|
ความคิดเห็นที่ 3 |
10 สิงหาคม 2553
เรื่อง ชี้แจงผลการดำเนินงานสำหรับงวดสามเดือนและหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2553
เรียน กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ขอชี้แจงผลการดำเนินงานของบริษัท ฯ และบริษัทย่อยสำหรับงวดสามเดือนและ หกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2553 ดังนี้ 1. ผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยสำหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2553 และ 2552
(หน่วย : ล้านบาท) งบการเงินรวม งบการเงินเฉพาะกิจการ ไตรมาส 2 ไตรมาส 2 เพิ่ม ไตรมาส 2 ไตรมาส 2 เพิ่ม ปี 2553 ปี 2552 (ลด) ปี 2553 ปี 2552 (ลด) % % รายได้รวม 2,140.46 2,565.67 (17%) 1,969.89 2,494.16 (21%) รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ 2,077.91 2,502.12 (17%) 1,927.99 2,452.73 (21%) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 234.39 144.07 63% 213.11 127.15 68% กำไรก่อนภาษีเงินได้ 657.48 997.88 (34%) 611.53 989.98 (38%) ภาษีเงินได้ 199.92 300.46 (33%) 183.46 287.09 (36%) อัตราภาษีเงินได้เทียบกับกำไรก่อนภาษี 30% 30% - 30% 29% - (%) กำไรสุทธิ 445.84 686.42 (35%) 428.07 702.89 (39%) อัตรากำไรสุทธิต่อรายได้รวม (%) 21% 27% - 22% 28% - กำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน (บาท) 0.26 0.43 (40%) 0.25 0.44 (43%)
งบการเงินรวม งบการเงินเฉพาะกิจการ 30 มิถุนายน 31 ธันวาคม เพิ่ม 30 มิถุนายน 31 ธันวาคม เพิ่ม 2553 2552 (ลด) 2553 2552 (ลด) % % หนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ 38% 37% - 39% 37% - ถือหุ้น (%) มูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น (บาท) 4.98 4.56 9% 4.73 4.37 8% เนื่องจากมาตรการการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศโดยการลดอัตราภาษีธุรกิจเฉพาะซึ่งได้หมดอายุลง เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2553 ที่ผ่านมา และค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ ซึ่งได้หมดอายุลงเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2553 ที่ ผ่านมา ส่งผลให้ผลประกอบการไตรมาส 2 ของปีนี้ และกำไรสุทธิปรับลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน รายละเอียดมีดังนี้
1.รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์เท่ากับ 2,077.91 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 2,502.12 ล้านบาท คิดเป็นลดลง 17% ส่วนรายได้รวมก็ลดลงจาก 2,565.67 ล้านบาทของงวดเดียวกันของปีก่อนเป็น 2,140.46 ล้านบาทหรือลดลง 425.21 ล้านบาท คิดเป็นลดลง 17%
2.ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารของบริษัทฯและบริษัทย่อยเพิ่มขึ้นจาก 144.07 ล้านบาท คิดเป็น 6% ของรายได้รวม เป็น 234.39 ล้านบาท คิดเป็น 11% ของรายได้รวม ทั้งนี้เนื่องมาจาก การสิ้นสุดมาตรการลดหย่อนภาษีธุรกิจเฉพาะในเดือน มีนาคม 2553 ที่ผ่านมา
3.กำไรสุทธิลดลงจาก 686.42 ล้านบาทของงวดเดียวกันของปีก่อนเป็น 445.84 ล้านบาท หรือลดลง 240.58 ล้านบาท คิด เป็นลดลง 35% ซึ่งเป็นผลมาจากรายได้รวมลดลงและภาษีธุรกิจเฉพาะที่เพิ่มขึ้น
4.กำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานเท่ากับ 0.26 บาท/หุ้น ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ที่ 0.43 บาท/หุ้น หรือคิดเป็นลดลง 40%
5.อัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Net Gearing Ratio) ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2553 อยู่ที่ระดับ 38% เนื่องจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยจะปรับเพิ่มขึ้น บริษัทฯจึงได้ออกหุ้นกู้เพื่อ Lock Fund ที่มีต้นทุนดอกเบี้ยต่ำ เพื่อซื้อที่ดิน รองรับโครงการในอนาคต
2. ผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยสำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2553 และ 2552
(หน่วย : ล้านบาท) งบการเงินรวม งบการเงินเฉพาะกิจการ สำหรับงวด สำหรับงวด เพิ่ม สำหรับงวด สำหรับงวด เพิ่ม 6 เดือนปี 6 เดือนปี (ลด) 6 เดือนปี 6 เดือนปี (ลด) 2553 2552 % 2553 2552 % รายได้รวม 5,334.71 4,659.86 14% 4,876.39 4,527.91 8% รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ 5,188.47 4,540.79 14% 4,766.17 4,444.94 7% ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 409.79 268.46 53% 366.17 232.07 58% กำไรก่อนภาษีเงินได้ 1,897.87 1,778.59 7% 1,751.75 1,772.35 (1%) ภาษีเงินได้ 572.53 534.99 7% 525.52 513.98 2% อัตราภาษีเงินได้เทียบกับกำไรก่อนภาษี 30% 30% 30% 29% (%) กำไรสุทธิ 1,277.29 1,227.53 4% 1,226.23 1,258.37 3% อัตรากำไรสุทธิต่อรายได้รวม (%) 24% 26% 25% 28% กำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน (บาท) 0.75 0.77 (3%) 0.71 0.79 (10%) ผลสืบเนื่องจาก 1. ยอดขายโครงการแนวราบที่เพิ่มขึ้นมาก 2. อัตรากำไรขั้นต้นที่สูงคืออยู่ในอัตรา 44% อันเกิด จากการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และ 3. ในขณะที่อัตราภาษีธุรกิจเฉพาะเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 0.01 มาเป็นร้อยละ 3.3 แต่บริษัทฯและบริษัทย่อยยังคงความสามารถในการควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารในครึ่งปีแรกให้อยู่ในอัตรา 8% ของรายได้รวมในขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 6% ของรายได้รวม ทำให้ผลประกอบการสำหรับงวดครึ่งปีแรกของปีนี้ กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 1,277.29 ล้านบาท ขณะที่ในงวดเดียวกันของปีก่อนเท่ากับ 1,227.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49.76 ล้าน บาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 4% สำหรับในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมาบริษัทฯมียอดขายที่เพิ่มขึ้นมาก โดยสามารถทำยอดขายได้สูงถึง 7,346 ล้าน บาท (รับรู้รายได้สำหรับงวดหกเดือน 5,188.47 บาท) คิดเป็น 49% ของเป้าการขายของปี 2553 ซึ่งมาจากการเปิดโครงการใหม่เพียง 2 โครงการ เท่านั้น โดยในครึ่งปีหลังจะมีการเปิดโครงการอีก 13 โครงการ มูลค่าประมาณ 14,000 ล้านบาท อนึ่ง ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2553 บริษัทฯ มียอดสัญญาที่ลูกค้าซื้อบ้านและ/หรืออาคารชุดพักอาศัยแล้วแต่ยังไม่ถึง กำหนดโอนให้ลูกค้า 18,711 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถทยอยโอนให้ลูกค้าได้ในอีก 6 เดือนข้างหน้า จำนวน 5,408 ล้านบาท ในปี 2554 จำนวน 6,537 ล้านบาท ในปี 2555 จำนวน 3,800 ล้านบาท และในปี 2556จำนวน 2,966 ล้านบาท ทั้งนี้ยอดสัญญาที่รอส่งมอบหมายถึงยอดจำนวนเงินรวมของบ้านและ/หรืออาคารชุดพักอาศัยที่รอโอนซึ่งบริษัทฯจะทยอย รับรู้รายได้ในอนาคตตามมาตรฐานการบัญชีคือรับรู้รายได้เมื่อโอนกรรมสิทธิ์
จึงเรียนมาเพื่อโปรดเผยแพร่ต่อสาธารณชนและผู้ถือหุ้นต่อไป
จากคุณ |
:
ชื่อนี้ไม่เหมาะสม
|
เขียนเมื่อ |
:
10 ส.ค. 53 22:27:35
|
|
|
|
|