ความคิดเห็นที่ 1 ขอบคุณครับสำหรับบทความดีไครับ จากคุณ : yai-cho เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 08:10:06

ความคิดเห็นที่ 2 เงินซื้อความสุขไม่ได้ แต่ความสะดวกสบายปัจจัยเสริมต่างๆในการดำรงชีวิตจะง่ายขึ้นถ้ามีเงิน ถ้ากำหนดเป็นตัวเลข  ผลตอบแทนที่จะทำให้ผมและครอบครัวมี อิสรภาพทางการเงินได้ คงต้องมีพอร์ทลงทุนราวๆ 100ล้านบาท จากคุณ : jek ae เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 08:13:15

ความคิดเห็นที่ 3 เข้ามาขอบคุณครับ.. เงินที่เราสะสมไว้ชั่วชีวิต ในนาทีสุดท้ายก่อนเราจะตาย มันก็ไม่มีความหมายอะไรแล้ว เหมือนเกมเศรษฐีที่เราเล่นเสร็จแล้ว.. เอาติดตัวไปไม่ได้ เอาไปใช้ในชาติหน้าก็ไม่ได้.. เกิดใหม่มาเบิกเงินก็คงไม่มีธนาคารที่ไหนยอมให้เราเบิกแน่ๆ.. ... ^_^ จากคุณ : นายแว่นธรรมดา เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 08:33:18

ความคิดเห็นที่ 4 ส่วนตัวขาหมูคิดว่า 10 ล้านบาทก็พอคะ ลงทุนหุ้นปันผล 10% 5ล้าน ได้มาปีละ 5 แสน อีกห้าล้านลงทุนเล่นหุ้นอืน ๆ ได้มาอย่างน้อย 10% ต่อปี ก็ได้มาอีก 5 แสน ตกปีหนึ่ง 1 ล้านบาท แค่นี้ก็พอกินพอใช้ พอเที่ยว อยู่สบาย แบ่งส่วนหนึ่งไปทำบุญ หากเหลือก็ทำธุรกิจเล็กน้อย อยู่กับบ้าน กับครอบครัว ไม่ต้องอยากมีอยากได้มาก ^_^ จากคุณ : ขาหมู (Ooh 1234) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 08:34:02

ความคิดเห็นที่ 5 ที่ผมเชื่อว่า จำนวนเงินที่เรียกว่าอิสรภาพทางการเงิน กำหนดเป็นตัวเลขแน่นอนไม่ได้ ก็เพราะว่า   ปัจจัยพื้นฐานของแต่ละคนไม่เท่ากัน เอาง่ายๆก็แค่ มีคนกี่คนที่ต้องพึ่งพาเงินของเรา   ถ้ามีจำนวนคนที่ต้องพึ่งพาเงินเรามาก   ตัวเลขอิสรภาพทางการเงิน  ก็ต้องสูงกว่าจำนวนคนพึ่งพาเงินเราน้อย จำนวนเงินที่ต้องการใช้จ่าย เพื่อดำรงความสะดวกสบายทางร่างกาย ก็ไม่มีใครกำหนดได้  นอกจากตัวเราเอง ทำไมคนบางคนกินข้าววันละมื้อ ถึงมีความสุขทางใจมากกว่าคนกินเหลาทุกมื้อ ? จำนวนเงินที่ต้องหมดไปกับการดูแลสุขภาพกายในอนาคตจะเป็นเท่าไร เรื่องดูแลสุขภาพกาย  บางครั้งเป็นเรื่องที่ใหญ่มากๆแบบคาดไม่ถึง บางคนถึงขั้นเป็นโศกนาฏกรรมของครอบครัว ที่เงินทั้งหมด  หมดไปกับการรักษาความเจ็บป่วยเรื้อรัง จนสุขภาพกาย สุขภาพจิตของคนทั้งบ้าน พังทะลายไปตามความเจ็บป่วยเรื้อรังของคนในบ้าน จะว่าไปแล้ว  จำนวนเงินที่เรียกว่าอิสรภาพทางการเงิน คงแล้วแต่กิเลสของแต่ละคน กำหนดขึ้นมา ไม่งั้นคงไม่มีคำที่เขาว่า "จนเพราะไม่มี  แก้ไขได้ จนเพราะไม่รู้จักพอ  แก้ไขยากมาก" สำหรับผม  อิสรภาพทางเงินคงอยู่ที่.....บาท และอยู่ที่  การได้เสียชีวิตไปอย่างสงบ โดยไม่หมดเงินไปกับการต้องดูแลชีวิตที่ต้องเจ็บป่วยอย่างเรื้อรังยาวนาน ถึงที่สุดแล้ว มนุษย์ทุกคนล้วนแล้วแต่   มีกรรมเป็นของตัวเองจริงๆ และตัวเราเอง  ก็มีส่่วนร่วมในการกำหนดกรรมนั้นขึ้นมา จากการกระทำของเราเอง   มันอาจจะเหมือนกับการกระทำ  ที่เราได้ทำไว้กับหุ้นแต่ละตัว บางทีชีวิตถึงเลือกได้  ก็ยังเลือกทางที่ไม่สมควรไป และบางที ถึงชีวิตจะไม่มีทางเลือก   ก็เลือกอยู่กับมันได้ อย่างยอมรับและมีความสุขตามอัตภาพ @ แก้ไขเมื่อ 24 ส.ค. 53 08:07:12 แก้ไขเมื่อ 23 ส.ค. 53 10:18:23 แก้ไขเมื่อ 23 ส.ค. 53 08:42:29 แก้ไขเมื่อ 23 ส.ค. 53 08:38:00 จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 08:36:05

ความคิดเห็นที่ 6 สุขภาพดีก็ต้องลงทุน ใช่มั๊ยครับ ลงทุนไปสวนลุมอย่างนี้ สุขภาพร่างกายดีแน่นอน แถมหุ้นเย็นๆ อีก สุขภาพการเงินยิ่งดีไปใหญ่ รับเนื้อ ๆ หลายเด้งเลย จากคุณ : gongort2 เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 08:40:28

ความคิดเห็นที่ 7 คำว่า...เงิน  เกินบรรยาย  ได้ทั้งหมด เพราะมีกฎ   ไม่กำกับ  นับไม่ไหว ความต้องการ  ของคน  บนสิ่งใด ความพอใจ  การซื้อหา  ตีค่าจอง ต้องดิ้นรน  ค้นหา  เงินตรานั่น บนทางฝัน  อิสระ  จะจับต้อง ขุดหุ้นดี  ตีหุ้นแห่  กระแสจอง การทดลอง  ลงทุน  ซื้อหุ้นมา วาดภาพสวย  ปานวิมาน  ดูหวานหยด อนาคต  ต้องสมมาด  ปราถนา เมื่อมีเงิน  ความสุขใจ  จึงได้มา หุ้นที่พา  ขึ้นสวรรค์  นั้นมีจริง รูปภาพประกอบ  โดยคุณปลิงไทย จากคุณ : ผู้เขียน สุโค่ยอิอิ (P_ปรัชญา) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 08:41:43

ความคิดเห็นที่ 8 คุณ gongort   บางทีสุขภาพใจกับสุขภาพกาย ถ้าร่วมทางกันเดินอย่างสร้างสรรค์ไม่ได้ ก็ต้องยอม  แยกทางกันเดินอย่างสร้างสรรค์แทน คือสุขภาพร่างกายของเรา   เสื่อมไปตามอายุก็ยอมต้องรับสภาพ และพยายามทำให้สุขภาพร่างกาย  ที่ไม่สามารถดีเหมือนเดิมแล้ว เดินคู่ขนานกับห่างๆ  ไปกับสุขภาพใจที่ยังดีอยู่ให้ได้ ไม่งั้น   สุขภาพกายกับสุขภาพใจของเรา ไม่ร่วมทางกันอย่างทำลายล้างชีวิตเรา ก็แยกทางกันเดินอย่างทำลายล้าง คุณขาหมู ไม่แน่ใจว่า   ได้รวมตัวเลขที่ต้องดูแลสุขภาพกายในอนาคตเข้าไปด้วยหรือเปล่า ? @ แก้ไขเมื่อ 23 ส.ค. 53 08:50:15 จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 08:47:51

ความคิดเห็นที่ 9 ขอยกเอาพระพุทธพจน์มาอ้างถึง (ปล.ถ้าผิดพลาดประการใด ขอน้อมรับไว้เพียงผู้เดียว) พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสถึง"ความสุขอันแท้จริง"เอาไว้ว่า "สุขใดยิ่งกว่าความสงบเป็นไม่มี" อันหมายถึง "สงบสุข"หรือ "อยู่เย็นเป็นสุข" มีสันติในใจ สะอาด สว่าง สงบ มีศีล แปลว่า ศิลา คือ หนักแน่น มั่นค ง ไม่หวั่นไหวต่อสิ่งเร้าภายนอก ที่มากระทบ ไม่หวั่นไหวต่อความบีบคั้น กระหายในความอยากได้ อยากมี อยากเป็น อ้างจาก.. http://board.palungjit.com/ จากคุณ : teeranet เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 08:52:32

ความคิดเห็นที่ 10 Greetings to all from Wooster, Ohio!! Can I say that one's financial freedom depends on one's life style and how much one really needs and not how much one wants? NEED for financial freedom can be a much smaller amount than WANT. NEED is something necessary and once it is fulfilled, it is sufficient, but WANT is something beyond our NEED and it is never ending!! If we focus our financial freedom on how much we NEED than on how much we WANT, we would find life more beautiful and happy to live!! I am not looking for a greater financial freedom as most of my basic NEED for survival is fulfilled, and I am grateful that I have no WANT for anything else in life!! It is hard to believe, but it is true!! จากคุณ : ยากแท้หยั่งถึง เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 09:00:06

ความคิดเห็นที่ 11 ของผม คือ มีกินมีใช้แม้ไม่ทำงาน ไม่ได้วางแผนขี้เกียจสันหลังยาวนะแต่อยากทำเล็กน้อยก็อยู่ได้ มีเวลาดูงานศิลปะ อ่านวรรณกรรม ท่องเที่ยว ทำงานสังคม ตอนนี้เก็บเงิน ลงทุน จ่ายประกันให้ครอบคลุมเรื่องหลักๆไว้ อีก 10 ปีก็อายุ 45 จะออกจากงานครับ ช่วงนั้นคงกำลังรุ่งเรืองเงินเดือนมากกว่าหกหลักแน่นอน แต่ตั้งใจว่าจะตัดใจออกมาเดินตามแผนที่วางไว้ จากคุณ : nomeny เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 09:00:50

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณครับ ตัวผมก็ตั้งใจว่าถ้า แก่ไปแล้วเป็นโรคอะไรที่เรื้อรัง ขอยอมตายไวๆดีกว่าๆ  ทุกวันนี้ก็ใช้ชีวิตให้คุ้มค่า แบบที่ว่าตายไปแล้วก็ไม่เสียดาย   ปล. อยากไปหิมาลัยสักครั้งแฮะ  >< จากคุณ : ภูมิทัศน์ เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 09:07:43

ความคิดเห็นที่ 13 ... ปลิงตีความว่า คือการมีทรัพย์สิน เช่น บ้านให้เช่า หอพัก หรือที่ดินให้เช่า โดยเราจ้างนิติบุคคลจัดการให้ เราไม่ต้องจัดการเอง หรือมีเงินสดฝากไว้ในบัญชีประจำมาก ๆ จนทำให้ดอกเบี้ยมากพอที่จะเลี้ยงตัวเราและครอบครัวเราได้โดยไม่ต้องทำงาน หรือมีหุ้นที่สามารถปันผลได้มากพอที่จะใช้จ่ายตามความต้องการ หรือมีบริษัทใหญ่ ๆ เป็นของตัวเองแล้วจ้างผู้บริหารเก่ง ๆ จัดการให้ หรือสรุปง่าย ๆ คือ เจ็ดหมื่นจ๋ามพันล้าน พองับ... แบ่ร แบ่ร จากคุณ : ปลิงไทยก้าวไกลไประดับโลก เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 09:09:44

ความคิดเห็นที่ 14 อิสระภาพทางการเงิน ขึ้นอยู่กับอิสระภาพทางใจของแต่ละบุคคล ถ้าใจยอมรับสภาพความเป็นจริงได้ ก็จะกำหนดจำนวนเงินที่อยาก มีอิสระได้ แต่ถ้าใจยังวิ่งวุ่นอยากได้อยากมีไปเรื่อยๆ ไม่ยอมรับว่าบางสิ่ง เรากำหนดไม่ได้ มีเท่าไหร่ๆ ก็ไม่พอคะ เฮียเอ็นโดฟิน จากคุณ : แมวเหนือ เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 09:18:52

ความคิดเห็นที่ 15 เท้่าไหร่นี่ตีไม่ค่อยถูกเลยครับ แต่ตอนนี้อยู่อย่างสบายใจนิดๆ คิดว่าอีก1ปีน่าจะพอใจแล้ว กินเหลาแพงๆ ท้องเสียกลับมา บางทีสู้กินข้าวผัดตามร้านอาหารตามสั่งยังไม่ได้เลย เรื่องสุขภาพนี่คนที่ยังไม่เคยเป็นอะไร จะไม่รู้สึกเลยว่าทำไมเขาถึงกล่าวกันว่า ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ จากคุณ : โหวตให้ครับ (ฮะ ว่าไงนะ) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 09:21:45

ความคิดเห็นที่ 16 โหวตให้ครับ จากคุณ : จ่าโชว์ ปอร์เช่ (yai-cho) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 09:24:52

ความคิดเห็นที่ 17 น้าคลายเครียดคะ ถ้าพูดถึงค่าใช้จ่ายส่วนตัว หนูขอแค่ลงทุนหุ้นและได้รับปันผล + capital gain ซักปีละ 1 ล้านก็คงอยู่ได้แบบสบาย ๆ แต่อันนี้ไม่นับเรื่องเงินที่ต้องให้ลูกเป็นค่าเล่าเรียน ฯลฯ และเรื่องเงินที่ต้องใช้จ่ายยามเจ็บป่วยค่ะ จากคุณ : หวานใจกัปตัน เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 09:29:18

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณทุกๆท่าน  ที่เข้ามาร่วมกันออกความเห็นครับ ขอแซวคุณยากแท้หยั่งถึง ภาษาอังกฤษกับหน้าตา   ร่วมทางกันเดินอย่างสร้างสรรค์จริงๆ คือ  ดีเยี่ยมทั้งคู่ @ จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 09:31:56

ความคิดเห็นที่ 19 #18 Jarkkkkkkkkkkkkkkkkk!! Pai Aeb copy ma jark kratoo nai ahhhh!! จากคุณ : ยากแท้หยั่งถึง เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 09:35:39

ความคิดเห็นที่ 20 ว่าที่กระทู้แนะนำ กท.แรก ของสัปดาห์ ช่วงหลังที่ติดตาม กท.เฮียเอ็นโดฯ นอกจากจะมีกลอนดีๆแฝงความหมาย ให้ได้คิดของ จขกท.แล้ว ยังได้เจอยอดฝีมือที่เร้นกายอยู่ อย่างเฮีย P_ ปรัชญา ออกมาร่ายกลอนเพราะๆ ให้ได้เบิกบานแก่สายตากันอีกด้วย จากคุณ : ริชแมน เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 09:44:28

ความคิดเห็นที่ 21 รูป #18 เป็นพรีเซ้นเตอร์เครื่องดื่มยี่ห้ออะไรคัรบ จากคุณ : ohlalla เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 09:48:32

ความคิดเห็นที่ 22 khun  yark tae yung  tueng phom pai  koppy  ma  jark  kratoo   khun sukiang  krub @ จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 09:52:23

ความคิดเห็นที่ 23 ขอถือโอกาสแซวคุณซูน้อย พอดีเห็นชื่อจากกิฟว์ คอยโกโดท์   โกโดท์ยังไม่มาหรือครับ หยุดตั้งกระทู้ไปนานเลย @ จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 09:56:46

ความคิดเห็นที่ 24 #22 Dai kor anuyart Khun Sukiang rue yang ah? จากคุณ : ยากแท้หยั่งถึง เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 09:58:23

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณทุกๆความคิดดีๆครับ โหวตแล้วครับ จากคุณ : อมหุ้นแล้วยิ้ม เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 10:03:24

ความคิดเห็นที่ 26 สวัสดีครับ เฮียเอ็นโด เฮียปรัชญา และทุกท่านครับ.. ขอบคุณทุกความเห็นดีดีครับ จากคุณ : ธราธิป เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 10:18:18

ความคิดเห็นที่ 27 พี่ยากแท้ฯ ท่าทางชอบดื่ม Sprite นะคร้าบ นึกถึงสโลแกน.. "ฉันชอบ Sprite ในตัวเธอ!" จากคุณ : zylinz เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 10:21:18

ความคิดเห็นที่ 28 คลายเครียดเรโช >= 1 ตอนนี้ผมทำได้แค่ 0.2 เอง ... จากคุณ : หมึกสด เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 10:36:04

ความคิดเห็นที่ 29 #21 & 27 Maaaaiiii chaaaiiii Saaa Paaiiiii tae pen v v จากคุณ : ยากแท้หยั่งถึง เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 10:39:27

ความคิดเห็นที่ 31 โอ้แม่เจ้า... I don't like mountain now. จากคุณ : ohlalla เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 11:00:52

ความคิดเห็นที่ 32 ฟังนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์เงินเดือนเป็นแสนบาท ยังผ่อนรถยนต์ ฯลฯ (ความจริงมีสมบัติที่พ่อให้เป็นร้อยล้าน)  ทำให้ห่วงประเทศไทย  นักกินเมือง อีกจำนวนมากไม่ได้อยู่ในสถานะเดียวกับท่านมีมากมาย  แล้วผมจะเชื่อ อย่างไร?  เงินไม่มีอำนาจในบ้านเมืองเรา  เข้ามาบริหารจึงหาทางแดกซ์ทุก ทางเพื่อครองอำนาจให้นาน ๆ เพราะต้องใช้เงินซื้อ   สมัยก่อนข้าราชการมีเกีบรติยศเกียรติศักดิ์ เป็นขุน หลวง พระยา กว่า จะได้รับสายสะพายสักเส้นก็แสนยาก  แต่ปัจจุบันเป็นอย่างไร?   สรุป  ในสภาพทุกวันนี้  อิสรภาพทางการเงินของคนส่วนใหญ่ที่ต้อง ดำรงชีวิตอยู่ในสังคมที่ต้องข้องแวะกับคนจึงไม่มีเพราะมันไม่รู้จักพอ ยิ่งมีมากเท่าไหร่  ยิ่งดี จากคุณ : jinvet เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 11:17:52

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบคุณทุกๆท่านที่ช่วยโหวต และออกความเห็นอีกครั้งครับ ขอบคุณล่วงหน้า  สำหรับท่านที่มีความเห็นเพิ่มเติมด้วยครับ คุณยากแท้หยั่งถึง อ่านแล้วงงๆนะ   ภาพนั้นคุณยากแท้หยั่งถึงเป็นคนส่งลงกระทู้เอง ถ้าจะขอ  ก็ต้องขอกับเจ้าของภาพซิครับ งั้นขออนุญาตย้อนหลังก็แล้วกัน @ จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 12:28:30

ความคิดเห็นที่ 34 ชอบคำนี้ครับ จนเพราะไม่มีเงิน ยังแก้ไขได้ จนเพราะไม่รู้จักพอ ยังไงก็แก้ไขไม่ได้จริงๆๆ จากคุณ : view2306 เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 12:45:56

ความคิดเห็นที่ 35 บางครั้งคนชอบให้เงิน เป็นตัวกำหนดชีวิตตนเอง ทำไมไม่ให้ชีวิตตนเอง เป็นตัวกำหนดการใช้เงิน ใช้จ่ายอย่างพอเพียงเท่าที่กำลังตัวเองจะหาได้ นั่นก็เป็นอิสระทางการเงินอย่างหนึ่งเหมือนกัน จากคุณ : Big cap only เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 13:01:48

ความคิดเห็นที่ 36 หวัดดีครับเฮีย แวะเข้ามาให้กิฟ อิสระภาพทางการเงิน มันไม่เท่ากัน อย่างที่ว่าจริงด้วยครับ แล้วมันก็เป็นตัวเลขที่ไม่แน่นอน บางทีเราอาจจะคิดว่าเท่านี้พอ แต่บางครั้ง คนที่พึ่งพีงเรามันมีโอกาสที่จะปรับฐานได้ตลอดเวลา บางทีก็เพิ่ม บางทีก็ลด เห็นวัยรุ่น นักลงทุนหลายๆท่านเริ่มคิดว่า ตัวเองจะออกมาเป็นนักลงทุน ฟูลไทม์ ในช่วงตลาดกระทิงนี้ก็พาลให้เป็นห่วงว่า คำนวณ เรื่องพวกนี้ อย่างรอบคอบแล้วหรือยัง อีกเรื่องที่เกี่ยวกับอิสระภาพ ทางการเงินที่คนชอบเข้าใจผิดก็คือ การมี อิรสระทางกาารเงิน หมายถึง การไม่ต้องทำอะไรแล้ว ซึ่งเป็นความเข้า ใจที่ผิด จริงๆ ผมว่า คนทุกคน ต้องทำงานไปจนตายแหละครับ งานคือชีวิต ชีวิตคืองาน บันดาลสุข จะรวยจะจนก็ยังต้องทำงานครับ เพียงแต่ ทางเลือกของการทำงานนั้นมันจะกว้างขึ้นกว่า ตอนยังไม่มี อิสระภาพทางการเงินครับ จากคุณ : Joga Bonito เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 13:11:11

ความคิดเห็นที่ 37 5ล้าน จากคุณ : neetnoskub เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 13:25:28

ความคิดเห็นที่ 38 #33 Khun endophine Sorry for the confusion!! I was just kidding. Lor Lenggggggg Ahhhh!!                       Removed photo แก้ไขเมื่อ 24 ส.ค. 53 10:49:58 จากคุณ : ยากแท้หยั่งถึง เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 13:38:02

ความคิดเห็นที่ 39 นี่ถ้าเห็นแต่รูปใส่แว่นจะนึกว่าพี่ฉอด จากคุณ : ohlalla เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 13:50:29

ความคิดเห็นที่ 40 . จากคุณ : ยากแท้หยั่งถึง เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 14:00:09

ความคิดเห็นที่ 41 ทรัพย์สินที่ผมมีรวมๆ กันแล้วถ้าจะซื้อบ้านเดี่ยวในกรุงเทพสมัยนี้ก็คงไม่พอ เลยพาครอบครัวย้ายมาอยู่ต่างจังหวัดแทน ดาวน์บ้านไปครึ่งหลัง อีกครึ่งผ่อนระยะยาวหลักพันสบายๆ มีบ้านมีรถในแบบพอเพียง แถวบ้านมีทะเล วันไหนไม่มีกินคงพอตกปลากินเป็นอาหารได้ เมื่อวานก็ได้มาหม้อหนึ่ง กับข้าวกับปลาแถวนี้จริงๆ แล้วก็ไม่ได้แพงอะไรนักเพราะอยู่นอกเมือง อยู่ที่เราจะเลือกใช้ชีวิตแบบไหน มีทาวน์เฮ้าส์เล็กๆ ในกรุงเทพผ่อนเกือบหมดแล้ว ปล่อยเช่า สมมติว่าเป็นกองทุนเพื่อการศึกษาของลูกตัวเอง ยกค่าเช่าเป็นค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของลูก 3 คน ที่ตอนนี้เรียนป.ตรีปีสุดท้าย ประถม 5 และคนเล็กที่เพิ่งอายุ 6 เดือน ถึงผมไม่อยู่ คิดว่าคนข้างหลังคงดูแลกันจนเจ้าตัวเล็กเรียนจบได้ น้องที่เป็นลูกฝั่งแม่ ผมก็ส่งเขาเรียนมาเกือบสิบปีแล้ว บอกบ่อยๆ ว่า ถ้าจะตอบแทนพี่ ก็ให้ดูแลแม่ด้วย พี่จะได้เบาภาระลง น้องฝั่งพ่อทำงานแล้ว อยากผ่อนรถ วันก่อนเลยยกคันเล็กของที่บ้านให้ไปใช้ ให้เอาเงินที่ตั้งใจจะผ่อนมาส่งให้พ่อแทนหนึ่งปี ก็ลดภาระดูแลพ่อไปได้ช่วงหนึ่ง ก็หวังว่าวันที่เราไม่อยู่ น้องคงเห็นสิ่งที่เราทำ และมีกำลังดูแลพ่อแทนเราได้ ยังเหลือที่ดินแปลงเล็กๆ ใกล้ทะเลที่ปลอดภาระแล้ว ไม่รู้ว่าจะเก็บไว้ปลูกบ้านในบั้นปลายดี หรือจะขายทำกำไร ได้ข่าวว่ากำลังจะมีไฮสปีดเทรนมาลง อิอิ กับพอร์ตหุ้นเล็กๆ ที่ให้ผลตอบแทนนิดหน่อย ผมพาครอบครัวมาถึงเป้าหมายแรกแล้ว คือพอมีพอกินพอช่วยเหลือพี่น้องได้ตามอัตภาพ วันก่อนลูกเมียเห็นพ้องต้องกันว่า เราพอแล้ว อยากให้ผมมีเวลาดูแลสุขภาพตัวเองมากขึ้น แต่คนเราก็นะ พอเห็นโอกาส มันก็อดไม่ได้ ร่ำๆ จะหาเรื่องเหนื่อยอีก ยังตัดสินใจอยู่ ตอนนี้เราให้ความสำคัญกับการสร้างคนรุ่นใหม่ คือรุ่นลูก แต่ถ้ามีมากกว่านี้ เราก็คงดูแลคนรุ่นก่อน ซึ่งก็คือพ่อแม่ของพวกเราได้ดีกว่านี้ เพราะตอนนี้ในสภาพที่ญาติพี่น้องมองว่าเรารวย (มีบ้าน รถ ที่ดิน ไม่เคยบ่นเรื่องเงิน) จริงๆ แล้ว เรามีเงินแค่พอประทังชีวิตได้ไม่เกินปีเท่านั้น อิสรภาพทางการเงิน ผมไม่ทราบเหมือนกันว่าต้องมีแค่ไหนพอ โดยส่วนตัวของผมกับภรรยา เราไม่ได้ฟุ้งเฟ้อทั้งการกิน ใช้ เที่ยว (ยกเว้นเรื่องดื่มครับ ชีวิตผมหล่อเลี้ยงด้วยไวน์) เลยรู้สึกเหมือนพอแล้ว พอทั้งๆ ที่ไม่ได้มีเงินก้อนมากมายนี่แหละ ถามว่าถ้าเลิกทำงานอยู่ได้ไหม คงอยู่ได้แบบประหยัด แต่เบื่อตายเลย วันๆ นั่งๆ นอนๆ ตกปลาริมทะเล ทำลูก   ...เอ้อ... ให้เป็นคนดี ตอนนี้เลยต้องลำบากทำงานต่อไป มีคนบอกว่า life is not a destination, it's a journey. จากคุณ : พ่อโปรเจ็กต์ เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 14:24:33

ความคิดเห็นที่ 42 อิสระภาพทางการเงินของแต่ละคนไม่เท่ากันนั้นเป็นเรื่องจริงครับ เห็นด้วย แต่หลายคนพลาดและไปสู่คำว่าอิสระภาพทางการเงินไม่ได้เพราะเราไม่เข้าใจความหมายของอิสรภาพทางการเงินที่แท้จริง ในความเห็นของผม อิสรภาพทางการเงินคงไม่ได้หมายถึงไม่ต้องทำงานนั่งกินนอนกินเฉยๆ ด้วยความที่ผมวางแผนการเงินเป็นอาชีพ ให้ลูกค้าที่เป็นคนจริงๆ มันเลยต้องวัดได้ด้วยครับ ข้างบนก็มีท่านนึงมาตอบไว้แล้ว คือ เรโชที่ >= 1 หมายถึง อัตราส่วนของรายได้/ค่าใช้จ่าย >= 1 ลึกๆลงไปอีกก็คือ รายได้แบ่งเป็น 2 แบบครับ 1.รายได้ที่มาจากความสามารถ (การทำงาน) ถึงแม้จะมี เรโชมากกว่า 1 แต่ก็ยังคงต้องทำงานต่อไป เพราะส่วนที่เกิน 1 จึงจะนำมาเป็นเงินเก็บได้ ยิ่งเรโชสูงๆ ยิ่งมีเงินเก็บมาก สามารถพัฒนาไปเป็นแบบที่2ได้ จริงๆก็คือคนส่วนใหญ่ในสังคมทั่วๆไปนั้นเองครับ 2.รายได้ที่มาจากการให้เงินทำงาน (การออมการลงทุน) แบบนี้ถ้ามีเรโชมากกว่า 1 ก็จะทำงาน หรือไม่ทำก็ได้ ไม่น่าเกลียด เพราะมีรายได้มากกว่าหรือเท่ากับรายจ่ายไปแล้ว ไม่ได้แปลว่ารวยล้นฟ้านะครับ แต่เงินต่างๆที่จำเป็นในชีวิตได้ถูกเตรียมเอาไว้ล่วงหน้าแล้วเท่าั้นเอง ส่วนคนที่เรโชต่ำกว่า 1 ขอไม่พูดถึงนะครับ เราทุกคนน่าจะเข้าใจได้ว่านั้นหมายถึงอะไร ความเห็นของผมคงเป็นประโยชน์บ้าง ขอบคุณทุกท่านครับ จากคุณ : alfalfa เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 16:27:52

ความคิดเห็นที่ 43 กำไรหลักพัน กับกำไรหลักแสน ความสุขหรือทุกข์ไม่ได้อยู่ที่ % ที่เพิ่มขึ้นหรือว่าลง แต่มันอยู่ที่แต่ละวันเราได้ทำอะไรตามที่ตั้งใจไว้หรือเปล่าแค่นี้พอแล้วกับชีวิต จากคุณ : กระบี่แสวงรัก เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 17:35:20

ความคิดเห็นที่ 44 อิสระภาพ        ทางการเงิน          ที่ถามหา เปรียบดัง         ดอกไม้งาม          หน้าไขว่คว้า แม้นได้มา        หอมสดชื่น           รื่นอุรา ไม่กี่วัน            โรยรา                 แล้วแต่กรรม จากคุณ : ลงทุนด้วยใจ (ลงทุนด้วยใจ) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 20:44:32

ความคิดเห็นที่ 45 ขอแค่ปัจจัยสี่สำหรับคนที่ผมต้องดูแลก็เพียงพอแล้วครับ ที่เหลือคงเป็นกำไรชีวิตไป จากคุณ : ยิ้มไว้เมื่อหุ้นลง เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 53 22:07:38

ความคิดเห็นที่ 46 หลาย ๆ ครั้งที่คนเรากำหนดความสุข ความพอเพียง และอิสรภาพทางการเงิน โดยมองแคบไปในเฉพาะปัจจัยในด้านของตัวเอง และความเป็นอยู่ในปัจจุบันของตนเอง จนลืมไปว่า 2 ค่าใช้จ่ายที่มากที่สุดนั้น ไม่ได้อยู่ในปัจจุบัน และค่าใช้จ่ายตัวเราเองที่ไม่สามารถกำหนดเองได้ นั่นคือ 1. ค่าใช้จ่ายที่มากที่สุดที่มาก่อน คือ ค่าใช้จ่ายในการดูแลบริวาร (ภรรยา ลูก และคนที่เราต้องดูแล) 2. และค่าใช้จ่ายที่มากที่สุดที่ตามมาหลังสุด คือ ค่าใช้จ่ายในการดูแลตัวเราเองช่วงบั้นปลาย หลายปีก่อน ผมเคยคิดว่า การมีเงินพอกินพอใช้เดือนละแค่หมื่นกว่าบาท ผมก็อยู่ได้ไม่มีปัญหาอะไร จนมาไม่นาน ผมได้เรียนรู้ว่า เราไม่ได้มีเราคนเดียว เรามีครอบครัว มีสังคมที่ต้องอยู่ร่วมกัน และเมื่อเราเติบโตขึ้น เรามีหน้าที่ต้องดูแลคนที่เคยดูแลเรา และดูแลคนที่จะมาดูแลเราต่อไป จนถึงปัจจุบัน โดยส่วนตัวผมก็ใช้เงินเดือนละอยู่ในระดับหลักพันบาท อาจขึ้นสูงบ้างในบางครั้งที่ให้รางวัลกับตัวเอง แต่จำนวนเงินที่ใช้ในการดูแลคนรอบข้าง กลับสูงกว่าที่เราใช้เองมากจนคาดไม่ถึง พูดได้เลยว่าอยู่ในระดับมาก ๆ ถ้าในอดีต ผมพอใจอยู่กับแค่ทำมาหากินเลี้ยงชีพ พออยู่พอกินไปเรื่อย ๆ ไม่ฟุ้งเฟ้อ จริงอยู่ที่ผมมีความสุขตามอัตภาพ ... เพียงแต่ว่า ผมอาจจะไม่สามารถ support ค่าใช้จ่ายในระดับหลักแสนที่ต้องดูแลผู้ใหญ่ในครอบครัวได้ ผมคงไม่สามารถตัดสินใจเลือกการรักษาพยาบาลที่ดี ให้กับคนที่ผมรักในยามเจ็บป่วยได้ ผมคงไม่สามารถซื้อบ้าน หรือใช้เงินซื้อสิ่งอำนวยความสะดวก ให้กับคนที่ผมดูแลได้ และผมอาจจะต้องเป็นภาระให้แก่คนข้างหลัง ถ้าเกิดสุขภาพผมเองมีปัญหาร้ายแรงขึ้นมา ทุกวันนี้ ผมบอกกับตัวเองเสมอว่า เงินไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต เพียงแค่ถ้าคุณใช้มันเป็น คุณสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตไปในทางที่ดีขึ้นได้ และคุณจะเป็นผู้เลือก มากกว่าถูกเลือก เท่านั้นเอง ญาติคนหนึ่งเคยพูดกับผมว่า คนเราเมื่อเติบโตขึ้น ขาก็ต้องแข็งพอที่จะยืนด้วยตนเองได้ หลังจากนั้นสิ่งที่สำคัญคือ ปีกของเธอจะต้องแข็งแรงพอที่จะปกป้องดูแลคนที่อยู่ใต้นั้นด้วย ..... อย่าเพียงแต่ขาแข็งยืนได้ แล้วอยู่แต่กับตนเองเพียงอย่างเดียว ก่อนที่ใครจะบอกว่า อิสรภาพทางการเงินของตนเองอยู่ที่จุดตรงไหน คิดเผื่อคนข้างหน้า คนข้าง ๆ และคนข้างหลังของคุณแล้วหรือยัง? ## ตกสิ่งที่สำคัญที่สุดอีกอย่างไปคือ อย่ามุ่งมันกับเป้าหมายในอิสรภาพทางการเงินมากเกินไป เสียจนทำลายสุขภาพกาย สุขภาพจิตตัวเองและคนรอบข้างนะครับ แก้ไขเมื่อ 24 ส.ค. 53 04:56:59 แก้ไขเมื่อ 24 ส.ค. 53 04:50:33 จากคุณ : Morning Star เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 53 04:45:45

ความคิดเห็นที่ 47 #46 Morning Star v v Excellent comment Removed photo แก้ไขเมื่อ 24 ส.ค. 53 10:48:33 จากคุณ : ยากแท้หยั่งถึง เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 53 09:18:01

ความคิดเห็นที่ 48 จากคุณ : Duckcovery เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 53 17:04:47

ความคิดเห็นที่ 49 อิสระภาพทางการเงิน ผมว่า คำนี้ถ้าแปลแบบแคบๆ ตรงๆ คือ financial independency ถ้าเอาแค่นี้ คือการที่คุณอยู่ได้ด้วยตัวคุณเอง ไม่ต้องพึ่งพาคนอื่นๆ ดังนั้น คนที่ไม่ต้องพึ่งพ่อแม่ ญาติพี่น้อง ลูกหลาน ก็เรียกได้ว่า financially independent แล้วมังครับ จะมีอิสระภาพทางการเงินได้ ก็อาจจะต้องดูอนาคตด้วย ตอนนี้อาจจะไม่ต้องพึ่งใคร แต่ในอนาคต ถ้าเราแก่ตัวแล้ว มันอาจะไม่แน่ ถามว่า ต้องมีเงินเก็บ หรือ รวยแค่ไหนถึงจะพอ อันนี้ก็ตอบไม่ได้ ถ้าอยู่ดีๆคุณเป็นมะเร็ง ต้องใช้เงินรักษา 1 ล้านบาท ตอนนี้คุณไม่มีเงินเก็บ 1 ล้านบาท และไม่มีประกันสุขภาพ คุณคงไม่มีอิสรภาพทางการเงิน ยกเว้นคุณบอกว่า ผมไม่รักษา ขอตายดีกว่าที่จะจ่าย 1 ล้านบาท ขอใช้ชีวิตปกติ อันนี้ก็อีกเรื่องหนึ่ง จากคุณ : อวิรุืทธ์ เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 53 17:31:49

ความคิดเห็นที่ 50 ดังนั้นสรุปแล้ว ผมว่า คนที่มีอิสระภาพทางการเงิน คือสามารถ afford ปัจจัย 4 ได้ด้วยตนเอง มีที่อยู่เป็นของตนเอง มีเงินซื้ออาหาร เครื่องนุ่งห่ม สุดท้าย เมื่อป่วยก็ต้อง มีเงินรักษาพยาบาลเอง ดังนั้น ผมก็จะ define  อิสระภาพทางการเงิน ง่ายๆของผมว่า 1. มีบ้านหรือ condo เป็นของตัวเอง 2. มีประักันสุขภาพ ประกันโรคร้ายแรง หรือ มีเงินอย่างน้อย 2 ล้าน เพื่อรักษา้ (2 ล้าน ใช้พื้นฐานจาก ค่าสมาชิกขั้นสูงสุดของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งเมื่อจ่าย 2 ล้านแล้ว โรงพยาบาลนั้นจะรับรักษาฟรีไปตลอดชีวิต) 3. มีรายได้พอค่ากินอยู่ ค่าเครื่องนึ่งห่ม ผมว่า อย่างน้อยก็น่าจะ 15000 บาทต่อเดือน โดยรายได้นี้ ไม่เกี่ยวข้องกับการทำงาน จากคุณ : อวิรุืทธ์ เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 53 17:42:20

ความคิดเห็นที่ 51 อ่านกระทู้แล้วทำให้นึกถึงหนังสือเศรษฐศาสตร์ีที่เรียน ป.ตรี เรื่องอะไรน่า อืม! พีระมิดแห่งความต้องการ ของ ดร.มาส์โรล์ มนุษย์มีความต้องการ 5 อย่าง  1)ความต้องการพื้นฐาน(ปัจจัย 4)  2)ความต้องการความมั่นคงปลอดภัย(ปท.ไทยมีมากน้อยแค่ใหน? 2012 จะเกิดอะไรใหม)  3)ความต้องการความรัก(เพื่อน แฟน พ่อแม่ ลูก)  4)ความต้องการเกียรติยศชื่อเสียง (สังคมยอมรับนับถือ)  5)ความต้องการความสมหวังประสบความสำเร็จในชีวิต (นายกรัฐมนตรี ประธานาธิปดี หรืออาจจะแค่พ่อที่ดีของลูก) นะ มนุษย์ก็คือมนุษย์มีความต้องการจำกัดที่ไหน แต่ทรัพยากรก็มีเท่าที่เห็น ทำอย่างไรให้มันเพียงพอ คิดเเล้วก็นึกถึง แนวเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง น่าจะตอบกระทู้นี้ได้ดีที่สุด จากคุณ : รักทุกคน (olygon) เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 53 09:58:08

ความคิดเห็นที่ 52 Will these Mega Millions & Power Ball lottery tickets help you fulfill your dreams towards the financial freedom achievement faster?? จากคุณ : ยากแท้หยั่งถึง เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 53 23:17:14

ความคิดเห็นที่ 53                                 Can somebody help me check the results of these Mega Millions & Power Ball lottery tickets on line at http://www.ohiolottery.com Please??? Anybody comes back to me with the positive results will get a free dinning meal or if the prize is big enough, a possible air ticket to fly there for purchase of new lottery tickets!!! Let's wait & see!!                                   แก้ไขเมื่อ 25 ส.ค. 53 23:28:02 จากคุณ : ยากแท้หยั่งถึง เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 53 23:24:23

ความคิดเห็นที่ 54 ขอบคุณ ทุกๆท่านที่เข้ามาอ่านและออกความเห็น รวมทั้งโพสต์ภาพสาวๆให้ดู กระทู้นี้  ผมตั้งขึ้นมาจากภาพประกอบบนสุด จะเห็นได้ว่า   คนสูงอายุจำนวนมาก  ต้องไปไหนมาไหน กับคนที่ไม่ใช่ลูกหลานเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ คำถามที่ตามมาคือ ถ้าไม่ใช่ลูกหลาน  ใครจะยอมทำหน้าที่นั้น ถ้าไม่ใช่ใช้เงินจ้างมาทำหน้าที่ ใครที่มีต้นทุนทางสังคมสูง   ก็ถือว่าเป็นโชคดีมากๆ สำหรับชีวิตในสังคมเมืองในปัจจุบัน ส่วนคนที่โชคไม่มี  ถ้าไม่มีเงินออมหรือเงินรายได้ ไม่ว่าจากตัวเองหรือจากลูกหลาน  จะทำอะไรได้ นอกจากนั่งจับเจ่าอยู่กับบ้านไปวันๆ มันเป็นที่มาของคำจัดการความที่ผมว่า เงินสำคัญ  ที่สุด ถึงจุดที่ ร่างกายดี มีทางไป ในทุกหน ร่างกายที่ว่า  แม้จะไม่ดีเมื่อเทียบกับของคนทั่วไป ก็ยังถือว่า เป็นร่างกายที่ดีที่สามารถไปได้เกือบจะทุกที่ ถ้ามีคนช่วย ไม่ว่าช่วยด้วยใจที่รักใคร่ผูกพัน  หรือใช้เงินจ้าง @ แก้ไขเมื่อ 26 ส.ค. 53 16:31:40 แก้ไขเมื่อ 26 ส.ค. 53 11:42:49 แก้ไขเมื่อ 26 ส.ค. 53 11:34:23 จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 53 11:31:39

ความคิดเห็นที่ 55 ขอบคุณครับ... จากคุณ : ifool57 เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 53 19:42:30

ความคิดเห็นที่ 56 ขอบคุณในแนวคิดดีๆครับ ผมเป็นแฟนคลับที่เหนียวแน่นของเฮียเลยครับ บอกได้เลยว่าเฮียเอนโดเป็นต้นแบบในการลงทุนหุ้น + ใช้ชีวิตที่ได้สมดุลของผมคนนึงเลย จากคุณ : Casper in Love เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 53 09:54:33

ความคิดเห็นที่ 57 -ขอลอกคุณCasper in Love ครับ ขอบคุณในแนวคิดดีๆครับ ผมเป็นแฟนคลับที่เหนียวแน่นของเฮียเลยครับ บอกได้เลยว่าเฮียเอนโดเป็นต้นแบบในการลงทุนหุ้น + ใช้ชีวิตที่ได้สมดุลของผมคนนึงเลย จากคุณ : Casper in Love (ลองถ่าย) เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 14:01:57