ความคิดเห็นที่ 1 ผมว่าถ้าซื้อด้วยอารมณ์กับความรู้สึกนี้ อันตรายนะครับ เพราะช่วงนี้ขาขึ้น ถ้าขาลง เจ้าขายทุกราคานะฮะ ระัวังให้ดีๆ แก้อีกรอบครับ พอดีผมอ่านข้ามไปตอนแรก เลยกลับมาอ่านใหม่ เห็นว่าคุณตอบไปแล้วว่าซื้อด้วยอารมณ์กับความรู้สึก ผมเลยไม่ต้องถามแล้ว แก้ไขเมื่อ 08 ก.ย. 53 11:14:50 แก้ไขเมื่อ 08 ก.ย. 53 06:54:04 จากคุณ : Fatalbringer เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 06:52:30

ความคิดเห็นที่ 2 #1 คุณ Fatalbringer ซื้อ TRUE ครั้งแรกสุดคิดแค่ว่ากำลังจะมีรายการ AF น่าจะดี ขายทำกำไรไปแล้วครั้งหนึ่ง ต่อมามีข่าวเรื่อง 3G ก็เลยกลับเข้าไปซื้อใหม่ สองวันก่อนก็ขายไปแล้วที่ 7.55 บาท เมื่อวานเห็นราคาตกลงมาอีกก็กลับเข้าไปซื้อเพิ่มอีกที่ 7.40-7.45 วันนี้คิดว่าถ้าขึ้นไปอีกได้กำไร 3-4 พันก็อาจจะขายเก็บกำไรไปเรื่อย ๆ ส่วน IRPC มีเพื่อนในห้องสินธรท่านหนึ่งแนะนำให้ซื้อ ราคาตกมานานหลายเดือนแล้วแต่ยังไม่อยาก cut loss ตอนนี้ก็คอยดูว่าเมื่อไรหุ้นตัวนี้ราคาจะขึ้นพอได้กำไรเล็กน้อยก็จะขาย หรือท่านเห็นว่าควรรีบ cut loss แล้วนำเงินไปซื้อหุ้นตัวอื่นที่มีสภาพคล่องดีกว่าคะ? TMB ซื้อตามกระแสที่ได้รับจากกระทู้ต่าง ๆ ในห้องสินธร เมื่อวานขายทำกำไรไปแล้วได้มา 2 หมื่นกว่าบาทสำหรับตัวนี้ค่ะ อ้อ...แล้วที่ถามนี่เพื่อจะนำไปเป็นข้อมูลเพื่อวิเคราะห์แล้วมาให้ความเห็นและคำแนะนำ หรือว่าถามเพื่อจะเลียนแบบวิธีการและเหตุผลในการซื้อขายที่ใช้อารมณ์หรือเปล่าคะ...อิอิอิ!! อ้าววว...ตอนแรกถามเหตุผลในการซื้อขายหุ้น 3 ตัวก็เลยชี้แจงซะยาว ทำมายมาแก้ไขข้อความใหม่เดี๋ยวผู้อ่านจะงงนะคะว่าตอบไม่ตรงคำถาม...555 ขอขอบคุณนะคะสำหรับคำเตือนจะได้ระมัดระวังด้วยค่ะ แก้ไขเมื่อ 08 ก.ย. 53 07:06:11 จากคุณ : ยากแท้หยั่งถึง เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 07:03:15

ความคิดเห็นที่ 3 ตัวที่คุณเล่นนี่ ผมว่าราคาถ้าขึ้นก็ขาย ลงแล้วซื้อนี่เล่นได้นะครับ แต่ให้คิดว่าขอให้มีสเปซเพียงพอในการช็อตด้วย ถือแบบนี้ผมเรียกว่าถือเอาหุ้นครับไม่ใช่ถือเอาเงิน ขึ้นก็ขายพอลงก็เอาเงินเดิมมาซื้อให้ได้หุ้นมากขึ้น แต่สำคัญคืออย่าขาดทุนเวลาขายจากต้นทุนเดิม เพราะไม่งั้นหุ้นจะหดไปเรื่อยๆ ส่วนถ้าไม่ลงก็ไม่เล่นตัวนั้นอีก นอกจากดูแล้วว่าอนาคตมาอีกรอบ ก็ทำต้นทุนใหม่ วิธีนี้ไม่รับประกันว่าใครจะใช้ได้เสมอไปนะครับ เพียงแต่เสนอให้เห็นอีกมุมนึงเท่านั้น จากคุณ : ฮะ ว่าไงนะ เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 07:09:28

ความคิดเห็นที่ 4 . จากคุณ : ว่าไงนะ ฮะ (yai-cho) เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 07:54:35

ความคิดเห็นที่ 5 อ่านดูแล้ว  ผมคิดว่าสิ่งที่คุณยากแท้หยั่งถึงทำได้ดีแล้วคือ รู้จัก คัทลอส   อันนี้เป็นสิ่งที่ทำได้ยากสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ๆ กว่าผมจะคัทลอสเป็น  ต้องใช้เวลาเกือบยี่สิบปี !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ที่อยู่มาได้จนทุกวันนี้   ก็คงเหมือนกับที่โซรอสบอกไว้ประมาณว่า ลงทุนผิดหรือถูก  ก็ยังไม่สำคัญเท่ากับ กำไรที่ได้จากการลงทุนถูก   ต้องมากกว่าขาดทุนที่ได้จากการลงทุนผิด อ่านแล้ว  เห็นด้วยมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ความจริงที่ผมบอกว่า "คนคำนวณหรือจะสู้ฟ้าลิขิต" มันเป็นแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น อีกครึ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือ "แต่ก่อนที่ฟ้าจะลิขิต   คนต้องคำนวณมาก่อนฟ้า" ความหมายก็คือ  ถ้าพกแต่ดวงมาเล่นหุ้น เล่นแล้วได้เงิน ก็เดินเข้าบ่อนการพนันดีกว่า   ง่ายพอๆกัน  ถ้าเราคิดว่าตลาดหุ้นเป็นบ่อน แถมเข้าบ่อนได้เงินเร็วกว่า  เพราะฟ้าลิขิตดวงมาให้แล้ว แต่ตลาดหุ้นมันเป็นมากกว่าการพนัน  และเรื่องดวง นักลงทุนจึงต้องขวนขวายหาความรู้   ที่เหมาะสมกับความสามารถตามปัจจัยพื้นฐานของตัวเองให้ได้ อย่างผม   สามารถถือหุ้นคิดว่ามันดีๆ  ได้ไม่จำกัดเวลา ความสามารถนี้  มันก็เหมาะสมกับความรู้แบบงูๆปลาๆเรื่องงบการเงินพอดี ลองไปอ่าน endophine model  ดุให้ดีๆครับ ยังไงก็ขอให้คุณยากแท้หยั่งถึง ประสพความสำเร็จในการลงทุนอย่างยั่งยืน ด้วยแนวทางที่หาจนพบและเหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานของตัวเอง สำหรับผม  จะตัดสินว่าจะอยู่ได้หรือไม่ในตลาดหุ้น ต้องใช้เวลาอย่างน้อยๆ  ๙ ปี คืออยู่จนครบหนึ่งวงจร  ของขาขึ้นครั้งใหญ่และขาลงครั้งใหญ่ของหุ้น ของผมต้องรอเกือบ "ยี่สิบห้าปี" กว่าจะสามารถชักเงินต้นออกมาปีละสองเท่ากว่าๆ ของเงินที่ใส่ลงในตลาดหุ้น   จากการกระทำของคนในบริษัทจดทะเบียนผ่านเงินปันผลรับ @ แก้ไขเมื่อ 08 ก.ย. 53 08:41:27 แก้ไขเมื่อ 08 ก.ย. 53 08:25:52 จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 08:15:16

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าวันอาทิตย์นี้ว่าง เชิญคุณยากแท้หยั่งถึง   มาร่วมพบปะพูดคุยกับเพื่อนนักลงทุนได้ ยังมี่ที่ว่างเหลืออยู่อีกสองสามที่ครับ @ จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 08:19:29

ความคิดเห็นที่ 7 กำไรแบบจับต้องได้ ดีกว่ากำไรทางบัญชี ครับ จากคุณ : วิญญาณเทวดา เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 08:28:56

ความคิดเห็นที่ 8 สวัสดีค่ะคุณฮะ ว่าไงนะ, คุณ yai-cho, คุณวิญญาณเทวดา และคุณ endophine ขอบพระคุณคุณ endophine เป็นอย่างมากเลยนะคะสำหรับคำแนะนำ อ่านแล้วต้องนำไปคิดทบทวนอย่างหนักเลยค่ะ เพราะเป็นคำแนะนำที่ไม่เคยคิดว่าจะต้องคิดและทำเช่นนั้น โดยเฉพาะเรื่องการที่จะตัดสินว่าจะอยู่ได้หรือไม่ในตลาดหุ้น ต้องใช้เวลาอย่างน้อยๆ  ๙ ปีเลยหรือคะเนี่ย แล้วระหว่าง ๙ ปีนี้เราจะต้องล้มลุกคลุกคลานขนาดไหน นึกภาพระหว่างทางแล้วชักจะเสียวซะแล้วค่ะ ไม่น่าเชื่อว่าเซียนผู้ประสบความสำเร็จอย่างคุณ endophine ยังต้องใช้เวลาถึง 20 ปี ในการเรียนรู้ที่จะ cut loss เป็น สำหรับตัวเองที่ผ่านมาไม่คิดว่า cut loss เป็นแต่เป็นการทำไปเพราะความ "กลัว" มากกว่าค่ะ กลัวว่าหุ้นจะตกลงต่อเนื่องและเสียโอกาสในการนำเงินไปลงทุนในหุ้นตัวอื่นที่ดูมีอนาคตกว่า แต่ก็ไม่ได้ทำกับหุ้นทุกตัวซึ่งจากภาพในพอร์ตจะเห็นว่ายังมีหลายตัวที่ขาดทุนมากแต่ไม่ได้ cut loss ค่ะ ================================================= ลงทุนผิดหรือถูก  ก็ยังไม่สำคัญเท่ากับ กำไรที่ได้จากการลงทุนถูก   ต้องมากกว่าขาดทุนที่ได้จากการลงทุนผิด ================================================= เห็นด้วยอย่างยิ่งเช่นกันค่ะกับข้อคิดข้างต้นของเจ้าพ่อวงการหุ้น โซรอส แต่ไม่ง่ายเลยนะคะที่จะทำให้กำไรที่ได้จากการลงทุนถูกมากกว่าขาดทุนที่ได้จากการลงทุนผิด คงต้องศึกษาค้นคว้าอย่างมากจริง ๆ และให้เรื่องของลิขิตฟ้าเป็นแค่โชคหรือดวง ที่มาช่วยให้ประสบความสำเร็จได้มากขึ้นเท่านั้นนะคะ คุณ endophine ต้องใช้เวลารอเกือบ "ยี่สิบห้าปี" กว่าจะสามารถชักเงินต้นออกมาปีละสองเท่ากว่าๆ ของเงินที่ใส่ลงในตลาดหุ้น   จากการกระทำของคนในบริษัทจดทะเบียนผ่านเงินปันผลรับ Oh My God!! ต้องคอยอีกตั้ง "ยี่สิบห้าปี" เลยหรือคะเนี่ย?? แต่ถ้าคอยแล้วสามารถชักเงินต้นออกมาปีละสองเท่ากว่าๆ แบบที่คุณ endophine กำลังทำอยู่ ก็น่าคุ้มค่ากับการรอคอย งั้นจะอดทน "คอย" ๆๆๆๆ ค่ะ และขอขอบคุณสำหรับบทกลอนประกอบภาพถ่ายเป็นอย่างยิ่งเลยนะคะ สุดยอดทั้งภาพประกอบและบทกลอนที่กินใจจริง ๆ ค่ะ นับถือฝีมือในการเขียนกลอนได้รวดเร็วและสวยงามมาก ๆ เลยค่ะ!! ซู๊ดดดดดดดด ยอดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!! แก้ไขเมื่อ 08 ก.ย. 53 08:45:33 จากคุณ : ยากแท้หยั่งถึง เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 08:42:24

ความคิดเห็นที่ 9 ทำได้ดีแล้วครับ แต่อาจซื้อคืนเร็วเกินไปนิด (หากคุณอัดไปเต็มพอร์ตแล้ว) อาจเป็นเพราะเริ่มเข้าตลาดตอนขาขึ้น จึงไม่ได้วางเงินไว้รับของถูก เห็นเฮียฯจะไปมีตติ้งกันอีกแล้ว เสียดายผมติดธุระหลายอย่างอาทิตย์นี้ ไม่งั้นจะขอตามไปเก็บเกี่ยวความรู้บ้าง จากคุณ : พ่อโปรเจ็กต์ เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 08:43:09

ความคิดเห็นที่ 10 สวัสดค่ะคุณพ่อโปรเจ็กต์ ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นค่ะ ที่ไม่ได้วางเงินไว้รับของถูกก็อย่างที่เรียนไว้ข้างต้น คือเป็นคนที่เห็นเงินค้างอยู่ในพอร์ตไม่ได้ต้องรีบใช้ค่ะ ต่อไปคงต้องหัดฝึกให้มีนิสัยอดทนมาก ๆ แล้วค่ะ == ความคิดเห็นที่ 6     ถ้าวันอาทิตย์นี้ว่าง เชิญคุณยากแท้หยั่งถึง   มาร่วมพบปะพูดคุยกับเพื่อนนักลงทุนได้ ยังมี่ที่ว่างเหลืออยู่อีกสองสามที่ครับ จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 08:19:29 == ขอบพระคุณมากนะคะคุณ endophine สำหรับเทียบเชิญ ดูท่าทางน่าสนใจมากเลยนะคะ แต่เป็นคนขี้อายและขี้กลัวค่ะ ดูเหมือนทุกท่านสนิทสนมกันอยู่แล้วจากการเคยได้เข้าไปอ่านในกระทู้คุยโขมงฯ กลัวว่าไปถึงจะไปนั่งเป็นรูปปั้นอย่างเดียวทำให้งานกร่อยได้นะคะ จากคุณ : ยากแท้หยั่งถึง เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 08:54:29

ความคิดเห็นที่ 11 พี่ยากแท้หยั่งถึง   เล่น หุ้น   หวัง อะไร จาก ตลาด หุ้น ละครับ หาก หวัง เงนปันผล ก็ ลองคิดคิด ดูว่า  คุ้มไหม ครับ หวังว่า  กำไร จากส่วนต่างราคา  ก็เก็งกำไร ขาดทุน เราเข้ามาในตลาดทุนนี้  หวัง เพียงกำไร ใช่ไหม ครับ ลองดู ลองเล่น http://click2win.settrade.com/SETClick2WIN/index.jsp SET-TFEX Click2WIN 2010 เกมลงทุนหุ้น-อนุพันธ์ ออนไลน์ เพิ่มประสบการณ์ในนี้  ก็ได้ นะครับ ได้รางวัล  ถือว่าโบรคเกอร์  คืน ค่า คอม ที่เราเสียให้เขาไป  555 จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 08:57:48

ความคิดเห็นที่ 12 อยากให้ลองใช้ pe ตลาดเป็นจุดสังเกตุด้วยครับว่า ตลาดมันร้อนแรงเกินไปหรือยัง ช่วงที่ดัชนีเราวิ่งไป 1700 จุด pe ในขณะนั้น 24-25 จีงเกิดการทำกำไรของต่างชาติแบบขายทุกราคา แต่ขณะนี้ตลาดบ้านเรา pe อยู่ประมาณ  14.30 ซึ่งอยู่ในระดับที่ไม่สูงไม่ต่ำ ผมจึงมองว่าไม่น่ากลัวเท่าไหร่ การ take profit บ้างเป็นเรื่องปกติ ดู pe ตลาดได้ที่นี่ครับ http://marketdata.set.or.th/mkt/marketsummary.do?language=en&country=US จากคุณ : โต้คลื่น เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 09:03:48

ความคิดเห็นที่ 13 สวัสดีค่ะคุณ sandee.kung, เรียนตามตรงว่าตอนนี้ยังสับสนว่าควรจะเดินไปทางไหนดี ตอนแรกคิดว่าหวังได้กำไรจากส่วนต่างราคา แต่ถ้าซื้อแล้วหุ้นราคาตกก็คงจะต้องทำตัวเ็ป็น VI จำเป็นคอยเงินปันผล และเมื่อราคาหุ้นขึ้นมีส่วนต่างราคาดีก็จะรีบขายโดยไม่หวังเงินปันผล ตอนนี้คงจะต้องคอยคำแนะนำเพิ่มเติมจากทุกท่านไปเรื่อย ๆ ก่อน แล้วนำคำแนะนำมาพิจารณาปรับใช้ให้เหมาะกับตัวเองค่ะ ขอบคุณมากสำหรับ link click2win ค่ะ จะลองหาเวลาทดลองเล่นดู แต่ตอนนี้เล่นของจริงคือซื้อขายหุ้นในตลาดจริงแล้วก็อาจจะไม่อยากเล่นเกมก็ได้ค่ะ จากคุณ : ยากแท้หยั่งถึง เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 09:06:49

ความคิดเห็นที่ 14 แวะมาชมพอร์ตครับ "ขายหมูไม่เป็นไร ขอแค่มีกำไรทุกรอบก็พอ" ขอให้เฮงๆๆ รวยๆๆๆนะครับ จากคุณ : jek ae เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 09:10:03

ความคิดเห็นที่ 15 สวัสดีค่ะคุณโต้คลื่น ขอบคุณสำหรับคำแนะนำและ link ดู P/E ในตลาดค่ะ ที่จริงดูไม่เป็นและไม่ค่อยเข้าใจในเรื่องนี้เท่าไร แต่จากคำแนะนำของคุณโต้คลื่นว่า P/E ตอนนี้ยังไม่สูงมาก ทำให้รู้สึกสบายใจว่าในระยะใกล้ ๆ นี้ยังปลอดภัยสำหรับน้องใหม่ในการลงทุนอยู่ จากคุณ : ยากแท้หยั่งถึง เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 09:12:45

ความคิดเห็นที่ 16 ที่ว่า pe ในขณะนี้ไม่น่ากลัวก็เพราะ peของเราอยู่ในระดับเดียวกับpeของตลาดเพื่อนบ้าน แต่ ผลตอบแทนเราอยู่นระดับ 3 (yield) จากคุณ : โต้คลื่น เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 09:14:18

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณคุณ jek ae สำหรับกำลังใจค่ะ ใหม่ ๆ ตอนขายหมูไปแล้วรู้สึกเสียใจตลอดเลยค่ะ ตอนนี้เริ่มทำใจได้แล้วเพราะคิดแบบที่คุณ jek ae แนะนำค่ะ == "ขายหมูไม่เป็นไร ขอแค่มีกำไรทุกรอบก็พอ" == จากคุณ : ยากแท้หยั่งถึง เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 09:15:55

ความคิดเห็นที่ 18 ความหมายของ pe อัตราส่วนราคาต่อกำไร(PE Ratio)ของหุ้นคือ อัตราส่วนของราคาหุ้นที่ซื้อขายในปัจจุบัน กับกำไรต่อหุ้นที่เราต้องการวิเคราะห์ อัตราส่วนนี้จะบอกว่าราคาหุ้นปัจจุบันนั้นเมื่อเทียบกับกำไรต่อหุ้นนั้นมีค่าเท่าไร เช่น หุ้นราคา 10 บาท กำไรต่อหุ้น 1 บาท PE = 10 หรือจะแปลความหมายได้ว่า ถ้าเราซื้อหุ้นบริษัทนี้เราจะต้องจ่ายเงินไปล่วงหน้าถึง 10 เท่า หรือต้องรอให้บริษัททำกำไรคืนให้เราสิบเท่า ถ้าหากว่าบริษัทนั้นทำกำไรปีละ 1 บาท ไปเรื่อยๆ เราต้องรอถึงสิบปี หลังจากสิบปีไปแล้วเราถึงจะได้กำไร หรือคืนทุนใน 10 ปีนั่นเอง แต่ถ้าหากว่าบริษัทนั้นทำกำไรได้รวดเร็วขึ้น เราอาจไม่ต้องรอถึงสิบปีก็ได้ http://www.huayuanjie.net/webboard/viewtopic.php?p=18409&sid=d3eda219209945e705eb6afa55ff2f32 ::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::: ยกตัวอย่าง true  pe = 64.64 ถ้าหุ้นตัวนี้พื้นฐานไม่เปลี่ยน เช่นประมุล 3 g ไม่ได้ การบริหารแบบเดิม รายรับแบบเดิม ณ.ราคานี้ ถ้าเราจะนอนรอกินปันผลก็ 64 ปี ครับถึงจะได้ทุนคืน ผมไม่ได้หมายความว่าหุ้น true ไม่ดี หรือต้องขายทิ้งนะครับ แต่หมายความว่าเมื่อเราจะเข้าทำการลงทุนกับหุ้นตัวไหน ก็ให้นึกถึงว่าเราจะไปลงทุนกับเพื่อน ถ้าเขาบอกว่า " คืนทุนภายใน 10 ปี 20 ปี หรือ 60 ปี" เราจะลงไหม? ดังนั้นการตัดสินใจต้องไวครับว่า หุ้นที่เรามีอยู่เล่นฉาบฉวย หรือจะเลี้ยงเป็นหุ้นเป็ดทองคำ จากคุณ : โต้คลื่น เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 09:31:19

ความคิดเห็นที่ 19 #18 คุณโต้คลื่น == ยกตัวอย่าง true  pe = 64.64 ถ้าหุ้นตัวนี้พื้นฐานไม่เปลี่ยน เช่นประมุล 3 g ไม่ได้ การบริหารแบบเดิม รายรับแบบเดิม ณ.ราคานี้ ถ้าเราจะนอนรอกินปันผลก็ 64 ปี ครับถึงจะได้ทุนคืน == โห...เพิ่งจะทราบนะคะว่า true  pe = 64.64 แบบนี้หมายความว่าไม่มีสิทธิ์ได้รับเงินปันผลจาก True เลยหรือเนี่ย?? แต่ถ้าเราซื้อเพื่อเก็งกำไรส่วนต่างก็ทำได้เรื่อย ๆ ใช่ไหมคะ? จากคุณ : ยากแท้หยั่งถึง เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 09:37:30

ความคิดเห็นที่ 20 ครับ ลงทุนแบบเก็งกำไร หรือลงทุนแบบหวังปันผล โตไปกับมัน ก็ต่างกันครับ แบ่งพอร์ตดูครับ ตัวไหนจะกอดกับมันจนแก่เ ตัวไหนจะเล่นแบบตีหัวเข้าบ้าน ก็ต้องใช้วิธีต่างๆกันครับ จากคุณ : โต้คลื่น เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 09:48:15

ความคิดเห็นที่ 21 ลืมตัดแปะรูปนี้ให้คุณยากแท้หยั่งถึงดู ที่ผมว่า ๙ ปี มาจากแนวคิดนี้ครับ ส่วนเรื่องขี้อายพูดไม่เก่ง ไม่กล้าไปงานมีตติ้ง ก็มานั่งฟังเฉยๆ ก็ได้ ฟังคนอื่นนั่งเม้าท์กันไป บางคนพาภรรยา  ที่ไม่รู้เรื่องหุ้นมาด้วย อันนี้ซิ  น่าเป็นห่วงแทนว่า  จะทนฟังคนอื่นพูดเรื่องที่นาเบื่อได้กี่นาที @ จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 09:58:00

ความคิดเห็นที่ 23 #20 คุณโต้คลื่น ปัญหาและความยากก็คือเราจะทราบได้อย่างไรว่า เราควรจะแบ่งพอร์ตว่าตัวไหนจะกอดกับมันจนแก่ และตัวไหนจะเล่นแบบตีหัวเข้าบ้านอย่างที่คุณโต้คลื่นว่า สงสัยต้องใช้เวลาถึง 25 ปีอย่างที่คุณ endophine ทำหรือเปล่าอ่ะ?? จะอดทนและมีชีวิตยืนยาวได้อีก 25 ปีหรือเปล่าก็ไม่รู้!!!! ภาพประกอบสวยงามมากค่ะ น่าชมเชยคนสร้างบ้านหลังนี้ได้น่ารักและสร้างสรรจริง ๆ ค่ะ จากคุณ : ยากแท้หยั่งถึง เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 10:00:42

ความคิดเห็นที่ 24 จะถือยาวแนวVI ต้องไปศึกษาอุตสาหกรรมหรือตัวธุรกิจเป็นสำคัญ อย่ายึดติดกับราคาที่แกว่งขึ้นแกว่งลง ซื้อหุ้นเหมือนซื้อธุรกิจ ต้องมองแนวโน้มของธุรกิจในอนาคตให้ออก ว่าจะมีการเติบโตไปได้แค่ไหน ต้องประเมินมูลค่าที่เหมาะสมที่ควรจะเป็น ก็จะรู้ว่าหุ้นตัวนี้ยังไม่แพงเข้าซื้อได้ แล้วถือรอไปเรื่อยๆจนกว่าจะถึงมูลค่า หรือเต็มมูลค่าในใจ เมื่อเต็มมูลค่าแล้ว ถ้าพื้นฐานยังดี มีปันผลต่อเนื่อง พื้นฐานไม่เปลี่ยนก็ไม่ควรจะขาย จะขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยนหรือไปเจอตัวอื่นที่ดีกว่า ป.ล ลองอ่านหนังสือของ ดร.นิเวศน์ เยอะๆ จะได้ไอเดียดีๆมาปรับใช้ จะเข้าใจแนวทางมากขึ้นครับ แก้ไขเมื่อ 08 ก.ย. 53 10:51:03 จากคุณ : jek ae เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 10:49:48

ความคิดเห็นที่ 25 #21 คุณ endophine ขอบคุณสำหรับรูปแสดงแนวคิดเรื่อง ๙ ปีวัฏจักรหุ้นขึ้นลงครั้งใหญ่ ไม่ทราบว่าเรื่องวัฏจักรการขึ้นลงของหุ้นครั้งใหญ่นี่เป็นความจริงที่มีการพิสูจน์โดยสถิติจริงหรือคะ ถ้าเป็นจริงเช่นนั้นตอนนี้ก็ยังมีเวลาอีก 8 ปี 5 เดือนสำหรับอยู่ในตลาดหุ้น เพื่อรอดูว่าจะตัดสินใจว่าจะอยู่ในตลาดหุ้นได้หรือไม่ซินะคะ เวลาที่ยาวนานขนาดนี้อาจจะทำให้กลายเป็นเศรษฐีน้อย ๆ หรือยาจกก็ได้เลยนะคะเนี่ย แต่ถ้าเราไม่หวังเป็นเศรษฐีและไม่ต้องการเป็นยาจก แล้วขออยู่ในตลาดหุ้นไปเรื่อย ๆ โดยมีค่าขนมประทังชีวิตได้นาน ๆ ก็น่าจะดีนะคะ เรื่องขี้อายพูดไม่เก่งแล้วนั่งฟังเฉย ๆ นี่ถนัดอยู่แล้วค่ะ แต่กลัวว่าคนที่คุยให้รูปปั้นฟังจะเบื่อซะก่อนก็จะไม่สนุกกันเปล่า ๆ ทำให้ไม่อยากจะคบด้วยก็จะยิ่งทำให้คนขี้อายขี้กลัวเสีย self นะคะ!!     จากคุณ : ยากแท้หยั่งถึง เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 11:08:30

ความคิดเห็นที่ 26 #24 ขอบคุณมากนะคะ jek ae สำหรับคำแนะนำ ก่อนเข้ามาในตลาดหุ้นก็ได้ซื้อหนังสือมาหลายเล่มรวมทั้งของดร.นิเวศน์ด้วยค่ะ แต่ปรากฏว่าหนังสือยังอยู่บนหิ้งในสภาพที่ใหม่เอี่ยมอ่านยังไม่จบเลยค่ะ ขอเวลาอีกสักนิดถ้าจะเอาดีทางด้าน VI ก็คงต้องบังคับตัวเองให้ขยันอ่าน และตั้งใจศึกษาอย่างจริง ๆ จัง ๆ แล้วค่ะ กำลังจะตอบ คห. ที่ 22 แต่น่าเสียดายที่ถูกลบไปก่อนแล้ว ไม่ทราบมีคำต้องหามอะไรหรือเปล่าจึงถูกลบ?? v v จากคุณ : ยากแท้หยั่งถึง เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 11:16:54

ความคิดเห็นที่ 27 แวะมาทักทายค่ะ คุณยากแท้ฯ สวัสดีพี่ๆทุกท่านที่ให้ความรู้ด้วยนะคะ ตามมารับความรู้ดีดีค่ะ 1วัฏจักร= 9ปี จะอยู่ถึงไหมนี่ รอลุ้น ขอบคุณค่ะ^^ จากคุณ : สูโด เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 11:40:21

ความคิดเห็นที่ 28 เรื่อง ๙ ป๊ ก็แค่กะคร่าวๆ คิดว่าน่าจะครอบคลุมถึง ช่วงหุ้นขาขึ้นครั้งใหญ่ ไปจนถึงช่วงหุ้นขาลงครั้งใหญ่ อย่างสูงสุดในปี ๒๕๔๖  มาต่ำสุดในปี ๒๕๕๑   ใช้เวลาห้าปี  จาก ๒๕๕๑ บวกไปอีกสี่ปี ก็จะเป็นปีที่  กระทิงคลั้งสุดขีด ถ้าคิดเล่นๆ  ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงเริ่มขาขึ้นครั้งใหญ่ เป็นปีที่สอง ยังมีเวลาสนุกกับขาขึ้นครั้งใหญ่ได้อีกสองปี ตัดแปะมาให้ดูว่า สมัยก่อน  เขาเล่นกันดุเดือดขนาดไหน จากจุดต่ำสุดของหุ้น  ไปยังจุดเกือบสูงสุด ใช้เวลาแค่สิบเดือนเท่านั้น @ จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 11:43:49

ความคิดเห็นที่ 29 สวัสดีค่ะคุณสูโด ขอบคุณที่เข้ามาทักทายในกระทู้เช่นเคยค่ะ เรามารอลุ้นวัฏจักรรอบใหญ่ตามที่คุณ endophine บอกมากันนะคะ คุณ endophine คะ ไม่น่าเชื่อเลยว่าตลาดหุ้นจะดุเดือดขนาดนี้ หุ้น KK จากราคา 0.90 ในวันที่ 01/08/1998 ขึ้นพรวดไปที่ราคา 74.50 ในวันที่ 01/06/1999 ถ้าเป็นเช่นนี้นักลงทุนที่ถือหุ้นไว้จำนวนมากตอนราคา 0.90 บาท ก็จะรวยแค่ภายในเวลาเพียง 10 เดือน แต่ในทางกลับกันถ้าราคาหุ้นตกลงจาก 74.50 บาทเป็น 0.90 บาท คนที่ถือหุ้นตัวนี้จำนวนมากก็จะต้องขาดทุนจำนวนมหาศาลเช่นกัน ตอนแรกก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าคนที่เคยมีเงินในพอร์ตเป็นร้อยล้าน แต่สามารถขาดทุนย่อยยับหมดตัวได้อย่างไร???? ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง แต่เรื่องราคาของหุ้นบางครั้งการศึกษาวิเคราะห์อย่างดีก็ไม่อาจรับประกันได้ว่า หุ้นตัวนั้นปลอดภัยและน่าลงทุน เคยมีคนรู้จักซื้อหุ้น ITV ซึ่งได้มีทีมงานศึกษาวิเคราะห์หุ้นตัวนี้มาอย่างละเอียดรอบคอบ จากนั้นจึงตัดสินใจลงทุน แต่พอเกิดเหตุการณ์ที่เราทราบกันแล้วเขาขาดทุนทันทีเป็นเงิน 200 ล้านบาท!!! ถ้าเป็นเช่นนี้เราจะถือว่าเป็นเรื่องของฟ้าลิขิตได้หรือไม่หนอ??? ตลาดหุ้นดุน่ากลัวจริง ๆ ค่ะ อย่างเช่นเช้านี้ SET ก็ร่วงติดต่อจากเมื่อวานนี้ ทำให้หุ้นแดงเถือกเต็มไปหมด ตอนนี้หุ้นในพอร์ตบาดเจ็บกว่าภาพที่แสดงไว้ข้างต้นอีกค่ะ จากคุณ : ยากแท้หยั่งถึง เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 12:12:32

ความคิดเห็นที่ 30 ผมแอบหวังไว้เหมือนกันครับ เรื่องขาขึ้นครั้งใหญ่ ระยะสั้น จากที่เคยสังเกตเห็นลักษณะการแบ่งกลุ่มลากขึ้นมา จาก fund flow ระยะยาว จากความเชื่อที่ว่าเงินในระบบเพิ่มขึ้นมหาศาลจากการแปลงสภาพทรัพยากร จากข้อสังเกตว่าคนรุ่นใหม่เริ่มต้นลงทุนเร็วขึ้น จากการที่รัฐบาลส่งเสริมการออมและการลงทุนมากขึ้น ผมห่วงอยู่เรื่องเดียว ความยุ่งยากทางการเมืองการปกครองของบ้านเรา มันซับซ้อนเกินกว่าจะมีข้อยุติง่ายๆ แต่ก็มีข้อดีของมัน คือทำให้ผมไม่กล้าขายบ้านขายรถมาซื้อหุ้น จากคุณ : พ่อโปรเจ็กต์ เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 12:21:36

ความคิดเห็นที่ 31 พอดีได้ไปศึกษาที่เวปไทยวีไอมาครับ เมื่อก่อนผมจะเน้นเดย์เทรดปัจจุบันเล่นเป็นส่วนน้อย มึแนวคิดมาฝากไม่รู้จะพอได้หรือเปล่าครับ จากคุณ : หมูน้อย (อัศวินม้าไม้) เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 12:26:56

ความคิดเห็นที่ 32 แป่ะไว้ก่อน เดี๋ยวมาอ่านน้า ^0^ จากคุณ : nusarathi เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 12:28:38

ความคิดเห็นที่ 33 และก็ข้อคิดที่คมกริบอีกอันหนึ่งของพี่ลูกอิสานหรือเปล่าก็ไม่ทราบ ขออนุญาตนะครับ จากคุณ : อัศวินม้าไม้ เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 12:29:01

ความคิดเห็นที่ 34 คคห. 33 คุ้นๆ  ว่าเป็นคำแนะนำของปรมาจารย์...เฮียเอ็นโด ครับ   จากคุณ : ธราธิป เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 13:34:39

ความคิดเห็นที่ 35 ได้เห็นและผ่านวัฎจักรครบรอบ ถือเป็นประสบการณ์สูงสุดที่หาที่ไหนมิืได้ +ประสบชัยในการลงทุน ...นับถือค่ะ สุดยอดเลย ^ ^ จากคุณ : ฟองเต้าหู้ในน้ำซุป เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 14:16:00

ความคิดเห็นที่ 36 ตอนนี้ก็ติดดอยเหมือนกัน เคยรอ 1-2 ปี มาแล้ว ก็เลยเฉยๆ จากคุณ : jejeeppe เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 15:47:27

ความคิดเห็นที่ 37 เข้ามารับฟังคำชี้แนะด้วยค่า ^________^ จากคุณ : น้องนู๋ GaZib เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 16:41:14

ความคิดเห็นที่ 38 เข้ามาอ่านหาความรู้ ไม่ค่อยมีใครกล้าโชว์พอร์ตแบบนี้ ชอบคุณจัง จากคุณ : นายฉิม เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 18:06:55

ความคิดเห็นที่ 39 #28 ถามเฮีย endo ครับ ตามรูปวันที่ 6 มค.1999 KK เปิด 29.25 High ไปได้ถึง 74.5 เลยหรือครับ แก้ไข ขออภัยครับ ผมเข้าใจผิดไป ข้อมูลของเฮีย endo สรุปเป็นรายเดือน ตัวเลขต่ำสุดและสูงสุดเป็นของในเดือนนั้น 1/6/1999 คือ เดือน 6 ปี 1999 แก้ไขเมื่อ 08 ก.ย. 53 23:05:49 จากคุณ : ช า ติ เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 18:27:11

ความคิดเห็นที่ 40 ตอนแรกว่าจะไม่ตอบกระทู้ ตั้งใจให้กิ๊ฟเพียงอย่างเดียว แค่เพียงอยากบอกว่าเราไปสมัครเปิดบัญชีวันเดียวกันเลย บังเอิญจังค่ะ  ^_^ จากคุณ : mild.mind เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 18:49:33

ความคิดเห็นที่ 41 ขอบคุณ จขกท และพี่ๆ ที่มาตอบคำถามและให้คำแนะนำ โชคดีมากได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้ ได้ประโยชน์มาก จากคุณ : yamakusang เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 01:22:06

ความคิดเห็นที่ 42 หมู ฉึกฉึก จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 08:41:17

ความคิดเห็นที่ 43 #30 คุณพ่อโปรเจ็กต์ ขอบคุณมากนะคะที่เข้ามาโพสแสดงความคิดเห็น เห็นด้วยกับคุณพ่อโปรเจ็กต์นะคะว่าเราไม่ควรขายบ้านขายรถ เพื่อนำเงินมาลงทุนในตลาดหุ้นที่มีความเสี่ยงในขณะที่การเมืองในบ้านเราัยังไม่นิ่ง แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรการลงทุนในตลาดหุ้น เราควรนำเฉพาะเงินส่วนหนึ่งออกมาลงทุน โดยที่แม้เงินก้อนนี้จะหมดไปก็ไม่กระทบกระเทือนกับชีวิต #31 & 33 คุณ : อัศวินม้าไม้ ขอบคุณมากนะคะสำหรับข้อคิดและหลักปฏิบัติสำหรัง Value Investor ค่ะ อ่านแล้วทำให้รู้สึกว่าตัวเองยังห่างไกลจากคุณสมบัติการเป็น VI ที่ดี และคงต้องศึกษาเพิ่มเติมอีกมากเลยค่ะ #32 คุณ : nusarathi ขอบคุณมากนะคะที่เข้ามาอ่านและทักทายกันเสมอ ๆ #34 คุณ : ธราธิป ขอบคุณมากนะคะที่เข้ามาโพสทักทายค่ะ ที่จริงอยากไ้ด้คำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์เช่น คุณ : ธราธิป ด้วยค่ะ #35 คุณ : ฟองเต้าหู้ในน้ำซุป เห็นด้วยค่ะว่าคุณ endophine เป็นผู้ที่ ประสบชัยในการลงทุน และมีประสบการณ์สุดยอดที่เราสามารถเรียนรู้ได้อย่างมากจากท่านผู้นี้ค่ะ #36 คุณ : jejeeppe หวังว่าจะได้ลงจากดอยเร็ว ๆ เหมือนกันนะคะคุณ : jejeeppe #37 คุณ : น้องนู๋ GaZib จขกท ก็กำลังคอยคำชี้แนะและคำแนะนำจากท่านผู้มีประสบการณ์เหมือนกันค่ะ #38 คุณ : นายฉิม == เข้ามาอ่านหาความรู้ ไม่ค่อยมีใครกล้าโชว์พอร์ตแบบนี้ ชอบคุณจัง == เมื่อก่อนเคยรู้สึกกลัวไม่กล้าโชว์พอร์ต แต่ตอนนี้มาคิดดูใหม่ก็งงตัวเองเหมือนกันว่ากลัวอะไร ทั้งนี้ก็ต้องดูวัตถุประสงค์ด้วยค่ะว่าโชว์เพื่ออะไร ถ้าเป็นการโชว์เพื่ออวดหรือข่มผู้อื่นก็ไม่ควรกระทำ แต่กรณีของ จขกท โชว์เพื่อให้ช่วยวิเคราะห์เนื่องจากยังใหม่กับการลงทุน และไม่แน่ใจว่าแนวทางที่กำลังทำในเรื่องการลงทุนนั้นถูกต้องตามที่ควรจะเป็นหรือไม่ แล้วที่ถูกควรจะเป็นอย่างไร ทั้งนี้คำแนะนำที่จะได้รับนอกจากจะเป็นประโยชน์สำหรับตัวเองแล้ว ก็น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้เข้ามาอ่านด้วยค่ะ #39 คุณ : ช า ติ ตอนแรกก็คิดแบบเดียวกับคุณ ช า ติ เหมือนกันค่ะ แต่แอบมีคำตอบในใจเองว่าสมัยนั้นคงไม่มี Floor/Ceiling 30% จึงทำให้ราคากระโดดจากราคาเปิดขึ้นไปมากมายค่ะ #40 คุณ : mild.mind สวัสดีค่ะ คุณ : mild.mind เห็นชื่อนี้เข้ามาแจก Give อยู่เสมอ ๆ ขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วยนะคะ การเปิดบัญชีวันเดียวกันแบบนี้ก็ต้องมาช่วยกันลุ้นให้พอร์ตการลงทุนของเราทั้งคู่ เขียวสดใสได้กำไรเยอะ ๆ และเฮง ๆ นะคะ #41 คุณ : yamakusang ขอบคุณเช่นกันที่เข้ามาโพสและยินดีที่ได้รับประโยชน์จากกระทู้ค่ะ ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณเหล่าเซียนหุ้นและท่านผู้รู้ทุกท่านที่เข้ามาช่วยแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ค่ะ #42  คุณ : sandee.kung คุณ คุณ : sandee.kung ขายหมูตัวไหนไปหรือคะ..อิอิ? == ขอขอบคุณทุก ๆ ท่านอีกครั้งนะคะที่กรุณาเข้ามาโพสแสดงความคิดเห็นและให้คำแนะนำ เมื่อวานช่วงบ่ายออกไปปฏิบัติภาระกิจนอกสถานที่ทำให้ไม่ได้ลุ้นหุ้นหน้าจอ แต่ก่อนออกได้ตั้งขายหุ้นไว้ 3 รายการโดยตั้งไว้สูง ๆ ซึ่งคิดว่าหากกลับมาแล้วเกิด match ก็ถือว่าไม่ได้ขายหมูเพราะตั้งราคาสูงเกินจริงแบบสุดโต่ง เนื่องจากไม่แน่ใจว่าระหว่างที่เราไม่ติดตามราคาอาจจะวิ่งไปไกลซึ่งอะไรก็เกิดขึ้นได้ แต่ถ้าไม่ match ก็ไม่เป็นไรเอาไว้วันนี้ค่อยลุ้นกันใหม่ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งพฤติกรรมของการซื้อขายหุ้นซึ่งไม่ทราบว่าพวกเราทำกันแบบนี้หรือเปล่า และเป็นพฤติกรรมที่ถูกต้องหรือไม่ซึ่งตอนนี้ก็ยังอยู่ในขั้นของการลองผิดลองถูกอยู่เลยค่ะ แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 53 20:25:51 แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 53 08:44:19 จากคุณ : ยากแท้หยั่งถึง เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 08:42:40

ความคิดเห็นที่ 44 เมื่อวานตั้งขายไม่ได้ พอร์ตตอนตลาดปิดถึงเช้านี้เป็นสีเขียวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับภาพพอร์ตข้างต้นเมื่อวานนี้ โดยเฉพาะ HMPRO ที่แสดงกำไร 14,527 จากขาดทุนพันกว่าบาทเมื่อวาน กำลังคิดว่าหากเช้านี้หุ้นในพอร์ตขึ้นต่อจะรีบขายเฉพาะตัวที่เป็นสีเขียวไปก่อนดีไหม เพราะตอนนี้ถ้าขายตัวที่เป็นสีเขียวทั้งพอร์ตไปก่อนก็จะได้ประมาณ 2 หมื่นบาท ถ้าขึ้นอีกก็จะได้มากกว่านั้น และถ้าทุก ๆ ครั้งหรือทุก ๆ วัน หรือวันเว้นวันหรือหลาย ๆ วันเก็บกำไรได้แบบนี้ทุกครั้งก็ดีนะ แต่ตอนนี้ชักลังเลเรื่องที่จะขาย HMPRO เพราะกลางเดือนหน้าก็จะ XD ได้ทั้งเงินและหุ้นปันผลเพิ่มแล้ว หรือว่าจะขายเก็บกำไรขึ้นมาก่อนแล้วคอยดักซื้อตอนลงอีกทีดี แล้วถ้าไม่ลงแต่กลับขึ้นต่อก็พลาดโอกาสซินะ นี่ไง...ที่ว่าคิดไปได้เรื่อย ๆ ใช้อารมณ์ความรู้สึกล้วน ๆ แบบไม่มีหลักการอะไรเลย จึงต้องมาตั้งกระทู้ให้ท่านผู้รู้ช่วยแนะนำยังไงล่ะคะ จากคุณ : ยากแท้หยั่งถึง เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 09:00:09

ความคิดเห็นที่ 45 แวะเข้ามาออกความเห็นเพิ่มเติม ข้อความในความคิดเห็นที่  ๓๓ ผมเป็นคนเขียนเอง  เหมือนที่คุณธราธิปบอกไว้ครับ เอาภาพราคารายเดือนเต็มๆ  ของ kK  มาให้คุณชาติดูครับ เอาภาพประกอบนี้ ฝากเป็นการบ้านให้คุณยากแท้หยัง่ถึงลองคิดดู คนที่ชอบพูดแต่ยอดซื้อสุทธิ  ยอดขายสุทธิ เท่าโน้นเท่านี้  แล้วจับมาหักลบกัน ให้ลองหักลบ  ซื้อสุทธิตอน ๙๐ สตางค์  มาขายสุทธิที่ ๗๐ บาท หักแล้วยอดซื้อขายสุทธิเท่าๆกัน   แต่ที่แท้ยังเหลือหุ้นในมืออยู่อีกเท่าไร ????? ในความเห็นของผม   ยอดซื้อและขายสุทธิ เป็นตัวเลขที่บอกความจริงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น ผมเลยไม่่ค่อยสนใจตาม   แต่สนใจเรื่อง "อำนาจซื้อของเงิน "   "อำนาจขายของหุ้น"  มากกว่า @ @ แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 53 10:18:13 แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 53 10:16:51 จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 10:13:02

ความคิดเห็นที่ 46 เอาราคาทรู  ตั้งแต่ตอนเข้าตลาดในชื่อย่อว่า TA  มาให้ดูว่า ในทุ่งสังหารของเกมล่าส่วนเกินทุนเขาล่ากันดุเดือดขนาดไหน หุ้นตัวนี้  ตั้งแต่เข้าตลาดมาสิบเจ็ดปี ไม่เคยจ่ายค่าเลี้ยงดูให้ผู้ถือหุ้น   จากการกระทำของคนในบริษัทจดทะเบียนแม้แต่สตางค์เดียว มีแต่ให้ไปหาทางล้วงกระเป๋าเงินกันเอาเองในตลาดหุ้น ตอนนั้น  พวกกูรู้ทั้งหลายเชียร์กันแบบไม่ลืมหูลืมตาว่า ดีอย่างโน้น ดีอย่างนี้  เป็นสุดยอดหุ้นอนาคตโค ตระไกล ทั้งๆที่บริษัทยังไม่ได้กำไรซักบาท @ แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 53 10:43:49 จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 10:23:17

ความคิดเห็นที่ 47 #45 & 46 คุณ endophine ขอบพระคุณมากนะคะคุณ endophine ที่กรุณาแวะเข้ามาให้ความรู้เพิ่มเติม ที่แท้ข้อความใน #33 คุณ endophine เป็นผู้เขียนไว้ตามที่คุณธราธิปว่าไว้จริง ๆ คำจำกัดความที่เขียนไว้ว่า === แนวทางนักลงทุนก็คือ การซื้อหุ้นไปตามกระแสเงินสดที่หมุนเวียนอยู่ในบริษัทหรือผลประกอบการ ส่วนแนวทางเก็งกำไรก็คือ การซื้อหุ้นไปตามกระแสเงินสดที่หมุนเวียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ === ทำให้ต้องมาคิดว่าตนเองควรจะเดินไปทางแนวทางไหนระหว่างนักลงทุนหรือนักเก็งกำไร แต่ไม่เป็นไรใช่ไหมคะเพราะยังมีเวลาตัดสินใจอยู่ในตลาดหุ้นอีกตั้ง 8 ปี 5 เดือน ให้เลือกเล่นไปจนกว่าจะค้นพบแนวทางที่ชอบและถนัดจริง ๆ ส่วนการบ้านที่ฝากให้คิดนั้น ขอสารภาพเลยนะคะว่าสงสัยจะยอมถูกทำโทษฐานไม่มีงานส่ง เพราะเป็นการบ้านที่ยากมากคิดไม่ออกค่ะ แค่เห็นโจทย์ก็มึนแล้วค่ะ === ให้ลองหักลบซื้อสุทธิตอน ๙๐ สตางค์  มาขายสุทธิที่ ๗๐ บาท หักแล้วยอดซื้อขายสุทธิเท่าๆกัน   แต่ที่แท้ยังเหลือหุ้นในมืออยู่อีกเท่าไร ????? === ขออนุญาตลอกการบ้านได้ไหมคะอาจารย์ endophine? แฮ่ ๆๆๆ ส่วนข้อมูลของ TRUE เพิ่งจะทราบว่ามี IPO ที่ 55 บาทและเคยขึ้นไปสูงถึง 163 บาท และใน 17 ปีที่เข้าตลาดไม่เคยมีกำไร!!! ข้อมูลต่าง ๆ ที่คุณ endophine ให้มาทำให้ไม่สงสัยเลยว่า ทำไมจึงประสบความสำเร็จในการลงทุนในตลาดหุ้น เพราะมีการเจาะลึกข้อมูลแบบนี้นี่เอง ที่จริงน่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้เดินรอยตามนะคะ แต่ทำไมรู้สึกว่าหมดแรงลุกขึ้นเดินตามก็ไม่รู้?? สงสัยจะเป็นเพราะขาดทักษะในเรื่องตัวเลขและการเรียนรู้แบบที่ต้องเจาะลึกแบบนี้จริง ๆ ค่ะ ถ้าทำไม่ได้จริง ๆ ก็คงต้องนำข้อคิดข้อที่ 8 ที่คุณ endophine เคยกล่าวไว้ มาเป็นกำลังใจในการโลดแล่นอยู่ในตลาดหุ้นต่อไปได้คือ "คนคำนวณหรือจะสู้ฟ้าลิขิต" ฮ่า ๆๆๆ หวังว่าท่านอาจารย์คงไม่ว่าอะไรนะคะที่อุตส่าห์นำวิชาความรู้มามอบให้ถึงในกระทู้ แต่กลับสรุปดื้อ ๆ ด้วยเรื่องของ "ฟ้าลิขิต" ซะงั้น จากคุณ : ยากแท้หยั่งถึง เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 11:17:22

ความคิดเห็นที่ 48 ทำไมอ่าน คห ๔๕ - ๔๖ แล้วคิดถึงแนวทางของเด็กเทคนิกก็ไม่รู้นะคะ.... ^_^ ชมพอร์ตของคุณยากแท้หยั่งถึงแล้วขอชื่นชมเลยค่ะ โฮมโปรถือทนจริงๆ  ของเราขายไปแล้วเพราะความกลัว ตอนเข้าหาจังหวะเข้าได้  ตอนออกทำไม่เป็น.....พลาดทุกครั้ง สรุปแล้วกำไรที่ได้มาต้องคืนตลาดไปครึ่งนึงเสมอๆ ยังหาทางแก้ไม่ได้เลยค่ะ มาขอรับความรู้เพิ่มเติมด้วยคนนะคะ จากคุณ : mild.mind เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 17:13:07

ความคิดเห็นที่ 49 #48 คุณ : mild.mind สวัสดีอีกครั้งค่ะ คุณ : mild.mind ขอบคุณสำหรับคำชมค่ะ ที่จริงยังห่างไกลจากคำชมมากเลยค่ะ เพราะทุกวันนี้ยังลองผิดลองถูกอยู่เลย ช่วงไหนทำได้ดีก็ถือว่าฟลุ๊ค ส่วนช่วงที่ทำไม่ได้ดีก็ปลอบใจตัวเองว่ายังขาดประสบการณ์ เมื่อวานคิดอยากจะขายหุ้นตัวที่ได้กำไรแต่ติดภาระกิจข้างนอกจึงไม่ได้ขาย พอมาวันนี้ตลาดปิดกำไรสำหรับตัวเขียวหายไปกว่าครึ่งเลยค่ะ ส่วนตัวที่ขาดทุนอยู่แล้วก็ยิ่งขาดทุนเพิ่มมากขึ้น พรุ่งนี้วันศุกร์เหลืออีกหนึ่งวันทำการ ก็ต้องมาลุ้นกันต่อว่าตลาดจะเปิดบวกหรือลบ ถ้าเปิดบวกแต่เช้าและหุ้นตัวที่เราถืออยู่ขึ้น และถ้ามีกำไรเพิ่มขึ้นก็จะรีบขายไม่ถือแล้วค่ะ ตอนนี้คิดว่าจะพยายามฝึกจิตให้รู้จักอดทน โดยจะพยายามเหลือเงินสดในพอร์ตเพื่อคอยเก็บหุ้นราคาถูก แต่ปัญหาก็คือเราจะรู้ได้อย่างไรว่าหุ้นตัวนั้นราคาถูกแล้ว เพราะบ่อยครั้งก็คิดว่าถูกแล้วแต่พอซื้อเสร็จกลับถูกลงกว่าเก่าซะงั้น!!! เอาเป็นว่าลองผิดลองถูกและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปเรื่อย ๆ (หวังว่า) อีกหน่อยก็คงจะเก่งเหมือนคนที่เขาประสบความสำเร็จบ้าง เริ่มเล่นหุ้นวันเดียวกันแบบนี้เรามาช่วยกันลุ้นให้พอร์ตของเราสองคนเขียวสดใสนะคะ หน้าตาพอร์ตหลังตลาดปิดวันนี้ เริ่มคืนกำไรให้ตลาดฯ แล้วค่ะ v v จากคุณ : ยากแท้หยั่งถึง เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 20:19:33

ความคิดเห็นที่ 50 สวัสดีวันหยุดค่ะคุณยากแท้หยั่งถึง     ไม่แน่ใจว่าคุณยากแท้หยั่งถึงยังดูกระทู้นี้อยู่รึเปล่า ขอตอบในกระทู้นี้ละกันนะคะ คุณยากแท้หยั่งถึงลองศึกษาเทคนิคคอลดูสิคะ   พอจะช่วยเรื่องการหาจุดซื้อได้ค่ะ  แต่เรื่องขายเราไม่รู้นะ  อิอิ ยังทำไม่ได้อ่ะค่า   ปล. ปอดเราตอนนี้แดงแล้วค่ะ  เพราะหมูตัวเขียวจับขายหมดแล้ว ที่ซื้อใหม่ดูเหมือนจะยังไม่ทำงาน พลาดเพราะน้องน้ำตาลค่ะ อิอิ  เราลืมดูเทคนิคคอลอ่ะ  อารมณ์ล้วนๆ เลยสำหรับตัวนี้ สงสัยจะเป็นตัวที่ไม่ถูกโฉลกกันน่ะค่ะ  เข้าทีไรเสียทุกที หมูที่ทำตัวเขียวได้คือทิสโก้  แต่ซื้อได้นิดเดียว  เราพลาดที่ไม่ได้เคาะซ้ำอ่ะค่ะ ได้ไม้แรกแล้วลืมติดตาม    ตอนนี้ไม่กล้าซื้อแล้วค่ะ จากคุณ : mild.mind เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 53 08:32:36

ความคิดเห็นที่ 51 สวัสดีค่ะคุณ mild.mind ขอบคุณมากนะคะสำหรับคำแนะนำให้ศึกษาเทคนิคคอลเพื่อช่วยเรื่องการหาจุดซื้อค่ะ ยอมรับเลยค่ะว่าไม่มีไอเดียเรื่องนี้เลยแม้กระทั่งคำว่าเทคนิคคอลว่าหมายถึงอะไร และจะเริ่มศึกษาที่ตรงไหนและอย่างไร? ทุกวันนี้จึงได้แต่ซื้อขายหุ้นตามข่าวสารข้อมูลและอารมณ์ความรู้สึกอย่างที่เรียนไปแล้วค่ะ คุณ mild.mind เก่งจังนะคะที่มีความเข้าใจเรื่องการหาจุดซื้อได้ ส่วนเรื่องการขายถ้าศึกษาเพิ่มเติมจากความรู้ความเข้าใจที่มีอยู่แล้วก็น่าจะไม่ยากสำหรับคุณนะคะ ท้ายนี้ขออวยพรให้โชคดีในการลงทุนตลอดไปนะคะ       จากคุณ : ยากแท้หยั่งถึง เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 06:03:14