ความคิดเห็นที่ 1 ต่อคะ โดยเราได้เพียรพยามโทรเข้าไปเช็คที่ 1333 เราเริ่มเช็คตั้งแต่วันที่ 6 ว่าเงินเข้าบัญชีหรือยัง แต่จนวันศุกร์ก็ยังไม่มีเงินเข้า เราจึงคุยกับทางพนักงานที่รับสายว่าเราควรทำอย่างไร ทางธนาคารก็ให้เราติดต่อผู้โอน พร้อมแนบเอกสารแฟ็กซ์มาให้ที่ธนาคาร แต่เนื่องจากเราไม่สามารถติดต่อลูกค้าได้ จึงไม่สามารถแฟ็กซ์เอกสารใดๆได้ แล้วเมื่อวันพุธที่ผ่านมา เราเริ่มคิดว่าอาจจะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า จึงติดต่อไปที่ 1333 อีกครั้ง โดยพนักงานได้โอนสายไปฝ่ายเงินโอนจากต่างประเทศ แต่ไม่สามารถติดต่อ โดยโทรหลายครั้งมาก เราต้องวางแล้วโทรใหม่และต้องอธิบายเหตุผลซ้ำๆกันหลายครั้ง และพยายามขอเบอร์ต่อตรง ที่ไม่ต้องกดต่อ แต่ธนาคารแจ้งว่า "ไม่มีคะ เรามีเพียงเบอร์เดียวเท่านั้น" จนสุดท้าย เราโทรไป 1133 ขอเบอร์สาขาสีลม ธนาคารกรุงเทพ เมื่อเราได้เบอร์มา เราจึงโทรไป และแจ้งเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยพนักงานได้บอกเราว่า เขาจะติดต่อกับทางฝ่ายเงินโอนต่างประเทศสาขาใหญ่ โดยให้เรารอสาย หลังจากรอสักพักนึง ทางพนักงานก็แจ้งกลับมาว่า ทางธนาคารที่สวีเดนได้เรียกเงินคืน โดยทางธนาคารได้โอนเงินคืนไปแล้ว จากคุณ : Deerna เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 00:33:45

ความคิดเห็นที่ 2 แต่วันนี้ เมื่อเราได้รับเมลล์ฉบับนี้จากลูกค้า เรารู้สึกสงสัยกับหลักการการบริการลูกค้าของธนาคารกรุงเทพมาก จากคุณ : Deerna เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 00:49:16

ความคิดเห็นที่ 3 ธนาคารได้โอนเงินคืนไปตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎา โดยที่เราไม่รู้เรื่อง รวมทั้งธนาคารผู้โอนก็ไม่รู้เรื่อง จากคุณ : Deerna เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 00:51:23

ความคิดเห็นที่ 4 ธนาคารกรุงเทพคะ เราทราบว่าทางคุณมีลูกค้าเงินถุงเงินถังจำนวนมาก เราเป็นแค่ลูกค้าตัวกระจ้อย ซึ่งพอจะเข้าใจว่าเราจะได้รับความช่วยเหลือก็ต่อเมื่อเราซื้อกองทุน หรือประกันชีวิตกับทางธนาคาร ธนาคารไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องแจ้งต่อเจ้าของบัญชี เมื่อปัญหาใดๆเกิดขึ้น เป็นเรื่องยากมากที่จะติดต่อกับเจ้าหน้าที่ธนาคาร และยากมากกว่าจะได้รับทราบปัญหา เราพอจะเข้าใจว่าเมื่อชื่อไม่ตรงนั้นเป็นความผิดของเรา และนั้นคือระเบียบหรือกฏของธนาคารทั่วไป แต่โปรดอ่าน 2 ประโยคสุดท้าย ในจดหมาย "I have to think about ordering again because this time I have paid in total of 102 dollars for nothing! It costs 50 dollars to do a oversees transfer and then Bankok Bank charged 52 dollars to send the money back to me. Thanks for your help and I will let you know later if I will order somethin" ธนาคารกรุงเทพคะ คุณได้สร้างความประทับใจแกคนต่างชาติ และเราคะ ขอบคุณคะ จากคุณ : Deerna เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 01:01:04

ความคิดเห็นที่ 5 แล้วทำไม ถึงไม่ให้โอนเข้าบัญชีคุณแต่แรกครับ ปัญหาจะได้ไม่เกิด จากคุณ : Knight เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 01:05:35

ความคิดเห็นที่ 6 เรารู้สึกเสียใจกับเขามากมันใช่เหตุหรือคะ ที่จะต้องเสียเงิน 102 ดอลลาร์ x32 ก็ประมาณ 3264 บาท โดยไม่ได้อะไรเลย ทั้งเสียเวลา เสียเงิน เสียความรู้สึก เราไม่มีความรู้เรื่องการหักเงินจากเครดิตการ์ด ง่ายๆคือเราโง่เรื่องคอมมาก (แต่เราจะพยายามฉลาดขึ้นแล้วคะ) โดนคนทำเว็บหลอกมาก็หมดเงินไปเยอะ เลยใช้ระบบสั่งของ โอนเงินแล้วค่อยส่งมานานแล้ว พึ่งจะเจอปัญหามากสุดก็ครั้งนี้ ที่เจอบ่อยเรื่องการบริการที่สาขา แต่คนแถวนี้เข้าชินคะ ถ้าเราไม่ซื้อข้าวกล่องฝาก พนักงานก็ทำงานแบบขอไปที แต่พนักงานที่สาขาสีลมที่โทรไปวันนั้นพูดจาดีคะ ทั้งที่บัญชีไม่ใช่ของสาขาสีลม บ่นเสร็จแล้วขอไปนอนก่อนคะ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาฟังเรื่องบ่น เขียนไม่ค่อยเก่ง ขออภัยด้วยนะคะ จากคุณ : Deerna เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 01:11:37

ความคิดเห็นที่ 7 ค่าธรรมเนียมการโอนเงิน ม้ันก็คิดทั้ง sender bank และ receiver bank ทำไมลูกค้าของคุณตำหนิ ธนาคารกรุงเทพ เพียงอย่างเดียว โดยไม่ตำหนิธนาคารของเขาเลย และคุณก็เชื่ออย่างสนิทใจ ว่าเป็นเช่นนี้จริงๆ จากคุณ : Knight เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 01:11:58

ความคิดเห็นที่ 8 ตอบคุณKnight : คือเรากับญาติทำร่วมกันคะ                       และลูกค้าท่านนี้เคยสั่งสินค้ามาแล้ว                       และโอนเงินผ่านบัญชีนี้เป็นปกติคะ                       แต่มันมาโป๊ะเช๊ะ โดนเอาครั้งนี้คะ                       ที่เขาตำหนิคือ ทางธนาคารได้กำลังจะขอเปลี่ยนชื่อบัญชี                       แต่ธนาคารกรุงเทพได้โอนเงินคืนมา                       โดยที่ทางสวีเดนไม่ได้แจ้งคะ                       แต่ทางธนาคารกรุงเทพแจ้งกับดิฉ้นว่า                       ธนาคารที่สวีเดนแจ้งขอเงินคืนคะ **แก้ไขเพิ่มเติมข้อความคะ** แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 53 01:18:33 จากคุณ : Deerna เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 01:14:18

ความคิดเห็นที่ 9 ในเมื่อข้อมูลที่คุณได้รับขัดแ้ย้งกัน ทำไมถึงเลือกเชื่อฝั่งลูกค้าต่างชาติ มากกว่าธนาคารกรุงเทพครับ จากคุณ : Knight เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 01:24:46

ความคิดเห็นที่ 10 ความผิดตัวเองแ้ท้ ๆ ก็ไปโทษธนาคารเค้า Process มันมีความยุ่งยากจะตายไป ชื่อมันไม่ตรงบัญชี ธนาคารที่ไหนเค้าก็ไม่รุ้หรอกครับ ว่าผิดที่เลขบัญชี หรือว่าผิดที่ชื่อ แ้ล้วเค้่าควรจะโทรหาใครดี ทางที่ดี ทำธุรกิจหนะ ควรจะรอบคอบ ไม่ใช่ผิดพลาดแล้วก็พาลคนอื่นเค้า ลูกค้าเค้าไม่สั่งของอีกคิดให้ดีว่าผิดใคร ส่วน bank เค้า process ตามระบบปกติครับ โอนเค้าไม่ไ้้ด้ก็ต้องคืน และมีค่าธรรมเนียม เป็นหลักสากล จากคุณ : ผมปล่าวนา เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 02:23:29

ความคิดเห็นที่ 11 ผมคิดว่าเป็นความสะเพร่าของจขกท. ทำธุรกิจด้วยกัน แต่ไม่รุ้เลยว่าหุ้นสว่นตัวเองเปลี่ยนชื่อ และไม่พยายามเข้าใจอะไร..คิดว่าเป็นความผิดของธนาคารกรุงเทพฯ ทั้งๆ ที่ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับธนาคารอะไรในโลก ก็จะเป็นแบบเดียวกันทั้งนั้น กรณีค่าธรรมเนียม.. เอาง่ายๆ เลย มีคนโอนเงินผ่าน ATM ให้คุณเสียค่าธรรมเนียม 25 บาท หากว่าโอนผิด แล้วค่าธรรมเนียมที่ว่าเนี่ย คุณคิดว่าจะเอาคืน หรือคิดว่าเป็นความรับผิดชอบของคนโอน..หรือ คุณเขียนเช็คผิด เช็คเด้ง..แบงค์ชาร์จคุณ คุณคิดว่าเป็นความเห็นแก่ตัวของแบงค์ หรือ ความสะเพร่าของคุณ.. ผมคิดว่า หากธนาคารกรุงเทพฯ จะผิด ก็ผิดอย่างเดียว คือ มี Call Center ที่ไม่เพียงพอต่อการบริการลูกค้า ไม่มีการจัดประเภทของลูกค้าในการติดต่อ Call Center ถ้าทำแบบมือถือ บางยี่ห้อ ก็น่าจะดีนะ..ลูกค้าพิเศษ ติดต่อช่องทางพิเศษ หรือแบบแบงค์เขียว ลูกค้าพิเศษ ลัดคิวให้ก่อนเลย.. จากคุณ : Proxity (Proxity) เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 03:05:03

ความคิดเห็นที่ 12 .....เห็นด้วยว่า BBL ลูกค้าคุณเยอะเกินระบบจะรับไหว ไปที่สาขา เห็นคิวแล้ว แทบจะเดินกลับ จากคุณ : ซาอิคุง เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 06:53:14

ความคิดเห็นที่ 13 ก็เป็นธนาคารยอดนิยมนี่นา  ทำไงได้ล่ะ   คำว่า กรุงเทพ ก็เกือบจะเหมือนกับคำว่า  ประเทศไทย  นั่นแหละ ไม่ต้องแปลกใจหรอก  เค้าก็ใช้ธนาคารนี้อยู่  ไม่ค่อยมีปัญหาอะไร เพราะรู้ตัวเอง  รู้กฎ  รู้ระเบียบ  ทำอะไรตรงไปตรงมา  เรื่องช้า หลีกเลี่ยงได้ก็เลี่ยงมาทำเอง  ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องไปทนรอ   ธรรมดาของโลก  เข้าใจโลก  เข้าใจคนอื่น  เข้าใจตัวเอง ไม่ค่อยมีปัญหากับใครหรอกนะ  จริงป่ะ  อิอิอิอิอิ จากคุณ : Duo-Core เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 09:16:22

ความคิดเห็นที่ 14 เราขอเสนอความเห็นนะคะ คุณ จขกท สามารถสร้างความประทับใจให้ลูกค้าได้นะคะ โดยการโอนเงินค่าธรรมเนียมการโอนที่ลูกค้าเสียไปคืนให้ลูกค้า  รับรองว่าได้ใจแน่ๆค่ะ จากคุณ : ลำดวนกวนลำใย เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 09:29:52

ความคิดเห็นที่ 15 ถือว่าเป็นบทเรียนค่ะ  ทำธุรกิจต้องรอบคอบขึ้น ทำธุรกิจร่วมกันกับญาติแต่เราก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงใช้บัญชีที่เป็นชื่อญาติคนเดียว น่าจะเปิดบัญชีที่เป็นชื่อร่วม หรือของนิติบุคคลนี่คะ ในส่วนของแบงค์ แบงค์ก็ทำตามกฎปกตินะคะ เราไม่เห็นว่าแบงค์จะผิดอะไร จะผิดก็ตรงติดต่อยาก CC ไม่น่าประทับใจ ซึ่งในส่วนนี้คนที่ยังคงใช้แบงค์กรุงเทพอยู่ก็ต้องทำใจไว้ล่วงหน้าอยู่แล้วนะคะ  ถ้าคุณยังใช้แบงค์นี้อยู่ก็ไม่ควรจะเก็บเรื่องนี้มาเป็นอารมณ์ เพราะมันเป็นเรื่องปกติของแบงค์คะ จากคุณ : กันดัมจัง เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 11:37:22

ความคิดเห็นที่ 16 ถ้าติดต่อ Call Center ไม่ได้ สามารถติดต่ออีกช่องทางหนึ่งคือ ทางอีเมล์ http://www.bangkokbank.com/Bangkok%20Bank%20Thai/Web%20Services/Contact%20Us/Pages/Contact%20Us.aspx จากคุณ : Knight เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 19:39:06

ความคิดเห็นที่ 17 เห็นใจเจ้าของกระทู้มากที่ต้องเจอเหตุการณ์อย่่างนี้ ธนาคารนี้ไม่เป็นที่ไว้วางใจสำหรับเราแล้วเพราะว่า ถึงแม้เป็นธนาคารใหญ่แต่ขาดจิตสำนึกในการเป็นผู้ให้บริการอย่างมาก จากการที่ตัวเราได้ประสบเองและได้รับฟังจากผู้อื่นหลายคนที่มาเล่าให้ฟัง เมืองไทยไม่ได้มีธนาคารที่ให้บริการแค่แห่งเดียว คุณมีสิทธิเลือกธนาคารที่มีมาตรฐานการบริการที่ดีกว่านี้ได้ คนธนาคารนี้ก็แล้งน้ำใจมากๆ ถามทำไมไม่ใช้ชือต้้วเอง มันก็ต้องมีเหตุผลและความจำเป็นซิลูกค้าถึงต้องใช้ชื่อบัญชีของญาติ ถามแล้วช่วยอะไรลูกค้าได้หรือเปล่า หรือว่าจะพยายามยัดเยียดว่าเป็นความผิดลูกค้าธนาคารไม่เกี่ยว ถ้าใช่แสดงว่าคนธนาคารนี้บางคนใจดำ ไร้น้ำใจมาก คนเค้าเดือดร้อนอยู่ยังหาทางไปซ้ำเติมเค้าอีก แทนที่จะหาทางช่วยเขาเพราะตัวเองเป็นคนธนาคารถ้ามีทางช่วยได้น่าจะหาทางช่วยกันจะไ้ด้เป็นผลดีต่อธนาคารและลูกค้าด้วย แล้วอันนี้ขอเหตุผลหน่อยคุณKnight ทำไมต้องเชื่อธนาคารมากกว่าเชื่อลูกค้าด้วย ลูกค้าฝั่งต่างชาติแปลว่าเชื่อไม่ได้หรือไง ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้จขกท.ให้ประสบความสำเร็จในงานด้วย อย่างมองแต่ภาพลักษณ์ภายนอกว่าเป็นธนาคารใหญ่บริการจะดีเสมอไป ลองพิจารณาดูให้ดีอีกครั้งธนาคารกรุงเทพสมัยนี้ไม่เหมือนสมัยก่อนที่มีเจ้าสัวชิน โสภณพนิชเป็นผู้ดูแลกิจการแล้ว ตอนนี้เพียงแต่ใช้ชื่อเดิมแต่การบริการเปลี่ยนเป็นคนละธนาคารแล้ว การเลือกใช้บริการธนาคารที่มีคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะทำให้การทำงานลุล่วงไปได้อย่่างราบรื่น เราไม่ได้อยากโจมตีใครแต่เห็นแล้วทนไม่ได้ เลยอยากส่งกำลังใจให้เจ้าของกระทู้เท่านั้น ใครที่อ่านแล้วไม่พอใจก็แจ้งลบซะ จากคุณ : bybunkyo เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 07:24:36

ความคิดเห็นที่ 18 # คห. 16 E-mail กว่าจะตอบกลับนานมากๆครับคุณ  Knight จากคุณ : mountainfox เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 11:40:31

ความคิดเห็นที่ 19 หลายๆ ครั้งที่ลูกค้าโวยวายนี่ เกิดจากความเข้าใจผิด คิดเอาเอง ขาดวิจารณญาณ หูเบา ฟังความข้างเดียว และไม่ยอมรับว่าตัุวเอง เป็นฝ่ายผิดเพียงผู้เดียว แต่จะเหวี่ยงให้ผู้บริการมาร่วมรับผิดด้วย ิจิตสำนึกผู้ใช้บริการแบบนี้เหรอครับ ที่สมควรกระทำ อันไหนที่เกิดจากความผิดของพนักงาน หรือระบบธนาคาร ธนาคารก็ต้องรับผิดชอบ แต่ขอให้มีหลักฐานชัดเจนสิครับ ไม่ใช่กล่าวหากันลอยๆ แบบนี้ คือแบงค์ต้องผิด ฝั่งไทยต้องผิด แล้วฝั่งธนาคารสวีเดนไม่ผิดเลย!!!!! กรณีที่เกิดขึ้น เงินเข้าบัญชีไม่ได้ เพราะเจ้าของกระทู้ และหุ้นส่วนไม่ได้ ตกลงกันก่อนว่า จะเปลี่ยนชื่อบัญชี อันนี้ความผิดใคร? ถ้าธนาคาีร Hold เงินก้อนนี้ไว้ ไม่ดำเนินการใดๆ รอไปน่ะ 2-3 อา่ทิตย์ ธนาคารก็ถูกตำหนิอยู่ดีอีกว่า ล่าช้า ลูกค้าเสียประโยชน์อีก ความผิดใครอีกล่ะ ? ตกลงธนาคารจะให้ทำอย่างไรดีครับ ทำให้ถูกใจคนผิด ธนาคารทำไม่ได้่หรอกครับ --------- คุณ mountainfox ครับ ช่องทางไหนๆ ก็บอกว่ามีปัญหา ถ้าเช่นนั้นโปรดติดต่อสาขาเจ้าของบัญชี ด้วยตนเองครับ จากคุณ : Knight เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 17:15:09