|
ความคิดเห็นที่ 7 |
หลายท่านก็ตอบไปแล้ว ผมมาเสริมละกัน
ข้อ3. ไม่แน่ครับ ขึ้นกับ profile ของแต่ละคน บางคนที่มีภาระเยอะ เช่น ต้องเลี้ยงลูกเลี้ยงเมีย ต้องผ่อนบ้านผ่อนรถ เป็นเสาหลักของครอบครัว เป็นรายได้ทางเดียวของทางบ้าน ... อันนี้ทางเลือกที่ดีสุดอาจจะไม่ใช่การออม 15 ปี แต่เป็นการทำประกันแบบตลอดชีพที่มีวงเงินความคุ้มครองค่อนข้างสูงแทนครับ
4. ไม่ต้องรอหายสาบสูญครับ วันนี้คุณก็สามารถติดต่อเองได้เลยครับ
5. ถ้าเป็นค่ารักษาพยาบาล จะเบิกได้ไม่เกินวงเงินประกันของแต่ละกรมธรรม์ และรวมกันทั้งหมดไม่เกินค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นจริงครับ
7. เงินชดเชย อันนี้ได้เต็มๆของแต่ละกรมธรรม์โดยไม่สนใจค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นจริงครับ
Ex. ทำประกันกับ... - บริษัท ก. แบบสะสมทรัพย์ 10 ปี ทุนประกันภัยหลัก 500,000 มีอนุสัญญาประกันอุบัติเหตุอีก 200,000 บาท อนุสัญญาประกันสุขภาพเข้ารับการรักษาได้ครั้งละไม่เกิน 20,000 บาท มีเงินชดเชยกรณีเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลอีก 2,000 บาทต่อคืน และต่อเนื่องได้ไม่เกินครั้งละ 5 คืน - บริษัท ข. แบบตลอดชีพ ทุนประกันภัยหลัก 1,000,000 มีอนุสัญญาประกันสุขภาพเข้ารับการรักษาได้ครั้งละไม่เกิน 50,000 บาท มีเงินชดเชยกรณีเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลอีก 5,000 บาทต่อคืนและต่อเนื่องได้ไม่เกินเดือนละ 15 คืน
- ถ้าหากเจ็บป่วยเสียชีวิตจะได้ = 500,000 + 1,000,000 - ถ้าเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตจะได้ = 500,000 + 200,000 + 1,000,000 - ถ้าหากเจ็บป่วยเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและเครมได้เต็มวงเงินความคุ้มครอง ค่ารักษารวม 35,000 บาท นอนร.พ.2คืน จะได้เงินชดเชย = (2,000 x 2) + (5,000 x 2) ส่วนค่ารักษาพยาบาลไม่ต้องเสียเพราะบริษัท ก. จะจ่ายให้ 20,000 แล้วบริษัท ข. จะจ่ายให้อีก 15,000 - ถ้าหากเจ็บป่วยเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและเครมได้เต็มวงเงินความคุ้มครอง ค่ารักษารวม 120,000 บาท นอนร.พ.7คืน จะได้เงินชดเชย = (2,000 x 5) + (5,000 x 7) ส่วนค่ารักษาพยาบาลต้องจ่ายเพิ่มอีก = 120,000 - (20,000 จากบริษัท ก.) - (50,000 จากบริษัท ข.)
ปล.ตัวอย่างสมมุติให้เห็นภาพเฉยๆนะครับ อาจไม่ตรงเงื่อนไขความจริงเท่าไหร่
จากคุณ |
:
Kojorn
|
เขียนเมื่อ |
:
23 ส.ค. 53 14:24:18
|
|
|
|
|