ความคิดเห็นที่ 1 เปลี่ยนไปตามตัวเลขครับ หุ้นขึ้นก็ไปกินเหลา หุ้นลงก็มาม่า ไซด์เวย์ข้าวแกง25บาท คนเราปรับตัวเข้ากับสิ่งที่เรามีอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่ค่อยพอใจในสิ่งที่มีเท่าไหร่ จากคุณ : PureLife เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 53 09:24:47

ความคิดเห็นที่ 2 ตอนนี้ผมแทบไม่มีเงินติดในบัญชีธนาคารเลยครับ นอกจากที่เหลือเผื่อไว้โอนซื้อของทางเนท กับเผื่อฉุกเฉินนิดเดียว นิดเดียวจริงๆ นอกนั้นจับใส่กองทุนหมดครับ ส่วนที่ซื้อของจากบัตรเครดิต ก็ใช้มานานแล้ว แต่ตอนนี้ก็ใช้ตามบัตรที่มีส่วนลดให้ อย่างเติมน้ำมัน สะสมแต้ม ฯลฯ  อ้อ ใช้ซื้อ LTF ด้วย เวลาไปซื้อของแล้วรูดไม่ได้ จะรู้สึกยังไงไม่รู้ ขอให้วันจันทร์สีเขียวครับ ^.^ จากคุณ : mountainfox เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 53 09:29:58

ความคิดเห็นที่ 3 เรางกขึ้น (มากกกก) จะใช้เงิน 1 บาท ก็คิดว่า โห ได้หุ้นตั้ง 1 ตัว (เช่นตอนนั้นเล่น hemraj ) จะกินขนม หรือกาแฟเย็น ก็กินข้างทาง ไม่ได้เลิกกินนะ แต่กินของถูกลง ให้ไปนั่ง starbuck แบบเดิมก็ไม่เอาแล้ว free copy ที่วางใน starbuck ก็ให้เพื่อนหยิบให้ (เพื่อนเรากินทุกวัน) เสื้อผ้าก็ใช้เก่า ๆ ไม่ซื้อใหม่มาจะปีแล้ว ถ้าซื้อก็เสื้อใส่ออกกำลังกาย แต่ก่อนต้องยี่ห้อ ตัวละขั้นต่ำเป็นพัน ตอนนี้ไปรื้อกระบะตัวละ 100 คุ้ม เสาร์อาทิตย์ไปตลาดสด เลือกซื้อผักสดเข้าตู้เย็นทีละ 200-300 ได้เต็มตู้ ตะก่อนต้องเข้า supermarket ของ brand name นี่เลิกมาเป็นปี หันไปมองกองกระเป๋ากับรองเท้า ว่าจะเอาไปขายตลาดนัด เอาเงินมาซื้อหุ้น อิอิ เงินเดือนออก เมื่อก่อนต้องไปกินข้าวนอกบ้าน ช็อปปิ้ง ตอนนี้พอเงินเดือนออก ตั้งไว้ 50% โอนเข้าหุ้นเลย ีมีอีกหลายเรื่อง ที่เปลี่ยนแนวทางการใช้จ่ายของเรา ขี้เกียจพิมพ์แล้ว ^____^ แก้ไขเมื่อ 05 ก.ย. 53 09:33:48 จากคุณ : EREWHON_nowhere เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 53 09:31:16

ความคิดเห็นที่ 4 ชอบ ความเห็น 3 จัง เราก็รู้สึกว่า งก ขึ้นมากเหมือนกัน ประหยัดแบบมีความสุข จากคุณ : Love in the mist เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 53 09:49:09

ความคิดเห็นที่ 5 งกได้แป๊บนึงแล้วก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมค่ะ ฮี่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ~วันจันทร์สีเขียว เน๊อะๆ ~~~   จากคุณ : nusarathi เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 53 09:59:53

ความคิดเห็นที่ 6 มันทำให้เห็นคุณค่าของเงิน 1 สตางค์ได้โดยปริยายครับ... แต่ก่อนผมก็ไม่เป็นหรอก แต่ตอนนี้ก็เป็นเหมือน จขกท.แหละ ยกเว้นเสียแต่ที่เซเว่น ถ้าไม่เข้า ก็ไม่เสียเงิน ถ้าเข้าไปแล้ว ก็ต้องเลือกซื้อสิ่งที่ดีที่สุด สิ่งที่ลดมากที่สุด หรือสิ่งที่มีของแถม ฯลฯ จากคุณ : corner_newc เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 53 10:33:01

ความคิดเห็นที่ 7 เปลี่ยนไปหมดเลยครับ จากแต่ก่อน เงินเดือนๆนึงก็ใช้หมดพอดีทุกเดือน มาตอนนี้ พอเงินเดือนออก ก็ไหลไปอยู่กองทุน เงินติดกระเป๋าไม่ค่อยมี บิลต่างๆจ่ายผ่านบัตรเครดิตหมดเลย แล้วรอ cash back การใช้จ่ายต่างๆ ไม่ได้ประหยัดกว่าเดิม แต่ก็คิดหน้าคิดหลังมากกว่าเดิม บัญชีรายรับรายจ่าย จากที่ไม่เคยทำ ก็ได้ทำ โดยเฉพาะบัญชีกองทุน ทำละเอียดยิบ หนังสือ จากแต่ก่อนซื้อแต่หนังสือคอมฯ หรือสารคดีทั่วไป มาตอนนี้ซื้อหนังสือการเงิน จะว่าไป สิ่งที่ทำให้พฤติกรรมของผมเปลี่ยนไป คงไม่ใช่เรื่องการลงทุน แต่เป็นเพราะไปซื้อบ้านเอาไว้ แล้วได้งานใหม่ เงินเดือนเพิ่มขึ้น 50% ก็เลยเริ่มรู้จักจัดการเงินของตัวเอง เริ่มรู้จักลงทุน จนเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองไปแบบนี้ จากคุณ : ตาบี้ เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 53 10:35:48

ความคิดเห็นที่ 8 เหมือนหลาย ๆ ท่านครับ คือประหยัดมากขึ้น และทำรายรับรายจ่าย ซึ่งเมื่อก่อนไม่เคยทำเลย เริ่มแรกทำบัญชีกำไรขาดทุนหุ้นก่อน ซักพัก ก็นึกขึ้นได้ เราไม่ได้มีแต่จากหุ้นนี่หว่า เรายังมีค่ากินค่าอยู่ รายได้จากทางอื่นอีก ก็เลยทำ ครับ พอทำแล้ว เห็นว่าเราใช้จ่ายไปเยอะพอสมควร ก็เลยเป็นคนประหยัดมากขึ้น เวลาไปดูหนังโรงกับแฟน ก็จะไปเฉพาะ วันที่ลดราคา หรือไปดูโรงถูก ๆ เช่น vista ออกกำลังกายมากขึ้น เน้นว่ายน้ำ มี fitness บ้าง เพราะคิดว่า 1.คลายเครียดได้อย่างดี ลงทุนหุ้นก็เครียดเหมือนกัน หุหุ 2.มีสุขภาพสมบูรณ์ขึ้น เพราะคิดว่าจะได้มีเวลาใช้เงินกำไรได้นาน ๆ จนอายุเยอะ ๆ เหอ ๆ สรุปปัจจุบัน ได้ทั้งเงิน ได้ทั้งสุขภาพร่างกาย มีความอดทนมากขึ้น แต่มีความเครียดบ้างช่วงหุ้นลง หรือ ช่วงทีผลประอบการออกมาไม่ค่อยดี หรือวิเคราะห์ผิด จากคุณ : Grand Marshal1 เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 53 10:36:00

ความคิดเห็นที่ 9 เดินสายกลางดีที่สุด เสียก็รับได้ ได้ก็รับได้ อย่าซีเรียส ถ้าเล่นหุ้นแล้วต้องเปลี่ยนชีวิตขนาดนั้นก็อย่าเล่นดีกว่า ผมว่าเราใช้ชีวิตเหมือนเดิมดีที่สุด เพียงแต่ว่าต้องคอยระวังในการลงทุนให้มากขึ้น อ่านข่าวแล้วดูพื้นฐานก่อนตัดสินใจเล่น ถ้าใจไม่พร้อมรอนานคงเล่นสไตล์ VI ไม่ได้ เพราะแม้จะชัวร์แต่รอนานมาก เอาเป็นว่าใครชอบสไตล์ไหนก็เล่นตามนั้น (บนพิ้นฐานของการไม่ประมาท) จะได้มีความสุขกับการลงทุน วันจันทร์ขอให้โชคดีทุกคนครับ วิวบนดอยมันไม่น่าดูอีกต่อไปแล้ว อยู้ดูวิวบนดอยนานๆ แล้วมึนหัวครับ แต่ถ้ากำไรของพวกเราอยู่บนดอยสุดๆ ก็น่าจะหายมึนหัวนะจ๊ะ  อิอิ จากคุณ : ฉลามบุก เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 53 10:40:57

ความคิดเห็นที่ 10 เป็นเหมือนกันค่ะ พอเข้าห้องนี้ ทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย เราจะกำหนดเลยว่าวันหนึ่งให้งบตัวเองเท่าไหร่ ทั้งเดือนประมาณเท่าไหร่ ค่าใช้จ่ายอะไรที่ fixed ตายตัว ต่างกับ จขกท.นิดหน่อยตรงที่เมื่อก่อนซื้อของเรามักเข้า 7/11 แต่เดี๋ยวนี้เข้า super market ตลอด แล้วใช้บัตรเครดิตเพื่อสะสมแต้ม อะไรใช้บัตรเครดิตจ่ายได้เราใช้หมดค่ะ (ปกติเราใช้แค่ 2-3000 บาท/เดือน) เชื่อไหมว่า สะสมแต้มจากการใช้บัตรยิบย่อยของเรา (ปกติไม่ได้ซื้ออะไรมากอยู่แล้ว) ปีที่ผ่านมาเราได้ point มาเกือบ 4,000 ยังไม่รวมค่าส่วนลดต่างๆอีก เห็นตัวเลขในบัญชีที่เพิ่มขึ้นแล้วก็ชื่นใจค่ะ ^^ จากคุณ : love2loveU เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 53 11:00:03

ความคิดเห็นที่ 11 รู้สึกว่าเงินมีค่ามากมายครับ .05*100 = 5 บาท คุณก็เป็นเจ้าของกิจการสวนนรกได้ จากคุณ : Boonggy เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 53 11:21:20

ความคิดเห็นที่ 12 เปลี่ยนไปเยอะเลยคะ แต่ก่อนถ้าเดินช๊อปปิ้งคนเดียวเนี่ยต่ำๆก็หมื่นอัพทุกครั้ง  แต่พอมาซื้อกองทุนก็จะเดินเล่นมือถือ แทนที่จะมองของคอยดูหลังบ้านพันทิปว่าพี่ๆบอกราคากองทุนรึยัง จากนั้นก็ซื้อกองทุนแทนช๊อปปิ้ง พอซื้อเยอะๆเข้าก็รู้สึกอิ่มกับการซื้อของคะ  ก็จะไม่ค่อยซื้อของข้างนอกเท่าไหร่ ให้ทันสมัยคือ  เป็นอารมณ์เด็กเดินเล่น BB ในตอนนี้คะ จากที่เดินทางโดยเครื่องบินก็เปลี่ยนล่ะคะ  ไปรถทัวร์เอาเพราะไม่รีบร้อนแถมประหยัดไปได้เกือบสองพัน  คิดซะว่านอนหลับตื่นมาเราก็มีเงินไปลงกองทุนเพิ่ม 2 ไม้  แถมรถนครชัยแอร์ก็บริการดีมากด้วย สบายสุดๆ จากคุณ : กันดัมจัง เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 53 11:32:06

ความคิดเห็นที่ 13 เหมือน คห ๓ ทุกประการ  แต่มีบางอย่างที่ยังประหยัดไม่ได้คือน้ำมันรถกับค่าอาหาร   ^_^ อีกอย่างที่เปลี่ยนไปคือก่อนซื้อของจะเลือกโปรที่ให้ส่วนลดมากที่สุด   เมื่อก่อนซื้อรถก็ผ่อนไปตามปกติ จะได้มีเงินเหลือจ่ายเที่ยวเล่นตามสะดวก เดี๋ยวนี้ผ่อนสวน  พยายามหาเงินมาปิดเร็วๆ ไม่อยากจ่ายดอกเบี้ย หรือฝากเงินสหกรณ์แต่ได้ดอกเบี้ยน้อยลงเพราะบังคับสมาชิกด้วยเงื่อนไขต่างๆ มากมาย(มีค่าใช้จ่าย) ก็ชักไม่พอใจ   ส่วนในเรื่องการทำบัญชีรับ - จ่าย  ทำคร่าวๆ แค่ปีละ ๑ - ๒ ครั้งเอง ทำบ่อยรู้สึกว่าจุกจิกเกินไป แก้ไขคำผิด แก้ไขเมื่อ 05 ก.ย. 53 13:55:32 จากคุณ : mild.mind เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 53 11:47:23

ความคิดเห็นที่ 14 ขอให้มีความสุขกับการลงทุนนะครับ -------------------------------------- เก็บออม ประหยัด ลงทุนอย่างมีสติและปัญญา อยากให้ประเทศไทยมีนักออมเยอะๆแบบนี้        *มาช่วยกันดัน SET ให้ได้ 1,000 จุดกัน ฮ่าฮ่า จากคุณ : superman2007 เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 53 12:57:02

ความคิดเห็นที่ 15 เป็นมาก่อนเล่นหุ้นครับ เพราะค้าขาย ต้องทำบัญชี รายรับ-รายจ่าย ขนาดาทำบช.ยังอ่วม แต่ละเดือนรายจ่ายสูงมาก ทั้งที่ไม่ได้ฟุ่มเฟือย คนเราต้องหัดควมคุมดูแลรายจ่ายตัวเองครับ อย่าจ่ายให้มากกว่ารายได้ ไม่ใช่ใช้ไปเรื่อยเปื่อย เกินตัว จนหนี้สินตามมา คนเราถ้าทำงานแล้วไม่เหลือ เงิน เหลือทรัพย์สิน ถือว่าทำงานฟรีนะครับ เหนื่อยเปล่า ผมว่าคนส่วนใหญ่ ระดับกลางลงมา สมัยนี้ มีรายจ่ายเกินตัวกันเยอะ เช่น 1 เดินห้างบ่อย(บางบ้านเข้านับสิบครั้งต่อเดือน สมมุติใช้ครั้งละ700x10=7,000) 2 เข้ารายสะดวกซื้อบ่อย ส่วนใหญ่ซื้อของกินเล่น ไม่มีประโยชน์อะไรนัก(บางครอบครัวเข้าทุกวัน ครั้งละ50x30=1,500) 3 ค่าสื่อเช่นมือถือ อินเตอร์เน็ต (บ้านผม3คนรวมค่าเน็ตราวๆ2,000เศษ) นี่แค่รายจ่าย ที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ตัวนะครับ เกือบหมื่นบาทแล้ว ยังไม่รวมค่าเช่าบ้านหรือผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ค่าไฟ,น้ำ,น้ำมัน,รายจ่ายประจำวัน จึงไม่แปลกที่คนเมืองระดับกลางลงมาจะไม่ค่อยพอใช้เท่าไหร่ ลำพังครอบครัวนึงหาได้ต่ำกว่า2หมื่น ผมว่าไม่พอกินครับ สมัยนี้ จากคุณ : อมยิ้มไม่หวาน เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 53 13:06:07

ความคิดเห็นที่ 16 เห็นหลายคนดูแล้วประหยัดกันขึ้นเยอะเลย แปลกจังครับ ทำไมเห็นคนรวยๆจากหุ้นมักซื้อรถราคาแพง หรือสิ่งต่างที่ตัวเองพอใจ ดูมันสวนทางกันยังไงชอบกลนะ จากคุณ : shuriken เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 53 18:03:21

ความคิดเห็นที่ 17 ผมค่อนข้างเข้มงวดกับการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นมากขึ้นน่ะ เพราะคิดว่าถ้าเอาไปทำอย่างนั้นเอามาลงทุนดีกว่า ค่าเฉลี่ยการใช้เงินกับเรื่องการกินข้าวนอกบ้าน หรือซื้อของที่ไม่จำเป็นเลยลดลง แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีกิจกรรมด้านนี้ซะเลย ก็มีเพื่อความสำราญใจบ้างน่ะ แต่ที่รู้สึกเพิ่มเติมอีกอย่างแน่คือ กลับรู้สึกว่าเงินในมือเพิ่มขึ้นมากกว่า 50% นะ ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า หุหุ จากคุณ : dusit014 เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 53 18:55:55

ความคิดเห็นที่ 18 #16 ผมว่าบางคนที่เขาใช้จ่าย ซื้อของแพงเพราะเขาสำเร็จจากรายได้นะครับ แต่ละคนไม่เท่ากัน ร้อยคนพันคนหมื่นคนก็ไม่เท่ากัน บางคนรวยมากอยู่แล้วคงไม่เดือดร้อนอะไร แต่พวกที่อยากมีรถรุ่นใหม่ไปเรื่อย แต่ต้องผ่อนเอา ทั้งที่คันเก่ายังดีอยู่ ผมว่าแบบนี้เข้าข่ายฟุ่มเฟื่อยครับ สร้างหนี้สินโดยไม่จำเป็น จากคุณ : อมยิ้มไม่หวาน เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 53 19:15:38

ความคิดเห็นที่ 19 ต่ออีกหน่อยนะคะ สิ่งที่เปลี่ยนแปลงอีกอย่างหนึ่งก็คือ ทำให้เราไม่เบื่อค่ะ เราเป็นคนโสด ไม่มีแฟน ไม่มีภาระอะไร เพื่อนฝูง ก็ไม่ค่อยได้เจอกัน เนื่องจากห่างกันเพราะแต่ละคนก็แยกย้ายไปทำงาน สังสรรค์อะไรก็แทบจะไม่มี ชีวิตเราก็มีแค่ เช้าไปทำงาน กว่าจะได้กลับบ้านก็ค่ำ เป็นแบบนี้ตลอด ถ้าเป็นเมื่อก่อน อาจจะทำให้เบื่อหน่ายได้นะ แต่เดี๋ยวนี้มันทำให้เรากระปรี้กระเปร่า รู้สึกตื่นเต้นกับทุกวันเลยล่ะค่ะ 5555 จากคุณ : Love in the mist เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 53 20:14:45

ความคิดเห็นที่ 20 ฟังดูบางคนก็โดน Money Trap นะครับ จากคุณ : ZaTaN_KruZZ เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 53 21:30:03

ความคิดเห็นที่ 21 ค่ะ เปลี่ยนค่ะ ซื้ออะไรก็เสียดาย เหลือแต่รายการที่ขาดไม่ได้ แต่ไม่ใช่ว่าจะซื้อแต่ของถูก บางทีก็ซื้อราคาดอยเหมือรกองทุนแหละ แต่ของบางอย่างก็ไม่มีอารมณ์ร่วมเหมือนก่อน อย่างของลดราคา รอส่วนลดกองทุนยังสนุกกว่า จากคุณ : Jarunya.b เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 12:48:42

ความคิดเห็นที่ 22 สำหรับเรา  คิดว่าการเล่นหุ้นช่วยให้เรารู้จักค่าของเงินมากขึ้น เมื่อก่อนเราใช้เงินเก่งมาก  ซื้อทุกอย่างที่เราพอใจ  ทั้งกิน  เที่ยว ฯลฯ เดี๋ยวนี้เราใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น และรู้จักศึกษาการลงทุนเพื่ออนาคตของตัวเอง  // ที่จริงก็มีเบรกแตก  จ่ายไม่อั้นเป็นพักๆ อ่ะ  ^_^ จากคุณ : mild.mind เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 20:27:20