ความคิดเห็นที่ 1 วิธีการและแนวทางการลงทุน เนฟฟ์เน้นลงทุนในหุ้นที่มี P/E ต่ำ  เขาเข้าซื้อหุ้นที่ราคาถูกเมื่อเทียบกับผลตอบแทน (ซึ่งเป็นผลรวมของการเติบโตของรายได้บวกกับเงินปันผล) เขามักจะเรียกค่านี้ว่า ‘Terminal Relationship' หรือ 'what you pay for what you get'   หรือเรียกค่านี้ว่า อัตราส่วน GYP (Growth & Yield : P/E) ratio     GYP ratio = (Earnings Growth + Dividend Yield) /  P/E ratio Example Average forecast portfolio EPS Growth (%) plus average forecast portfolio dividend yield divided by average forecast portfolio P/E = (7 / 5) /10 = a GYP of 1.2           Average forecast market EPS Growth (%) plus average forecast market dividend yield divided by average forecast market P/E = (15 / 2) / 28  = a GYP of 0.6                                                 ค่านี้ยิ่งสูงยิ่งดีเพราะแสดงถึงรายได้และเงินปันผลที่สูงมาก  ปกติแล้วค่านี้ที่สูงกว่า 1 ถือว่าดีมาก อย่างไรก็ตามจะต้องเปรียบเทียบกับอุตสาหกรรมนั้น หรือกับของทั้งตลาดด้วย อย่างไรก็ตาม เนฟฟ์ให้ความสำคัญต่อจำนวนร้อยละของเงินปันผลมากกว่า เนื่องจากเขาถือว่าเป็นผลตอบแทนที่อยู่ในรูปของตัวเงินจริง นั่นหมายความว่าหากมีหุ้นสองบริษัท บริษัทแรกมีการเติบโต 5% จ่ายปันผล 10% และมี P/E เป็น 6 แต่บริษัทที่สองหนึ่งมีการเติบโต 10% แต่จ่ายปันผล 5% และมีค่าอัตราส่วน P/E เป็น 6 เท่ากัน เนฟฟ์ก็มีแนวโน้มที่จะเลือกหุ้นของบริษัทแรกมากกว่า เพราะปันผลจะทำให้ผลตอบแทนมีความแน่นอนขึ้น แก้ไขเมื่อ 12 ส.ค. 53 19:52:36 จากคุณ : WindReturn เขียนเมื่อ : วันแม่แห่งชาติ 53 19:48:49

ความคิดเห็นที่ 2 หลักการเลือกหุ้นของ จอห์น เนฟฟ์ 1. มีค่าอัตราส่วน P/E ต่ำ 2. มีอัตราเติบโตของกำไรสูงกว่า 7% 3. มีการจ่ายปันผลที่สม่ำเสมอ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตลอด (แสดงถึงการสามารถนำกำไรที่มากขึ้นมาทำให้เกิดประโยชน์ในการขยายกิจการ) 4. ผลตอบแทนที่ได้รับจะต้องสูงกว่าค่าอัตราส่วน P/E (เช่นหากค่า P/E เป็น 5 จะต้องมีผลตอบแทนมากกว่า 5%) 5. ต้องเป็นธุรกิจขาขึ้นของรอบ (ถ้าเป็นรอบ) หรือหากเป็นขาลง จะต้องมีค่า P/E ที่ต่ำมากพอต่อความเสี่ยงในขาลงของมัน 6. มีการเติบโตที่แข็งแรง (คือโตแล้ว ยืนอยู่ได้ ไม่ใช่ขึ้นๆ ลงๆ ล้มๆ ลุกๆ) 7. มีพื้นฐานแข็งแกร่ง (อันนี้ต้องวิเคราะห์ธุรกิจด้วย) คราวนี้มาดูว่า จอห์น เนฟฟ์ จะตัดสินใจขายหุ้นเมื่อใด 1. พื้นฐานเปลี่ยนไปในทางที่เลวลง จนอาจจะเกิดผลกับการดำเนินงานในอนาคต 2. เมื่อราคาเพิ่มสูงขึ้นถึงจุดที่กำหนดไว้ 3. ดูการเติบโต (ราว 4-5 ปีต่อเนื่องกัน) หากถดถอยลงก็พิจารณาขาย เคล็ดลับการลงทุน วิธีการหาหุ้นเพื่อลงทุน เนฟฟ์จะมองหุ้นที่ราคาทำนิวโลว์ หรือราคาตกต่ำลงมามากๆ เพราะข่าวร้าย เมื่อพบแล้วก็มาพิจารณาโดยใช้หลักการเลือกหุ้น 7 ข้อ ของเขา หากเห็นว่าธุรกิจยังดี สามารถอยู่รอดและเติบโตได้ ราคาน่าลงทุน ค่าสัดส่วนต่างๆ ยังดีอยู่ ก็อาจจะพิจารณาซื้อไว้ได้ อย่าไล่ตามหุ้นที่มีการเติบโตสูงที่หลายคนสนใจ อัตราส่วนP/Eที่สูงขึ้นจะผลักดันให้ราคาหุ้นสูงขึ้นจนถึงระดับที่น่าตกใจ และเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้ตัวเอง มองที่อัตราส่วน GYP ของพอร์ตของเราเป็นหลัก หากของตลาดดีกว่าก็ถือเงินสดไว้บ้างเพื่อรอซื้อเมื่อโอกาสอำนวย โอกาสซื้อดีๆ มักจะเกิดหลังจากการตื่นตระหนก (Panic Sell) ของตลาด จากคุณ : WindReturn เขียนเมื่อ : วันแม่แห่งชาติ 53 19:55:30

ความคิดเห็นที่ 3 ขอบคุณค่ะ จากคุณ : nusarathi เขียนเมื่อ : วันแม่แห่งชาติ 53 21:06:29

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณมากครับ จากคุณ : ภูมิทัศน์ เขียนเมื่อ : วันแม่แห่งชาติ 53 21:41:14

ความคิดเห็นที่ 5 เห็นมี หนังสือ แปล จอห์น เนฟฟ์ ขายด้วยแต่ยังไม่ได้อ่านเลย ใครอ่านแล้วมั่งอะดีป่าวครับ ซ้ำกะแนว บัฟเฟตต์ ไหมครับ จากคุณ : diego เขียนเมื่อ : วันแม่แห่งชาติ 53 21:44:54

ความคิดเห็นที่ 6 บัฟเฟตต์ เกิด 30 ส.ค.1930 เป็นลูกศิษย์ของเบนจามิน เกรแฮม เนฟฟ์ เกิด 19 ก.ย.1931 เป็นลูกศิษย์ของ ดร.ร็อบบิน University of Toledo     ดร.ร็อบบิน ย้ายมาจาก Columbia University  เป็นศิษย์ของ เบนจามิน เกรแฮม หนังสือ ลงทุนแบบจอห์น เนฟฟ์ แปลโดย ดร.กุศยา ลีฬหาวงศ์ หลักๆ มี 3 ส่วน - ประวัติความเป็นมา การได้เป็นผู้บริหารกองทุน Windsor - ทฤษฏีการลงทุนตามหลักการ p/e ต่ำ และการจัดประเภทของหุ้น - ประสบการณ์การลงทุนจากการประยุกต์ใช้ทฤษฎี p/e ต่ำ แก้ไขเมื่อ 12 ส.ค. 53 22:18:59 จากคุณ : WindReturn เขียนเมื่อ : วันแม่แห่งชาติ 53 22:17:45

ความคิดเห็นที่ 7 ได้ความรู้มาก ขอบคุณในน้ำใจที่นำมาแบ่งกันอ่านค่ะ จากคุณ : ข้าวแห้งบ้านบึง เขียนเมื่อ : วันแม่แห่งชาติ 53 22:34:16

ความคิดเห็นที่ 8 good....good จากคุณ : ลงทุนด้วยใจ (ลงทุนด้วยใจ) เขียนเมื่อ : วันแม่แห่งชาติ 53 23:20:18

ความคิดเห็นที่ 9 หนังสือ แปล จอห์น เนฟฟ์ ไม่ซ้ำกะแนว บัฟเฟตต์ ครับ อ่านเฉพาะประสบการณ์และแนวคิด คุ้มมาก ผมอ่านซ้ำๆ หลายรอบแล้ว ที่สำคััญหลังวิกฤต sub prime ในอเมริกา John Neff ให้สัมภาษณ์ ลงนิตยสาร Fortune แนะนำให้ซื้อ HP ปรากฏว่า หุ้น HP ราคาทะยานขึ้นให้ผลตอบแทนหลายเท่าครับ จาก 4 USD ที่ราคาปัจจุบัน 40 USD เนื้อหาอยู่ที่ http://whereiszemoola.=ไม่ใช่ลิขวิด=.com/2009/01/john-neff-goes-bargain-hunting.html จากคุณ : tsetwk เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 53 02:02:17

ความคิดเห็นที่ 10 เยี่ยมมมมมมมมมมมมม จากคุณ : Mushroom Man เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 53 12:11:19

ความคิดเห็นที่ 11 หลักการของ Neff ต่างจาก  Buffet เยอะครับ Neff เป็น Hard-core VI ที่เน้นการลงทุน กับหุ้น Low PE และ มี ปันผลเป็นหลัก  หุ้นแพงๆดังๆปู่ไม่เอา ฉบับแปลไทยมีขาย ชื่อว่า ลงทุนแบบจอร์น เนฟฟ์ เป็นอีกเล่มที่น่าอ่าน ปู่แกใจเย็นมากกก... จากคุณ : sukineko เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 53 13:01:28

ความคิดเห็นที่ 12 test จากคุณ : WindReturn เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 13:07:25

ความคิดเห็นที่ 13 test แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 53 13:15:10 จากคุณ : WindReturn เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 13:14:35

ความคิดเห็นที่ 14 test แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 53 13:18:21 จากคุณ : WindReturn เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 13:16:57

ความคิดเห็นที่ 15 test แก้ไขเมื่อ 31 ส.ค. 53 05:37:59 จากคุณ : WindReturn เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 53 05:37:16