|
ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาสูงมากนับจากต้นปีได้แก่ TRUBB เพิ่มขึ้น 528%
|
|
บทวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส ล่าสุดระบุว่า ดัชนีหุ้นไทยจะมาสุดทางที่ 880 จุด และน่าจะปรับฐานลงสู่ 840 จุด ในช่วง 1-2 สัปดาห์ นับจากนี้
เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ที่คาดจะเกิดอีกครั้ง 23 ส.ค.นี้ ซึ่งดอกเบี้ยขาขึ้นจะมีผลกระทบเชิงลบต่อตลาดหุ้นล่วงหน้า 2-3 สัปดาห์ ก่อนการประกาศขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย
ส่วนการรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 จะเสร็จสิ้นสัปดาห์หน้า
ขณะที่ราคาหุ้นหลายกลุ่มได้สะท้อนเรื่องนี้ไปแล้ว และราคาหุ้นส่วนใหญ่เข้าใกล้ราคาเหมาะสม (Fair Value) ของปี 53 บางตัวราคาสูงเกินพื้นฐานไปแล้ว
จึงแนะกลยุทธ์ให้ทยอยขายเพื่อปรับพอร์ตใหม่ เริ่มจากหุ้นที่ราคาปรับตัวขึ้นมาสูงมากนับจากต้นปี ได้แก่ STA เพิ่มขึ้น 373%, CPF เพิ่มขึ้น 118.42%, SPALI เพิ่มขึ้น 105%, TRUE เพิ่มขึ้น 101%, TUF เพิ่มขึ้น 74%, SF เพิ่มขึ้น 66%, IHL เพิ่มขึ้น 62%, CFRESH เพิ่มขึ้น 50%, SPPT เพิ่มขึ้น 50%, SVI เพิ่มขึ้น 40% และ PS เพิ่มขึ้น 38%
รวมทั้งให้ทยอยขายปรับพอร์ตหุ้นที่ราคาเต็มมูลค่าแล้ว ได้แก่ MCOT, BEC, AP, LPN, PF และ JAS!!
และขายหุ้นที่ได้รับผลลบจากเงินบาทแข็งค่า เช่น กลุ่มส่งออก ซึ่งราคาปรับขึ้นแรงตั้งแต่ต้นปี เช่น TRUBB เพิ่มขึ้น 528%, STA เพิ่มขึ้น 386%, GFPT เพิ่มขึ้น 149%, CPF เพิ่มขึ้น 123%, HTC เพิ่มขึ้น 118%, SSC เพิ่มขึ้น 116%, UFM 81%, TUF 78%, CFRESH 50%, SMT 100%, DELTA 50%, SPPT 49% และ SVI เพิ่มขึ้น 43%
จากนั้นให้นำเงินที่ได้จากการขายมาพักในหุ้นขนาดกลางและเล็ก ที่มีแนวโน้มธุรกิจฟื้นตัวตามฤดูกาล เช่น ช่วงปลายปีถึงต้นปี ต่างชาติมักเดินทางมาเที่ยวไทยจำนวนมาก ดีต่อธุรกิจโรงแรม (MINT) โรงพยาบาล (BH) และค้าปลีกที่ขายอาหารให้โรงแรม (MAKRO)
รวมทั้งให้โยกเงินมาไว้ในหุ้นที่มีอัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น (PER) และราคาต่อมูลค่าทางบัญชี (PBV) ต่ำ เช่น SYNTEC หรือกลุ่มที่มีปันผลสูง 4% หรือสูงกว่า 5% ต่อปี
ดังนี้ PHATRA คาดจะจ่าย 0.80 บาทต่อหุ้น, ADVANC จ่าย 3 บาทต่อหุ้น ขึ้น XD 17 ส.ค.นี้, MK คาดจ่าย 0.10 บาทต่อหุ้น, BCP คาดจะจ่าย 0.45 บาทต่อหุ้น และ GLOW คาดจะจ่าย 1 บาทต่อหุ้น!!
อินเด็กซ์ 51
http://www.thairath.co.th/column/eco/stock/103464
จากคุณ |
:
C_yada
|
เขียนเมื่อ |
:
14 ส.ค. 53 13:27:00
|
|
|
| |