ความคิดเห็นที่ 1 โอ..ทำเหมือนกันเลย..รอฟังคำชี้แนะด้วยคน..นะคะ จากคุณ : lekpakchong เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 53 09:21:29

ความคิดเห็นที่ 2 Q: จาก 2 ตย.ข้างต้นที่โดนส่วนใหญ่จะใช้การทำธุรกรรมทางการเงินทางโทรศัพท์และทางเน็ตใช่หรือไม่  (ไม่รู้ว่าตนเข้าใจถูกต้องหรือเปล่า) A: ถูกต้องแล้วครับ การที่ธนาคารให้บริการInternet เป็นโอกาสของHacker ที่จะเอาข้อมูลจากลูกค้าธนาคารเข้าไปโอนบัญชีได้ วิธีการหลักๆก็มี 1 Fake websites หรือspoof websites คือใช้เวบปลอมหลอกให้เราใส่ User name กับ PassWord ป้องกันโดยดู URL ว่าตรงกับของธนาคารจริงๆหรือไม่ 2 Trojan horse คือโปรแกรมเล็กๆที่แอบเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราทางเวบฟรีทั้งหลาย (เพลง หนัง ฯลฯ) แล้วมาล้วงความลับการใช้งานของเรา หรืออาจจะเฝ้าดูหน้าจอที่เราทำงานเลยก็ได้ครับ ป้องกันโดยใสพวกโปรแกรม AntiSpyware ทั้งหลายครับ ส่วนถ้าคิดว่า Server ของธนาคารมีสิทธิ์ โดน Hack ไหม ต้องบอกว่ายากครับ เพราะมีระบบป้องกันหลายขั้นตอน Hacker นอกจากจะรู้จักโปรแกรมป้องกันทั้งหมดแล้วยังต้องมีเครื่องที่เร็วกว่า Serverอีกด้วย ฉะนั้นถ้าไม่ทำธุรกรรมทาง Internet โอกาสจะถูกโจรกรรมแทบจะไม่มีครับ จากคุณ : GABLIEL เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 53 09:36:55

ความคิดเห็นที่ 3 บัญชีเงินฝากทั้งออมทรัพย์ และฝากประจำ ..... แม้จะไม่มีบัตร อยู่กับฝากประจำ ก็อาจจะย้ายไปอยู่บัญชีอื่นได้นะครับ ถ้าสมุดล่องหนหายตัว โดยไม่ทราบ หรือเก็บไว้นาน อาจจะตกอยู่ในมือ ผู้ไม่หวังดีแล้วก็ได้ครับ .... การมีบริการ ให้ตรวจสอบรายการ การเคลื่อนไหวทางบัญชีได้ทันที และ ตลอดเวลา โดยไม่ต้องรอเวลาเอาสมุดไปปรับปรุงเพื่อดูรายการ ที่มีระบบ แจ้งเตือนให้ได้รู้ได้เมื่อภัยมาถึง อาจจะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา หรืออาจจะ ป้องกันการสวมรอย ช่วยเปิดใช้บริการ Online แทนเราก็ได้อีกด้วยครับ เงินฝากอาจคล่องตัว ที่จะเบิกถอนเมื่อไหร่ ก็ได้เงินเข้ากระเป๋าได้ทันที แต่ถ้าเปลี่ยนจากออมทรัพย์หลักแสน หรือฝากประจำหลักล้าน .... เอาไปรวมที่กองทุนตราสารหนี้ จะยาว หรือสั้นจนกลายเป็นกองทุนตลาดเงิน ยังได้ทั้งโอกาสเสริมเพิ่มขึ้นสำหรับผลตอบแทน อีกทั้งกว่าจะได้เงินไปต้อง ทำรายการขายคืน แล้วรออีกถึงวันทำการถัดไป กว่าจะได้เงินเข้าบัญชีแล้ว ถึงจะถอนออกไปได้ ..... แล้วจะทำให้ยามค่ำตืนนอนหลับสบาย แล้วเงินจะ ไม่หายไปตอนหลับแน่นอนครับ จากคุณ : pjuk เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 53 09:40:47

ความคิดเห็นที่ 4 ปัจจุบันดิฉันจะไม่เคยใช้ 2 วิธีดังกล่าวเลย  จะไปแบงค์โอนเงินด้วยตนเองเสมอ  และบัญชีไหนที่มีเงินมาก ๆ เป็นแสนขึ้นไปจะไม่ให้มี ATM   แบบนี้ถือว่าปลอดภัยเกือบ 100 % ครับ ยกเว้นมีคนใกล้ชิด เอาสมุดบัญชี+ปลอมลายเซนต์ ไปถอนเงิน จากคุณ : คุณชายเฉิน เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 53 09:44:04

ความคิดเห็นที่ 5 ของผมบัญชีที่มี atm และ online banking จะมีเงินไม่เยอะ เงินเยอะๆ (สำหรับผม) อยู่ใน บ/ช ที่ไม่มี atm หรือไม่ก็อยู่เงินฝากประจำ หรือไม่ก็อยู่ในบัญชีซื้อขายหุ้น จากคุณ : พลทหารหน้าใหม่ เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 53 09:53:43

ความคิดเห็นที่ 6 ขอขอบคุณทุกคำตอบค่ะที่แนะนำมา   จริงอย่างที่คุณ pjuk ว่าค่ะ  ดิฉันเคยโดนงัดรถยนต์  และขโมยกระเป๋าไปด้วย  ในกระเป๋ามีสมุดเงินฝากออมทรัพย์ที่ไม่มี ATM  ในบัญชีมีเงินฝากอยู่ 2 แสนกว่าบาท  ตอนที่รู้ประมาณ 1 ทุ่มครึ่ง  โทรไปอายัติบัญชีเงินฝากเพื่อไม่ให้มิจฉาชีพเบิกเงินเราไปได้  แต่ทางธนาคาร BBL บอกว่าอายัติไม่ได้เพราะเราไม่มี ATM  ส่วนอันไหนที่มี ATM อายัติได้ค่ะ  โอ้ยใจหายมากเลย  ยังดีที่ทางเจ้าหน้าที่ธนาคาร BBL สาขาโลตัสคำเที่ยงมีน้ำใจบอกพี่ใจเย็น ๆ พอสองทุ่มแล้วระบบต่าง ๆ ของธนาคารปิดผมใจดูให้ว่าบัญชีพี่เงินโดนถอนไปหรือเปล่า  เพราะโดนขโมยบัตรประชาชนไปด้วยเลยเคลียดมากค่ะ  ยังดีที่ไม่โดนถอนไปหมด  ตอนเช้าอีกวันพอธนาคารเปิดต้องรีบไปปิดปัญชีดังกล่าวเสีย สนใจของคุณ pjuk ค่ะ  เรื่องกองทุนตราสารหนี้จะยาวหรือสั้นมีคำถามดังนี้ค่ะ 1. กองทุนตราสารหนี้มีความมั่นคงหรือเปล่าค่ะ? 2. หากเราต้องการใช้เงิน  ต้องใช้เวลากี่วันในการขายค่ะ? 3. แล้วเวลาเราขายก่อนกำหนดเงินจะโดนหักไปเท่าไรค่ะ? รบกวนคุณ pjuk ด้วยค่ะ จากคุณ : คนไม่สวยแต่จริงใจ เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 53 10:03:54

ความคิดเห็นที่ 7 1. ความมั่นคงของกองทุน อาจจะเลือกดูจากขนาดกองทุน และนโยบายการลงทุนของกองทุน อย่างเช่น SCBTMF ที่จะเลือกที่จะลงทุนเฉพาะในตราสารหนี้ภาครัฐที่มี อายุสั้นทำให้ผลตอบแทนเคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกันกับอัตราดอกเบี้ย 2. กองทุนที่สามารถขายคืนและได้รับเงินคืนเข้าบัญชีในวันทำการถัดไป อย่างเช่น SCBSFF/SCBTMF ..... ขอเพียงได้มีการเตรียมการล่วงหน้า ก่อนใช้เงิน 1 วันทำการปกติของธนาคารเช่น ..... - ต้องการใช้เงินวันเสาร์ - อาทิตย์ - จันทร์ ต้องทำรายการขายคืนวันพฤหัส เพื่อให้เงินกลับเข้ามารอในบัญชีธนาคารในวันศุกร์ก่อนที่จะเป็นวันหยุดครับ 3. สำหรับกองทุนประเภทนี้ ผลตอบแทนเกิดขึ้นจากส่วนต่างของราคาที่ เปลี่ยนแปลงไปทุกวัน (ทำการ) ดังนั้นเมื่อขายคืนก็จะเป็นราคาของวันที่ ทำรายการ ซึ่งเปรียบเสมือนว่า ไม่ได้มีการหักผลประโยชน์ที่ควรจะได้เลยครับ โดยที่ทั้ง SCBSFF/SCBTMF ไมมีกำหนดระยะเวลาการลงทุน สามารถ ซื้อเพิ่ม  หรือขายคืน ได้ทุกวันทำการ โดยไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายใดๆ ครับ สามารถติดต่อการเริ่มต้น ได้ที่ ธนาคารไทยพาณิชย์ ทุกสาขา (สาขาตามห้าง วันเสาร์-อาทิตย์ ก็ได้ครับ) โดยเพียงแค่นำ - บัตรประชาชน - พร้อมบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ของธนาคารไทยพาณิชย์ (ถ้ามี) ไปติดต่อ ขอเอกสารสำหรับ - การเปิดใช้บริการกองทุน : เพียงครั้งแรกครั้งเดียว เพื่อจะได้มี เลขผู้ถือหน่วยลงทุน (12 หลัก) ไว้ทำรายการ กับกองทุน - การขอออก Fund Book : สำหรับกองทุน SCBSFF หรือ SCBTMF ไว้ตรวจสอบมูลค่าการลงทุน - การเขียนใบคำสั่งซื้อกองทุน : ด้วยขั้นต่ำในการเริ่มต้นลงทุนครั้งแรก เพียง 5,000 บาท ครั้งต่อไปสามารถลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท ได้ครับ จากคุณ : pjuk เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 53 10:28:08

ความคิดเห็นที่ 8 ผมพักเงินในกองทุนตราสารครับ ที่เหลือไม่มากอยู่ในบัญชี จากคุณ : thrill เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 53 10:28:12

ความคิดเห็นที่ 9 เคยมีกรณีที่คนแบงค์ยักยอกเองงัยคะ แต่มักจะเป็นสาขาต่างจังหวัด เป็นข่าวครึกโครมเมื่อหลายปีก่อน  ............. จากคุณ : I Promise เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 53 10:30:27

ความคิดเห็นที่ 10 สิ่งที่ได้จากการลงทุนในกองทุน จะไม่ถือเป็นดอกเบี้ย แต่จะอยู่ในรูปของผลตอบแทนที่เกิดจากส่วนต่างที่เพิ่มขึ้น ของราคาซื้อหน่วยลงทุน กับเวลาราคาที่เราได้รับตอนขายคืนครับ เมื่อจ่ายเงินลงทุน สิ่งที่เราได้รับ คือจำนวนหน่วยลงทุน = เงินลงทุน / ราคาเสนอขาย โดยจำนวนหน่วยลงทุน จะคงที่ไม่เปลี่ยนแปลงถ้าเราไม่ซื้อเพิ่ม หรือขายคืน แต่สิ่งที่ทำให้มูลค่าการลงทุนเราเปลี่ยนไป จนเกิดผลตอบแทนคือ ราคาหน่วยลงทุน โดยมูลค่าการลงทุนที่ได้ = จำนวนหน่วยลงทุนที่มี x ราคาหน่วยลงทุน ซึ่งผลตอบแทนที่จะเปลี่ยนไปทุกวัน = (ราคาหน่วยลงทุน - ราคาเสนอขาย) x จำนวนหน่วยลงทุนที่มี ซึ่งผลตอบแทนนี้เราจะยังเป็นเพียงตัวเลขที่เรายังไม่ได้รับเป็นตัวเงิน จนกว่าจะมีการนำหน่วยลงทุนมาขายคืน โดยการขายคืนเราจะขายคืนทั้งหมด หรือจะขายคืนบางส่วนก็ได้ อีกทั้งจะระบุจำนวนหน่วยลงทุนที่ต้องการขายคืน หรือจะระบุจำนวน เงินที่ต้องการจากการขายก็ได้ครับ การขายคืนเป็นจำนวนหน่วยลงทุน เงินที่จะได้รับ = จำนวนหน่วยลงทุนที่ขาย x ราคารับซื้อคืน โดยจะทำให้จำนวนหน่วยลงทุนที่เหลืออยู่ = จำนวนหน่วยลงทุนที่มี - จำนวนหน่วยลงทุนที่ขาย การขายคืนเป็นจำนวนเงินที่ต้องการ จำนวนหน่วยลงทุนจะลดลง = จำนวนเงินที่ต้องการ / ราคารับซื้อคืน จากคุณ : pjuk เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 53 10:33:25

ความคิดเห็นที่ 11 แล้วบริการ Online ทาง Internet อย่างเช่น SCB Easy Net ( http://www.scbeasy.com ) จะเข้ามาช่วยดูแลการเงิน และการลงทุนให้อย่างครบถ้วนครบวงจร ให้สามารถตรวจสอบความเคลื่อนไหว .... ได้ทั้งบัญชีเงินฝาก บัตรเครดิต รวมไปถึงการลงทุนผ่านกองทุนด้วยครับ จากคุณ : pjuk เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 53 10:41:47

ความคิดเห็นที่ 12 คุณ pjuk  น่าจะได้รางวัล พนักงานดีเด่นประจำปี วันหยุดยังไม่เว้นเลย จากคุณ : ต้นไม้พันปี เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 53 11:14:42

ความคิดเห็นที่ 13 เงินในบัญชีเหลือหลักพัน (ในระดับที่ไม่ถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมรักษาบัญชี) ที่เหลือพักไว้ในกองทุนต่างๆ + พอร์ตหุ้นครับ ถ้าเสียหาย(โดนแฮ็ก ก็คงสูญเสียแบบไม่สะเทือนระบบฐานการเงิน) จากคุณ : clientuser เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 53 13:18:36

ความคิดเห็นที่ 14 วิธีการหนึ่งที่ทำให้ปลอดภัยจากภัยเหล่านี้คือ ให้แยกเป็น 2 บัญชี โดยบัญชีหนึ่ง เป็นบัญชีที่ทำธุรกรรมออนไลน์ และอีกบัญชีหนึ่ง ใช้กดผ่านตู้กดเงินอย่างเดียว ไม่ต้องสมัครใช้บริการทำธุรกรรมผ่านอินเทอร์เน็ต และให้ฝากเงินจำนวนมากๆ ไว้ในบัญชีที่ไม่ทำธุรกรรมออนไลน์ใดๆ แต่นำเงินจำกัดวงเงิน อาจจะ 2หมื่น หรือ 5หมืน (ยิ่งน้อยยิ่งดี) ค่อยๆเติมมายังบัญชีที่ใช้ทำธุรกรรมออนไลน์ หากโจรไซเบอร์เหล่านี้แฮกข้อมูลเราได้ แล้วเงินในบัญชีหายไป เราสามารถกำจัดความเสียหายได้ ตามจำนวนเงินที่เติมในแต่ละครั้ง แล้วหลังใช้งานทุกครั้ง ให้คลิกที่ "ออกจากระบบ" ทุกครั้ง ไม่ใช้ปิดเพียงกากบาท ทำให้ข้อมูลเรายังคงค้างอยู่ หากมีอีเมล์จากธนาคาร ให้เรากรอกข้อมูลส่วนตัว หรือโทรศัพท์ เพื่อสอบถามข้อมูลส่วนตัว อะไรเหล่านี้ ให้พึงระลึกไว้เสมอว่า เป็นความผิดปกติ จะไม่ให้ข้อมูลใดๆ กับใคร ทางใด นอกจากเราไปติดต่อแบงค์เองเท่านั้น เพียงเท่านี้ ก็อาจช่วยได้ในระดับหนึ่งแล้วครับ จากคุณ : BR Style เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 53 13:42:59

ความคิดเห็นที่ 15 ขอขอบคุณ  K.BR Style มากค่ะที่เข้ามาให้คำแนะนำ  เข้ามาตอบช้ามากต้องขออภัยค่ะ จากคุณ : คนไม่สวยแต่จริงใจ เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 11:27:19

ความคิดเห็นที่ 16 ซ้ำค่ะ แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 53 11:28:05 จากคุณ : คนไม่สวยแต่จริงใจ (คนไม่สวยแต่จริงใจ) เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 53 11:27:33