ความคิดเห็นที่ 1 มาผิดห้องแล้วมั้งครับ จากคุณ : สาระขัน เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 11:48:03

ความคิดเห็นที่ 2 เวลาผมไปหาหมอ ... o หมอสั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำ o ตรวจครบถ้วนด้วยความละเอียดรอบคอบหรือเปล่า เราก็ไม่รู้ เหมือนต้องปล่อยชะตาชีวิตของเราอย่ในมือหมอ o หมอจะจ่ายยาอะไร คุณภาพดีมากน้อยแค่ไหน เราไม่มีสิทธิ์เลือก เพราะเราไม่รู้ o เวลาคิดค่ารักษาพยาบาล ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ เราไม่มีสิทธิ์ต่อรอง ถ้าหมอรักษาแบบขอไปที จ่ายยาตามที่ผู้ผลิตยาเสนอ หรือยาที่ต้นทุนต่ำคุณภาพต่ำแต่ราคาสูง แล้วยังคิดที่จะไม่รับผิดชอบต่อการรักษาพยาบาลที่ผิดพลาด อีกเหรอครับ โค-ตะ-ระ เห็นแก่ตัวที่สุด จากคุณ : เตร็ดเตร่ เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 12:16:29

ความคิดเห็นที่ 3 ผมหมดขวัญและกำลังใจจะประกอบวิชาชีพนี้แล้วล่ะคับ ยิ่งพรบ.ออกมาซ้ำเติม ยิ่งหมดความหวัง ตอนนี้ก็กำลังฝึกฝนเป็นนักลงทุนอยู่ คิดอยู่ว่าทำงานให้หลวงครบสิบปีจะเลิกประกอบวิชาชีพนี้เสียที มาเป็นนักลงทุนเต็มตัวดีกว่า ไม่มีความเสี่ยงจะโดนฟ้องร้องติดคุกหัวโต แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 53 23:57:07 จากคุณ : Idiopathic เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 12:24:41

ความคิดเห็นที่ 4 จะกลัวโดนฟ้องติดคุกหัวโตทำไมละครับ ถ้าไม่ได้ทำอะไรผิด! อาชีพอื่นหากประมาท เลินเล่อในวิชาชีพ ทำคนตาย พิการ ก็ติดคุกด้วยกันทั้งนั้น แล้วหมอวิเศษมาจากไหนครับ ที่ทำผิดแล้วไม่ต้องติดคุก จากคุณ : Boonggy เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 12:41:56

ความคิดเห็นที่ 5 ถ้าทำถูกต้องทางวิชาการ ก็ไม่ต้องกลัวถูกฟ้องนะครับ อย่างวิศวกร ยังถูกฟ้องได้เลยถ้าทำผิดพลาด เพราะการทำผิดพลาดก็อาจทำให้สูญเสียชีวิต เช่นเดียวกันทำไมแพทย์ถึงต้องกลัวล่ะครับ หรือวิชาชีพอื่นๆก็ไม่ต้องรับผิดชอบ ไม่ต้องถูกฟ้องร้องเหมือนกัน จากคุณ : Metalloids เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 12:44:08

ความคิดเห็นที่ 6 1.มาผิดห้องไปเยอะ 2.ถ้าพูดเรื่องงบ ด้านนึงผมไม่ค่อยเห็นใจหมอเท่าใหร่นะ เพราะการที่บ.ยายังสามารถพาหมอไปเที่ยวเมืองนอก + pocket moneyด้วยนะ สนับสนุนทุนเวลาจะจัดงานหรือไปสัมนาเมืองนอก  ฯลฯ แสดงว่ายังมีช่องว่างระหว่างต้นทุนจริงๆกับกำไรอยู่มาก  ถ้าเสียสละจริง เขียมจริงทำไมไม่ต่อรองให้ซื้อยาราคาถูกลงมาไม่ดีกว่าเหรอ ที่สุดๆนี่ถึงขั้นขอเปอร์เซ็นกันเลยทีเดียว เหอๆๆๆๆ  หมอเห็นใจเงินภาษีของประชาชนไหมว่ามันรั่วไหลไปเท่าใหร่ จากคุณ : omeg เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 12:44:59

ความคิดเห็นที่ 7 เห็นใจ และ นับถือ  หมอที่รับใช้ราชการจริงๆ พรบ คงกระทบจิตใจหมอ เก่า แต่ใครคิดเรียนหมอใหม่ ก็ คงพร้อมรับ กับความเสี่ยงตรงนี้แล้ว จากคุณ : Pigfarm เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 12:46:30

ความคิดเห็นที่ 8 ตัวอย่าง ยายผมเป็นความดันสูง ซึ่งตอนนั้นอยู่ที่ กทม. พอดี เมื่อไปตรวจที่โรงพยาบาลพบว่า สาเหตุของความดันสูงมาจากไขมันอุดตัน เลยต้องกินยาลดความดัน และยาต้านเกล็ดเลือดไปด้วยกัน พอกลับมา ตจว. ปรากฎว่ายาหมด ไปขอยาที่โรงพยาบาลก็ต้องตรวจกับหมอก่อน(ทั้งๆที่มีถุงยาเก่าจากโรงพยาบาลที่กทม.ไปให้ดูนะครับ) พอเข้าไปตรวจ แม่ที่พายายไปก็บอกหมอนะครับ ว่าตรวจมาจากที่ กทม.แล้ว เป็นแบบนี้ๆ หมอสวนว่า เอ๊ะ คุณจะมารู้ดีกว่าหมอได้ไง หมอก็วัดความดัน แล้วก็สั่งแค่ยาลดความดัน -*- ปรากฎก็ต้องไปเอายาจาก กทม.เหมือนเดิม ถามว่าถ้ายายผมเป็นอะไรไป หมอคนนี้ควรจะรับผิดชอบหรือไม่ครับ จากคุณ : Metalloids เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 12:52:13

ความคิดเห็นที่ 9 ผมว่าทุกอาชีพมีความเสี่ยงที่จะทำงานผิดพลาดครับ หมอถ้าพลาดก็ตาย 1 คน แต่วิศวกร พลาด อาจตายเป็นร้อยได้ครับ และก็เลี่ยงไม่ได้ที่ต้องถูกดำเนินคตี หมอก็เช่นเดียวกันครับ ก็มีโอกาสพลาดได้ แต่ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามหลักวิชาการ (ซึ่งไม่มีใครรู้ดีเท่าหมอครับ) ก็ไม่ต้องกลัวการฟ้องร้องหรอกครับ ในฐานะที่เป็นวิศวกร ผมว่าวิศวกรเครียดกว่าหมออีก รับผิดชอบชีวิตเยอะว่า แต่ก็อย่างที่บอกถ้าถูกต้องตามหลักวิชาการก็ต้องสู้กันในศาลครับ จากคุณ : Dendmax เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 13:01:20

ความคิดเห็นที่ 10 เราเป็นวิศวกร พี่ชายเป็นหมอ เข้าใจความเสี่ยงของแต่ละวิชาชีพ  แล้วก็เห็นใจบุคลากรด้านสาธารณสุขทุกประเภทค่ะ โดยเฉพาะแพทย์ชนบททั้งหลายที่ทำงานด้วยความเสียสละอย่างแท้จริง ตอนนี้ ลูกเราบอกว่าไม่อยากเป็นหมอแล้ว  เรียนกฏหมายดีกว่า จากคุณ : gold digger เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 13:17:32

ความคิดเห็นที่ 11 คุณหมอ ควรไปเรียกร้องกับ รัฐ ในเรื่อง ค่าใช้จ่ายและงบประมาณ แต่ หมอต้องรับผิดชอบ คือชีวิตคน หมอทำคนตายไม่เป็นไร แต่ถ้าหมอ ทำให้คนปรกติ ต้องพิการ ต้อง ทุกข์กับโรค ที่หมอสร้างขึ้น มัน สมควรแล้วหรือ ? ที่จะไม่รับผิดชอบอะไรเลย บางคน เป็นหัวหน้าครอบครัว ครอบครัวทั้งครอบครัวต้องพัง เพราะ ความไม่รอบคอบ จากคุณ : Nopparat_r1 เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 13:25:16

ความคิดเห็นที่ 12 ที่เอามาลงห้องนี้เพราะคิดว่านักลงทุนมีกลุ่มคนประเภทแพทย์ วิศวะกรเยอะ ใช้ครับวิศวะกรทำงานผิดพลาดก็มีบทลงโทษ แพทย์ก็ควรมีแต่ที่เอามาลงเพราะแพทย์ทำงานต่อเนื่องมากกว่า36 ชั่วโมงซึ่งไม่ได้พักผ่อนที่เพียงพอการที่จะทำอะไรให้เหมือนต่างประเทศก็ต้องมาดูตรงจุดนี้บ้างคุณว่าถ้าแพทย์ตรวจคนไข้วันล่ะ 10-20 คนแบบเมืองนอก(ไม่ใช้วันล่ะ100-140คน ซึ้งปัจจุบันผมตรวจวันล่ะเท่านี้จริงๆ) เวลาในการตัดสินใจก็ต่างกันคนไข้จะตายอยู่แล้วมาอยู่ตรงข้างหน้าคุณต้องเลือกว่าจะทำอย่างไรในเวลาไม่กี่นาทีก็ต้องมีโอกาสผิดพลาดได้แต่น้อย คนไข้แต่ล่ะคนก็ไม่เหมือนกันโรคนี้คนนี่รักษาอย่างนี้ดี บางคนอย่างนี้ไม่ดีก็พูดยาก  ถ้าเมืองไทยไม่มีแพทย์ก็จะยิ่งลำบาก จึงอยากให้ความเห็นใจ ข้อเสนอแนะ 1.ทำงานวันละ 8-16ชั่;โมงหลังจากนักพัก(เพื่อจะไม่ได้หล้าเกินไป) 2.คนไข้มากไปหน้าที่รัฐบาลทำไงให้ประชาชนสุขภาพดี เพิ่มบุคคลาการต่อจำนวนผู้ป่วย แนวทางเสนอแนะไม่ใช้จะเอาผิดกับหมออย่างเดียว จากคุณ : thungkaew เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 13:29:31

ความคิดเห็นที่ 13 ถ้าหมอส่วนใหญ่มีจริยธรรมมากเพียงพอต่อการทำหน้าที่รักษาผู้ป่วยโดยมีจิตใจที่เมตตาหวังให้ผู้ป่วยหายจากการป่วยเจ็บ  ก็คงไม่มีเรื่องที่ต้องต่อสู้กันมากขนาดนี้ มันเป็นธรรมชาติที่ในกลุ่มๆหนึ่งจะมีทั้งดีและไม่ดีผสมปนเปกันไป  แต่ถ้าส่วนที่ดีสามารถควบคุมส่วนที่ไม่มีได้  ไม่ให้จำนวนเพิ่มขึ้นมากจนเกิดปัญหาแล้วก็คงไม่มีปัญหาคาราคาซังแบบนี้ เรารับทราบกันดีอยู่แล้วว่าคุณหมอที่ดีมีมาก แต่ที่เน้นเพื่อการพานิชย์ก็มีปริมาณที่เหลื่อมล้ำกันชัดเจน  คุณหมอเองก็คงต้องทบทวนหน่อย  ส่วนใหญ่ที่เห็นจากข่าวมักจะปกป้องกันเอง  ผู้ป่วยเถียงสู้ไม่ได้หรอก เพราะหมอไม่เคยอธิบายอะไรชัดเจน ถาม5คำถาม  ไม่ตอบเลยหรือ ตอบแค่คำเดียว ใช่หรือไม่ใช่ ใครทำดีแล้วก็ไม่เห็นต้องกลัวเลย......คนป่วย/ญาติตัวแสบก็มีเหมือนกันแต่จำนวนมันน้อย  ส่วนใหญ่ไม่กล้าหือกับหมอนะ   จากคุณ : เซฟเก็บตังค์ เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 13:31:00

ความคิดเห็นที่ 14 เป็นเเพทย์ครับ เห็นด้วยกับการที่หมอโดนฟ้องอาญาเหมือนทุกๆอาชีพ   เเน่นอนทุกอาชีพมีคนดีเเละไม่ดี   ---เเต่ไม่เห็นด้วยกับการมีกฎหมายเฉพาะอาชีพทั้งๆที่กฏหมายอาญาก็ฟ้องได้อยู่เเล้ว --ไม่เห็นด้วยกับการจะมาตัดสินโดยไม่ใช้หลักวิชาการ --ไม่เห็นด้วยกับการที่ พรบ ให้คณะกรรมการจัดการเงินได้ 10% ของกองทุน ถือเป็นค่าจัดการ โดยไมมีระบบตรวจสอบการใช้[10% อย่างน้อยสุด 400ล้นบทต่อปี] --ไม่เห็นด้วยกับการที่ พรบ ให้เเต่งตั้งกรรมการชุดเเรก ที่จะเป็นคนลงรายละเอียดการปฏิบัติต่างๆ เป็น NGO ทั้งหมด --ไม่เห็นด้วยกับการที่คนเขียน พรบ เป็นคนที่ได้รับผลเสียมาจากเเพทย์ เหมือนให้เสื้อเหลืองมาเขียนกฎคุมเสื้อเเดง หรือเเดงเขียนคุมเหลือง มันต้องช้คนกลาง --ไม่เห็นด้วยกับการโกหกหลายๆครั้งจากชมรมเเพทย์ชนบท  หรือรึเปล่าว่าเเพทย์ชนบทเป็นเเค่ชมรม เค้าเก่งการใช้สื่อ คิดว่าหมอส่วนใหญ่เป็นคนที่เเย่รึเปล่า ถ้าคิดว่าไม่ เเพทย์ชนบทมักจะอยู่คนละฝั่งจากเเพทย์ส่วนใหญ่ทำไมรู้ไหม ถ้าเปรียบเทียบมันคือกลุ่มการเมืองของหมอเเบบหนึ่งเท่านั้นเเหละครับ  ประชานิยม ...... เเละเเน่นอนหลยอย่างที่เค้าพูดดีจริงเเต่ไม่เหมาะสมกับบ้านเรา.......บอกข้อมูลเเต่บอกไม่หมด --ไม่เห็นด้วยกับการให้เเพทย์โรงบาลรัฐอยู่เวรมาทั้งคืนเเละมาตรวจคนไข้ต่อ วันละเป็น 100 คน  คิดว่าควรใช้เวลาตรวจคนไข้คนหนึ่งคนละกี่นาที เพื่อให้ได้คุณภาพเเละคนไข้เข้าใจ  อย่างน้อยก็ต้อง 15 นาที เวลาราชการ 8 ชม งั้นขอเเพทย์ตรวจเเค่ 32 เอาเพิ่มป็น 40 เลย ที่เหลือมาวันต่อไป ยังมีอีกมากมาย เเต่เน้นอีกครั้งใครทำผิดก็ต้องได้รับผิด รวมทั้งคนไข้ที่ โกหกเพื่อห้ได้เงิน[อย่าคิดว่าไม่มี]  ผลสุดท้ายทั้งหมดทุกอย่างที่ พูดถึงหมอนะปรับตัวได้อยู่เเล้ว  คนที่จะปรับตัวไม่ได้นะคือประชาชน เเละ ประเทศ รู้รึเปล่าว่าขึ้นปีงบประมาณใหม่ตุลาที่ผ่านมา งบของสาธารณสุขที่ ตั้งไว้ โดนใช้ไปเเล้วครึ่งหนึ่งจากงบปีที่เเล้ว มันขาดทุนสะสมทุกปี สุดท้ายก็ ต้องขึ้นภาษี พรบ ที่ไปเอาเเบบมาจากประเทศสเเกนดิเนเวีย เค้าเสียภาษี 60 % ..... เเค่นี้เเหละครับ PS คนที่ออกมาประท้วงคือหมอโรงพยาบาลรัฐ ไม่ใช้เอกชน คิดว่าไง.....ไปซื้อหุ้นเพิ่มดีกว่า HAHA เอาเข้าเรื่องหุ้นนิดหนึ่ง จากคุณ : GF เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 14:10:07

ความคิดเห็นที่ 15 ผมสงสัยอย่างนึงคับ การทำประกันสังคม คนที่รายได้เยอะ ต้องส่งเยอะ คนรายได้น้อยส่งน้อย ถ้าคนเงินเดือน 1แสน กับ คนเงินเดือน1หมื่น ใช้สิทธิประกันสังคมเหมือนกัน ได้รับการดูแลเหมือนกันรึเปล่า ยาที่ได้ เป็นตัวเดียวกันรึเปล่า.... จากคุณ : Cattyz3838 เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 14:13:24

ความคิดเห็นที่ 16 ตัวอย่างของควมผิดพลาด.. คนไข้ปวดท้องใส้ติ่งแตกเข้ามาหาหมอที่รพ.ชนบทแห่งหนึ่งโดยไม่มีญาติมาด้วย อาการหนักมาก  ไม่ผ่าตัดอีก3ชม.มีโอกาสตาย ไม่มีญาติเซ็นยินยอม หมอจบมา2ปี เคยผ่ามา2ครั้งรอด1ตาย1 ตัดสินใจอยู่2แนวทาง 1. ผ่าตัดช่วยเลย โอกาสรอด80%แผลไม่สวย, แต่20%ที่ตายต้องถูกฟ้อง สอบสวน สู้คดี เสียเวลา อาจไม่ผิดหรืออาจต้องชดใช้ค่าเสียหาย   2. ส่งต่อเข้ารพ.ในตัวเมืองที่มีเครื่องไม้เครื่องมือดีกว่า แต่โอกาสรอด30%เพราะเสียเวลาเดินทาง - กฏหมายนี้ออกมา หมอจะเลือกแนวทางใด - ถ้าคุณเป็นคนไข้หรือญาติคนไข้ คนอยากให้หมอเลือกแนวทางใด ส่วนเราสามารถเลือกหมอที่ดีรักษาเราได้ ถ้าไม่ใช่ฉุกเฉินจริงๆ หมอที่ไม่ดี มีน้อยและอยู่ในระบบได้ไม่นานหรอกในยุคโลกาภิวัตร จากคุณ : Rookie.T เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 14:30:26

ความคิดเห็นที่ 17 เป็นหมอ เป็นคนที่เสียสละ ทำให้เสมือนหนึ่งบุคคลสาธารณะ ที่ต้องช่วยชีวิตประชาชน ขีดความสามารถและประสบการณ์ในวิชาชีพก็ไม่เหมือนกัน ในแต่ละคน ที่จะมาแก้ไขในชีวิตของคนแต่ละคน ต้องมีความรับผิดชอบสูง เพราะรับผิดชอบต่อชีวิตของคน ช่างทั่วไปรับผิดชอบต่อสิ่งของหรือเครื่องจักร  แต่หมอต้องรับผิดชอบต่อชีวิตคน ชีวิตของคนแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ไม่เหมือนเครื่องจักรที่มีลักษณะแบบเดียวกัน เพราะฉะนั้นบางทีการรักษาคนในโรคเดียวกันก็อาจจะไม่เหมือนกัน ใช้วิธีหรือยารักษาตัวเดียวกันไม่ได้ แต่ปัจจุบันคนส่วนใหญ่เห็นแก่ตน จะเอาแต่ได้ เอาแต่เรียกร้อง อ้างความไม่เป็นธรรม โดยไม่คำนึงถึงอะไรทั้งสิ้น ทั้งเหตุและผลยกเอามาเข้าข้างตัวเอง โดยไม่คำนึงถึงความจริงหรือสิ่งอื่นใด มันจึงเกิดเป็นเรื่องราวให้นำมาวิพากษ์  เพื่อหาประโยชน์ใส่ตน จากคุณ : นายไทยไฝ่รู้ เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 14:30:30

ความคิดเห็นที่ 18 การมีหรือไม่มีกฏหมายนี้ไม่ได้ทำให้ฟ้องหรือไม่ฟ้องหมอได้หรือไม่ ได้......เพราะมันได้อยู่เเล้ว เเละผมเห็นด้วยกับการที่เเพทย์โดนฟ้องอาญา ถ้าผิดก็ควรรับโทษตามกฏหมาย --- เราประท้วงเรื่องเนื้อหาใน พรบ ที่เเอบเเฝงอะไรไว้หลายเรื่อง ถ้าสนใจ ไปอ่านได้จากที่นี้นะครับ http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L9537329/L9537329.html จากคุณ : GF เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 14:36:44

ความคิดเห็นที่ 19 คิดจะเป็นหมอจะกลัวทำไมละครับ ถ้าทำถูกต้องตามหลักวิชาชีพก็ออกมาชี้แจงกันด้วยเหตุและผล ถ้าคิดจะไม่รับผิดชอบอะไรเลยจะไปหาหมอทำไมละครับ ซื้อยากินเองดีกว่า อย่างถ้าผมเป็นวิศวกร ผมออกแบบบ้านให้คุณแต่ผมบอกว่าผมทำสุดความสามารถของผมแล้ว ถ้าบ้านพังผมขอไม่รับผิดชอบน่ะ อย่างนี้คนเป็นเจ้าของบ้านจะกล้าจ้างผมหรือเปล่า ผมเคยพาลูกไปหาหมอซึ่งปกติจะหาหมอประจำ เผอิญวันนั้นหมอประจำไม่เข้าเวรแล้วบังเอิญตัวร้อนเลยลองไปให้หมอดู เจอหมอผู้หญิงอายุไม่มากตรวจก็สั่งเจาะเลือด ผมเลยบอกว่าขอกลับบ้านไม่ต้องเจาะ เดี๋ยวขอดูวันสองวันแล้วยังไงจะมาหาหมออีกที(เพราะรู้ว่าหมอประจำเข้าเวรวันไหน...และหมอประจำก็เคยให้ข้อแนะนำไว้ว่าถ้าตัวร้อนแล้วมาหาหมอเลยบางทีจะดูอาการไม่ออกว่าเกิดจากอะไร ต้องรอ 2-3วันแล้วมาหา ถึงเจาะเลือดไปบางทีก็ไม่เจอ) พอบอกว่าไม่เจาะจะกลับบ้าน หมอผู้หญิงคนนั้นถึงกับต้องให้พยาบาลเอาหนังสือมาให้เซ็นต์ว่า คนไข้ปฏิเสธการรักษา ผมนึกในใจ ปอดว่ะ...อย่ามาเป็นหมอเลยดีกว่า เล่นกันตัวเองซะขนาดนี้ โดยทั่วไปแล้ว คนไข้ทุกคนเดินเข้าไปหาหมอ ผมเชื่อว่าทุกคนศรัทธา และเชื่อมั่นในตัวคุณหมอที่พวกเขากำลังเดินเข้าไปพึ่งพา และขอความช่วยเหลือ ไม่มีใครระแวงระวังอะไรหรอกครับ เพียงคุณหมอให้ความเชื่อมั่นว่าสิ่งที่คุณหมอได้ทำนั้น ได้ทำอย่างถูกต้องตามหลักวิชาและอย่างเต็มความสามารถแล้ว อย่าแสดงออกให้คนไข้เห็นเลยครับว่า ขอรักษาอย่างเดียวนะ...ไม่ขอรับผิดชอบ อย่างนี้ผมว่าความเชื่อมั่นและศรัทธาในวิชาชีพมันจะหายไป จากคุณ : ohlalla เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 14:40:08

ความคิดเห็นที่ 20 ผมว่าประเด็นกระทู้ตอนนี้มี3ประเด็นนะ 1.หมอโดนฟ้องได้หรือไม่ 2.เรื่องงบประมาณไม่เพียงพอกับหมอ 3.เรื่องพรบ.ที่กำลังเป็นข่าว ต้องแยกกันนะครับ 3 เรื่องนี้ ไม่ควรจะเอามาปนกัน จากคุณ : Metalloids เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 15:01:30

ความคิดเห็นที่ 21 ความคิดเห็นที่ 19    คุณ ohlalla   เป็นเพราะเหตุ และผลที่ได้เกิดขึ้นไปแล้ว ทำให้หมอต้องทำเช่นนั้น จะไปบอกว่าหมอ ปอดว่ะ นั้นไม่ถูก เพราะมันเคยเป็นข่าวไปแล้ว ทำให้เสียชื่อเสียงของหมอและโรงพยาบาลนั้น หมอก็ต้องเสียเวลาไปขึ้นโรงขึ้นศาล ความเครียดก็มาตกที่หมออีก ไหนจะต้องทำหน้าที่ให้ดี และไหนจะต้องมาระวังระแวงอีก จากคุณ : นายไทยไฝ่รู้ เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 15:04:09

ความคิดเห็นที่ 22 . จากคุณ : นายไทยไฝ่รู้ เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 15:10:44

ความคิดเห็นที่ 23 คุณคhlalla ครับผมคุณสร้างบ้านคุณใช้เวลากี่วันในการออกแบบครับ ถ้าไม่ได้ตามสเปกก็ทำใหม่ แต่แพทย์มีเวลาคิดแค่ ไม่กี่นาที่ในการช่วยชีวิตคนเลือกใหม่ทำใหม่ได้ไหมครับผมไม่ได้หาเรื่องน่ะครับ แต่จะบอกว่าเวลาในการตัดสินใจจะต่างกันเพราะฉะนั้นโอกาสผิดพลาดก็มีแต่น้อย คุณนอนหลับพักผ่อนเพียงพอมาออกแบบบ้านคุมการก่อสร้างแพทย์อยู่ทำงาน 36 ชั่วโมงแล้วต้องมาทำงานต่อคุณคิดว่าหมอเป็นยอดคนหรือครับไม่ต้องพักผ่อน(ถ้าจะออกการลงโทษคุณควรให้ความยุติธรรมด้วยคุณต้องเห้นใจด้วยว่าคุณจะเอาแบบเอกชนไม่ได้เพราะคนไข้ต่างกันเยอะถ้างั้นควรให้หมอรัฐบาลตรวจคนไข้วันล่ะ30-40คนถึงจะยุติธรรมอยู่เวรแปดชั่วโมงแล้วไม่ต้องทำงานไปพักน่ะครับ)หวังว่าคงเข้าใจน่ะครับ อย่างคนไข้แพ้ยาแล้วเสียชีวิตยากิน ทำไมไม่ฟ้องบริษัทิยาถ้าหมอถามแล้วว่าแพ้ยาอะไรหรือเปล่า ถ้าไม่เคยแพ้แพทย์จะรู้ได้ไงว่าคุณแพ้ยาตัวนี้ เหมือนคุณซื้อของบรรจุในกล่องอย่างดีคุณบังเอิญเปิดเข้าไปไปเจอของไม่ดีเข้าคุณจะทำไงคุณจะไปโทษร้านขายก็ไม่ได้คุณก็ต้องโทษบริษัทิที่ผลิต หวังว่าคงเข้าใจ จากคุณ : thungkaew เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 15:10:55

ความคิดเห็นที่ 24 คห.15 ประกันสังคมคิดจากฐานเงินสมทบสูงสุดไม่เกิน 15000 บาท  (จ่ายไม่เกิน เวลาได้ก็ไม่เกินเช่นกัน ถึงแม้ว่าเงินเดือนที่แท้จริงจะสูงกว่านี้มาก) คห.19 คุณไปให้หมอเค้าตรวจ แต่คุณปฏิเสธวิธีการที่จะรักษา หมอจะให้คุณเซ็นต์แค่ว่าไม่ได้ทำการรักษาเพราะคุณปฏิเสธการรักษา ก็แค่นั้น ไม่เห็นต้องว่าหมอเค้าเลย (ผมก็เรียนวิศวะอิเลก ยังทำงานในแวดวงนี้) จากคุณ : กัมโม่ เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 15:12:43

ความคิดเห็นที่ 25 ว่าแต่จะออกความเห็นกันนี่ มีอ่านพรบ.ฉบับนี้โดยละเอียดกันหรือยัง พรบ.นี้ใครเป็นผู้เสนอและเหตุผลมาอย่างไร ใครรู้บอกด้วยสิ ผมยังไม่รู้เลย รู้แต่หัวชื่อเท่านั้น จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 15:15:21

ความคิดเห็นที่ 26 พรบอะไร ไม่รู้เรื่องเท่าไหร่หรอก  แต่ไปหาหมอแล้วไม่ให้หมอรักษา พาลูกกลับบ้านเกิดเป็นอะไรขึ้นมา ส่วนมากโทษหมอ  ไม่เป็นอะไรเสมอตัว เห็นด้วยกับคุณหมอท่านนั้นนะที่รอบคอบปกป้องตัวเอง คงเคยเห็นคนอื่นโดนมาแล้ว จากคุณ : Crocus sativus เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 15:32:38

ความคิดเห็นที่ 27 เท่าที่ฟังจากทั้งจาก 2 ด้าน เรื่อง พรบ ผู้เสียหาย ด้านหมอ 1.กลัวโดนฟ้อง เห็นว่าฟ้องอาญาได้อีก 2.เรื่องงบประมาณ เอาเงินจาก โรงบาล มาใช้ ซึ่ง รพ รัฐเล็ก ก็มีแต่ขาดทุนอยู่แล้ว  จะเอาอะไรอีก  สมมติ รพ เล็ก มีงบปี 20 ล้าน โดนเอาไปแล้ว 1% 200000 บาท คิดดู รพ ทั่วประเทศไทย ได้ไปเท่าไร ศิริราชเองยังขาดทุนเพราะไม่หวังกำไร ถ้าไม่มีเงินบริจาค ก็ลำบาก  เอาแต่ รพ ที่มีกำไรได้ป่ะ 3.คนที่มีสิทธิอนุมัติเงิน(คณะกรรมการ) ดันมีนักการเมืองเยอะไปเป่า ช่วยเอาคนมีความรู้ด้านการแพทย์มาหน่อย  ยังงี้นักการเมืองก็กินหมดสิ 4.พอคนนึงร้องเรียนแล้วได้ง่ายๆ  ก็ไปบอกกัน ปากต่อปาก ต่อไปเป็นไรนิดหน่อย ร้องเรียนหมด หมอบ้านนอก คงส่งต่อให้ไป รพ จังหวัดหมดรับเละ เพราะอ้างได้ว่าไม่มีแพทย์เฉพาะทาง อุปกรณ์ไม่พอ ด้านคนไข้ 1. ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า ชาวบ้านฟ้องหมอได้ยากลำบากแสนเข็นเหลือเกิน  กรณี ตาบอดที่ขอนแก่น  เป็นความผิด รพ เต็มๆ โทษใครไม่ได้หรอก ดันมาบอกว่ามีโอกาสเกิดขึ้นได้ทุกที่ ก็ถ้าดูความสะอาดห้อง อุปกรณ์ให้ดีมันจะเกิดการติดเชื้อเหรอ  ได้เงินกันไม่กี่แสนไม่คุ้มหรอก 2.  กรณีเสียหายจากการรักษาจริงๆ เราต้องเสียเงินจ้างทนายอีกเหรอ ไม่มีเงินทำไง แพ้ทำไง ก็คนตัดสิน การรักษาก็มีแต่แพทย์อะ 3.  แพทย์ส่วนใหญ่รักษาคนไข้ดี และด้วยใจจริงๆ   แต่ก็มีที่ไม่ได้เรื่อง กินแต่เหล้า  มาตรวจที่ กลิ่นเหล้าเต็ม มาสายอีก    พวกนี้สมควรได้รับการปกป้องเหรอ  เป็นลูกหลานคุณจะให้ไปรักษาไหม  ตอบ รักษาเพราะไม่มีเงินไปที่อื่น  รักษาเพราะไม่รู้   ต้องยอมรับนะว่าแบบนี้ก็มี  และไล่ออกไม่ได้ เพราะทำงานมานาน  และแพทย์ขาดแคลน โดยเฉพาะของรัฐ มุมมองผมควรมี  แต่ปัญหาอยู่ที่ 1.นักการเมืองไทยก็เป็นอย่างที่เห็น  อะไรกินได้ก็กิน  จำนวนเงินที่ดึงมาเยอะมาก 1% ของ รายได้โรงพยาบาลทั้งประเทศเชียวนะ 2.ถ้าผิดจริงก็ว่ากันไป  แต่ถ้าไม่ผิดละ  อย่างแพ้ยาแล้วตาย ยังไม่เคยกินยานั้น อ่าวหมอเทวดาก็ไม่รู้หรอกครับ  ยั้งงี้ก็จ่ายเหรอ คนตัดสินใจถูกผิดมีความยุติธรรมแค่ไหน จบข่าว จากคุณ : โตขึ้นจะเป็นเซียน เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 15:52:59

ความคิดเห็นที่ 28 คือสงสัยคับว่า... เห็นหมอหลายๆท่านมาเปิดคลีนิคเอง ในตอนเย็นหรือตอนเช้า กลางวันทำงานที่โรงพยาบาล แล้วจะอ้างว่าไม่มีเวลาพักผ่อนได้หรอคับ ทำไมไม่ พักผ่อนอยู่กับบ้านละคับ ถ้าเข้าเวรแล้วเช้าต้องทำงานต่ออันนี้ควรแก้คับ เห็นด้วย แต่ที่เลิกงานแล้วไปเปิดคลีนิคต่อแสดงว่ากลางวันไม่เหนื่อยใช่รึเปล่าคับ จากคุณ : Cattyz3838 เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 16:20:57

ความคิดเห็นที่ 29 ประเด็นน่าสนใจ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายจากบริการสาธารณสุข น่าจะเป็นยาแรงสำหรับแพทย์เลย ต่อไปอะไรที่เกี่ยวกับสาธารณะก็จะมีกฎกติกามากขึ้นอย่างนี้ละครับเหมือน ในอเมริกา คนซื้อ แม็คโดแนลแค่เจอหัวไก่ ก็ฟ้องร้องMcDonalเลย พรบ.นี้เอามาถกกันมากขึ้น เป็นสิ่งดีครับ คุยกันมากขึ้น เข้าใจกันมากขึ้น (หรือว่าทะเลาะกันมากขึ้น?) จากคุณ : April showers bring May flower เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 18:28:37

ความคิดเห็นที่ 30 เดี๋ยวก็จะรู้สึก.. อีกหน่อยหมอตามอำเภอรักษาแค่เคสเบาๆๆ... นอกนั้น รีเฟอร์แหลก... จากคุณ : armeh เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 18:50:00

ความคิดเห็นที่ 31 ฟ้องร้องฟ้องได้...น่าจะมีการฟ้องกลับด้วย...อิอิอิ... แต่ที่สงสัย...อาชีพผู้พิพากษา...สมมติว่าเขาชงหลักฐานมาแล้วตัดสินว่าผิดจริง... แต่จริงๆๆเขาไม่ผิด...ไมคนตัดสินไม่ต้องรับผิดอะไร... ก็เหมือนกะหมอ...รักษาตอนอยู่ขณะนั้น...ข้อมูลมีเท่านั้น... ก็ให้การรักษาที่ดีที่สุดในขณะนั้นแล้ว....แต่เมื่ออาการโรคเปลี่ยน... แล้วมามองย้อนหลัง...ทำไมไม่ทำอย่างนั้นอย่างนี้.... เละครับ....อิอิอิ... จากคุณ : armeh เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 18:54:11

ความคิดเห็นที่ 32 ผมว่าหมอที่ให้การรักษาดีที่สุดแล้ว ในขณะนั้นๆ ยังไงก็ไม่ผิดครับ แต่หมอที่ละเลยการรักษาคนไข้ ไม่ทำให้เต็มความสามารถ แบบนี้ก็น่าจะมีบทลงโทษนะครับ หมอเป็นผู้รักษาชีวิตคน แต่ก็มีหมอที่ไม่ดีนะครับ แม้เป็นส่วนน้อย ก็ควรมีบทลงโทษพวกนี้ อย่างพระ ส่วนที่ไม่ดีซึ่งเป็นส่วนน้อยก็มี ทำไมถึงจับอาบัติได้ล่ะครับ มองในมุมเดียวกันถ้าเป็นหมอ ก็สมควรโดนฟ้อง โดนยึดใบประกอบวิชาชีพได้ด้วยเหมือนกัน จากคุณ : Metalloids เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 19:06:38

ความคิดเห็นที่ 33 เวลาหมอ คิดเงินค่ารักษาจากคนไข้ ผมไม่เห็นหมอคิดด้วยความเห็นใจและเมตตาเลย ผมเห็นโรงพยาบาล เอกชนสร้าง และขยายเอาขยายเอา แถวที่ผมอยู่ มีโรงเอกชน 3 โรง ทั้งสามโรงขยายกันสร้างตึกเป็นว่าเล่น ผมก็สงสัยจัง ว่ามันคงกำไรดีมหาศาล ขนาดผมเป็นหวัดธรรมดา หมอใช้เวลาตรวจไม่ถึง 5 นาที อ้าปากดูคอ ใช้หูฟัง ฟังปอด แป็ปหนึ่ง แล้วก็เขียนสั่งยา ฟาดค่ารักษาไป 990 บาท ดูยาในถุง 3 อย่างแล้วก็ simple มากๆ ดูใบเสร็จ เฉพาะ ค่าตรวจของหมอ 400 บาท ก้ับเวลาไม่ถึง 5 นาที ตอนเรียนที่ว่ายาก แต่อย่าลืมนะครับ ว่าท่านก็เรียนด้วยงบ จากภาษี ค่าแรงขั้นต่ำของคนงาน ต้องทำงานถึง 9 ชม ยังได้แค่ 200 บาทเอง ผมเลยไม่ค่อยรู้สึกเห็นใจเท่าไหร่ จากคุณ : ปุถุชนคนไทย เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 19:15:55

ความคิดเห็นที่ 34 #23 ทุกวิชาชีพมีความเสี่ยงและต้องมีสำนึกรับผิดชอบด้วยกันทั้งนั้นแหละ เวลาวิศวกรออกแบบก็มีบางครั้งที่เร่งรีบ ต้องทำงานแข่งกับเวลา แล้ววิศวกรก็อ้างกับศาลไม่ได้เช่นกันว่า ไอ้ปื๊ดมันเขียนแบบ งานมันเร่ง เลยไม่มีเวลาเชคแบบ แบบมันเลยผิด ผิดก็คือผิด ต้องยอมรับผิด ดูๆไปชักจะคล้ายคนขับแท๊กซี่เข้าไปทุกที เรียกไปส่งในที่ไม่อยากไปก็อ้างว่าส่งรถไม่ทัน ไม่ต่างกับ รพ.เอกชนบางแห่งที่เราๆท่านๆเคยได้ยิน ไม่อยากรับรักษาหรือดูแล้วคนไข้ไม่มีปัญญาจ่ายเงินก็ส่งต่อ รพ. อื่น แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 53 21:00:53 แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 53 20:56:30 จากคุณ : ohlalla เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 19:29:52

ความคิดเห็นที่ 35 ถ้าเกี่ยวกับการเงิน และบุคคลากรที่ไม่เพียงพอ ขอร้องกับทางรัฐบาลดีกว่าไหมคะ  ระหว่างงบด้านความมั่นคง กับงบด้านสาธารณะสุข และสาธารณะภัย ณ ตอนนี้ งบไหนสำคัญกว่ากันค่ะ จากข่าวนี้นะคะ สธ.เผยยอดป่วยไข้เลือดออก เกินครึ่งแสน กล่าวว่า สถานการณ์การระบาดของโรคไข้เลือดออกในปี 2553 นี้มีแนวโน้มสูงขึ้นมาก สถิติการระบาดเพิ่มสูงกว่าปี 2552 ในช่วงเวลาเดียวกันถึงร้อยละ 83 ตั้งแต่เดือนมกราคม 2553 จนถึงวันที่ 3 สิงหาคม 2553 มีผู้ป่วยไข้เลือดอออกสะสม 54,592 ราย เสียชีวิต 63 ราย เฉลี่ยต่อวันจะพบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่ม 230 ราย จำนวนผู้ป่วยในสัปดาห์นี้ เพิ่มจากสัปดาห์ที่ผ่านมา 3,135 ราย ภาคใต้มีอัตราป่วยสูงที่สุด มีผู้ป่วย 13,045 ราย รองลงมา คือ ภาคกลางมีผู้ป่วย 14,509 ราย การที่ปีนี้มีผู้ป่วยมากชี้ให้เห็นว่าปริมาณยุงลายซึ่งเป็นตัวการแพร่เชื้อโรคไข้เลือดออก ทั้งที่อยู่ในบ้านและนอกบ้านมีมาก ดังนั้นคนทุกวัยทุกเพศจึงมีความเสี่ยงป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกเท่ากัน และอีกหลายๆโรคที่กำลังมากับช่วงนี้ค่ะ ช่วยเตรียมพร้อมกันหน่อยดีกว่าค่ะ จากคุณ : luckycatty เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 20:48:41

ความคิดเห็นที่ 36 อ่านแล้วก็ซึ้งเลยว่าคนไข้กับหมอก็ยังไม่เข้าใจกัน สังคมวัตถุนิยม คนมีแต่คิดเข้าข้างตัวเอง ถ้าิเงินซื้อสุขภาพได้ คนรวย คนมีฐานันดรศักดิ์ คงไม่เจ็บไม่ตาย น่าสังเวชจริงๆ จากคุณ : TOK99 เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 22:26:04

ความคิดเห็นที่ 37 แยกกันให้ออกด้วยสามัญสำนึกหน่อยสิครับ อย่าเถียงกันแบบทิฐิเกินไป โดยสามัญสำนึกก็พอจะเดาเอาได้แล้วนะครับว่า ความผิดพลาดแบบใด มีความเสี่ยงที่จะเกิดมากน้อยกว่ากัน รวมทั้งความรุนแรง เช่น หมอแค่พลาดในการดูค่าแลป การใช้ยาเพียงนิดเดียว หากซวยก็เสียหายแล้วครับ เป็นอาชีพที่เสี่ยงกับชีวิตคนทุกๆวินาที ต่างคนต่างก็มีเหตุผลเป็นของตัวเองครับ จากคุณ : bourne_sup เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 22:41:21

ความคิดเห็นที่ 38 ผมว่าเทียบวิชาชีพหมอกับวิชาชีพอื่นทั้งหมดไม่ได้ครับ เช่นหมอช่วยและสร้างชีวิตคนได้ แต่วิศวกรสร้างได้ครับแต่ไม่ใช่ชีวิตและหลายอาชีพก็มีค่าความผิดพลาดในงานอยู่แล้ว แต่ขีดความผิดพลาดของหมอยืนบนชีวิตคนไข้ตลอดเวลา จนบางทีผมว่าจะเป็นจะตายก็อยู่ที่มือหมอได้เลยครับ แต่ถ้าผมไปสร้างอาคารแล้วเสาแคร็ก ผนังร้าว เกิดfailขึ้นมา ใช่ว่าคนจะตายเสมอนี่ครับ หมอหนึ่งคนอาจช่วยได้เป็นร้อยเป็นพันแต่ถ้าผิดครั้งเดียวแล้วลงโทษหนักเลยเป็นใครคงท้อละครับ มองย้อนดูอาชีพเรามั้งครับผิดพลาดกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เราอย่ามองแต่การลงโทษเลยครับมองความดีที่คนอื่นกระทำดีกว่าไหม จากคุณ : outsign เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 23:13:01

ความคิดเห็นที่ 39 เป็นเพราะวิชาชีพหมอเคยชินกับการปกป้องเพื่อนร่วมวิชาชีพด้วยกันหรือเปล่า หมอพลาดทำคนตายได้ครั้งละคน แต่วิศวกรพลาดทีละหลายชีวิต คนเป็นวิศวกรก็อยากจะบอกบอกเหมือนกันมั๊งครับว่า "ผิดครั้งเดียวแล้วลงโทษหนักเลยเป็นใครคงท้อ เพิ่งทำตึกพังครั้งแรกเอง" อย่างนั้นใช่มั๊ยครับ บทลงโทษมีไว้ให้ คนทำงานใส่ใจในการทำงาน หากไม่ต้องลงโทษกันก็คงเห็นเป็นเรื่องเล็กน้อย ความใส่ใจก็คงน้อยตาม ผมเคยดูข่าวที่ครั้งหนึ่งมีนักศึกษาแพทย์ออกมาร้องเรียนอาจารย์หมอเรื่องการรักษาแม่ของนักศึกษาคนนั้น ข่าวหลังสุดที่ผมได้ยินคือนักศึกษาแพทย์คนนั้นบอกว่าไม่แน่ใจว่าตนเองจะได้เรียนจนจบหรือไม่ เพราะอาจารย์แพทย์บอกว่าออกมาร้องเรียนทำให้วิชาชีพเสื่อมเสีย ฟังข่าวแล้วสลด...เสียดายที่ผมไม่รู้ว่าตอนจบเป็นยังไง จากคุณ : ohlalla เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 53 23:56:17

ความคิดเห็นที่ 40 ถ้าที่ผ่านมาแพทยสภาให้ความยุติธรรมให้กับคนไข้ได้มากกว่านี้ ก็คงไม่มีความคิดในการร่าง พรบ. นี้ หมอประมาท รักษาพลาด คนไข้ไปร้องเรียนกับแพทยสภา  ผลที่เห็นคือหมอที่รักษาไม่ผิดทั้งปี คนไข้ก็รับกรรมต่อไป จากคุณ : เม่าอยากรวย เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 00:22:23

ความคิดเห็นที่ 41 อีกหน่อยคงไม่มีคนเก่งๆอยากเรียนหมอแม้จะให้ทุนเรียนกับฟรีๆ คุณภาพหมอคงแย่ลงไปอีก ซ้ำด้วยจำนวนหมอที่น้อยลง คนที่รับกรรมเป็นใครครับถ้าไม่ใช่คนไทยส่วนใหญ่ที่อาศัยบัตรทองบัตรประกันสังคมรักษา จากคุณ : ปอป้อง เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 00:23:29

ความคิดเห็นที่ 42 #38 ผมขออภัยครับ ผมไม่มีเจตนาว่าวิชาชีพวิศวกรดูด้อยกว่าหมอเลยครับ ผมก็เรียนจบวิศวกรโยธามา สภาของเราก็มีนี้ครับ เจตนาแค่อยากบอกว่า "ไม้บรรทัดมันคนละสเกลกันครับ" และการว่าวงการวิชาชีพอื่นไม่สะอาดผมว่าพอเถอะครับ มันจะยาว จากคุณ : outsign เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 00:29:09

ความคิดเห็นที่ 43 การรักษามนุษย์ไม่เหมือนอาชีพอื่นๆครับ มนุษย์มีความสลับซับซ้อนมากไม่ตรงไปตรงมา บางครั้งทั้งวินิจฉัยและรักษาถูกต้องหมดยังเสียชีวิตเลยครับ หมอทุกคนก็ต้องเคยรักษาแล้วผู้ป่วยเสียชีวิตครับ ถ้าต้องมาฟ้องแล้วมาพิสูจน์กันคงไม่เหลือหมอทำงานในโรงพยาบาลแล้วละ คงต้องไปหาหมอที่ศาลครับ จากคุณ : pizzanoi เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 00:54:39

ความคิดเห็นที่ 44 ขอออกความเห็นในบางประเด็น การที่บอกว่า ทำตามมาตรฐานแล้วไม่ต้องกลัว ควรทราบว่า ถ้าอิง standard guildline จะมีค่าใช่จ่ายมากๆๆๆ รวมทั้งต้องปรับปรุงหน่วยงานสนับสนุนอีกมากมาย และถึงทำได้ ก็มีพลาดอยู่ดี เทียบง่ายๆมีใคร predict SET ได้ทุก time frame บ้าง จริงแล้วมันก็มีทั้งคนดีและเลวอยู่ในอาชีพนี้ แต่ระบบที่ดีควรกรองให้ได้ ไม่ใช่กระทบทุกๆคนแบบนี้ ส่วนตัวมั่นใจว่าเกิดผลเสียแน่นอน และสุดท้ายปปช.นั่นแหละที่จะต้องรับไป . . . ผมเองไม่กังวลว่าหมอจะเดือดร้อนเลย พวกเรามีทางไปอีกมาก ง่ายๆก็ออกไปอยู่เอกชน เก็บ DF เพิ่ม เรียก%จาก investigation ที่เพิ่มขึ้นมาก(ตาม standardไง) ร.พ.รัฐ ยิ่งแย่ คนไข้ก็ต้องหนีไปเอกชนเพิ่ม margin ร.พ.เอกชนก็เพิ่ม แล้วจะรู้สึกเมื่อเป็นหวัดแล้วจ่าย > 2000/visit ( DF + CBC + throat swab c/s + screen flu +/- CXR + ATB cover all possible pathogens ) แค่นโยบายหาเสียง + หาเงินก้อนโตๆธรรมดา จากคุณ : no preservation เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 01:31:09

ความคิดเห็นที่ 45 เรื่องงบประมาณสำหนักงบประมาณ มีหนังสือมาเเล้วว่าไม่มีงบให้ ต้องเเบ่งจากงบเดิมที่มีอยู่เเล้ว [โรงพยาบาล 2/3 ของสาธารณสุข ขาดทุน]........เรื่องคลินิคก็ต้องดูเป็นรายๆ หมอที่อยู่เวรเยอะๆคือ หมอใหม่ เเละน้องเฉพาะทางใหม่ที่พึ่งจบ ส่วนที่ทำคลินิคกันจะเป็น รุ่นพี่ๆที่จำนวนเวรจะน้อยกว่า อายุเกิน 50 ก็ไม่ต้องอยู่เวร[เวรในที่นี้ คืออยู่ทั้งคืน 16.00-8.00 หลังจากที่ทำงานมาเเล้วทั้งวันในเวลา ราชการ].........โรงบาลที่เรากล่าวถึงหมายถึงโรงบาลรัฐ ก็เหมือนที่ ผมบอกว่า สมาพันธ์ที่ออกมาต่อต้านคือโรงบาลรัฐ เอกชนเค้าลอยตัว อยู่เเล้วค่าใช้จ่ายที่ให้จ่ายเข้ากองทุนก็เก็บจากคนไข้ได้ ส่วนรัฐก็ ต้องเอาจากเงินก้อนเดิมที่ไม่พออยู่เเล้ว  ถ้า พรบ ออกมา[ซึ่งสุดท้าย ก็คงออกเพราะประชานิยม] หมอรัฐก็ต้องตรวจให้ได้คุณภาพมากๆๆๆ ซึ่งจะมากับปริมาณที่ตรวจได้น้อยๆๆๆ  เเล้วคุณคิดว่าคนไข้ที่รอไม่ ไหวจะไปไหน .... วันจันทร์ซื้อหุ้นโรงบาลเพิ่มดีกว่า PS รู้ไหมตารางนัดผ่าตัดคนไข้ elective[ไม่เร่งด่วน ไม่ฉุกเฉิน ไม่มี อันตราย] หลายๆโรงบาลรัฐ  นัดกันข้ามปี ณ ปัจจุบัน ไม่เเน่อนาค ตอาจจะต้องข้าม 2 ปี จากคุณ : GF เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 01:32:18

ความคิดเห็นที่ 46 ผมว่ายังไงก็มีคนเรียนหมอครับ ไม่ต้องกลัวหรอกว่าจะไม่มีคนเรียนหมอ ตอนเด็กๆ ไปถามเด็กกัน ผมว่ามีเยอะครับ ที่อยากเป็นหมอ เป็นคุณครู เป็นตำรวจ 3 อาชีพนี้เป็นฐานของประเทศเลยนะครับ ยังไงๆก็มีคนจะเป็นหมออยู่แล้วครับ และไม่ต้องกลัวหรอกครับ ว่าจะมีแต่เด็กไม่เก่งมาเรียนหมอ ผมขอหมอที่ไม่ต้องเก่งมาก แต่มีใจที่จะรักษาคนไข้มาเป็นหมอก็พอครับ ถ้าคนที่มีใจจะเป็นหมอ ตั้งใจจะมาช่วยชีวิตคน ไม่มีใครกลัวโดนฟ้องหรอกครับ ผมเป็นวิศวกร ผมทำงานในวิชาชีพของผม ในเมื่อผมทำมันเต็ม100% ผมก็ไม่กลัวที่ใครจะมาเอาโทษหากงานผิดพลาดเช่นกัน จากคุณ : Metalloids เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 01:35:08

ความคิดเห็นที่ 47 อ่านที่เพื่อนๆเขียนเเล้วคิดถึงคนไข้ case หนึ่ง สมัยเป็น intern[หมอ จบใหม่ปีเเรก] ช่วงนั้น 30 บาทกำลัง hot กฏหมายไล่เบี้ยหมอ กำลังอิน [พูดตลกๆ ไปงั้น จริงๆคิดถึงเเล้วรู้สึกเเย่ทั้ง case นี้ 30 บาท ไล่เบี้ยหมอ]...... เพื่อนที่อยู่โรงบาลอำเภอ ส่งคนไข้ท้องนอก มดลูก ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินมาก ต้องรีบผ่าตัด มาโรงบาลจังหวัด ฟังดู ก็ปกติใช่ไหม ที่ไม่ปกติคือที่โรงบาลอำเภอนี้อยู่ห่างจากจังหวัด 3 ชม เเละ มีพี่หมอศัลยกรรม[หมอผ่าตัด] ซึ่งสามารถผ่าคนไข้รายนี้ได้ เเต่มีเลือดเเค่ 2 unit[น้อยเกินไปสำหรับcaseเเบบนี้] & ความที่เป็น โรงบาลอำเภอ จึงไม่ผ่า ......... เกี่ยวกับผมตรงที่ผมเป็นหมอเวร ห้องฉุกเฉิน คนไข้รายนี้ตอนมาถึงยังรู้สึกตัว เเต่ตัวซีดไปหมด เพราะ เลือดออกในช่องท้องจากที่ท้องนอกมดลูกเเตก  ผมเข้าไปดูถาม อาการ   คนไข้หันมามอง.......เเล้วก็ไป ....... คนไข้เสียชีวิตที่ห้อง ฉุกเฉินโดยที่ทำอะไรไม่ได้  ห้องผ่าตัดเตรียมเเล้ว เเต่ ณ ตอนนั้น อะไรๆก็ไม่ทันเเล้ว..............ถามว่าถ้าเป็นญาติผม  ด้วยอาการที่ เเย่ที่โรงบาลอำเภอ  ผมจะให้ผ่าที่นั้นโดยถึงเสียชีวิตก็คงรับความ เสี่ยง ............ คุณคิดว่าใครผิด สำหรับผมไม่มีใครผิด พี่หมอผ่าตัด ไม่ผิด[เพราะเป็นผมก็อาจจะทำเเบบนั้น]  หมอใหม่[ผมเเละเพื่อน]เรา ก็ทำตามระบบตามความสามารถ ไม่ผิด  เเละเเน่นอนคนไข้เเละญาติ ก็ไม่ผิดที่ต้องการมารักษาโรงบาลจังหวัด [พี่หมอผ่าตัดได้เเนะนำ เเล้วว่าต้องรีบผ่าตัดการ การผ่าที่อำเภอเครื่องมือเเละเลือดไม่พร้อม เท่าจังหวัด เเต่การไปจังหวัดก็เสีย่งมากๆ ].........คนไข้เเบบนี้มี เยอะขึ้นเรื่อยๆ :( PS รู้ไหมว่าหมอที่อยู่ห้องฉุกเฉิน[ER] ทั้งในเเละนอกเวลา ส่วน ใหญ่ เป็นหมอจบใหม่  หมอสาขานี้ในบ้านเราพึ่งมีการเทรนเเละจบ มาทำงานไม่กี่ปี่มานี้[น่าจะ 3-4 ปี]  เเต่ส่วนใหญ่โรงพยาบาลประจำ จังหวัดทั้งประเทศก็ยังคงเป็นหมอจบใหม่ที่อยู่ที่ ER จากคุณ : GF เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 02:05:08

ความคิดเห็นที่ 48 ^ ^ ^ ผมมองว่ากรณีนี้คุณหมอก็ทำไปตามสิ่งที่คิดว่าถูก ก็ไม่ผิดนะครับ (สำหรับผมนะ) ของแบบนี้ผมว่าถ้าความจริงเปิดออกมาหมด ส่วนใหญ่ก็จะบอกได้ไม่น่ายากว่าหมอผิดหรือไม่ แต่ที่ผ่านมามันมีกรณีพวกที่ปกปิดข้อเท็จจริง คนยิ่งสงสัยมากขึ้น เพราะถ้าปกปิดก็หมายถึงว่ามีโอกาสที่จะทำอะไรไม่ถูกต้องครับ เรื่องหมอรับผิดชอบผมก็ว่าต้องรับผิดชอบไป ส่วนเรื่องหมอไม่พอ งบไม่พอ  อันนี้คงต้องไปทวงถามกับรัฐบาล(ทุกรัฐบาล) ล่ะครับ หรือท่านใดมีวิธีแก้ไขก็ลองปรึกษากันดู เพราะเท่าที่ผมอ่านมาก็ยังไม่เห็นท่านใดเสนอแนวทางแก้ไขเลย จากคุณ : Metalloids เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 02:10:13

ความคิดเห็นที่ 49 สังคมที่ไม่รู้จักการฟังที่ดี โดย : จับกระแส : สิรินาฏ ศิริสุนทร uam_ok@yahoo.com ไม่เคยมีช่วงเวลาไหน ที่..."คนไทยจะรู้จักการฟังที่ดี... " เราต่างตะโกนความเห็นและความต้องการของตัวเองออกมา ต่างฝ่ายต่างตะเบ็งเสียง... เพื่อให้เสียงของตัวเองดังที่สุด...แต่ไม่มีใครฟังใคร...(หรือฟัง ก็ฟังแบบงั้นๆ) ความคิดเห็นความเชื่อออกมากมาย  ที่ต่างฝ่ายนำเสนอทางสังคม  ไม่ว่าจะเป็นความเห็นต่อร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข  ระหว่างแพทย์ หรืออีกนัยหนึ่งเสียงจาก "แพทยสภา" และเครือข่ายผู้ป่วย   เราจะเห็น กลุ่มรักประเทศไทย พยายามจะออกมาตะโกน ว่า ปราสาทพระวิหารของไทย  หรือกระทั่ง กรณี เมษา-พฤษภา  อำพรางอำมหิต ในช่วงที่ผ่านมา กล่าวโดยสรุป เราต่างตะโกน โดยไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เป็นเนื้อหาสาระจริงๆ  เราพร้อมจะร่วมตะโกน หากความเห็นความเชื่อเหล่านั้นตรงกับสิ่งที่เราคิดเราเชื่อ...อีกนั่นแหละ...เราไม่ฟังคนที่คิด หรือเห็นต่าง...หรือแม้กระทั่ง ตั้งสติตรวจสอบความคิดความเชื่อของตัวเอง ผ่านการศึกษาข้อมูลข้อเท็จจริงต่อเรื่องราวนั้นๆ ให้ดีเพียงพอ ที่ผู้เขียน  ต้องพร่ำพรรณนา มามากมายเนื่องจาก ว่า ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมไทย ขณะนี้  น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง และสะท้อนได้ว่า ระบบการศึกษาไทยล้มเหลว วิธีคิด วิธีไตร่ตรองข้อมูลของ เราก็ดูอ่อนปวกเปียก พร้อมจะยกมือพ่ายแพ้ต่อความเชื่อของตัวเอง แม้จะมีข้อมูลข้อเท็จจริงมากมาย เราพร้อมจะหลับหูหลับตา ตั้งหน้าตั้งตาเชื่อในสิ่งที่เราเชื่อ... ตัวอย่างง่ายๆ ข้อขัดแย้ง กรณี  พ.ร.บ.ผู้ป่วย ที่ฝ่ายผู้ป่วยเห็นว่ากฎหมายดังกล่าว มีเจตนารมณ์ที่ดีต่อการประนีประนอม ไกล่เกลี่ยระหว่างผู้ป่วยกับแพทย์  เพื่อลดปัญหาการฟ้องร้อง  แต่อีกฝ่ายเห็นว่าจะเพิ่มการฟ้องร้องมากขึ้น   ซึ่งในประเด็นดังกล่าว ผู้เขียนได้อ่าน ตัว พ.ร.บ.แล้ว เห็นว่า กฎหมายฉบับนี้น่าจะช่วยให้แพทย์และผู้ป่วยคุยกันมากขึ้นมากกว่า  จึงน่าจะช่วยลดการฟ้องร้องได้ แต่ก็เข้าใจได้ว่าแพทย์ที่รับภาระงานที่หนักหน่วง อาจจะกลัวการฟ้องร้องที่จะเกิดขึ้น หรือ อาจจะมีเหตุผลอื่นๆ แต่ หากทั้งสองฝ่าย ลดอคติ และทำเข้าใจความหวาดกลัวของแต่ละฝ่าย อาจจะเข้าใจกันมากขึ้น  และอาจไม่จำเป็นต้องขัดแย้งกัน   เพราะหากเราต่างฝ่าย ยืนตรงความต้องการ  ต้องขาวและดำ ความขัดแย้งก็ไม่สามารถบรรจบกันได้ เนื่องจากผู้เขียนคิดว่าเราจะทำให้เกิดความขัดแย้งเวลาที่เราไม่เคารพผู้อื่น ไม่พยายามฟังและทำความเข้าใจคนอื่น พอๆ หรือเท่ากับทำความเข้าใจตัวเอง ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในทุกเหตุการณ์ เกิดจากเราเคารพคนอื่นน้อยเกินไป หรือเรามักจะคิดถึงเพียงข้อเรียกร้องของตัวเอง และความต้องการของตัวเอง ย่อมทำให้ความขัดแย้งบานปลาย  ยิ่งเมื่อเรามีความโกรธและความก้าวร้าวเข้าไปด้วย ความขัดแย้งก็จะนำไปสู่ความก้าวร้าวรุนแรงในที่สุด ผู้เขียนเชื่อเหลือเกินว่า  ความขัดแย้งนานัปการที่เกิดขึ้น ทั้งทางการเมือง เกิดจากเราไม่ฟังคนอื่น เราไม่เคารพคนอื่น  เราฟังแค่ตัวเอง ความต้องการของตัวเอง  ถ้าเราเพียงแต่รู้จักฟังและเคารพ ความเห็นของคนอื่นบ้าง ความขัดแย้งที่นำไปสู่ความรุนแรงจะไม่เกิดขึ้น...และความขัดแย้งในทุกเรื่องจะไม่ใช่ความพยายามที่จะเอาชนะ โดยไร้เหตุผลข้อเท็จจริง...ที่สุดแล้วผู้เขียนคิดว่า สังคมไทยไม่เคารพความจริงด้วยเช่นกัน จาก http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/opinion/sirinart/20100803/346099/สังคมที่ไม่รู้จักการฟังที่ดี.html จากคุณ : pongto เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 02:38:59

ความคิดเห็นที่ 50 ความคิดเห็นที่ 44   ของ คุณ no preservation   ผมจ่ายมาแล้ว เป็นหวัด จ่ายครั้งละไม่ต่ำกว่า 3000-7000 ที่โรงพยาบาลเอกชนที่มีชื่อเสียงของจังหวัด (จ่ายมา 3 ครั้งแล้ว) จำเป็นต้องยอมจ่ายเพื่อสุขภาพตัวเอง พูดถึงระบบของรัฐ ระบบอาจจะดีแต่ยังไม่สมบูรณ์ ปัญหาก็เลยมากมี ยังต้องการ การแก้ไขอีกเยอะ แต่คนนั้นมันวุ่นวาย มันก็เลยทำให้ยุ่งเหยิง มันจึงเป็นเช่นนี้แล ด้วยประการละฉะนี้ จากคุณ : นายไทยไฝ่รู้ เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 07:14:40

ความคิดเห็นที่ 51 มองส่วนดีกันเถิด จากคุณ : นายไทยไฝ่รู้ เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 07:16:28

ความคิดเห็นที่ 52 . จากคุณ : นายไทยไฝ่รู้ เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 07:17:15

ความคิดเห็นที่ 53 ประเทศไทยเรานี้ นั้นโชคดี  ที่ได้คนเก่งส่วนใหญ่มาเรียนหมอ แต่โชคร้าย ที่มีแต่คนคอยทำลายขวัญ กำลังใจ ของคนดีและคนเก่ง ไม่รู้ทำไมเป็นเช่นนั้น อาจเป็นเพราะความไม่เคยพอใจในสิ่งที่ตนมี จึงทำให้มันวุ่นวายยุ่งเหยิง เป็นปัญหาแก่สังคม แก่ประชาชนทั่วไป จากคุณ : นายไทยไฝ่รู้ เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 07:32:43

ความคิดเห็นที่ 54 ห้องผ่าตัดในโรงพยาบาลในไทยส่วนใหญ่แม้แต่ในต่างประเทศทุกที่มีเชื้อโรคหมดครับแต่จะทำอย่างไรให้น้อยที่สุด ในต่างประเทศที่เจริญแล้วก็มีการติดเชื้อจากการผ่าตัดครับ การทำให้ห้องผ่าตัดให้ปราศจากเชื้อยากมากผมว่าต้องทำห้องผ่าตัดใหม่หมดเกือบทุก รพ. คุณรู้ไหมหนึ่งห้องต้องใช้เงินหลายล้านบาทอาจจะมากถึง10ล้านก็ได้(ไม่แนน่ใจแต่ถ้าสร้างใหม่ถึงแน่) โรงพยาบาลหนึ่งต้องใช้หลายห้อง คุณไปรพ.เอกชนเขาขยายตึกหลายตึกก็จริงเขาคิดค่าใช้จ่ายไว้หมดแล้วบวกกำไรเรียบร้อย การที่เป็นเอกชนทำไงให้มีกำไรก้ต้องขายแพง ต้นทุนถูก(ต้นทุนถูกทำไง?????) รพ.รัฐบาลไม่แสวงกำไร(รัฐบาลกำหนดงบมาชัดเจนต่ำมากๆ)แต่คุณภาพต้องเทียบชั้น เอกชนหรือระดับโรค  อยากให้คิดว่าทำไมโรงพยาบาลเอกชนเคยเข้าร่วมโครงการ 30 บาท แล้วตอนนี้ถอนตัวออกไปเกือบหมดแล้วเพราะอะไร จากคุณ : thungkaew เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 09:49:15

ความคิดเห็นที่ 55 ขอเห็นต่างนิดนึงครับ ส่วนตัวผมไม่เห็นด้วยกับข้อความที่ว่า "หมอไม่จำเป็นต้องเก่งมาก แต่แค่มีใจอยากรักษาคนไข้ก็พอแล้ว" ผมนิยามคำว่าเก่งของผมก่อน น่าจะหมายความถึง กระบวนการคิด สังเคราะห์ วิเคราะห์ ให้เหตุผลและมีความจำได้ดีในระดับหนึ่ง ( แต่ควรต้องเป็นระดับต้นๆของ population ) ซึ่งสามารถทดสอบคร่าวๆได้ในการสอบวัดความรู้เข้ามหาวิทยาลัย ผมคิดว่าหมอที่ดีจำเป็นต้องเก่งและต้องอยากรักษาคนไข้ เพราะถ้าไม่เก่งแล้วไปรักษา มันอันตรายต่อคนไข้ครับ ซึ่งปัจจุบันนี้ก็ได้ข่าวว่าเด็กเก่งๆส่วนใหญ่ไม่อยากเรียนหมอกันแล้ว ถ้าเป็นอย่างนี้อนาคตคงเป็นเรื่องน่าเศร้าครับ จากคุณ : jonykeano เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 11:25:47

ความคิดเห็นที่ 56 ในฐานะคนกลางที่ทำงานกับหมอ และเคยเป็นคนป่วย  รู้สึกเห็นใจหมอเวลาโดนตำหนิ โดนฟ้อง แต่ก็เข้าใจคนที่เสียเงิน(แพงๆไปรักษา) แล้ว(บางที)ไม่ได้ดั่งใจ หรือไม่หาย ถ้าพูดในห้องสินธร ก้คือ High income High risk ครับ *ถ้าเปรียบกับวิศวกร มันก็ไม่ใช่ เพราะวิศวะดูแบบแล้วสร้าง  แต่หมอต้องมาดูอดีตแล้ววินิจฉัยปัจจุบัน ร่างกายมนุษย์มันซับซ้อนกว่าเครื่องจักร หิน ปูนมากครับ อ่านสกู๊ป นสพ. มีหมอบอกว่าง่ายมากที่จะบอกว่าหมอคนนี้รักษาผิดพลาดอย่างไร แต่เวลาอยู่กับคนไข้ โดยเฉพาะคนป่วยใกล้ตายนั้น มันไม่ง่ายครับ ถ้าจะพูดแบบฟุตบอล เซียนหลังเกมยังไงก็เก่งครับ จากคุณ : More Original Me เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 12:26:00

ความคิดเห็นที่ 57 พูดจากความรู้สึกและจากใจที่อ่านต้นๆๆมา คนไม่ค่อยเห็นใจหมอ  มัก มองที่ว่า หมอรายได้ดีอยู่แล้ว อภิสิทธิ์เยอะอยู่แล้ว  เหมือนหมั่นไส้หมอกลายๆๆ  ยังไงก็ไม่รู้ เหมือนกับว่าหมอโดนมั่งก็จะดี ไม่รู้นะ ผมว่า พูดในแง่หมู่มากมันก็เหมือนถุกแหละ หมอโดนฟ้องไม่ได้เหรอ มันก็ถูกแหละ แต่หลายความเห็นเหมือนหมั่นไส้ปนอิจฉาแบบสัมผัสได้ ฮ่าๆๆๆๆ จากคุณ : 55 (jaotee) เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 14:57:15

ความคิดเห็นที่ 58 ผมมีคนรู้จักที่เป็นหมอก็หลายคนครับ และชื่นชมคุณหมอหลายๆท่านด้วย ที่ทำหน้าที่อย่างดี แต่ถ้าไม่มีการลงโทษคนไม่ดี มันจะเป็นอย่างไรล่ะครับ ถ้าแบบนั้นตำรวจเป็นอาชีพที่เสี่ยงตาย จับขโมย จับคนไม่ดีในบ้านเมือง ทำไมถึงมีระบบตรวจสอบตำรวจครับ บางคห.คิดแต่ว่าถ้ามีการฟ้องหมอจะเป็นการทำลายขวัญกำลังใจหมอ แต่จริงๆแล้วเรากำลังกำจัดส่วนที่ไม่ดีออกจากอาชีพนี้ต่างหาก ไม่เห็นว่าหมอควรมีอภิสิทธิ์เหนือกว่าอาชีพอื่นครับ ถ้าไม่สามารถฟ้องหมอได้ ผมว่าตำรวจเรายิ่งไม่สามารถฟ้องได้เลย เพราะตำรวจใช้ชีวิตตัวเองเสี่ยงเพื่อประชาชน ยิ่งกว่าหมออีกครับ จะไปทำลายขวัญกำลังใจตำรวจทำไมครับ พวกกระทู้ด่าตำรวจก็สมควรลบไปหใ้หมอก็จะดีครับแบบนั้น แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 53 16:44:58 จากคุณ : Metalloids เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 16:44:23

ความคิดเห็นที่ 59 ถ้าเจ็บป่วย ซื้อยากินเองดีกว่า  ประหยัดดี  หายด้วย  ไม่ต้องไปหาหรอกหมอเมอ  รักษาตัวเองดีที่สุด  ใครมันจะรู้ดีเท่าตัวเราเอง จากคุณ : ดา (kakoo-1) เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 17:55:00

ความคิดเห็นที่ 60 สังคมนี้มันเพี้ยนไปแล้ว ถ้าคุณฟ้องหมอคุณได้รับเงินเยียวยาทันที เหมือนกับสนับสนุนให้คนฟ้องหมอ มีรางวัลให้กับการฟ้องร้อง คุณว่ามันถูกต้องไหม ใครมีญาติป่วยใกล้ตาย เอาไปโรงพยาบาล พอญาติตายก็ตีโพยตีพาย ไปฟ้องผ.อ. ก็ได้เงินหลายหมื่นเยียวยาแล้ว จากคุณ : TOK99 เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 18:59:45

ความคิดเห็นที่ 61 อนาคต มันคงมีหมอฟ้องคนไข้กันบ้างละ คงมันพิลึก หมอที่ไม่ดี เห็นเเก่ตัวก็มีมาก คนไข้ที่เเย่ๆ ไม่ปฏิบัติตาม หรือมาช้า ก็มีมากเช่นกัน หมอควรถูกฟ้องถ้าทำผิดจริงๆ เเต่ความหมายเรื่องผิดจริงๆนั้นมันพูดได้ยากมากๆๆๆๆๆๆ เพราะอะไร ต่อให้หมอทำตามมาตรฐานทางการเเพทย์ โดยหมอไม่ผิดหรือตั้งใจ คนไข้ก็อาจจะเกิดความเสียหายได้ บางครั้งคนเราคิดว่า หมอจะรู้เรื่องเเพทย์ได้ 100 เปอร์เซ็น เเม้กระทั่งอเมริกาก็ยังรู้ไม่ลึกซึ้งขนาดนั้น เวลาเราฟัง discuss เรื่องนี้ ไอ้ฝั่งที่เกลียดหมอ ก็บอกเรื่องหมอเอกชน เปิดคลินิก การเก็บเงิน ทำอะไรก็ไม่ผิด เที่ยวต่างประเทศ ไอ้ฝั่งที่ชอบหมอ ก็บอกว่า ตรวจคนไข้มาก ทำงานเหนื่อยทำให้ไม่มีเวลาพักผ่อน ฟังจนรู้สึกว่าสุดขั้วกันมาก ไม่รู้จะพูดอะไร ยังไงหมอก็ไม่ได้เป็นเทวดา ถ้ามีปัญหามากก็ไม่ต้องให้ลูกเรียนหมอ ต่อไปหมอขาดก็ช่างมัน ตัวใครตัวมัน ในเมื่อสังคมต้องการเช่นนี้ จากคุณ : Ploychat เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 20:43:39

ความคิดเห็นที่ 62 เรียนความเห็นสี่ หมอทำผิดได้ เพราะการแพทย์ไม่มีอะไร 100% ยิ่งหมอรพ.รัฐที่ตรวจคนไข้วันละหลายร้อยคนแบบผม ก็ยิ่งมีโอกาสมาก ทำผิดแล้วควรได้รับโทษ ผมก้ไม่เถียงครับ ถ้าคนส่วนใหญ่ในสังคมและระบบมันอยากจะให้เป็นเช่นนั้นก็เป็นไปครับ ผมก้ไม่คัดค้านอะไร ผมก้เพียงแต่จะตัดช่องน้อยแต่พอตัว ไม่อยาก take risk เพราะผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าวันไหนผมจะทำผิดทำพลาดขึ้นมา ( ผมเชื่อว่าผมตรวจคนไข้วันละ 200 คนไปอีกยี่สิบปี ไม่มีทางทีผมจะไม่ทำผิดเลย ) จากคุณ : Idiopathic เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 23:55:03

ความคิดเห็นที่ 63 คนที่อ้างว่าไม่ยุติธรรม ก็อ้างไป ต่างก็โวยวายผ่านสื่อพูดเข้าข้างตัวเอง โดยไม่มีความรู้ทางวิชาการแพทย์ ผมอยากเห็นคดีตัวอย่างเหลือเกินที่ฟ้องแพทย์แล้วแพ้ แล้วแพทย์ฟ้องกลับทั้งคนฟ้อง และสื่อ เอาแบบถึงลูกถึงคนไปเลย หรือมีหน่วยงานรับฟ้องกลับคนที่ฟ้องหมอแล้วแพ้คดี คงสนุกดีพิลึก หลายความคิดเห็นอ้างราคาค่าใช้จ่าย แต่เป็น rate เอกชน แล้วบ่นไม่พอใจ แทบจะรู้ในทันทีเลยว่า อยากได้บริการแบบเอกชน แต่ไม่ต้องเสียเงินเลย หรือ หาได้ในโรงพยาบาลของรัฐ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ อย่าเอาแต่ดูในใบเสร็จ แล้วโทษว่าค่าตรวจแพง เพราะหมอไม่ได้เงินตามยอดที่โชว์ในใบเสร็จ(ได้น้อยกว่า ถึงน้อยกว่าโคตรๆ) คนที่เรียกร้องส่วนใหญ่ ก็เป็นพวกมีการศึกษา แต่ไม่มีความรู้ทางการแพทย์ หรือ มีก็แบบงูๆปลาๆเข้าข้างตัวเอง ตั้งสมมุติฐานว่า หมอรวยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อยู่ในใจตลอด เคยๆลองใช้สติปัญญาคิดดูกันบ้างไม๊ว่า หมอ ก็ กรรมกรดีๆนี่เอง ไม่ตรวจไม่รักษา ก็ไม่ได้เงิน ไม่เหมือนพวกทำงาน office เช้า check mail msn บ่าย เล่น facebook ว่างก็ chat BB มี ot เสาร์อาทิตย์ให้ทำ ส่วนหมอ ไม่ทำก็ไม่ได้เงิน เจ็บป่วยก็ลาลำบากถ้าหาคนมาแทนไม่ได้ เรียกร้องแบบไม่เอาใจเขาใจเรา ขาดจิตสำนึกอย่างรุนแรงในการเรียกร้อง จากคุณ : น้องส้มเด็กดี เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 01:12:27

ความคิดเห็นที่ 64 อีกไม่นาน ก็ คงเป็นอย่างที่เคยอ่านข่าวเจอใน ญี่ปุ่น คนเจ็บท้องคลอด ไป 7 โรงบาลไม่มีใครรับ เพราะไม่มีสูตินารีแพทย์ พอไปถึง โรงบาลที่ 8 มี แต่เด็กตายไปแล้ว คงพอใจกันสินะ เพราะถึงคราวนั้นจริงๆ ก็คงไม่มีใครมายอมเสี่ยงกับวิชาชีพตัวเอง เครื่องมือทำมาหากินของตัวเอง ให้กับใครก็ไม่รู้ ที่จะฟ้องเราเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ด้วยความรู้แบบงูๆปลาๆ ครึ่งๆกลางๆ รู้จักแต่เรียกร้องสิทธิของตนเอง แต่ไม่รู้จักหน้าที่ของตนเองเวลาไปหาหมอ เห็นมีคนบ่นตรวจเร็ว ถามว่าถ้าตรวจช้า แล้วใครเดือดร้อน คนที่รอตรวจข้างหลัง พยาบาล หมอ โดนด่าอีก พวกคนไข้แสนรู้ก็อีก มีประเด็นว่าเคยรับยาจากที่อื่นเอาถุงยามา ไม่ต้องการตรวจ ถ้าอย่างนั้นจะมาหาหมอทำไม? ไปซื้อยาเอาจากร้านขายยาจะตรงกว่าไม๊ ? หรือกะจะมาเอายาฟรีจากโรงบาล 30 บาท แต่จะเอาตัวยาเดิม ที่ได้มาจาก รพเอกชนในกทม ? กรณีเดียวกัน รับยาจากที่อื่นมา มาถึง หมอสั่งยาให้ตามต้องการ ไม่ได้ตรวจอะไร ก็โดนด่าอยู่ดี หาว่าหมอไม่ตรวจ ตรวจเร็ว หมอจะรู้ไม๊ ว่าท่านคนไข้ผู้มีอุปการะคุณทั้งหลายต้องการอย่างไร? ถ้าไม่เชื่อใจกัน ถ้ารู้ดีอยู่แล้ว อย่ามาหาหมอดีกว่า รักษาตัวเองไปเลยซื้อยากินเองไปเลย จะสบายใจกว่าไม๊ อย่ามาบ่นในนี้อย่างนี้ จากคุณ : น้องส้มเด็กดี เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 01:23:16

ความคิดเห็นที่ 65 เอ่อ แล้วพวกที่ด่า ตร. ล่ะครับ พอไปแจ้งความ แล้วคดีไม่คืนหน้า ก็มาบ่นด่า ตร. แล้วแบบนี้จะไปแจ้งความทำไมล่ะครับ ถ้ารู้อยู่แล้ว ก็ไปจับผู้ร้ายเองเป็นไร ผมว่าแบบนี้โลจิกมันแปลกๆนะครับ ตร.คดีเยอะ ไปจับผู้ร้ายให้ไม่ได้หรอก ตำรวจมีไม่เพียงพอ อย่าไปด่าตร.เลย มันก็กรณีเดียวกันครับ เมื่อเป็นข้าราชการแล้วก็ต้องทำให้เต็มความสามารถสิครับ แล้วน้อมรับเสียงวิจารย์จากคนอื่น เงินเดือนหมอก็เงินภาษีของประชาชน ทำไมประชาชนจะต่อว่าไม่ได้ล่ะครับ หมอที่ดีเป็นที่นับหน้าถือตาในสังคม ไปดูเถอะครับ ชาวบ้านนับถือทั้งนั้น พวกที่โดนก่นด่าเป็นพวกที่ไม่มีความรับผิดชอบต่างหาก จากคุณ : Metalloids เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 01:36:45

ความคิดเห็นที่ 66 ที่โดนก่นด่าส่วนใหญ่ เป็นคนที่ไม่ผิด หรือโดนด่าเพราะความไม่มีความรู้ของคนไข้หนะสิ ไอ้ที่ผิดจริงนะมีเหรอทางแพทย์สภาจะปล่อยไว้ ? แต่เพราะความที่ไม่มีความรู้ทางการแพทย์เลย รู้งูๆปลาๆ ฟังเค้ามา อ่านฟอเวิดเมลมา เค้าว่าอย่างนั้นอย่างนี้ มีบ่างช่างยุมาคอยบอก ฟ้องเลยๆๆๆๆๆๆๆ มีสรย... เอาแต่ผู้เสียหายมาออก รายการ แต่ไม่เอาคนมีความรู้มาออกรายการ พูดเอาเองอยู่ฝ่ายเดียว ทำตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาล เหมือนพวกเกรียน พวกติ่งหูที่อยู่ตามเกมส์ออนไลน์ แล้วใครจะยอมรับได้ ??? ใครจะยอมรับการตรวจสอบที่คนตรวจสอบไม่มีความรู้ทางการแพทย์เลย ? เรียกหาแต่ความรับผิดชอบจากแพทย์ แล้วคนไข้มี?กันแค่ไหน?? มันก็เข้าอีหรอบเดิม คนไข้ไม่ดูแลตัวเอง ไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ แต่จะมาเรียกร้องจากหมอ หมออธิบาย ไม่เข้าใจ ไม่ถาม ติดใจตรงไหนไม่ถาม มากเหลือเกินที่อธิบายจนยาวนาน ลองถามคนไข้ดูเข้าใจไหม ==> ตอบเข้าใจ พอออกนอกห้องตรวจไป ยังไม่ทันพ้น เสียงคุยกะญาติลอดเข้ามา เป็นคนละเรื่องเลยทีเดียว อย่าได้เอาอาชีพอื่นมาเทียบกับหมอโดยเฉพาะตำรวจ การต่อสู้กับผู้ร้าย กับ การต่อสู้กับโรคร้ายมันต่างกันเยอะ และเยอะมากๆเมื่อเทียบกับการต่อสู้กับจิตใจอันสุดแสนจะอคติ ต่อวิชาชีพแพทย์ และ คอยจะเรียกร้องสิทธิสารพัดโดยที่ตัวเองไม่ได้มีความรู้และไม่ได้ทำหน้าที่ของคนไข้ที่ควรจะเป็น จากคุณ : น้องส้มเด็กดี เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 02:04:13

ความคิดเห็นที่ 67 แล้วเด๋วนี้ตำราการลงทุนมันใหม่แล้วครับ อาจารย์ผมสอนมา HighRisk Expect HighReturn มันไม่ได้เหมือนอดีตที่เชื่อว่า HighRisk HighReturn อีกต่อไปแล้ว ส่วนอาชีพหมอไม่ต้องพูดถึง UltraHighRisk Guarantee ExtremelyLowReturn สำหรับหมอราชการ และต่างจังหวัด เป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะหมอต่างจังหวัด หมอราชการ ทำเกินความสามารถ และเกินรายได้ไปเยอะมาก เพราะคนที่มีมุมมองเป็นอคติว่าหมอรวย หมอเปิดคลีนิค ไม่เคย ๆๆๆๆๆๆ ไม่เคยเลยแม้แต่หนเดียว ที่จะคิดกลับกันว่า ถ้าเงินเดือนของงานที่ทำอยู่ มันพอเพียงแล้ว เค้าจะมาอยู่คลีนิค ทำคลีนิคให้เหนื่อยทำซากอะไร เอาเวลาไปดูลูกเมียไม่ดีกว่าเหรอ ไม่เคยเลยแม้แต่หนเดียวที่จะคิดว่า หมอก็แค่ลูกจ้างของโรงพยาบาลเอกชน ไอ้ที่โรงบาลขยายๆเอาๆนะ เคยสักครั้งไม๊ที่จะสำนึกและตีความว่า เงินที่คุณจ่ายไปตอนไปโรงบาลเอกชนนะ มันเข้าไปสู่ตัวโรงบาลและเจ้าของโรงบาลไปเต็มๆ ไม่ใช่หมอ ถ้าเงินมันเข้าหมอนะเหรอ มีเหรอโรงบาลจะขยายเอาๆอ่ะ ด้วยสามัญสำนึกที่ผิดปรกติที่ว่า โรงบาลขยาย = หมอรวย ปัญหาเรื่องราวมันก็เลยเกิดไม่รู้จักจบสิ้น แทนที่จะตีความอย่างมีสติ และไม่มีอคติว่า โรงบาลขยาย = เจ้าของโรงบาล(ซึ่งเป็นใครก็ไม่รู้ และเค้าก็ไม่ได้มานั่งตรวจท่านคนไข้ผู้มีอุปการะคุณหรอก)รวย ก็แล้วแต่จะคิด จากคุณ : น้องส้มเด็กดี เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 02:31:07

ความคิดเห็นที่ 68 คุณส้มเด็กดีฟังคนอื่นด้วยสิครับ และตอบคนอื่นในประเด็นที่คนอื่นตั้งประเด็นด้วยสิครับ พูดฝ่ายเดียวแบบนี้คุณก็มีแต่คิดว่าตัวเองถูกอยู่ตลอดเอาตัวเองเป็นศุนย์กลางจักรวาลเหมือนกันนั่นแหละ ผมให้ข้อคิดเห็นความเห็นของคุณส้มแบบนี้นะครับ คห.66 วรรค 1 แต่ก็มีเยอะนะครับ ที่หมอไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียดของคนไข้ ไม่ยอมให้ดูใบเขียนว่าอาการคนไข้เป็นแบบใด แล้วแบบนี้จะให้คิดยังไงครับ ปกติเวลาออกทีวี เค้าก็พยายามติดต่อแพทย์คู่กรณีมาคุยนะครับ ส่วนเรื่องFW mail ผมว่ามันเป็นเรื่องปกติไปแล้วของสังคมไทย พวกนักการเมืองไม่เดือดร้อนกว่าหรือครับนั่น คห.66 วรรค 2 เค้าก็อาจเข้าใจในแบบเค้านิครับ อีกอย่างเวลาคุณครูถามนักเรียนว่าเข้าใจไหม ไม่มีใครไม่ยกมือ เวลาสอบยังตอบผิดเลย คุณก็คงเคยเป็นนักเรียนมาก่อน ย่อมเคยตอบผิดในข้อสอบมาแล้วใช่ไหมครับ คห.66 วรรค 3 คุณจะสรุปว่าต่อสู้กับโรคมันยากกว่าต่อสู้กับคนงั้นหรือครับ ตอนนี้ที่มีปัญหาก็เพราะคนกำลังสู้กับคนนี่แหละครับ ไม่ใช่สู้กับโรคเลย  และตำรวจผมว่าโดนอคติมากกว่าหมออีกนะ คห.67 อย่างที่ผมบอกผมก็มีคนรู้จักที่เป็นหมอ และเงินเดือนหมอจบใหม่ที่ฟังมาก็ไม่ได้น้อยกว่าอาชีพอื่นๆที่ทำกับเอกชนเลย คำว่าทำเกินรายได้ไปนั้น ผมอยากให้แจกแจงหน่อยว่าคุณเอาอะไรมาวัดครับ คงไม่ได้เอารายได้จากคลีนิคมาวัดนะครับ คนทำคลีนิคโดยคิดค่ารักษาแพงๆ ผมก็คิดว่าเพราะว่าอยากรวยนั่นแหละครับ ซึ่งมันก็ไม่ได้ผิดอะไรหรอกครับ เพราะผมก็อยากรวย ใครๆก็อยากรวยทั้งนั้น ไม่ได้คิดว่าคนรวย หรือคนอยากรวยผิดประการใด คุณลองวิเคราห์ดูสิครับ ลองดู คห.8 ของผมก็ได้ ว่าหมอคนนี้ทำหน้าที่ของความเป็นหมอ ดีพอหรือยัง ยายผมเข้าโรงพยาบาลรัฐทั้ง กทม. และ ตจว. ครับ เนื่องจากลุงของผมรับราชการ แม่เลยรักษาฟรีครับ จากคุณ : Metalloids เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 03:33:38

ความคิดเห็นที่ 69 เป็นหมอ เป็นคนที่เสียสละ ทำให้เสมือนหนึ่งเป็นบุคคลสาธารณะ ที่ต้องช่วยชีวิตคน ช่วยชีวิตประชาชน ขีดความสามารถและประสบการณ์ในวิชาชีพของหมอแต่ละท่าน ก็ไม่เหมือนกัน ในแต่ละคน ที่จะมาแก้ไขเครื่องจักรในร่างกาย ในชีวิตของเราๆท่านๆ ซึ่งมีความสลับซับซ้อน การแก้ไขในแต่ละโรค บางทีก็ไม่อาจจะเหมือนกันได้ อยู่ที่ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ของคุณหมอแต่ละท่าน (แล้วก็ไปวิจารณ์ท่านทั้งต่อหน้าและลับหลัง) เป็นหมอต้องมีความรับผิดชอบสูง เพราะรับผิดชอบต่อชีวิตของคน แต่ปัจจุบันคนส่วนใหญ่เห็นแก่ตน จะเอาแต่ได้ เอาแต่เรียกร้อง อ้างความไม่เป็นธรรม โดยไม่คำนึงถึงอะไรทั้งสิ้น ทั้งเหตุและผลยกเอามาเข้าข้างตัวเอง โดยไม่คำนึงถึงความจริงหรือสิ่งอื่นใด มันจึงเกิดเป็นเรื่องราวให้นำมาวิพากษ์  เพื่อหาประโยชน์เอามาใส่ตน และเป็นเพราะเหตุการณ์ และผลที่ได้เกิดขึ้นไปแล้ว เป็นข่าวไปแล้ว ทำให้เสียชื่อเสียงของหมอและโรงพยาบาลนั้น หมอก็ต้องออกมา อธิบายความให้เข้าใจ ว่าการรักษานั้นต้องรักษาอย่างไร อธิบายไปก็ไม่ค่อยเข้าใจหรือไม่เข้าใจ เพราะเป็นภาษาทางการแพทย์ ก็เลยไม่ยอมรับความเข้าใจของหมอ แต่จะคิดว่าความเข้าใจของตนนั้นถูกต้องแล้ว หมอก็ต้องเสียเวลาไปขึ้นโรงขึ้นศาล ความเครียดก็มาตกที่หมออีก ไหนจะต้องทำหน้าที่ให้ดี และไหนจะต้องมาระวังระแวงอีก จะฟ้องหมออีกรึเปล่า พูดถึงระบบของรัฐ ระบบอาจจะดีแต่ยังไม่สมบูรณ์ ปัญหาก็เลยมากมี ยังต้องการ การแก้ไขอีกเยอะ แต่คนนั้นมันวุ่นวาย มันก็เลยทำให้ยุ่งเหยิง มันจึงเป็นเช่นนี้แล ด้วยประการละฉะนี้ ประเทศไทยเรานี้ นั้นโชคดี  ที่ได้คนเก่งส่วนใหญ่มาเรียนหมอ แต่โชคร้าย ที่มีแต่คนคอยทำลายขวัญ กำลังใจ ของคนดีและคนเก่ง ไม่รู้ทำไมเป็นเช่นนั้น อาจเป็นเพราะความไม่เคยพอใจในสิ่งที่ตนมี แต่อยากจะได้ในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าควรจะได้ จึงทำให้มันวุ่นวายยุ่งเหยิง เป็นปัญหาแก่สังคม แก่ประชาชนทั่วไป หมายเหตุ (เรียบเรียงใหม่ ใน คห. ที่เขียนไว้ข้างบน) แก้ไขเมื่อ 17 ส.ค. 53 06:05:24 แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 53 06:40:47 จากคุณ : นายไทยไฝ่รู้ เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 06:38:20

ความคิดเห็นที่ 70 +++เงินเดือนหมอจบใหม่ สมัยผม 8,190 บาท[7ปีก่อน]ตอนนั้นทองบาท ละ  4,650  ตอนนี้ผมได้เงินเดือน 13,600 บาท ทอง 18,000.......เเน่น อนเงินที่ได้มีมากกว่าเเค่เงินเดือน เเต่เป็นเงินที่ได้จากทำงานเพิ่ม[อยู่เวร เหมือน OT]  ช่วง 16.00-8.00 เวลาที่คนอื่นเค้านอนกัน เเล้วตอนเช้าก็ตรวจ ต่อ มีเงินที่เหมือนได้เปล่า คือเงินไม่ทำคลินิก 10,000 ค่าวิชาชีพ 5,000 สรุปเงินสมัยเป็นหมอใหม่อยู่ประมาณ 35,000 กับการทำงานเวลาราชการ ทุกวัน + อยู่เวรอีก 10 เวร + เวรห้องฉุกเฉินอีก 7 เวร[เวร 8 hr] บางคนอาจ จะว่าก็เยอะเเล้วนี้หมอคนอื่นนะเค้า... ลองเทียบกับเพื่อนผมลาออกทำงาน ตรวจคนไข้ทั่วไปที่เอกชน วันละ 10 ชม จันทร์ถึงพฤหัส[วันที่เหลือว่าง] ได้เงินเดือนละ 80,000 .... ทำงาน 4 วันพัก 3 วัน 80,000 กับ ทำ งานราชการจันทร์ถึงศุกร์ + เวรอีก 10[16-8น] + เวรฉุกเฉิน 7 [8ชม]ได้ 35,000  เป็นคุณ คุณจะเลือกอันไหน  นี้ยังไม่ได้กล่าวถึงปริมาณงานที่ เอกชนเบากว่ารัฐมากๆ +++ ตำรวจ ครู หรืออื่นๆก็มีปัญหาของเเต่ละวิชชาชีพ ผมไม่เห็นด้วยกับการ ที่จะมาเทียบ เเละมาบอกว่าใครดีกว่าใคร  ใครสบายกว่าใคร +++เรื่องคุณยายของคุณMetalloids โรงบาลรัฐเองก็มีความเเตกต่าง ตจว กับ กรุงเทพ ถ้าถามผมว่าหมอคนที่ ตจว ทำหน้าที่ดีพอรึยัง  ผมขอตอบว่า ไม่รู้ เพราะต้องดูปัจจัยอื่นด้วย เช่น หมอที่ตรวจเป็นหมอใหม่รึไม่  ยาโรง บาลมีรึเปล่า[ผลจากงบที่ไม่พอต้องเอายาบางตัวออก ] คนทั่วไปก็คงมองว่า นี้ไงเข้าข้างกันเห็นๆ การจะกล่าวหาว่าอะไรถูกผิด มันต้องดูอะไรหลายๆ อย่าง......เเต่เเน่นอน คนไข้เเจ้งเเล้วหมอเองก็ต้องประเมินว่าต้องให้ยาตัว เดิม หรือต้องเปลี่ยนเป็นตัวใกล้เคียงรึไม่  ถ้าเป็นหมอใหม่ไม่เเน่ใจก็ส่งไป ให้พี่เค้าตรวจ ถามว่าทำหน้าที่ดีพอไหม ไม่พอเเน่ๆ เเต่ถามว่าผิดไหม  ไม่ ทราบครับ +++ผมเป็นหมอ ภรรยาก็หมอ พ่อเเม่น้องอีก 2 คนก็เป็นหมอหมด  มีลูกสาว 2 ขวบ ไม่คิดจะให้เป็นหมอเเล้ว เพราะไม่อยากให้เค้าลำบาก  ผมเองก็อยู่ ในรุ่นที่หมอเป็นเเค่อาชีพ เป็นได้ก็เลิกได้ [สมัยพ่อเเม่  หมอเป็นชีวิต คือ เป็นตลอดเวลา คล้ายๆบวชเป็นพระ]  รุ่นผมจบมา 200คน ทำงานไป 2 ปี เพื่อนๆหมอออกจากระบบไป 100 คน ตอนนี้ 7 ปีละ ไม่รู้ว่าจะเหลือเท่าไร [ระบบในที่นี้คือราชการ] +++หมอเรานะปรับตัวได้อยู่เเล้ว เเละเริ่มปรับเเล้วด้วย  คนไข้กับประเทศ เริ่มปรับตัวกันรึยังละครับ PS ไปเเล้วนะครับ เล่นหุ้นกันต่อดีกว่า  อย่าไปยุ่งเลยเรื่องนี้  หาเงินกันเเล้วไปใช้เอกชนกันดีกว่าครับ :) จากคุณ : GF เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 07:32:21

ความคิดเห็นที่ 71 อ่านแล้วดูเหมือนท่านคุณหมอทั้งหลายคิดแต่ว่าคนไข้จ้องจะคอยฟ้องแต่พวกท่าน จากคุณ : ohlalla เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 23:00:08

ความคิดเห็นที่ 72 หมอก็คือคนครับ คนเราเวลาเดินไปไหน อยู่ๆก็โดนสุนัขกัด  หรือไปเที่ยวอยู่ๆ ก็โดนลิงมาทำร้าย ถามว่าคราวหลังเวลาไปที่ไหน เจอสุนัข หรือลิง  จะระแวงว่า สัตว์เหล่านั้นจะมาทำร้ายตัวหรือเปล่า จากคุณ : นายไทยไฝ่รู้ เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 05:43:28

ความคิดเห็นที่ 73 ขอตอบ 68 เลยนะ ทำไมหมอจะไม่ให้ดูมันเป็นสิทธิผู้ป่วยอยู่แล้วที่จะดู แต่ เรื่องทุกเรื่องมันมีสาเหตุจากตรงนี้แหล่ะ ก็ในเมื่อคุณไม่ได้เป็นหมอ ไม่ได้มีความรู้สักเสี้ยวกระพีก หรือรู้ก็แค่ฟังเค้ามางูๆปลาๆ อ่านไปถามจริง รู้เรื่องเหรอ อธิบายกันแทบตายเป็นชั่วโมง ออกไปนอกห้องตรวจ พูดกะญาติเป็นอีกเรื่อง บางครั้งแทบจะคนละเรื่องเลย คุณนี่ช่างเปรียบเทียบเหลือเกินนะครับ คราวก่อนตำรวจ คราวนี้ครู ไม่เคยเข้าใจเลยเหรอว่า แต่ละอาชีพแต่ละส่วน มัน ExtraOrdinary ไม่เหมือนกันอย่างมาก เหมือนคุณจะเอา PTT มาเปรียบเทียบกะ BBL อย่างนี้มันเทียบกันได้เหรอครับ ถ้าตรรกคุณแบบนั้น มันคงจะยากที่จะประสบความสำเร็จละมั้ง อ้างว่าถ้าเด็กทำข้อสอบผิดไม่โทษครู ใช่ แล้วจะมาเทียบกับหมอได้อย่างไร ในเมื่อคนไข้เข้าใจผิด คิดไปเอง แล้วมาฟ้องหมออ่ะ แค่นี้ก็โคตรจะแตกต่างแล้ว ผมยังจำได้หลายปีก่อนมีคนไข้ มีเรื่องที่โรงบาลแถวนครนายก โวยวายต่างๆ หาว่าโรงบาลใช้ผ้าปูเตียงสีดำ(มันมีด้วยเหรอ???) อ่านการ์ดตัวเองแล้วหมอลงเครื่องหมาย + เอาไว้ คิดว่าตัวเองเป็นเอดส์ etc. ออกทีวีหลายช่อง สุดท้ายความจริงปรากฎ ไอ้คนที่โวยวายเป็นโรคทางจิต อยากจะทราบว่าหมอคนที่เค้าโดนไปแล้วนี่ มีทีวีช่องไหนมาแก้ให้ไม๊ หนังสือพิมพ์ช่องไหนมาแก้ให้ไม๊ ? ยังคงเปรียบเทียบในสิ่งที่เทียบกันไม่ได้ อคติต่อตำรวจ กะ หมอ มันคนละรูปแบบและคนละเรื่องซึ่งนำมาเปรียบเทียบกันไม่ได้ เรื่องเงินเดือน 70 ตอบไปแล้ว และก็เป็นข้อบ่งชี้ที่เด่นชัดมากว่า อคติว่าหมอรวยๆๆๆๆกว่า หมอ สบายๆๆๆๆกว่า และสารพัดจะอคติ เคยอ่านไม๊ FullMetalAlchemist อ่ะ ทุกอย่างย่อมมีการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมกัน ไอ้ที่เห็นและเป็นไปนะ ถ้าคุณไม่ได้มาอยู่ในสายวิชาชีพหมอไม่มีทางรู้ได้หรอก ว่า เค้าแลกมาด้วยอะไรกันบ้าง!!!! อยากจะแนะนำเรื่องการเปรียบเทียบหน่อยอ่ะนะ เวลาเปรียบเทียบหุ้นเค้ายังเปรียบเทียบกันในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกันเลย ไม่ใช่ใช้ความไม่ฉลาดไปเปรียบเทียบข้ามกลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งไม่ได้ประโยชน์อะไรเท่าไหร่ แล้วถามว่าจะเปรียบเทียบในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกันยังลำบาก เพราะแต่ละตัวก็ไม่ได้กิจการเหมือนกันหมด และต่อให้เปรียบเทียบในตัวเดียวกันเอง แต่มันก็มีความแตกต่างของช่วงเวลา สถานที่ เหตุการณ์เข้ามาเกี่ยวข้องแล้ว ถ้าจะเปรียบเทียบแบบ ไม่ค่อยรู้อะไรเท่าไหร่ ขอทีอย่าเปรียบเทียบเลยดีกว่า มันไร้ค่านะ!!! จากคุณ : น้องส้มเด็กดี เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 06:44:57

ความคิดเห็นที่ 74 อ่านที่คุณส้มเด็กดีเขียนมาทั้งหมดเหมือนจะบอกผมว่า ผมไม่ใช่หมอ ไม่มีสิทธิ์ไปวิพากษ์วิจารย์หมอ งั้นผมคงไม่มีสิทธิ์วิจารย์หุ้น เพราะผมไม่เคยเป็น CEO บริษัทไหน ผมคงไม่มีสิทธิ์วิจารย์การเมือง เพราะผมไม่เคยเป็นนักการเมือง สำหรับคุณคงไม่มีอะไรมาเทียบหมอได้ ผมเอามาเทียบให้ดู คุณก็ต้องบอกว่ามันเทียบกันไม่ได้ตรงไหน ผมก็เห็นแต่ตะแบงว่ามันเทียบกันไม่ได้สักอย่าง ก็ไม่รู้จะคุยกับคุณไปทำไมแล้วล่ะครับ เพราะผมไม่เห็นเหตุผลของคุณสักอัน มีแต่บอกว่ามันเทียบไม่ได้้อยู่นั่นแหละ เรื่องFullMetalAlchemist ทำไมคุณไม่คิดล่ะครับว่าหมอก็อาจต้องแลกด้วยการอาจถูกฟ้อง ผมว่าหากคุณเข้าใจว่า ทุกอย่างย่อมมีการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมกัน คุณก็ไม่น่าโวยวายเรื่องโดนฟ้องนะครับ ถ้าคุณมีแต่ว่าเทียบไม่ได้ มันไร้ค่า คุณก็แย้งให้เห็นชัดๆสิครับ อย่างเรื่อง ตร. คุณก็ตะแบงว่าเทียบกันไม่ได้อย่างเดียว คุณจะว่ามันไม่เหมือน ก็ต้องเอาเหตุผลมาแย้งกันครับ ส่วนเรื่องเทียบกับครู ผมจะบอกว่าคุณจะไปทำให้คนไข้เข้าใจ100%มันเป็นไปไม่ได้เท่านั้นเอง ขนาดนักเรียนยังไม่สามารถเข้าใจได้100% จะไปหวังให้คนไข้เข้าใจ100%มันเป็นไปไม่ได้ ส่วนที่โดนสื่อไปแล้วเสียหาย ไม่มีสื่อลงแก้ไข อันนั้นเป็นปัญหาของสื่อครับ ทุกๆอาชีพก็โดนกันหมอ ไม่ใช่หมอโดนฝ่ายเดียวนะครับ เรื่องหมอไม่ให้ดูมีออกข่าวหลายเคสครับ และมันจะจริงหรือไม่จริงก็ต้องพิสูจน์ไปตามกระบวนการ ที่ผมมาพูดทั้งหมอคุณอ่านดีๆนะครับ ไม่ได้บอกว่าหมอไม่ดี หรือต้องจับผิดหมอพิเศษ แต่บอกว่าทุกอาชีพต้องเท่าเทียมเหมือนกัน ไม่เห็นด้วยถ้าหมอมีเอกสิทธิ์กว่าอาชีพอื่นๆ ถ้าคุณเข้าใจว่าแต่ละอาชีพล้วน ExtraOrdinary คุณก็ควรจะยอมรับจุดนี้ด้วยครับ จากคุณ : Metalloids เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 12:55:19

ความคิดเห็นที่ 75 ผมว่า หลงประเด็น จากการชักนำของพวก สื่อ และ NGO กันหมดแล้ว ประเด็นที่น่าจะคิดและถกเถียงกันก็คือ กฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้ มันไม่ดี หรือไม่เพียงพอ หรือ ไม่ครอบคลุมอย่างไร กฎหมายใหม่ที่พยายามจะเสนอกัน แก้ไขข้อไม่ดีอย่างไรบ้าง และมีข้อดีเพิ่มเติมอย่างไรบ้าง อย่าไปหลงประเด็นที่หลายฝ่ายพยายามชักนำให้สังคมรู้สึกว่า สังคมจะได้ประโยชน์ จะกลายเป็น เตะหมูเข้า:-) หรือ ตาอยู่คว้าพุงปลาไปกิน ลองไปคำนวณดูกันเอง ว่าเงินที่เก็บเข้ากองทุนนะเป็นหลัก ล้าน หรือ สิบล้าน หรือ ร้อยล้าน หรือ หมื่นแสนล้าน แล้วค่าบริหารจัดการกองทุนนะมันเป็นเท่าไหร่(ล้าน สิบล้าน ร้อยล้าน หรือ พันล้านหมื่นล้าน) แล้วใครละจะเป็นผู้บริการจัดการกองทุนนี้ ลองไปหาตัวกฎหมายมาดูก่อนดีกว่า จะเห็นอะไรมากขึ้น จากคุณ : pongto เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 20:24:04

ความคิดเห็นที่ 76 ไม่มีความรู้ แต่ขยันคิดไปเอง จินตนาการไปเอง เข้าใจไปเอง นี่แหละต้นเหตุของปัญหาฟ้องร้อง อยากวิจารณ์ อยากเรียกร้อง แต่ตัวเองไม่มีความรู้ รู้งูๆปลาๆ แล้วจะเรียกว่าอะไร ถ้าจะว่า จะวิจารณ์ ก็ต้องมีความรู้ มีแหล่งอ้างอิงข้อมูลที่เชื่อถือได้ ไม่ใช่ฟังเขาเล่ามา เขาว่ามา ถ้าวิจารณ์โดยไม่มีความรู้ มันก็เหมือนตอนประชุมผู้ถือหุ้น ที่มีคนยืนถาม เรื่องราวที่ไม่เป็นสาระขึ้นมา ให้คนที่เขารู้เรื่องดูถูกกันปล่าวๆ !!!ไม่มีความรู้ ๆๆๆๆๆๆ อย่าคิดไปเองๆๆๆๆๆ!!! อยากวิจารณ์การเมือง เชิญ ถ้าคุณมีความรู้ มีข้อมูลจริง อยากวิจารณ์หุ้น เชิญ ถ้าคุณมีความรู้ทาง technical fundamental จนชำนาญมีความสามารถ เอ่อ แต่ถ้าออกสื่อนี้เค้ามีกฎเกณฑ์ นะ ว่าต้องมีใบอนุญาตระดับไหน ๆ ถึงจะออกสื่อได้อ่ะ อยากวิจารณ์หมอ เชิญ แต่ขอความรู้แหละแหล่งข้อมูลที่อ้างอิงได้เชื่อถือได้หน่อยนะ วิจารณ์ลอยๆ ไม่ได้มีข้อมูลอะไร แค่เป็นกองเชียร์ทับถมนี่บอกตามตรง ไม่เป็นสาระ รู้จักกาลามสูตรไหม ???? ถ้าหมอถูกแลกด้วยการถูกฟ้อง รับรองค่าตรวจไม่ได้ครั้งละ 400 อย่างที่โวยวายข้างบน คงเป็นครั้งละ 4000(เฉพาะค่าตรวจต่อครั้งอ่ะนะ) มากกว่า คงเกิดเหตุการณ์สภาพ ที่แบบ รักษากันทีหมดเนื้อหมดตัว เคสไหนไม่ให้ดู? ไม่ให้คุณดูคนเดียวรึป่าว ก็อย่างที่บอกข้างต้น เป็นใครมาจากไหนมาดู มีความรู้รึป่าว ดูไปก็ไปตีความผิดๆถูกๆ แล้วก็มาโวยวาย ไอ้โรคคิดไปเองเด๋วนี้มีกันเยอะเป็นกันเยอะ เพราะมีปัญหา มันก็โดนตรวจสอบด้วยแพทยสภา อยู่แล้ว ถ้าด้วยคำอธิบายข้างต้น แล้วยังอยากจะเปรียบเทียบกับอาชีพอื่นอีก ก็คงจนใจที่จะอธิบาย ในเมื่อตั้งต้นด้วยอคติ อยากจะเปรียบเทียบกับอาชีพอื่น แม้แต่หมอด้วยกันเอง แต่เชียวชาญกันคนละด้านเขายังไม่วิจารณ์กันเลยถ้าเขาไม่ได้มีความรู้ในด้านนั้นจริงๆ หรืออยู่ในสถานการณ์นั้นๆจริงๆ แม้แต่ตอนเอามาเปรียบเทียบกับอาชีพครู ก็ได้อธิบายไปแล้ว ยังหาว่าตะแบง ต้องไปตอบเรื่องเปรียบเทียบกับตำรวจอีก !!! ก็คนมันอคติ จะตอบยังไงมันก็อคติอยู่วันยันค่ำ!!! !!!อคติแบบไร้ความรู้ เหมือนคนตาบอดสองคนคุยกันถึงช้างทั้งๆที่ไม่เคยเห็นช้าง !!! ปล. นักการเมือง ก็หาเรื่องกิน กันเป็นปกติ FTA ==> เดือดร้อนเกษตรกร 30 บาท ==> เดือดร้อนหมอ ==> เดือดร้อนคนไข้ จากคุณ : น้องส้มเด็กดี เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 53 00:18:05

ความคิดเห็นที่ 77 ถ้าคุณจะคิดว่าผมอคติ มันก็ช่วยไม่ได้ล่ะครับแบบนี้ ถ้าคุณว่าผมวิจารย์แบบไม่มีความรู้ คุณก็ช่วยนำความรู้ที่คุณมีมาอธิบายสิครับ ไม่ใช่มีแต่บอกว่าคนอื่นไม่มีความรู้ ไม่มีสิทธิ์วิจารย์ แล้วคุณมีอะไรครับ? คุณอาจเป็นคนที่ตาบอดก็ได้ที่บอกว่าคนตาดีเห็นว่าเป็นช้าง เรื่องวิจารย์การเมืองอย่าลืมไปบอกให้สภากาแฟตามที่ต่างๆหยุดวิจารย์การเมืองนะครับ ห้องนี้คนไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน  technical fundamental ก็ยังวิจารย์หุ้นได้ คุณอย่าลืมไปตามให้หมดนะครับ ผมถามคำถามเดียว ทำไมถึงฟ้องหมอไม่ได้? การที่บอกว่าฟ้องหมอได้นี่ ถึงไม่มีความรู้เกี่ยวกับหมอก็คงจะทราบนะครับผมมีข้ออ้างอิงดังนี้ครับ เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ 2550 1.คุ้มครอง ส่งเสริม ขยายสิทธิและเสรีภาพ ของประชาชน 2.ลดการผูกขาดอำนาจรัฐ และเพิ่มอำนาจประชาชน 3.การเมืองมีความโปร่งใส มีคุณธรรม และจริยธรรม 4.ทำให้องค์กรตรวจสอบมีความอิสระ เข้มแข็ง และทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ การที่ฟ้องหมอได้นั้น เข้าข้อ 1. คุ้มครองสิทธิ์และเสรีภาพของประชาชนครับ ขอคำตอบที่มีเหตุผลนะครับ ไม่ใช่บอกว่าเสียกำลังใจ บลาๆ ผมจะดูว่าคนที่มีข้อมูล ไม่มีอคติ มีตรรกกะ จะตอบแบบไหนนี่แหละครับ และถ้าให้ดี ชี้ข้อความที่ผมมีอคติด้วยนะครับ ไม่ใช่เหมารวมหมด ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นการชี้ว่าคุณมีอคติกับผมมากกว่า จากคุณ : Metalloids เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 53 07:48:41

ความคิดเห็นที่ 78 เอาข่าวมาให้ดูครับ คนที่ร้องไปยังแพทยสภาแต่ไม่ได้รับการตอบสนอง สุดท้ายฟ้องร้องแล้วได้เงินชดเชย http://www.consumerthai.org/main/index.php?option=com_content&view=article&id=1230:2010-08-05-08-00-13&catid=20:2008-12-15-07-09-10&Itemid=67 เวปมูลนิธีเพื่อผู้บริโภคครับ มีความน่าเชื่อถือสูงแน่นอน ขอคำวิจารย์เคสนี้ด้วยครับ แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 53 08:00:29 แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 53 08:00:18 แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 53 07:58:39 แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 53 07:58:01 จากคุณ : Metalloids เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 53 07:57:08

ความคิดเห็นที่ 79 เอามาให้ดูอีกอันครับ อันนี้เป็นข่าวดังมาก คิดว่าหลายๆคนคงจำกันได้ http://www.waddeeja.com/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show&WBntype=1&Category=waddeejacom&thispage=1&No=1285369 ก็ไม่เข้าใจครับว่าไม่เคยดูข่าวพวกนี้หรืออย่างไร หรือคุณคิดว่าอย่างไรกับผลที่ออกมาเป็บแบบนี้ครับ จากคุณ : Metalloids เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 53 08:06:42

ความคิดเห็นที่ 80 คุณ  Metalloids   ผมวิจารณ์คุณนะ ว่าความคิดคุณนั้น คิดแต่จะเอาชนะ เอาเหตุผลของความคิดคุณเป็นใหญ่ แล้วที่คุณถามว่า ทำไมฟ้องหมอไม่ได้  ฟ้องได้ครับถ้าผู้ป่วยรายนั้นได้รับความเสียหาย อันเกิดจาก ความผิดพลาดของหมอโดยเจตนา หรือประมาท แต่ถ้าหมอเขาไม่มีเจตนาที่จะทำให้คนไข้เสียหาย ซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้น ก็ไม่ทราบว่าผู้ป่วยรายนั้นเกิดจากภายในร่างกายเขาเอง แล้วก็ไปฟ้องร้องว่าหมอทำผิด โดยยกแม่น้ำทั้งห้าของตน เพื่อประโยชน์ของตน หรือของผู้ป่วยหรือ เครื่องจักร เครื่องยนต์ หรือเครื่องใช้ทุกชนิด แต่ละชนิดมันมีหลักการอย่างเดียวกัน ขั้นตอนในการซ่อมหรือแก้ไข ก็จะเหมือนๆกัน ไม่แตกต่างกัน ผลที่ได้คือซ่อมแล้วใช้ได้  จะต่างกันตรงที่ฝีมือของช่างนั้นๆ ซึ่งจะใช้ได้ดีเหมือนเดิมขนาดไหน ก็อยู่ที่ความสามารถของช่าง เราก็ไม่เคยไปฟ้องร้องช่างว่าทำไม่ดี หรือทำให้เสียหายเมื่อนำกลับไปใช้ใหม่ แต่คน เครื่องเครา อวัยวะในร่างกายเหมือนกันก็จริง การใช้งานก็เหมือนกัน แต่ภูมิต้านทาน การรับสิ่งแปลกปลอมจากภายนอกไม่เหมือนกัน ขีดความรู้ความสามารถของหมอแต่ละท่านก็ไม่เหมือนกัน ในบางครั้งเราไปโรงพยาบาล หมอที่รักษาเราไม่มั่นใจหรือไม่แน่ใจ ก็จะบอกให้พยาบาลไปตามอาจารย์หมอ หรือหมอที่เชี่ยวชาญสาขานั้นๆมาช่วยดู เคสที่หนักหนาสาหัสมากๆ หมอหลายๆหมอต้องมานั่งประชุมปรึกษาหารือ ว่าจะรักษาอย่างไร แต่หมอรักษา แล้ว ผู้ป่วยเกิดตายขึ้นมา แล้ว ญาติไปฟ้องหมอ  ผมถามว่ามันถูกต้องแล้วหรือ ในโรงพยาบาลของรัฐนั้น เขาช่วยประชาชน ช่วยเหลือผู้ป่วย แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย สวัสดิการที่มีให้มา มาช่วยอยู่แล้ว เราเข้าไปรักษาที่โรงพยาบาลของรัฐ  หมอเขาก็รักษาให้เรา เรามีตังค์ไม่พอจ่าย หรือไม่มีตังค์จ่าย หมอเขาก็ไม่มาว่าเราหรอก เพราะเดี๋ยวเจ้าหน้าที่จะมาสอบถามเรา แล้วก็พาเราไปหาประชาสงเคราห์ เพื่อช่วยเหลือเรา เพราะฉะนั้นการที่เราไปฟ้องหมอ  โดยเอาความคิดเห็นของเรามาเป็นที่ตั้ง ผมถามว่ามันถูกต้องแล้วหรือ หมายเหตุ เปลี่ยนสรรพนาม เพื่อมิได้ว่า เจาะจงเป็นผู้ใด ให้หมายถึงผู้เสียหายหรือญาติผู้เสียหาย แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 53 06:49:11 แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 53 13:36:24 แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 53 13:30:23 จากคุณ : นายไทยไฝ่รู้ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 53 08:47:25

ความคิดเห็นที่ 81 ของใช้ เครื่องใช้ไม้สอย เครื่องจักรต่างๆ เวลาเสีย สามารถซ่อมให้กลับมาเหมือนเดิมได้ ยกเว้นของเฉพาะอย่าง ไม่มีอะหลั่ย ตกยุคเลิกผลิตไปแล้ว แต่คนนั้นมีอยู่ 3 อย่าง 1. รักษาก็หาย ไม่รักษาก็หาย (หายเองได้) 2. รักษาก็หาย ไม่รักษาก็ตาย (หรือไม่ก็พิการไปตลอดชีวิต) 3. รักษาก็ตาย ไม่รักษาก็ตาย จากคุณ : นายไทยไฝ่รู้ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 53 09:14:41

ความคิดเห็นที่ 82 คุณนายไทยไฝ่รู้ครับ แล้วการแบ่งแยกว่าหมอทำผิดโดยเจตนาหรือไม่นั้น คุณแยกอย่างไรครับ หากรักษาถูกต้องตามหลักวิชาการแพทย์ แล้วคนไข้ตาย หากเป็นผม ผมก็ไม่คิดว่าจะไปฟ้องร้องแต่ประการใด แต่หากผิดโดยประมาท เจตนา ก็ต้องว่าไปตามกฎหมาย ส่วนที่คุณบอกว่า แล้วคุณไปฟ้องหมอว่าทำผิด โดยยกแม่น้ำทั้งห้าของคุณ เพื่อประโยชน์ของคุณหรือของผู้ป่วยหรือ 1.ผมยังไม่เคยฟ้อง และยังไม่ได้จะฟ้องหมอคนไหนหรือคุณนะครับ 2.หากยกแม่น้ำทั้ง5มา ศาลท่านคงไม่รับพิจรณาตั้งแต่ไปยื่นฟ้องแล้วล่ะครับ และใครจะไปว่างยกแม่น้ำทั้ง5ไปฟ้องศาล ทั้งๆที่การฟ้องโดยไม่มีมูล ไม่มีหลักฐานใดๆ ก็ต้องแพ้อยู่แล้ว คุณกลับไปดูความเห็นทุกความเห็นของผมนะครับ มีความเห็นไหนที่ผมพยายามยกแม่น้ำทั้ง5มาเพื่อไปฟ้องหมอ มีแต่ผมบอกว่าหมอเป็นบุคคลที่ฟ้องได้เหมือนอาชีพทุกอาชีพ ก็เท่านั้นล่ะครับ ขอให้อ่านก็ค่อยมาตีให้แตกนะครับ ส่วนการเถียงกันโดยเอาความคิดของผมเป็นใหญ่นั้น เวลาคนเราพูดคุยกัน ก็ต้องใช้ความคิดตัวเองมาคุยกัน ผมก็มีเหตุผลของผม คุณก็มีเหตุผลของคุณ ก็ต้องยกเหตุผลของตัวเองมาคุยกันสิครับ คุณก็เหมือนคุณน้องส้มเด็กดี  ครับ ที่พยายามบอกว่า คห.ผมเป็นแบบนี้แบบนั้น อย่างนั้นก็ช่วยรบกวนยกคห.ที่ผมชักแม่น้ำทั้ง5มาให้ดูนะครับ และบอกด้วยว่ามันไม่สมเหตุสมผลอย่างไร ถ้าให้ผมวิจารย์ความเห็นทุกความเห็นของคุณข้างต้น คห.ของคุณก็มีแต่บอกว่า หมอเป็นผู้เสียสละ อย่าไปทำลายขวัญกำลังใจหมอ แต่คุณอย่าลืมว่า สังคมทุกสังคม มีทั้งคนดีและคนไม่ดี หมอส่วนใหญ่ก็เป็นคนดี มีความเสียสละ เช่นเดียวกับในทุกอาชีพ แต่ก็มีคนไม่ดีเช่นกัน หรือคุณจะปล่อยให้คนไม่ดีลอยนวลครับ แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 53 10:02:41 แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 53 09:59:34 จากคุณ : Metalloids เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 53 09:58:23

ความคิดเห็นที่ 83 ข้อความเดิม ใน คห.80 ที่นำไปแก้ไข สรรพนาม จากคุณ : นายไทยไฝ่รู้ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 53 13:42:32