Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ค่าธรรมเนียมธนาคาร บริการลูกค้าแบบหน้าเลือด  

ค่าธรรมเนียมธนาคาร บริการลูกค้าแบบหน้าเลือด

โดย ASTVผู้จัดการรายวัน 3 สิงหาคม 2553 19:27 น.

เป็นการรับน้องที่หนักหน่วง สำหรับ ประสาร ไตรรัตน์วรคุณ ว่าที่ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ ที่ยังไม่ทันจะรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ แต่กลับถูกกระทุ้งทั้งจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สื่อมวลชน นักวิชาการ และสังคม ให้ช่วยดูแลแก้ไขหน่อยเถอะว่า เหตุใดดอกเบี้ยเงินกู้กับดอกเบี้ยเงินฝากถึงได้มีช่องว่างมากมาย รวมถึงค่าธรรมเนียมหรือค่าต๋งที่ผู้ใช้บริการไม่เคยเข้าใจว่าทำไมต้องเก็บ เก็บไปให้ใคร แล้วที่เรียกเก็บทุกวันนี้ มันสมเหตุสมผลหรือเปล่า
     
      ถ้าไม่ ก็ช่วยทำให้สมเหตุสมผล ไม่เอาเปรียบประชาชนจะได้หรือเปล่า
     
      โปรดดูตัวเลขจากรายงานของ ธปท. ต่อไปนี้ พบว่า รายได้ของธนาคารพาณิชย์ในไตรมาส 2 ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรายได้จากค่าธรรมเนียมบริการทางการเงิน มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 33,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,400 ล้านบาท จากไตรมาสแรกที่ 31,100 ล้านบาท
     
      อาจต้องใช้ความรู้ทางเศรษฐศาสตร์พอสมควรถึงจะรู้จริงว่าตัวเลขนี้น่าตกใจหรือไม่ แต่กับคนบ้านๆ แน่นอนว่ามันเป็นตัวเลขที่ชวนอกสั่นขวัญแขวน และชวนให้รู้สึกว่ากำลังถูกแบงก์ใหญ่รวมหัวกันรีดเลือดจากปู
     
      เมื่อบัตรเอทีเอ็มคือส่วนหนึ่งของชีวิตยุคใหม่ ยากจะเลี่ยงการกดเงินสดหรือการโอนเงินผ่านเอทีเอ็ม แต่ประชาชนไม่เคยเข้าใจว่า ทำไมการทำธุรกรรมผ่านเอทีเอ็มต่างธนาคารจึงต้องเสียค่าธรรมเนียม 25 บาทบ้าง 35 บาทบ้าง หรือทำไมต้องมีค่านับเหรียญ หรือทำไมต้องมีค่ารักษาบัญชีปีละ 200 บาท ฯลฯ
     
      และนี่คือเรื่องราวความไม่เข้าใจจำนวนหนึ่งของผู้คนที่เราเดินกระทบไหล่...
     
      ค่าธรรมเนียมโหด มีที่มา
     
      จากงานศึกษาของ ดร.เดือนเด่น นิคมบริรักษ์ ผู้อำนวยการด้านนโยบายการแข่งขันทางการค้าและคุ้มครองผู้บริโภค ฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจรายสาขา สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) พบว่า
     
      เดิมทีมี บริษัท เอทีเอ็ม พูล จำกัด เป็นบริษัทกลางเพื่อเชื่อมโยงการให้บริการเอทีเอ็มเป็นเครือข่ายข้ามธนาคาร ซึ่งเกิดจากการลงขันของธนาคารพาณิชย์ที่มีตู้เอทีเอ็มให้บริการลูกค้า ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ็กซ์ จำกัด (ITMX) และเป็นผู้กำหนดโครงสร้างค่าใช้จ่ายการให้บริการการโอนบัญชีระหว่างธนาคาร ซึ่งธนาคารที่จะเข้าร่วมจะต้องเสียค่าสมาชิกถึงปีละ 1 ล้านบาท หรือถ้าจ่ายครั้งเดียวก็จะคิดค่าสมาชิก 15 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถใช้บริการเฉพาะถอนเงินสดและสอบถามยอด หากธนาคารสมาชิกต้องการใช้บริการโอนเงินด้วย ต้องชำระเพิ่มอีก 10 ล้านบาท รวมเป็น 25 ล้านบาท และยังมีค่าต่างๆ อีกยิบย่อย ซึ่งแน่นอนว่าภาระค่าใช้จ่ายนี้ จะถูกผลักให้ผู้บริโภคแบกรับผ่านการเรียกเก็บค่าธรรมเนียม
     
      และนี่ก็เป็นที่มาหนึ่งของข้อกล่าวหาว่า ธนาคารพาณิชย์ ‘ฮั้ว’ กันเก็บค่าธรรมเนียมในอัตราสูงเกินจริง
     
      นักวิชาการอิสระคนหนึ่งตั้งข้อสังเกตด้วยว่า การที่ธนาคารอ้างเรื่องต้นทุนที่สูง ทำให้ต้องเก็บค่าธรรมเนียมแพงๆ นั้น อาจกำลังหมายถึงว่า ธนาคารมีการบริหารจัดการที่ไม่มีประสิทธิภาพหรือไม่ แต่ถ้ามีประสิทธิภาพ แล้วเหตุใดค่าธรรมเนียมจึงสูง หรือว่ากำลังหากำไรเกินกว่าที่ควรจะเป็น
     
      การแก้ปัญหาเรื่องค่าธรรมเนียมที่ไม่เป็นธรรมนี้ ดูเหมือนหลายฝ่ายจะเห็นตรงกันว่า จะต้องทำให้เกิดการแข่งขันอย่างแท้จริง เพื่อป้องกันการฮั้วกันเองระหว่างธนาคาร
     
      ชีวิตติด (ค่า) ธรรมเนียม
     
      เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคเล่าให้ฟังว่า การร้องเรียนเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมต่างๆ ของธนาคารมีอยู่บ้าง แต่ถือว่าไม่มากเท่ากับกรณีอื่นๆ เจ้าหน้าที่คนนี้ยกตัวอย่างเรื่องค่านับเหรียญว่า ทำไมต้องมี ในเมื่อเราอยากส่งเสริมให้มีการออม แต่ถ้าเด็กทุบกระปุกออมสินเอาเงินไปฝากกลับต้องถูกชาร์จค่านับเหรียญ
     
      เป็นรูปธรรมอย่างหนึ่งของค่าธรรมเนียมที่เด็กรักประหยัดต้องพบพาน
     
      เมื่อเติบโตมีการมีงานทำ คุณอาจไม่ต้องเสียค่านับเหรียญอีกต่อไป แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเงินเดือนในบัญชีของคุณจะปลอดภัย ยิ่งเป็นวิถีชีวิตแบบคนเมืองด้วยแล้ว ยิ่งไม่อนุญาตให้คุณมีชีวิตโดยปราศจากค่าธรรมเนียมยิบย่อยของธนาคารที่คุณเปิดบัญชี
     
      อย่าง รัตนาพร มีแก้ว หญิงสาววัย 22 ปี พนักงานในบริษัทโฆษณาแห่งหนึ่ง เธอมักจะต้องใช้บริการตู้เอทีเอ็มต่างธนาคารอยู่เป็นประจำ เพราะหาตู้เอทีเอ็มของธนาคารตัวเองไม่เจอ จนบางทีเวลาเจอตู้ของธนาคารที่ตนใช้เมื่อไหร่ เป็นต้องวิ่งเข้าไปกดไว้ก่อน แม้ว่าจะมีเงินอยู่ในกระเป๋าจำนวนหนึ่งแล้วก็ตาม
     
      “ลำบากมากค่ะ บางทีต้องการใช้เงินด่วน ต้องเบิกต่างธนาคารจะรู้สึกเสียดายเงินมาก คิดว่าฝากเงินแล้วยังต้องเสียเงินค่าถอนอีก ถึงจะดูน้อย แค่ครั้งละ 5 บาท แต่หลายๆ ครั้งมันก็ไม่คุ้ม เงินของเรา เราควรจะมีสิทธิที่จะเบิกใช้เมื่อไรก็ได้ โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมหักอะไรอีก ตอนนั้นที่ยังไม่ได้ทำงานก็เคยคิดว่ามันหยุมหยิมมากเสียๆ ไปเถอะ แต่พอทำงานแล้ว นี่มันคือเงินของเรา เงินเดือนของเรา ก็รู้สึกเสียดาย”
     
      ในสภาพดอกเบี้ยออมทรัพย์ไม่ถึง 1 บาท ค่าธรรมเนียม 5 บาท คงสร้างความคับอกคับใจมากเอาการ
     
      “เวลาเจอตู้ของธนาคารที่เราเปิดบัญชีจะต้องเข้าไปกดไว้ก่อนเลย เพราะตู้มันหายาก กดมาเก็บไว้บางทีก็สามสี่พันบาท เดินๆ ก็กลัวโดนล้วงกระเป๋าอยู่เหมือนกัน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเราไม่อยากเสียค่าธรรมเนียมอะไรตรงนี้จริงๆ”
     
      เธอบอกว่าเวลาต้องออกไปทำงานหรือไปเที่ยวต่างจังหวัด เธอจะกดเงินสดไว้ก่อนล่วงหน้า แล้วพกไปเป็นก้อนเลย ไม่ไปกดที่ตู้เอทีเอ็มต่างจังหวัดอีก เพราะเสียแพงมากโดยไม่จำเป็น
     
      “โอ้โห ครั้งละ 20 บาทนี่ทำเอาอึ้งไปเลยนะ เคยกดอยู่ครั้งหนึ่งเพราะไม่รู้ว่ามันจะเสียมากขนาดนี้ ตอนหลังเวลาต้องออกจากกรุงเทพฯ เราจะกดเงินไว้ก่อนเลย จะไม่ยอมเสียอีกแล้ว แพงไปรับไม่ได้จริงๆ ทั้งๆ ที่มันควรจะอำนวยความสะดวกเรานะ แต่กลายเป็นว่าทำให้เราลำบากใจหนักขึ้น ต้องพกเงินสดทีละมากๆ ถ้าไปเที่ยวไกลๆ นี่พกไปทีละหกเจ็ดพันเลย เหลือดีกว่าขาด”
     
      ถ้าปีกกล้าขาแข็งขึ้นอีกนิด คุณมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ต้องทำธุรกรรมทางการเงินทั้งในและนอกประเทศ ธนาคารถือเป็นที่พึ่งพิงที่เลี่ยงไม่ได้ ศิริพร ศิริบัญชาชัย เป็นหนึ่งในคนทำธุรกิจซึ่งต้องเสียค่าธรรมเนียมต่างๆ ให้แก่ธนาคารเดือนๆ หนึ่งเป็นจำนวนไม่น้อย
     
      “มันมีค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่ต้องเสียให้ธนาคารมากมาย ไม่ว่าจะเป็นค่าธรรมเนียมโอนเงิน การซื้อสมุดเช็ค นั่นทำให้ถ้าเป็นไปได้เราจะใช้เงินสดโอนเข้าธนาคารมากกว่า ส่วนในการรับเงิน ถ้าเรารับมาเป็นเช็คต่างสาขา ต่างธนาคารกัน ก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมตามยอดเงินอีก
     
      “ที่แย่ที่สุดเลยก็คือการโอนเงินระหว่างประเทศ ลูกค้าเราที่ประเทศต้นทางก็เสียค่าธรรมเนียมมาแล้วรอบหนึ่ง ทีนี้พอเราไปกดเงินออกมา เราก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมอีกรอบหนึ่ง เป็นการเสียซ้ำซ้อนสองรอบ”
     
      โชคไม่ดีที่การทำธุรกิจของศิริพร บางครั้งก็รีรอไม่ได้ จึงเป็นเหตุให้เดือนหนึ่งๆ ค่าธรรมเนียมไม่ใช่ต้นทุนเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีต้นทุนที่พ่วงตามมาแบบที่คนไม่ทำธุรกิจคงไม่มีวันรู้
     
      “การเสียค่าธรรมเนียมยังอาจหมายรวมถึงเงินอื่นๆ ที่เราต้องเสียไปด้วยนะ อย่างถ้าเราได้เช็คมา แล้วไม่อยากรอการเคลียริ่งก็ต้องเสียค่าน้ำมันขับรถไปขึ้นเช็คที่สาขานั้นของธนาคารที่ระบุเลย เนื่องจากบางทีการทำธุรกิจต้องใช้เงินหมุนเวียน จะรอให้ธนาคารค่อยๆ เคลียริ่งไม่ได้ เพราะบางทีมันก็นานเกินไปกินเวลาเป็นอาทิตย์ก็เคย”
     
      จะอย่างไรการแบกภาระต้นทุนค่าธรรมเนียมของศิริพรอาจไม่หนักหนาเท่ากับคนหาเช้ากินค่ำอย่าง สมศักดิ์ (นามสมมติ) พนักงานส่งเอกสารของบริษัทแห่งหนึ่ง เขามีประสบการณ์ไม่โสภากับค่าธรรมเนียม โดยเฉพาะในยามชีวิตขัดสน
     
      “คือผมเป็นคนทำงานกินเงินเดือนปกติที่มีภาระเยอะ มีบางเดือนที่เงินผมไม่พอใช้ ต้องยืมเงินน้องสาวที่อยู่ต่างจังหวัด ซึ่งบางทีในช่วงใกล้สิ้นเดือน ผมไม่มีเงินเหลือสักบาท ก็บอกให้น้องโอนมาให้สัก 500 แต่เนื่องจากน้องสาวผมโอนเงินจากเครื่องฝากเงินอัตโนมัติ ที่ต้องเสียค่าธรรมเนียม 25 บาท ทำให้ผมได้เงินจริงๆ มาแค่ 475 บาท กดมาใช้ได้จริงๆ ก็แค่ 400 เอง
     
      “ผมจะบอกให้น้องโอนมาสัก 525 บาทก็ไม่ได้เพราะเครื่องฝากเงินมันไม่รับแบงก์ 20”
     
      นอกเหนือไปจากนั้น ในการโอนเงินกลับไปให้ที่บ้านในช่วงเวลาฉุกเฉินของเขาก็มีปัญหาเช่นกัน
     
      “มีครั้งหนึ่งบ้านที่ต่างจังหวัดต้องรีบใช้เงินด่วน ผมซึ่งมีบัตรธนาคาร ก. ต้องโอนเงินไปให้ที่บ้านซึ่งใช้บัญชีของธนาคาร ข. ให้ได้ก่อนเที่ยง ที่ทำงานผมไม่มีตู้เอทีเอ็มของทั้งธนาคาร ก. และ ข. อยู่เลย ผมเลยเอาบัตรเอทีเอ็มธนาคาร ก. ที่มีไปโอนเงินเข้าธนาคาร ข. ผ่านตู้เอทีเอ็มของธนาคาร ค. อาจจะฟังดูงงๆ สักหน่อย แต่พอผมเห็นสลิปที่ออกมาผมงงกว่าอีก เพราะมันหักค่าธรรมเนียมไปสองเท่าเลย แพงมาก แต่ยังไงผมก็ต้องใช้วิธีนี้เพราะไม่มีทางเลือก”
     
      ไม่มีทางเลือกก็ต้องทน แต่บางคนถึงกับทนไม่ได้ที่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเวลากดเอทีเอ็มไม่ตรงตู้ของตัวเอง กฤตพจน์ พงศ์ถิรประสิทธิ์ เป็นหนึ่งในคนจำนวนนั้น เขาย้ายธนาคารเลย โดยสบโอกาสตอนที่ธนาคารแห่งหนึ่งโหมโฆษณาเรื่องกดตู้ไหนก็ไม่เสียค่าธรรมเนียม บวกกับจังหวะนั้น เขาถูกแจ้งจากธนาคารหนึ่งว่า บัญชีไม่มีการเคลื่อนไหว เขาต้องเสีย ‘ค่ารักษาบัญชี’ ปีละ 200 บาท เขาเลยปิดบัญชีและมาเปิดใหม่ที่ธนาคารแห่งนี้
     
      “เราเสียค่าเปิดบัตรครั้งเดียว 500 บาท แล้วใช้ได้ 3 ปี แล้วเขาก็ไม่เก็บค่าอย่างอื่นอีก แล้วยังสามารถกดเงินจากตู้ข้ามธนาคาร ข้ามจังหวัดได้โดยไม่โดนชาร์จใดๆ ก็เลยโอเค คุ้มกว่าปีละสองร้อยแน่นอน ถึงกับยกเลิกของอันเก่าทิ้งลงคลองไปเลย
     
      “เรารู้สึกว่าการเสียค่าบัตร แล้วต้องมาเสียรายปีอีก มันมากเกินไป ถึงแม้จะมาบอกว่าก็กดที่ตู้ของธนาคารที่เป็นเจ้าของบัตรเลยก็เถอะ แต่บางทีเราไม่มีเวลาเดินหาตู้หรอก ตอนก่อนที่จะเปลี่ยนธนาคารเราก็กดตามสะดวกเลย บางทีก็โดนค่าธรรมเนียมเวลากดต่างตู้ บางทีก็ไม่โดน ก็งง รู้สึกว่าทำไมไม่จัดการให้เป็นระบบเดียวไป ทำให้รู้สึกว่า เราเป็นลูกค้านะ เราเสียเงินซื้อบริการคุณ แต่ทำไมสร้างข้อแม้ให้เราเยอะแบบนี้ ทำให้เราต้องเสียเงินซ้ำซ้อนทั้งที่ไม่ควรจะเสีย”
      ……….
     
      คงไม่ใช่เรื่อง ที่จะห้ามการเก็บค่าธรรมเนียม เพราะอย่างไรก็ถือเป็นการบริการอย่างหนึ่งที่มีต้นทุน เพียงแต่ความสมเหตุสมผลนั่นต่างหากที่ผู้บริโภคคลางแคลง
     
      เป็นสิทธิที่พึงมีพึงได้ของผู้บริโภคมิใช่หรือ ที่ควรจะรู้ราคาของสินค้าและบริการ และก็เป็นหน้าที่ของธนาคารมิใช่หรือ ที่ควรจะชี้แจงรายละเอียดให้สังคมได้เห็นว่า ค่าธรรมเนียมหยุมหยิมที่คุณเรียกเก็บ มีที่มาที่ไปที่เข้าใจกันได้
     
      ปัญหาคือแบงก์แทบจะไม่เคยบอกอะไรเราเลย
     
      ถามศิริพรว่า ค่าธรรมเนียมที่เสียไปนั้นเป็นสิ่งที่ชอบธรรมแล้วหรือไม่
     
      “โดยส่วนตัวแล้ว เราก็เข้าใจเรื่องค่าธรรมเนียมที่ธนาคารเก็บนะ แต่บางครั้งก็รู้สึกว่ามันมากเกินไป คือเราก็เป็นลูกค้าของธนาคารบางครั้งค่าธรรมเนียมนี่กินไปหลายร้อยเลยนะ ซึ่งเราคิดว่ามันไม่น่าจะต้องเสียเยอะขนาดนั้น”
      ……….
      เรื่อง : ทีมข่าว CLICK
      ภาพ : ทีมภาพ CLICK

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9530000107319

จากคุณ : -= NAT =-
เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 09:51:57




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com