|
ความคิดเห็นที่ 8 |
ท่านทั้งหลายครับ ส่วนใหญ่(เกือบทั้งหมด) ถ้าไม่เข้าใจผิด ก็ได้ข้อมูลมาแบบผิดๆ โปรดทำความเข้าใจใหม่ตามนี้นะครับ
1. โฆษณาในทีวี ที่ออกกันโครมๆ เช่น ประกันอาวุโสโอเค (น่าจะจำชื่อไม่ผิด) ที่มีคุณเศรษฐา ศิรฉายา เป็นพรีเซ็นเตอร์ คือ ประกันที่คล้ายๆกับการทำฌาปนกิจ คือต่อให้ ล/ค ป่วยหนักใกล้ตาย เช่นเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย จะตายอยู่แล้ว ก็ยังทำประกันเฉพาะชีวิตนี้ได้ ไม่มีสวัสดิการใดๆ แต่ต้องซื้อโดยตรงกับบริษัท ห้ามตัวแทนขาย และจำกัดวงเงินสูงสุดแค่ 200,000 บาท ตายในปีที่ 1-2 จ่ายเบี้ยประกันคืนให้พร้อม ด/บ 1หรือ 2% จำไม่แม่น ตายตั้งแต่ปีที่ 3 เป็นต้นไป จ่ายทุนประกันให้ คือทำเพื่อให้มีค่าทำศพ แต่ต้องลุ้นให้เกิน 2 ปี เหมาะกับคนที่จะเสียชีวิตในระยะเวลาใกล้ๆ เพราะถ้าคุณเอาเงินจำนวนเท่ากับเบี้ยประกันไปฝาก bank ก็จะได้ ด/บ สูงสุดไม่เกิน 2 % (มั๊ง? ขี้เกียจจำ เพราะมันน้อยมากจนไม่รู้จะจำไปทำไม) แล้วต้องฝากประจำ 1 ปีด้วย เบิกก่อน ด/บ เป็น 0
2. ประกันที่มีคุณจุรี โอสิริ (สะกดผิด ต้องขออภัยด้วย) เป็นพรีเซ็นเตอร์ คือประกันอุบัติเหตุที่เน้นการเบิกค่ารักษาต่อเนื่องจนกว่าจะหาย ไม่ว่าจะเป็นคนไข้นอก หรือคนไข้ใน ขอให้เป็นเหตุจากอุบัติเหตุเท่านั้นเป็นอันเคลมได้ แต่อายุมากขึ้นเกิน 60 ปี เบี้ยจะเพิ่มเป็นแบบขั้นบันได มี care card ให้ ใช้สำหรับให้ รพ. เก็บค่ารักษาโดยตรงกับบริษัท ล/ค ไม่ต้องสำรองจ่ายก่อน แต่ถ้าสถานพยาบาลนั้นไม่มี contract กับบริษัท ล/ค ต้องสำรองจ่ายไปก่อนแล้วค่อยทำเคลม ข้อยกเว้นที่เคลมไม่ได้ก็เหมือนๆกันทุกบริษัท และต้องได้รับการอนุมัติจาก สนง. คปภ. (กรมการประกันภัย (เดิม)) ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องแผลงๆ หรือไม่ใช่จากอุบัติเหตุ ไม่ต้องกลัวว่าบริษัทจะมั่วนิ่มเขียนขึ้นเอง เพราะถ้าทำงั้นจริง ถูกปรับหัวโตเลย
3. ประกันที่ bank ขาย เขาเรียกว่า bancassurance จะขายได้เฉพาะประกันชีวิต กับ ประกันโรคร้ายแรง จำพวกมะเร็ง ถุงลมปอดโป่งพอง ฯลฯ แบบโรคที่เป็นแล้วเริ่มนับถอยหลังได้เลย จ่ายเป็นเงินก้อนให้เลย แล้วมักขายประกันตระกูลสะสมหรัพย์ เบี้ยค่อนข้างสูง เลยทำทุนประกันได้ค่อนข้างต่ำ จุดจูงใจอยู่ที่มีเงินคืนเป็นระยะๆ เช่น ทุก 1 ปี 2หรือ3หรือ....ปี แล้วครบสัญญาได้เงินก้อนเป็น....%ของทุนประกัน ข้อเสียคือ ล/ค จะไม่มีสวัสดิการใดๆเลย เจ็บป่วย อุบัติเหตู ฯลฯ กลับบ้านเบิกกับแม่อย่างเดียว และ พนง.bank ก็ไม่มีความรู้จริงเรื่องประกันสักเท่าไหร่หรอก ถ้าจะเคลมคุณต้องเดินเรื่องเองที่บริษัท แล้วคุณชอบวิธีนี้ไหมล่ะ
4. ประกันสุขภาพแต่ก่อนต้องทำก่อนอายุ 55 ปี คุ้มครองถึง@60ปีเท่านั้น ต่อมายืดออกไปคุ้มครองถึง@70 เร็วๆนี้จะคุ้มครองถึง@80 แต่ต้องทำภายใน@65 ปีจึงจะต่ออายุไปจนถึง@80 ฉะนั้นคุณ Supremo ต้องรีบหาข้อมูลและตัดสินใจนะครับ ส่วนที่มีคนบอกว่ามีบางกรณีเบิกไม่ได้ แต่ตัวแทนบอกเบิกได้ แบบคห.ที่3 น่าจะเป็นตัวแทนโกหกเพื่อให้ขายได้ หรือรู้ไม่จริงแล้วดันไปบอกว่าเบิกได้ ข้อยกเว้นนั้นมีระบุไว้อย่างละเอียดในกรมธรรม์ ไม่มีทางเลี่ยงบาลีได้เลย ผมเคย fight ให้พี่สาวของนักร้องดังคนนึงจนบริษัทยอมจ่ายออกมา รายละเอียดมีเยอะมาก พิมพ์ไม่ไหว อยากรู้ อี-แมวมาคุยกันก่อนแล้วจะได้บอกวิธีติดต่อกัน มันอยู่ที่คุณรู้จริงแค่ไหน และรู้วิธีแก้ปัญหาไหม มันอยู่ที่ประสบการณ์ครับ ผมแก้ปัญหาที่ ล/ค ให้ตัวแทนคนที่ขายไปทำเคลมแล้วเคลมไม่ได้ ผมก็แก้ปัญหาจนเคลมได้ ประมาณ 8 รายมาแล้ว ยากสุดก็ถูกงูพิษกัดตาย แต่รายละเอียดของเอกสารมีจุดที่บริษัทปฏิเสธได้ถึง 3 จุด ตัวแทนที่ขายไว้ก็ใบ้กิน ตัวแทนคนที่ทำเคลมก็ใบ้กิน ผมต้องหาข้อมูลทางการแพทย์จาก text book และวารสารทางการแพทย์จากทั่วโลก และขอความรู้จากแพทย์หลายสาขา ผู้เชี่ยวชาญทางงูพิษ และพิษวิทยา รวมๆแล้ว 13 ท่าน สุดท้ายศาลชั้นต้นตัดสินแล้วให้ ล/ค ชนะ ต้องจ่าย 2 ล้านกว่าบาท พิมพ์ไม่ไหว โทร.คุยง่ายกว่าเยอะ คุณ SkyNight คห.ที่3 เจอมาแบบไหนไม่ทราบ ถ้าอยากรู้จริงๆว่าแล้วเคลมได้ไหม ลองโทร.คุยกับผมก่อนก็ได้ บางทีคุณอาจส่งเคลมใหม่อีกครั้งแล้วเคลมได้ ก็ได้ ไม่แน่นะครับ อยู่ที่แก้ถูกจุดไหม
4. ผมยืนยัน นั่งยัน และนอนยันว่า ซื้อประกันผ่านตัวแทนดีกว่า ล้าน % แต่ตัวแทนต้องเป็นมืออาชีพจริงๆ ไม่ได้หมายความว่า อยู่มานาน ขายจนติดสารพัดคุณวุฒิของบริษัท อย่างนั้นคือขายเก่ง ทำเงินให้ตัวเองเก่ง แต่เคลมเก่งไหม ไม่รู้ แล้ว ล/ค ประเภทชอบตัวแทนที่บริการทำงานเอกสารรวดเร็วมาก แบบเรียกปุ๊บ มาปั๊บ โทร.มาหาเป็นประจำ มีของมาฝากเรื่อยๆ เก็บเบี้ยประกันไปส่งบริษัทตลอด แต่พอมีปัญหาเรื่องเคลมปั๊บ ใบ้กินทันที แก้ปัญหาไม่ได้ ให้คำปรึกษาก่อนไปพบหมอไม่ได้ (เพื่อป้องกันเหตุบางอย่างที่คาบลูกคาบดอกว่าจะเคลมได้ไหม ควรแจ้งหมอยังไง เพื่อป้องกันปัญหาการเคลมไม่ได้ก่อนที่มันจะเกิดขึ้น จริงๆแล้วงานเอกสารผมว่ามันเป็นแค่ routine paper work เท่านั้น การจ่ายเบี้ยประกันฯเป็นหน้าที่ของ ล/ค ตัวแทนช่วยไปเก็บเป็นเพียงบริการเท่านั้น แถมวิธีจ่ายเบี้ยก็สะดวกมาก มีเป็น สิบๆ วิธี แถมมีระยะเวลาผ่อนผันให้อีกตั้ง 31 วัน ต่างฝ่ายต่างไม่ต้องจ้องมานัดเวลาให้ตรงกัน ซึ่งบางทีก็ต่างติดธุระ ผมคิดว่าสิ่งสำคัญสุดๆๆเลย คือการให้คำปรึกษาเรื่องเคลมให้เคลมได้ดีที่สุด ป้องกันปัญหาก่อนที่มันจะเกิด อยากรู้ว่าตัวแทนคนนั้นเป็นมืออาชีพไหม ต้องลองภูมิดู ถ้าตอบไม่ได้และไม่พยายามหาคำตอบมาให้ ให้พึงระวังไว้ก่อนว่าเวลาเคลมคุณอาจหัวเสียก็ได้
โอย! เมื่อยมือแล้ว ใครอยากรู้เพิ่มเติมอะไร อี-แมวมาคุยกันก่อนจะบอกวิธีติดต่อให้เป็น case case ไป แต่ละคนไม่เหมือนกันเลย ตอบแบบตีคลุมไม่ไหวครับ
จากคุณ : 821ires/claim expert/821ires@g (821ires) เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 53 02:42:45
จากคุณ |
:
821ires/claim expert/821ires@g (821ires)
|
เขียนเมื่อ |
:
3 ก.ย. 53 17:05:31
|
|
|
|
|