ความคิดเห็นที่ 3 |
ตลาดกว้างใหญ่ มีคนมากมาย ต่างคนต่างความคิด ต่างความต้องการ ต่างความคาดหวัง ฯลฯ
ตัวหุ้นเองก็มีมากมาย ต่างราคา ต่างคุณค่า ต่างผลตอบแทน ต่างศักยภาพ ฯลฯ
ในหุ้นแต่ละตัว มีคนถือมากมาย บางคนอยากซื้อถูก บางคนอยากซื้อแพง บางคนใจร้อนเงินอยากเร็วๆ อยากขายถูกๆ บางคนใจเย็นรอขายช้าๆ อยากขายแพงๆ
กลไกตลาดจะทำงานระหว่างนี้ มันจะชั่งน้ำหนักว่าฝ่ายใดมีมาก-น้อยเท่าไหร่แล้วราคาจะขยับปรับตัวไปตามนั้น เช่น มีคนอยากซื้อมากกว่าอยากขาย คนที่อยากซื้อก็จะซื้อหุ้นของคนที่อยากขายราคาต่ำๆ จนหมด และไล่ซื้อหุ้นของคนที่อยากขายในราคาที่สูงขึ้นมา ราคาหุ้นก็จะขยับขึ้น
ในทางกลับกันก็เช่นกัน และตัวหุ้นเองก็มีผลโดยตรงต่อความต้องการนั้น หุ้นที่มีคุณค่าก็ย่อมมีคนต้องการอยากได้เยอะ หุ้นที่ไร้ราคาก็มีแต่คนอยากจะขายทิ้งไปให้พ้นๆ ราคาจึงวิ่งไปอย่างที่เราได้เห็นๆ กัน ยกตัวอย่างให้สุดโต่งเพื่อความแจ่มชัดก็เปรียบเทียบระหว่าง หุ้น CPF กับ SLC ละกัน
และตัวบริษัทมหาชนก็มีความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเช่นกัน เราจึงได้เห็นหุ้นที่คิดว่าตายไปแล้วกลับมาได้ใหม่อย่าง N-PARK หรือหุ้นที่น่าจะไปรุ่งแต่กลับตกม้าตายดื้อๆ อย่าง...นึกไม่ออกอ่ะ
สิ่งที่คนในตลาดคิดก็แตกต่างกันไปเช่นกัน บางคนคาดหวังกำไรที่ยั่งยืน บางคนคาดหวังเพียงแค่ส่วนต่างเล็กๆ น้อยๆ บางคนมองหาคุณค่าที่แท้จริง บางคนเล่นกับความคาดหวังของคนอื่น จึงเป็นที่มาของแนวทางการลงทุนและเล่นหุ้นแบบต่างๆ บางคนเป็น VI บางคนเก็งกำไร และเป็นที่มาบุคลิกอันหลากหลายของหุ้นแต่ละตัวที่จะดึงดูดคนประเภทเดียวกันทั้งนั้น คนเล่นเก็งกำไรจะไม่ซื้อ SE-ED คนเล่น VI จะไม่ซื้อ SLC คนเล่นปันผลจะไม่เล่น TRUE นี่น่าจะพออธิบายว่าทำไมหุ้นปั่นจึงมีคนกระโจนเข้าใส่เสมอๆ ทั้งๆ ที่ไม่มีคุณค่าอะไรเลย
คร่าวๆ นะครับ ขาดตกบกพร่องยังไง รอคนอื่นช่วยเสริม
ป.ล.มันมี Demand และ Supply เทียมด้วยล่ะ แต่เป็นเรื่องลึกลับ
จากคุณ |
:
จันทร์เย็น
|
เขียนเมื่อ |
:
23 ส.ค. 53 15:05:52
|
|
|
|