งแลกกันแต่ได้กลับไปคนละสอง ยินดีกับคนที่มีวินัยทางการเงินด้วยนะครับ อนาคตที่สดใสรออยู่แล้ว และถ้าผมพอมีเวลาจะมาเขียนต่อนะครับ เพราะว่าผมพิมพ์ค่อนข้างช้า แค่เท่าที่เห็นนี่ก็กินเวลาไปครึ่งวันแล้วครับ อิอิ อย่างที่หลายท่านเล่ามานะครับ สำหรับคนที่ไม่เคยอาจจะฟังดูยากมาก แต่ถ้าทำไปสักพักมันจะชินไปเองครับ ลองคิดดูสมัยน้ำมันขึ้นราคามากๆ ตอนแรกก็บ่นๆกัน แต่สักพักก็จะชินไปเอง ถ้าใครอยากเก็บเพิ่มลองดูวิธีของคนอื่นๆก็ได้ครับ ผมเองยังออมสู้อีกหลายๆคนในนี้ไม่ได้เลย - ฮา คุณscp1234 ฃ ผมเงินเดือนต่ำครับ เพราะเพิ่งทำงานประจำได้ไม่กี่เดือนเอง หักออกก่อน30%ครับ แต่โดยปกติจะใช้เหลืออีกก็ทบเข้าไป คุณยิ้มไว้เมื่อหุ้นลง ผมเชื่อเสมอว่าเราแก้ไขใครไม่ได้ครับ นอกจากตัวเราเอง การจะทำให้ใครสักคนเปลี่ยนใจได้ ต้องขึ้นอยู่กับข้อมูลที่เค้าได้รับ แล้วค่อยๆเปลี่ยนมาจากความเชื่อ ทัศนคติ ความคิด แล้วจึงมาสรุปที่พฤติกรรม ดังนั้นเราอาจจะค่อยๆให้ข้อมูลในด้านที่เราอยากให้เค้าเปลี่ยนแปลง แต่ถ้าจะเปลี่ยนที่พฤติกรรมเลยจะเปลี่ยนยากและพฤติกรรมจะคงอยู่ไม่ได้นานครับ ทั้งนี้ผมว่าเราเริ่มที่ตัวเองก่อนดีกว่า ผมเดาว่าเงินที่คุณยิ้มไว้เมื่อหุ้นลงคงให้ที่บ้าน ทีนี้ลองเปลี่ยนใหม่ ก่อนจะให้ก็กันเอาไว้ก่อนเลยส่วนนึง ค่อยๆสะสมของเราไปทีละนิด เพราะเท่าที่เล่ามาหากว่าใช้กันเพลินแล้วไม่มีเงินสำรอง เกิดเหตุนอนไม่คาดเข็มขัด(ไม่คาดฝัน - ฮา)ขึ้นมาจะลำบากครับ คุณzylinz ผมกลัวจะโดนตีแสกหน้ากลับมาเหมือนกันครับ เพราะคนส่วนใหญ่เป็นประเภท "อับอายกลายเป็นโทสะ" บางคนถ้าไปเตือนกันโต้งๆเค้าไม่ชอบ จะกลายเป็นว่าลงเอาที่เราได้ครับ คุณaomk บางคนยิ่งมีเงินมากขึ้น ยิ่งมีเหลือใช้น้อยลงครับ จากบัตรเงิน ต้องเปลี่ยนเป็นแพลตตินัม จากรถญี่ปุ่น เริ่มเล็กไปสำหรับพลุงพลุ้ยๆ ต้องรถยุโรปเท่านั้น ต้องย้ายจากหอเป็นคอนโดแทน สรุปว่ารายจ่ายเพิ่มขึ้นมากกว่ารายได้ คุณaomkออมได้แบบนี้ ส่งให้คุณแม่ แล้วมีทำบุญเพื่อลดความงก(ทานลดโลภะ) สุดยอดไปเลยครับ คุณBirdysiam ครับ บางคนบอกว่าแต่งงานแล้วเก็บน้อยลง เพราะว่าช่วยกันหา แต่ในบทความถัดๆไปผมจะชี้ให้เห็นว่ากลับต้องเก็บมากขึ้นไปอีก แล้วภาระตรงนี้หนักมากหากตัวคนเดียวยังพอเอาตัวรอดได้ไม่ยาก แต่พอมีคู่ครองมีลูก ยิ่งต้องระมัดระวังให้มากขึ้น ทั้งเรื่องเงินและการใช้ชีวิต หมอก้อนหิน ถ้าเอาแบบปีต่อปีถ้าเราไม่เซียนก็คงยากครับ แต่ถ้าระยะยาวแล้วผมว่าพอหาได้นะครับ ^ ^ มีกองทุนในระบบกองนึงผลตอบแทนย้อนหลังสิบปี ได้ปีละประมาณ40%แน่ะครับ แล้วก็ไม่ได้ผันผวนมากมาย เรื่อยๆมาเรียงๆ แล้วเชื่อมั้ยครับ เป็นกองที่คนทั่วไปไม่ค่อยสนใจไม่ค่อยรู้จักด้วย น่าเสียดาย เอาใจช่วยคุณNooChinกับแอบตาร้อนกับคุณVodka-tonicเพื่อนผมตอนเรียนนี่ฟุ่มเฟือยมาก พอมาทำงานเองกลับประหยัดได้เอง มันบอกว่า"ทำงานเองถึงรู้ว่าทุกบาททุกสตางค์มันเหนื่อยมากกว่าจะได้มา ไม่อยากใช้ไปง่ายๆ" คุณ Varga ผมเห็นด้วยนะครับ แล้วผมก็ตั้งใจจะสื่อแบบนี้แหละ แต่อาจจะไม่กระจ่างเท่าไหร่ อย่างแรกที่ผมเห็นด้วย คือต้องรู้ก่อนว่าเราอยากมีเงินไปทำไม คนส่วนใหญ่อยากมีเงิน แต่ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร มันก็ไม่ได้ผิดหรอกนะครับ แต่ถ้าเรามีเป้าหมายมันจะทำให้การเก็บเงินและการลงทุนของเราง่ายขึ้น เพราะเรารู้ว่าเราจะได้อะไร จากการทำอะไร ทีนี้จากที่ผมเขียน เพราะผมพบว่าหลายคนไม่มีเงินเก็บไว้ยามฉุกเฉิน ไม่มีเงินเก็บไว้หลังออกจากงาน(พูดให้ดูดี จริงๆก็คือเกษียณนั่นแล) เรียกได้ว่าเป็นการทำเพื่อความปลอดภัยของคนๆนั้นด้วยครับ ว่าวันนึงเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน เราจะสามารถอยู่รอดได้ หมายเหตุ - คนส่วนใหญ่ชอบใช้ีวิตตามสบายโดยคิดว่าเราคงไม่โดนแจ็คพ็อต พอเศรษฐกิจแย่(มันมาบ่อยๆด้วย) ตกงาน อีทีนี้ละวุ่นวาย ด่าบริษัท ว่ารัฐบาล ทุกคนโดนประณามหมด เว้นไว้อย่างเดียว คือตัวของตัวเอง ไม่เคยเตรียมพร้อม ทำตามสบาย แต่ไม่ผิด ในแง่ของที่คุณ Vargaว่ามาผมเห็นด้วยว่าความสุขของเรามันต่างกัน ผมเองก็พยายามบอกว่าไม่ใช่ให้อยู่แบบขาดแคลน แต่ขอให้อยู่แบบพอเพียง คือไม่มากไป ไม่น้อยไป ผมเจอมาหลายคนเลยครับ ที่บอกว่าเงิน ถ้าไม่ใช้ก็ไม่ใช่ของเรา หรือถ้าตายไปก็ใช้ไม่ได้ แล้วคนกลุ่มนี้นี่แหละครับ ที่พอปลายเดือนมานั่งกลุ้มใจต้องหยิบยืมเงินคนอื่น ต้องรูดบัตร บางคนเงินเดือนออกยังไม่ทันจะได้เก็บให้ตัวเองหรือได้ใช้เลย ต้องเอาไปผ่อนนู่นนี่นั่นจนหมด หมดจริงๆนะครับ คือเงินเดือนห้าหมื่นนี่ยังขาดอีกหลายพัน ต้องหยิบยืมมาโปะ แล้วอนาคตเค้าและครอบครัวอยู่ตรงไหนหรือครับ ผมเห็นด้วยครับ ว่าเราควรทำอะไรที่มันพอดีๆ แต่คนส่วนใหญ่มักจะใช้กันจนลืมตัวนี่สิครับปัญหา และถึงแม้ว่าจะพอเพียงกับการบริโภคแค่ปัจจัย4ก็ต้องออมครับ เพราะเราทำไปเพื่อความปลอดภัยและมั่นคง คนที่บริโภคแค่ปัจจัย4แต่ถ้าไม่เตรียมพร้อมก็ประสบความลำบากได้เหมือนกัน เรื่องรถเรื่องหอผมเขียนไว้แล้วครับ ว่าให้ใช้ตามความจำเป็น แต่อะไรที่มันเกินจำเป็น ลด ละ เลิกได้ก็ดีครับ หรือไม่ก็เลิกบ่นซะ ว่าไม่มีเงิน ชีวิตต้องเลือกครับ จะเอาทุกอย่างคงไม่ได้ ผมเห็นด้วยกับคุณ Vargaครับ แต่คนส่วนใหญ่มักจะใช้เพลินจนไม่มีวินัย มักจะคิดว่าไม่มีปัญหาหรอก คนซวยคงไม่ใช่เรา สุดท้าย เราก็เห็นโกโก้ ครันช์กันทุกวิกฤติเศรษฐกิจเลยไม่ใช่หรอครับ นั่นแหละครับที่ผมห่วงคนที่"ไม่เตรียมพร้อมทางการเงิน" จากคุณ : ขอบฟ้าบูรพา เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 02:00:39

ความคิดเห็นที่ 49 เรารู้เลยว่าเราต้องลดเรื่องกินแระ แบบบางวันพอเล่นหุ้นได้ตังนิดหน่อยก็เข้าร้านอร่อยๆกินทีใช่จะน้อย เอาเป็นว่ากินดีๆอาทิตย์ละครั้งก็พอจะพยายามทำให้ได้ แต่อาทิตย์นี้ใช้โควต้าไปแล้วอ่ะ มะวานเอง แง้ๆ อดเลยอาทิตย์นี้ จากคุณ : n-OO//bit-a เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 02:54:39

ความคิดเห็นที่ 50 เป็นชายหนุ่มที่มองสาวๆได้ขาดมากๆค่ะ อ่านแล้วชอบใจ นิสัยสาวๆเป็นอย่างนี้จริงๆค่ะ 555 เรื่องการเก็บเงินเป็นเรื่องหนึ่งค่ะ แต่การเอาเงินมาใช้ลงทุนจนได้กำไร 7-10% ต่อปีนั้น จริงๆไม่ง่ายเลยนะคะ โดยส่วนตัวเป็นคนเก็บเงินได้พอสมควรค่ะ เอาออกมาลงทุนในด้านต่างๆตามความรู้ที่มี ต้องยอมรับว่า การลงทุนแบบมือสมัครเล่นที่ไม่ได้มีเวลามานั่งเล่นแบบระยะสั้น อาศัยว่าลงทุนยาวๆ เท่าที่ดูกำไรก็ยังต่ำกว่า 5% เกือบทุกอย่าง จะรอคำแนะนำ ขั้นต่อๆไปละกันนะคะว่าทำไงถึงจะได้สิบ % ต่อปีมั่ง จากคุณ : minkcheerful เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 08:01:01

ความคิดเห็นที่ 51 อย่ามัวแต่เก็บเงินอย่างเดียวนะครับ ... หาเวลาให้ความสุขกับตัวเองด้วย แม้จะเสียเงินไปบ้างก็ตาม ส่วนผม ถ้าคิดเทียบเป็น 100% ต่อเดือน เงินเดือนออกปุ๊ป เงินแทบหมดบัญชีเลย 555+ -ค่าแชร์ประมาณ 20% -ฝากประจำประมาณ 10% -ให้ปู่กะย่าประมาณ 10% -ให้น้องที่เรียนอยู่ ประมาณ 20% (ส่วนนี้เดี๋ยวแม่คืนให้ตอนหลัง) -ส่วนให้ป๊ากะแม่ก็ให้ปีละ 2 ครั้ง วันเกิด วันพ่อ/วันแม่ เหลือใช้จ่ายประมาณ 40% ในแต่ละเดือน -ค่าน้ำมัน+แก็ส ประมาณ 10% ที่เหลือก็กิน+เที่ยว อยากใช้ไรก็ใช้ไปเลย ส่วนเงินลงทุนอื่นๆ ก็มาจากการหารายได้เพิ่มเติม เช่น ขายประกัน, รับของมาขาย ได้มาก็ลงทุนต่อ , ถ้าช่วงไหนอยากเที่ยวบ่อยๆ ก็บังคับตัวเองหารายได้เพิ่มก่อนแล้วค่อยไปเที่ยวครับ หมายเหตุ : ออมก่อนรวยกว่าจริงๆ ครับ แต่เมื่อไหร่จะมีเงิน 1 ล้านUSD น๊า จะได้เป็นเศรษฐีกะเค้าซะที (1 ล้านBHT ยังไม่มีเลย 555+) จากคุณ : Love is ... lottery. เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 10:18:55

ความคิดเห็นที่ 52 ขอบคุณ สำหรับคำแนะนำดีดีนะครับ คุณขอบฟ้าบูรพา ถูกใจที่เรื่องหอครับ ”เราเช่าหอเพื่ออยู่ หรือเพื่อบอกฐานะ”   ขอเพิ่มเรื่องเสื้อผ้านะ "ใส่เสื้อผ้าเพื่อนุ่งห่ม หรือเพื่อบอกฐานะ" ครับ :) จากคุณ : Love is ... lottery. เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 10:30:17

ความคิดเห็นที่ 53 คห.34 "คนโสด ...ที่ยังไม่มีลูก ไม่มีคู่ครอง ..จะเก็บได้มากกว่านะครับ " ม่ายชิงค่ะ เราแต่งงานแล้ว เก็บเงิน ได้ 120 % ค่ะ ของตัวเอง 70 % เอาของแฟนมาเก็บอีก 50 % 55555555 ( กำหมัด  หัวเราะอย่างผู้ชนะ ) ปล.  ที่ทำอยู่เพื่อครอบครัวอันเป็นที่รักยิ่งค่ะ ส่วนเที่ยวกิน ก็ทำเป็นประจำค่ะ แต่ทำตามฐานะที่ควรจะเป็น จากคุณ : someonesaysomething เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 11:02:39

ความคิดเห็นที่ 54 ขอบคุณค่ะ มุมมองดี ^-^ ให้แง่คิดดีทีเดียวค่ะ ว่าแต่ คนที่ เก็บเงินไม่ได้ เค้าจะว่างมาอ่านมั้ยน๊าา จากคุณ : Iceclover เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 11:16:49

ความคิดเห็นที่ 55 อยากให้ลองไปตั้งที่โต๊ะเครื่องแป้งอ่ะครับ อยากดู Feedback ^^ จากคุณ : GeneraX เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 13:43:37

ความคิดเห็นที่ 56 ขอบคุณครับ จากคุณ : เดอะไรท์ เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 14:12:44

ความคิดเห็นที่ 57 ชอบค่ะ จากคุณ : janistar เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 15:29:37

ความคิดเห็นที่ 58 ยังอ่านไม่จบ แต่รู้ว่าคุณขอบฟ้า กะเราต้องคอเดียวกัน  เพราะเคยติดตามบทความอื่นๆอยู่บ่อยๆ เราก็พยายามเก็บออมอย่างเดียว ยังไม่ได้ลงทุนอะไรมากมายเลยค่ะ  ต้องเพิ่มความกล้าในการเสี่ยงเข้าไปด้วย  ทำให้กลัวจริงๆค่ะ จากคุณ : Kibby เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 16:30:28

ความคิดเห็นที่ 59 อย่างเรื่องกระเป๋าและรองเท้าของคุณสุภาพสตรี เท่าที่เห็น  คุณสุภาพสตรีมักซื้อ แต่ไม่ค่อยรักษา  ประมาณว่ากลับบ้านก็ยัดเข้าตู้ไป ทำให้เก่าเร็ว  โทรมเร็ว พอเก่า  โทรม ก็ซื้อใหม่ กลายเป็นสิ้นเปลืองมากขึ้น ส่วนเรื่องมีครอบครัว  ทำให้สิ้นเปลือง  ก็เข้าใจ แต่ก่อนจะมีครอบครัว  มีลูก ถ้าได้วางแผนไว้ก่อน ดูแลการกินอยู่ให้เหมาะสม  เตรียมพร้อมสำหรับมีลูก ลูกที่เกิดมาแข็งแรง  ไม่ป่วยบ่อย ค่าใช้จ่ายเรื่องรักษาพยาบาลก็ไม่มาก จากคุณ : ชาวบางนา เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 17:09:49

ความคิดเห็นที่ 60 Thank you จากคุณ : เม่าทุกวัน เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 18:41:55

ความคิดเห็นที่ 61 ของเราให้ที่บ้าน 35% เงินเก็บ 10% ค่าหอ 15% มากกว่าเงินเก็บอีก TT" ต้องทำข้อที่ 5 ให้ดีกว่านี้ จะได้มีเก็บเพิ่มขึ้น ^^ วิธีเขียนบัญชีรายรับ-รายจ่ายก็ช่วยได้มากเลยค่ะ ถ้าต้นเดือนจ่ายอะไรไปเยอะ ปลายเดือนจะยับยั้งใจมากขึ้น จากคุณ : หนูจะเป็นเด็กดี เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 19:00:37

ความคิดเห็นที่ 62 ผมคิดว่า ความสุขที่แท้จริง นั้นอยู่ที่ใจของเราเองทั้งนั้นเลยครับ ความสุขจากการประหยัดก็คงไม่ต่างจากความสุขที่ได้จับจ่ายใช้สอยครับ จากคุณ : zylinz เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 19:08:33

ความคิดเห็นที่ 63 ขอบคุณค่ะ ชอบอ่านกระทู้แบบนี้จังเลย ส่วนตัวเองมีวิธีประหยัดอีกอย่างคือเวลาออกนอกบ้านจะเอาน้ำกินติดตัวไป ด้วยตลอดเลียนแบบมาจากคุณสามีเดือนนึงประหยัดได้เยอะเหมือนกัน จากคุณ : ดาวสีส้ม เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 20:23:14

ความคิดเห็นที่ 64 เห็นด้วยกับจขก. ผมก็ใช้ชีวิตประมาณเดียวกัน ยังไม่มีบ้าน ไม่มีรถ ไม่ตามกระแสกิเลสวัตถุนิยม ไม่ผ่อนโน่นนี่นั่น เลยยังไม่มีหนี้สิน ก็ไม่เดือดร้อนครับ แต่กินบ้างเที่ยวตามใจบ้าง ไม่ได้อดๆอยากๆ ทุกเดือนเหลือเก็บอย่างน้อยๆ80%สบายๆ เงินออกก็ยัดใส่บช.เก็บทันที หรือหาช่องลงทุนต่อเพิ่มยอด กันไว้ใช้20%ที่ต้องบริหารให้อยู่ได้ จากคุณ : CHORUKO เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 20:39:46

ความคิดเห็นที่ 65 จากคห.48 ถ้าเอาแบบปีต่อปีถ้าเราไม่เซียนก็คงยากครับ แต่ถ้าระยะยาวแล้วผมว่าพอหาได้นะครับ ^ ^ มีกองทุนในระบบกองนึงผลตอบแทนย้อนหลังสิบปี ได้ปีละประมาณ40%แน่ะครับ แล้วก็ไม่ได้ผันผวนมากมาย เรื่อยๆมาเรียงๆ แล้วเชื่อมั้ยครับ เป็นกองที่คนทั่วไปไม่ค่อยสนใจไม่ค่อยรู้จักด้วย น่าเสียดาย รบกวนคุณเจ้าของกระทู้ครับ กองทุนที่ว่ากองทุนไหนเหรอครับ? พอจะบอกได้ไหมครับ ขอความรู้หน่อยครับ จากคุณ : WinVictory เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 21:23:55

ความคิดเห็นที่ 66 ผมว่ายิ่งกลับมาอ่าน พอเห็นคนอื่นๆทำได้ผมยังอยากเก็บให้มากขึ้นเลยครับ ถ้าคนอื่นมาอ่านผมก็หวังว่าจะเป็นกำลังใจให้คนที่ยังไม่เริ่มนะครับ สู้ๆ (@_@) จากคุณ : ขอบฟ้าบูรพา เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 21:41:34

ความคิดเห็นที่ 67 คุณWinVictory ผมไม่ได้เชียร์นะครับ และผลตอบแทนในอดีตก็ไม่ได้ประกันถึงผลตอบแทนในอนาคต ผมเข้าไปดูแล้วตัวเลขผิดพลาดไปครับ เพราะว่ากองทุนตั้งมา13ปีแล้ว หารด้วยผลตอบแทน420% ก็จะตกปีละ30%กว่าๆเท่านั้นเอง แล้วก็มีตกแรงๆไปครั้งนึงด้วยครับ กองทุนที่ว่าคือ อเบอร์ดีนโกรธครับ http://www.aberdeen-asset.co.th/aam.nsf/thailandthai/fundinformationperformance อันนี้คือที่ชอบโดยส่วนตัว เพราะหุ้นเค้าเลือกแบบจากพื้นฐานจริงๆ ไม่เหมือนกองทุนโดยทั่วๆไปที่เลือกองจากน้ำหนักตลาด กับอีกกองทุนนึง กองนี้อายุยังไม่ถึง10ปีดี แต่ผลตอบแทนหารแล้วก็30%กว่าๆเช่นกัน ทหารไทยเซ็ท50 http://www.tmbam.co.th/v2/th/pricesPerformances02.php อันนี้ลงทุนแบบpassive ไม่ตองคิดมาก ขึ้นลงตามตลาดเลย ถึงแม้ว่าผลตอบแทนย้อนหลังจะดีมากๆก็ตาม แต่ก็ควรกระจายการลงทุนไปแหล่งอื่นๆด้วยนะครับ และห้ามเด็ดขาดสำหรับคนที่เห็นมูลค่าทรัพย์สินลดลงไม่ได้เลย เพราะถ้าการได้ผลตอบแทนที่ดีขึ้น แลกกับความหงุดหงิดและเป็นทุกข์ ผมว่ามันไม่คุ้มค่ากันนะ (@_@) จากคุณ : ขอบฟ้าบูรพา เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 22:19:00

ความคิดเห็นที่ 69 เอามาแบ่งปันครับ สำหรับผมเป็นวิธีที่ได้ผลดีมากๆ คือทำใส่ excel ไว้เลยว่าวันนึงใช้อะไรไปบ้าง เงินสดใช้เท่าไหร่ รูดเครดิตไปเท่าไหร่ ทำไปสักพักจะเริ่มรู้ว่า จะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายตรงไหนได้บ้าง เงินเรารั่วออกไปทางไหน ทางเครดิต หรือทางเงินสด เช่นผมจะมี limit ว่าต่อรายการจะพยายามใช้ไม่เกิน 500 บาท, ต่อหนึ่งวันไม่อยากให้เกิน 300 บาท ถ้ารายการไหนเกินจะมาร์คตัวแดงไว้ สิ้นเดือนมาดูอีกทีว่าจะตัดค่าใช้จ่ายส่วนนั้นได้ไหม ถ้าจำเป็นจริงๆก็ต้องปล่อยไป ถ้าไม่จำเป็นก็ตัดทิ้งเพื่อให้เหลือเงินเก็บมากขึ้น ทำไปซักพักจะเก็บเงินได้มากขึ้นครับ ลองดู จากคุณ : We are X . เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 23:22:22

ความคิดเห็นที่ 70 เอามาแบ่งปันครับ สำหรับผมเป็นวิธีที่ได้ผลดีมากๆ คือทำใส่ excel ไว้เลยว่าวันนึงใช้อะไรไปบ้าง เงินสดใช้เท่าไหร่ รูดเครดิตไปเท่าไหร่ ทำไปสักพักจะเริ่มรู้ว่า จะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายตรงไหนได้บ้าง เงินเรารั่วออกไปทางไหน ทางเครดิต หรือทางเงินสด เช่นผมจะมี limit ว่าต่อรายการจะพยายามใช้ไม่เกิน 500 บาท, ต่อหนึ่งวันไม่อยากให้เกิน 300 บาท ถ้ารายการไหนเกินจะมาร์คตัวแดงไว้ สิ้นเดือนมาดูอีกทีว่าจะตัดค่าใช้จ่ายส่วนนั้นได้ไหม ถ้าจำเป็นจริงๆก็ต้องปล่อยไป ถ้าไม่จำเป็นก็ตัดทิ้งเพื่อให้เหลือเงินเก็บมากขึ้น ทำไปซักพักจะเก็บเงินได้มากขึ้นครับ ลองดู จากคุณ : We are X . เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 23:25:17

ความคิดเห็นที่ 71 เอามาแบ่งปันครับ สำหรับผมเป็นวิธีที่ได้ผลดีมากๆ คือทำใส่ excel ไว้เลยว่าวันนึงใช้อะไรไปบ้าง เงินสดใช้เท่าไหร่ รูดเครดิตไปเท่าไหร่ ทำไปสักพักจะเริ่มรู้ว่า จะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายตรงไหนได้บ้าง เงินเรารั่วออกไปทางไหน ทางเครดิต หรือทางเงินสด เช่นผมจะมี limit ว่าต่อรายการจะพยายามใช้ไม่เกิน 500 บาท, ต่อหนึ่งวันไม่อยากให้เกิน 300 บาท ถ้ารายการไหนเกินจะมาร์คตัวแดงไว้ สิ้นเดือนมาดูอีกทีว่าจะตัดค่าใช้จ่ายส่วนนั้นได้ไหม ถ้าจำเป็นจริงๆก็ต้องปล่อยไป ถ้าไม่จำเป็นก็ตัดทิ้งเพื่อให้เหลือเงินเก็บมากขึ้น ทำไปซักพักจะเก็บเงินได้มากขึ้นครับ ลองดู จากคุณ : We are X . เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 23:26:10

ความคิดเห็นที่ 72 ขอบคุณนะครับ     ตอนอายุ 20 กว่า ๆ เก็บได้ 70-80% ของรายได้ และสิ่งแรกที่ทำ คือเอา เงินเก็บล้านแรก ให้คุณแม่ และ ซื้อรถให้คุณพ่อ เพราะ คันเก่าใช้มา 20 ปี   เก็บเงินได้แล้ว  ดูแลคุณพ่อ คุณแม่เยอะๆ ครับ   ประหยัดเถอะ ครับ กินเพื่ออยู่ อย่าอยู่เพื่อกิน จากคุณ : boy2000 เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 23:39:46

ความคิดเห็นที่ 73 เป็นบทความที่ยอดเยี่ยมมากๆครับ ถ้ามีโอกาสผมขออนุญาตนำไปเผยเเพร่ต่อนะครับ จริงๆเราควรจะสร้างภาวะการเงินตั้งเเต่เราเริ่มรู้สึกตัวครับ หลายๆคนบอกว่าควรเริ่มตั้งเเต่เมื่อเราเริ่มทำงานแต่จริงๆแล้วผมเห็นว่าในวัยเรียนนี่แหละสำคัญมากเพราะเป็นการสร้างนิสัยไปในตัว เด็กส่วนใหญ่ไม่ได้หาเงินเองเลยไม่ค่อยรู้คุณค่าของเงินครับ คิดแค่ว่าใช้หมดก็ขอใหม่ อยากได้อะไรก็แบมือขอเงิน เห็นวัตถุมีคุณค่ามากกว่าจิตใจ จบออกมาหาเงินเอง เมื่อเริ่มรู้ตัวว่าควรจะสร้างความมั่นคงให้กับตัวเองอาจจะทนต่อกระเเสวัตถุที่รุนเเรงในปัจจุบันไม่ได้ครับ ขอนับถือเจ้าของกระทู้มากๆครับ จากคุณ : ArM-ApA เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 00:21:45

ความคิดเห็นที่ 74 ขอบคุณมากค่ะ รอตอนต่อไปนะคะ   ตอนนี้ก็เก็บอยู่ค่ะ เดือนนึง 50% ได้ค่ัะ ไม่มีรถกะเค้าซะทีค่ะ อีกไม่กี่ปีก็จะเลข ๔ ละ คิดมาตลอดว่าน่าจะมี แต่ไงก็ไม่รู้ไม่ซื้อซะที ไปทำงาน ลำบากกาย นั่งมอเตอร์ไซค์ ต่อรถไฟฟ้า ต่อเรือ กว่าจะึถึงที่ทำงาน แต่ไม่ลำบากใจ มีบ้างเวลาเหนื่อยๆ กับฝนตก   ก็จดรายรับรายจ่ายเหมือนกันค่ะ อยากให้น้องๆ เริ่มเร็วๆ ค่ะ นี่มาเริ่มตอนเลข ๓ แล้ว หลังจาก enjoy spending สุดๆ แต่ไงก็ไม่สายไปนะคะ เก็บให้ถูกที่ด้วยค่ะ จากคุณ : สติมา (stima) เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 04:14:59

ความคิดเห็นที่ 75 ขอบคุณมากค่ะ เป็นบทความที่ดีมากๆ ทำให้ฉุกใจคิดได้หลายอย่าง บางอย่างทำได้ บางอย่างทำไม่ได้ แต่ก็จะพยายามทำให้ได้ค่ะ จากคุณ : ณกานต์ เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 07:59:52

ความคิดเห็นที่ 76 ชอบบทความแนวนี้มากๆค่ะ อ่านทีไหร่ ได้ความรู้และกำลังใจในการออมเงินต่อทันที (ติดตาม บทความของคุณขอบฟ้าบูรพามานานค่ะ ชอบทุกๆบทความเลยค่ะ) ตอนนี้แต่งงานแล้วค่ะ มีลูก 1 คน เลยไม่ได้ทำงานเป็นแม่บ้านอย่างเดียว มีรายได้จากสามีทางเดียวค่ะ และเพิ่งเริ่มเก็บเงินจริงจังแบบนี้ไม่นานค่ะ แต่คนเราก็ต้องมีเริ่มต้นเนอะ แบ่งเป็น เงินเก็บ 50% ต่อเดือน  และประกัน 15% เหลือ 35% ไว้ใช้ คิดไว้เสมอว่า ตอนนี้ลูกยังเล็ก ค่าใช้จ่ายยังไม่มาก หากลูกเข้าเรียนเมื่อไหร่ ค่าใช้จ่ายคงเพิ่มขึ้นมาก ตอนนี้ออมได้ออมก่อนค่ะ เพื่ออนาคต ที่ไม่ใช่แค่สามีภรรยา แต่เพื่อลูกอีกคนด้วยค่ะ เขียนอีกนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ.. จากคุณ : nampalo76 เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 08:48:26

ความคิดเห็นที่ 77 เห็นร้านอาหารน่านั่งบรรยากาศงามๆเมื่อไหร่ อดใจไม่ไหวสักที ให้ทำไงได้? แต่ตอนนี้ก็เริ่มเก็บเงินตั้งแต่เริ่มทำงานละ ด้วยการทำ -ประกันชีวิต -ฝากเงินธนาคาร -ฝากเงินนอกระบบ แล้วก็วางอนาคตกับแฟนด้วยการออมเงินร่วมกัน จากแต่ก่อนคิดว่า ต้องหาความสุขให้ตัวเองมากๆ "อยู่เพื่อกิน" ตอนนี้คิดอย่างเดียว อยากมีเงินเก็บให้ลูกเยอะๆ :) อายุเพิ่งเลข 2 ต้น หวังว่าคงมีเงินล้านในเร็ววัน จากคุณ : nightmaez เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 09:40:02

ความคิดเห็นที่ 78 ขอบคุณจขทก. สำหรับบทความดีดีค่ะ เรามานั่งนึกดูดีดี เงินหายไปไหนหว่า ไม่ใช่น้อยๆ ปรากฎว่า ไปดูบัญชีรายรับ-จ่าย ที่ไม่ค่อยได้อัพ อ่าววว กินไรเยอะแยะเนี่ย ต้องลดค่ากิน แล้วเงินคงจะงอกมาอีกเยอะค่ะ ส่วนตัวแล้วอยู่หอ ติดเนต (คิดว่าสำคัญสำหรับเรา) แต่ห้องไม่แอร์ เพื่อกันไม่ให้ค่าห้องเกิน 4500 ส่วนเงินเก็บเราเป็นคนเก็บไม่ได้ค่ะ ต้องเอาไปไหนไกลๆ ตาหรือมือที่จะหยิบได้อย่างหักกองทุนบริษัท+ซื้อประกันออมทรัพย์และลงทุนในหุ้น (คิดเป็นประมาณ 20%) อีกส่วนผ่อนบ้าน แล้วก็ใช้ส่วนตัว ถือว่ามีความสุขดีค่ะ :) แต่จะพยายามเก็บเงินให้ได้มากขึ้น จากคุณ : เด็กน้อยบ่มีอ่หยั่ง เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 13:17:42

ความคิดเห็นที่ 79 สุดยอดดดดดดด จากคุณ : THE_AR เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 13:42:40

ความคิดเห็นที่ 80 ขอบคุณมากค่ะ สำหรับสิ่งดี ๆ สมัยก่อนอายุยังน้อยก็ใช้แบบไร้สาระ เหมือนกันค่ะ ทั้งเสื้อผ้า เครื่องสำอาง กว่าจะกลับลำได้ ไม่รู้ว่าจะสายไปหรือเปล่า แต่ตอนนี้ก็ไม่ถึงกับเคร่งครัดมาก เพียงแต่พยายามเก็บมากขึ้น ส่วนนี้เก็บออม อีกส่วนนี้เก็บไว้เที่ยวพักผ่อน ไม่บ่อยอาจจะปีละครั้ง 2 ครั้ง เก็บไว้สำหรับดูแลคุณแม่ จากคุณ : aster_star เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 15:08:23

ความคิดเห็นที่ 81 เงินเดือนน้อยครับ แต่เก็บประมาณ 30-40% ต่อเดือน เรื่องร้านอาหาร ที่บอกว่ากินอาหาร หรือกินบรรยากาศ สำหรับผมอ่ะทั้ง 2 อย่าง ไปครั้งนึ่งหารกับเพื่อน 300-500 ก็ยังโอเคอยู่ครับ เพราะเจอเพื่อนแบบเดือนละครั้ง หรือ 2 เดือนครั้ง ^^ จากคุณ : ganblade เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 16:21:57

ความคิดเห็นที่ 82 แวะมาดู ...ตอบไปแล้วที่ห้องแป้ง จากคุณ : Miss Berry เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 20:02:06

ความคิดเห็นที่ 83 ขอบคุณที่สุดเลยค่ะ สำหรับข้อคิดเตือนใจดีๆ ชอบประโยคที่ว่า "ดังนั้นอย่าน้อยอกน้อยใจหากว่าเงยหน้าขึ้นมาแล้วพบว่าหลายคนมีรายได้มากกว่าเรา แต่จงดีใจหหากว่าเราสามารถเก็บออมเงินได้มากกว่าคนเหล่านั้นครับ" เป็นแรงผลักดันให้มีกำลังใจได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ จากคุณ : Halloweeny เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 53 08:57:30

ความคิดเห็นที่ 84 ขอบคุณ สำหรับกระทู้ดีๆครับ จากคุณ : Joga Bonito เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 53 12:53:21

ความคิดเห็นที่ 85 แต่อย่างกเกินไปนะครับ ผมเห็นด้วยกับการเก็บเงิน แต่บางอย่างมันทำให้เราดูดีเราก็ซื้อเช่น เสื้อผ้า รองเท้า มือถือ นาฬิกา เอาแบบให้ดูดี  แต่ไม่ใช่โลภครับไม่ใช่วัตถุนิยม คือซื้อมันไปเรื่อยเปลี่ยนไปเรื่อยบ่อยๆแบบนั้นไม่ถูก แค่ดูดีมีระดับเท่านั้นเอง ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อยๆก็ได้ เพราะอย่างที่บอกคนเค้าดูกันภายนอกก่อนนะครับ เราก้อต้องสร้างความประทับใจแรกพบด้วย ผมเห็นคนจีนสมัยก่อนไม่ซื้ออะไรเลยใช้แต่ของถูกๆทั้งๆที่มีเงิน รวยอีกต่างหากตอนนี้ตายไปแล้ว เงินเก็บไว้ก็ไม่เห็นได้ใช้เลยน่าสงสาร ทำไปเพื่ออะไรเนี่ย จากคุณ : HMC เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 53 14:25:36

ความคิดเห็นที่ 86 จริง+ ไม่เข้าใจเลยว่า ในเมื่อเงินเดือนเพิ่มขึ้น ทำไมรายจ่ายมันเพิ่มตามเงินเดือนหว่า ทั้งๆที่ไม่มีอะไรแปลกไปจากปกตินะ จากคุณ : RENybravia เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 53 15:01:19

ความคิดเห็นที่ 87 ขอบคุณ ขอบคุณมากๆๆๆ คะ แต่ก่อนเราก้ไม่เคยคิด ไม่เคยทำ แต่ตอนนี้เพิ่งเริ่มทำ เริ่มช้าดีกว่ายังไม่ได้เริ่ม ขอบคุณมากนะคะ จากคุณ : จังหวะสกา เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 53 15:28:41

ความคิดเห็นที่ 90 ขอบคุณครับ จากคุณ : kakashi (SteamPower) เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 53 16:09:09

ความคิดเห็นที่ 91 เพิ่มเติมเรื่องการทำบัญชีรายรับรายจ่าย และควรแยกบัญชีที่ใช้ประจำ กับบัญชีเงินฝาก ก่อนหน้านี้ เพราะผมก็พยายามใช้ น้อยที่สุด แต่ไม่แยกบัญชีผ่านมา 1 ปี เงินเก็บยังเท่าเดิม พอแยกบัญชี จึงควบคุมค่าใช้จ่ายได้ง่ายขึ้น จากคุณ : ห้าแต้ม เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 53 22:26:00

ความคิดเห็นที่ 92 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 53 22:43:43

ความคิดเห็นที่ 93 ขอบคุณมากครับ ได้มาอ่านบทความนี้ หลังจากเคยอ่านบทความเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ แต่ไม่ค่อยสนใจ ตอนนี้ลงมือทำบัญชีรายรับรายจ่าย เอาวันนี้เป็นวันแรก และสัญญากับตัวเองว่าจะทำทุกวัน เราจะได้รู้ว่าเงินเรามันหายไปไหนซะที จากคุณ : kotaro^_^ เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 53 22:59:53

ความคิดเห็นที่ 94 คนทั่วไป ส่วนใหญ่จะเป็นอย่างที่ คุณจขกท.ว่าไว้นั่นแหละค่ะ แต่สำหรับคนในห้องนี้ ก็คงจะเก็บออมกันดีอยู่แล้ว ไม่งั้นคงไม่เล่นห้องนี้กันหรอก อิอิ ขอบคุณข้อมูลที่เป็นประโยชน์นะคะ จากคุณ : Love in the mist เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 53 11:28:58

ความคิดเห็นที่ 95 เป็นประโยชน์มากๆค่ะ แต่ทำใจทำรายรับรายจ่ายไม่ได้ซักที กลัวตกใจช๊อครายจ่าย ทั้งนี้ทั้งนั้นก็แยกเงินเก็บจากรายได้ทุกเดือนเดือนละ 15 เปอร์เซ็นต์ ตอนนี้เพิ่งจบได้เงินก้อนนึงจากการเก็บตลอดชีวิตนักเรียนนักศึกษา ถ้าจะมีการแนะนำต่อถึงวิธีการต่อยอดสำหรับทุนไม่มากจะเยี่ยมไปเลยค่ะ ปล. ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา เงินเก็บๆ ที่ว่าเปิดดูดอกเบี้ยแล้วชีช้ำค่ะ ทำไมมันน้อยอย่างนี้หนอ แต่ก็เก็บกันต่อไป ... จากคุณ : Moohyper เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 53 13:51:28

ความคิดเห็นที่ 96 สนับสนุนกระทู้ดี ๆ ค่ะ ให้กิฟทำยังไง จะลองให้เป็นครั้งแรกในชีวิต ให้ไม่เป็นอยู่ดี เลยกดโหวตและกดถูกใจให้ค่ะ ^______^ แก้ไขเมื่อ 06 ส.ค. 53 15:43:50 จากคุณ : ขอยืมล็อกอินเขามา (พ่อไมโล) เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 53 15:41:11

ความคิดเห็นที่ 97 กระทู้แนะนำที่บอกเก็บเงิน10% ไม่เห็นบอกวิธีลงทุนได้7%ต่อปีเลย จากคุณ : myheart46 เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 00:34:45

ความคิดเห็นที่ 98 เข้ามาอ่าน ดีจริงๆ เริ่มทำมาบ้าง แต่ก็ ขาดๆหายๆ ตามความขยัน กับแรงฮึด แต่เป็นเราคนที่เก็บเงินไม่อยู่จริงๆ แบบว่า ได้เป็นก้อนเมือไหร่ก็มีเรื่องต้องใช้ออกไปทุกที บางทีก็เป็นที่บ้านมัง อะไรมัง แบบนี้ เซ็ง ยิ่งตอนนี้มีลูกแล้ว จะถามว่าประหยัดกว่าเดิมไหม เราก็ว่าเรางกขึ้น สำหรับตัวเอง แต่บางทีก็อดจะหาความสะดวกสบายให้ลูกไม่ได้ กะลังคำนวนว่า เกษีณแล้ว ตัวเองจะมีตังค์เหลือใช้มังไหมเนี่ย แล้วจะได้เกษียณกับเค้าเมื่อไหร่ จากคุณ : วีทีอาร์ เขียนเมื่อ : 7 ส.ค. 53 11:45:06

ความคิดเห็นที่ 99 ขอบคุณมากค่ะ อ่านแล้วรู้สึกเลยว่าต้องเก็บมากกว่านี้ ตอนนี้เราทำงานมา 5 ปี เพิ่งมีเงินเก็บแค่ 60000 เองค่ะ ต้องพยายามมากว่านี้แล้วล่ะเรา จากคุณ : *_*Dryice*_* เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 53 01:20:13

ความคิดเห็นที่ 100 เก็บไปเถอะค่ะ ขนาดดิฉันรับบำนาญ ยังเก็บเล่น ๆ จากค่าใช้จ่ายประจำวัน ๆ ละ 100 บาท เอาไว้ซื้อความสุขส่วนตัวประจำเดือน ยังเหลือทุกเดือนเลยค่ะ จากคุณ : pa imm เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 53 04:57:33

ความคิดเห็นที่ 101 ขอบคุณนะคะ รีบแชร์ไปให้น้องอ่านเลยค่ะ ส่วนตัวมีวินัยการเงินพอควร คิดก่อนใช้ค่ะแบบ Cost-Benefit analysis สำหรับการใช้จ่ายส่วนตัว แตุ่ถ้าสำหรับการใช้จ่ายเกี่ยวกับคนที่เรารัก เช่นคนในครอบครัว หรือเพื่อนที่ดีจ่ายได้หมดค่ะ ตอนนี้ให้คุณพ่อคุณแม่ทั้งสองบ้าน (บ้านสามีด้วย) และคุณตาทุกเดือน ตอนนี้ยังไม่มีน้องเอง แต่เพิ่งรับอนุเคราะห์เด็กโครงการเด็กยากจนที่หนึ่งมาหนึ่งคนค่ะ ได้เด็กผู้หญิงรอจดหมายน้องเค้าอยู่ค่ะ ^ ^ จากคุณ : UMNgirl เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 53 05:49:16

ความคิดเห็นที่ 102 เยี่ยมมากขอแชร์นะครับ ถูกใจจริงๆ 5555 จากคุณ : vecchio เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 53 10:33:24

ความคิดเห็นที่ 103 แจ๋วไปเลย จากคุณ : แม่น้องอะตอม เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 53 12:51:12

ความคิดเห็นที่ 104 เก็บ 10% ค่ะแต่ไม่รู้ว่าทำยังไงให้มันงอกเงย จากคุณ : xiah เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 53 14:27:02

ความคิดเห็นที่ 105 คัดลอก ไปให้รุ่นน้องที่พึ่งเริ่มทำงานอ่านกันเหมือนกัน พวกนี้ทำงานปีแรกๆมันยังไม่อิน ต้องกระเป๋าแห้งมา 5 ปีจะซึ้ง ก็เหมือนเราสมัยเริ่มทำงานใหม่ๆไงครับ 555 ผู้รับสารนี้สัก 10% ได้เปลี่ยน วิถีคิดใหม่ก็ยังดี จากคุณ : nomeny เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 14:31:54

ความคิดเห็นที่ 106 เราเห็นด้วยกับคุณ จขกท. รวมถึงเรื่องการเดินทาง เราว่าการเดินทางโดยรถเมล์ รถตู้ เป็นอะไรที่สะดวก ปลอดภัย ประหยัด ไม่ต้องเหนื่อยมาขับรถ ในส่วนของรถเมล์ ถ้าระยะทางไกลๆ เราก็อยากสบาย ก็นั่งรถเมล์แอร์ ถ้าใกล้ๆ รถเมล์ไม่แอร์ ประหยัดดี ร้อนแปปเดียวเอง ทนได้ ส่วนแท็กซี่นั่งบ้าง ตามสะดวก อันนี้จะจ่ายแพง แต่นั่งหลับไม่ได้ เรื่องที่เราเห็นว่าสาวๆ ใช้เยอะ คือเรื่องกิน กับเรื่องความสวยความงาม จริงๆ มันก็เป็นเรื่องสำหรับเรานะ เราก็ใช้มันบ้าง แต่ไม่เยอะ แต่บางทีเราเห็นสาวๆ ชอบใช้เงินตรงนี้เกินพอดี อย่างที่ จขกท. บอกเลย มีเรื่องสาวอวบ ที่ชอบกิน แล้วก็อ้วน อยากผอม ก็เข้าคอร์สลดความอ้วนซะงั้น แก้ปัญหาไม่ตรงจุดเอาซะเลย อยากผอม ก็ต้องลดจำนวนอาหารที่กิน ของกินจุกจิกกินตลอด ต่อให้เข้าคอร์สให้ตายก็ไม่ผอมหรอก สาวอวบเลยมีค่าใช้จ่ายเยอะ ตรงของกินกะคอร์สลดความอ้วน จากคุณ : Blue_cAraMel เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 00:39:49

ความคิดเห็นที่ 107 ชอบบทความนี้มากเลยค่ะ อยากส่งต่อให้เพื่อนเราสุดๆแต่กลัวโดนด่า เพื่อนเราเอาเงินเก็บไปซื้อกระเป๋าหลุยส์ และผ่อนบ้านราคา7ล้าน พร้อมด้วยกับการถอยรถ BMW คันใหม่ จะว่าเราอิจฉาก็ได้นะคะ แต่เราไม่ชอบการใช้เงินแบบโปรยแหลกแบบนั้นเลย วัตถุนิยมสุดๆ จากคุณ : unidon เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 53 19:38:31

ความคิดเห็นที่ 108 เริ่มต้นใหม่ครั้งที่ เท่าไหร่ไม่ได้นับ แต่ครั้งนี้จะจริงจังเสียที่ อ่านทุกความเห็นเลย ขอบคุณ ทุกความเห็นทำให้เรามีแรงฮึดอีกครั้ง จากคุณ : ตกลงคะ เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 16:40:40