|
ความคิดเห็นที่ 16 |
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 08/09/53
Trading Strategy อ่อนที่ไม่ต่ำกว่า 910 ยังมีลุ้นไปต่อ สรุปภาพตลาดและกลยุทธ์ วานนี้ปรับฐาน SET Index วานนี้ร่วงลง 7.63 จุด มาปิดที่ 923.89 โดยมีการขาย ทำกำไรหุ้นในกลุ่มพลังงาน, รับเหมาก่อสร้าง, วัสดุก่อสร้าง มูลค่าซื้อขาย 4.9 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ ตลาดมีความกังวลว่าทางการไทยอาจออกมาตรการควบคุมเม็ดเงินระยะสั้นที่ไหลเข้ามาในตลาด ไทย นักลงทุนสถาบันในประเทศนำขายสุทธิ 1.7 พันล้านบาท ต่างชาติพลิกเป็นขายสุทธิ 503 ล้านบาท พอร์ตบล.ขายสุทธิ 249 ล้านบาท ส่วนรายย่อยซื้อสุทธิ สำหรับตลาดฟิวเจอร์ส สถาบัน ในประเทศทำ Net Short ส่วนต่างชาติและรายย่อยเป็น Net Long อ่อนที่ไม่ต่ำกว่า 910 ยังมีลุ้นไปต่อ เมื่อวานนี้ตลาดได้มีการปรับฐานไประดับหนึ่ง ซึ่งหากการพักฐานรอบนี้ไม่มาก คือ ยังสามารถยืนเหนือ 910 จุดได้ก็ยังไม่เสียโมเมนตัม แต่ถ้า ต่ำกว่าเริ่มดูไม่ดี ควรลดพอร์ตตาม สำหรับปัจจัยหนุนตลาดหุ้นช่วงนี้ยังคงเป็น Foreign Fund Flow ที่เข้ามาแสวงหาอัตราผลตอบแทนที่สูงกว่าในภูมิภาคเอเชีย ส่วนประเด็นที่จับตา คือ 1) แนวทางในการดูแลค่าเงินบาทของทางการ ว่าจะใช้มาตรการแทรกแซงแบบที่เป็นอยู่ หรือ จะใช้ วิธีเรียกเก็บภาษีเม็ดเงินที่เข้ามาระยะสั้นอย่างที่อินโดนีเซียทำ, 2) ความเคลื่อนไหวของ NGOs ในการอุทธรณ์คดีมาบตาพุดและผลการประชุมนัดพิเศษของคณะกรรมการ 4 ฝ่ายเรื่องประเภท โครงการรุนแรงที่ครม.อนุมัติไปเมื่อสัปดาห์ก่อน และ 3) ตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศชั้นนำ เช่น สหรัฐ, จีน, ยุโรป, ญี่ปุ่น เป็นต้น กลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ที่ให้แบ่งขายทำกำไรไปแล้ว คือ แบงค์ใหญ่ (BBL, KBANK, SCB) และพลังงาน & ปิโตรเคมี (PTT, SCC, PTTCH) ซื้ออ่อนตัว โดยมีเงื่อนไขว่า SET Index ต้องไม่ต่ำกว่า 910 ส่วน BANPU, PHATRA,TVO, IVL, BH, TSTH, TRUE, DTAC, BEC, MCOT, MINT, SCCC, VNG, AH, VNT, LPN, CNT ให้ถือต่อหรือซื้อเพิ่ม เมื่อราคาอ่อนตัว โดยดัชนีไม่ควรหลุด 910 เช่นกัน ด้าน SNC, TMT, DCC, MODERN, CSP, TICON เงินเย็นถือลงทุนยาวรับปันผล สำหรับหุ้นเด่น เลือกเป็น IVL, KTB, TCAP, STEC (ดูวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานได้ใน Intranet)
Key Drivers : - ดัชนีดาวโจนส์ร่วง 107.24 จุด...กังวลปัญหาธนาคารยุโรปและการเพิ่มทุน - ดัชนีแนวโน้มการจ้างงานของสหรัฐเดือนส.ค.53 ลดลงเป็น 96.7 จาก 97.4 ในเดือน ก.ค. - ราคาน้ำมันดิบลดช่วงลบ-บวกเพราะข่าวการระเบิดของโรงกลั่นในเม็กซิโก + ดัชนีค่าระวางเรือ (Baltic Dry Index : BDI) ปรับขึ้นต่อ โดยปิด +37 จุด มายัง 2918 + ราคาทองคำที่ตลาด COMEX ปรับขึ้นเพราะวิตกปัญหาหนี้สินยุโรป โดย +8.20 US$ มาปิดที่ 1,259.30 US$/ออนซ์ - จีน : การผลิตภาคอุตสาหกรรมชะลอตัวลงสู่ 10% ใน 2H10 + DBS Bank ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP Growth ปี 53 ของไทยเป็น 9% (จากเดิม 8%) ส่วนปี 54 คงไว้ที่ 4% ศาลปกครองกลางนัดฟังคำสั่งว่าจะรับฟ้องกรณีกทช.จะเปิดประมูลใบอนุญาต 3G ใน ช่วงบ่ายวันนี้ (เลื่อนมาจากเมื่อวาน) ครม.เห็นชอบร่างกรอบเจรจาความร่วมมือพัฒนารถไฟความเร็วสูงระหว่างไทย-จีน... ตามคาด แต่อีกนานกว่าจะเห็นเป็นรูปธรรม - FDI มุ่งหน้าแซงไทยเข้าเวียดนาม + PTTAR : GIM ดีขึ้นใน 2H53 & เดินหน้ารีไฟแนนซ์หนี้ลดดอกเบี้ยจ่าย...แนะนำ ถือ (แนวต้าน 26, 28 แนวตัดขาดทุน 24)
Top Picks ก.ย.53 : BEC, BANPU, DCC, DTAC, LPN Top Picks หุ้นปันผลสูง : ADVANC, CSL, SPALI, LPN, TMT, MCS, DCC, MODERN, CPNRF,SPF, TICON, CSP หุ้นถูกขายชอร์ตมากวันก่อน : ปริมาณการขายชอร์ตไม่มาก
วิเคราะห์&กลยุทธ์ทางเทคนิค : เน้นรับ แต่หลุดเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันเลิก ระยะสั้น สัญญาณทางเทคนิคเป็นลบเล็กๆ (แม้ทรงตัวเหนือ SMA 10 วัน แต่ปิดต่ำ และมีแรงกดของ สภาวะ Overbought + Divergence) ความน่าจะเป็นของตลาด คือ แกว่งแบบให้น้ำหนักของ การลง แต่อาจฝืนรีบาวน์สั้นๆ ก่อนลง แนวต้าน 930 หรือ 940 ตัดขาดทุนเมือดัชนีหลุด 910 สำหรับ SET50 มีทิศทางเดียวกับตลาดรวม แนวต้าน 640-650 หลุด 620 ให้ตัดขายออกไป กลยุทธ์หลัก : ซื้ออ่อนตัวแต่ต้องเหนือแนวตัดขาดทุน เพื่อขายในจังหวะรีบาวน์ หุ้นเด่น ทางเทคนิควันนี้ คือ TCAP, DCC,CGS, BEC, BH, FOCUS
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ - ดัชนีดาวโจนส์ร่วง 107.24 จุด...กังวลปัญหาธนาคารยุโรปและการเพิ่มทุน โดย สมาคมธนาคารของเยอรมนี ระบุว่าธนาคารขนาดใหญ่ที่สุด 10 แห่งของเยอรมนีต้องเพิ่มทุนอีก 1.05 แสนล้านยูโรเพื่อรองรับความเสี่ยงในอนาคต - ดัชนีแนวโน้มการจ้างงานของสหรัฐเดือนส.ค.53 ลดลงเป็น 96.7 จาก 97.4 ในเดือนก.ค. แต่เพิ่มขึ้น 9.4%YoY บ่งชี้ถึงการจ้างงานที่จะชะลอลง แต่มีแนวโน้มว่าการจ้าง งานจะขยายตัวมากกว่าที่จะลดลงในช่วงหลายเดือนข้างหน้า - ราคาน้ำมันดิบลดช่วงลบ-บวก เพราะข่าวการระเบิดของโรงกลั่นในเม็กซิโก โดย NYMEX 0.51 US$ มาปิดที่ 74.09 US$/bbl ส่วน BRENT +0.87 US$ มายัง 77.74 US$/bbl ในช่วงแรกราคาน้ามันลดลงแรงเพราะกังวลปัญหาภาคธนาคารยุโรป แต่ช่วงลบลดลง มากเนื่องจากมีข่าวการระเบิดของโรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่ในเม็กซิโก + ดัชนีค่าระวางเรือ (Baltic Dry Index : BDI) ปรับขึ้นต่อ โดยปิด +37 จุด มายัง 2918 + ราคาทองคำที่ตลาด COMEX ปรับขึ้นเพราะวิตกปัญหาหนี้สินยุโรป โดย +8.20 US$ มาปิดที่ 1,259.30 US$/ออนซ์ - จีน : การผลิตภาคอุตสาหกรรมชะลอตัวลงสู่ 10% ใน 2H10 เจ้าหน้าที่กระทรวง อุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีนเปิดเผยว่า อัตราการขยายตัวต่อปีของการผลิตใน ภาคอุตสาหกรรมของจีนจะชะลอตัวลงสู่ 10% ในช่วง 2H53 โดยเป็นผลจากมาตรการสกัดกั้น การเก็งกำไรในภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะลดอุปสงค์สำหรับสินค้าทุกอย่างนับตั้งแต่เหล็กกล้าและ ปูนซิเมนต์ไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์ สำหรับการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค. 53 ขยายตัว 13.4%
ปัจจัยในประเทศ & อุตสาหกรรมและหุ้นเด่น + DBS Bank ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP Growth ปี 53 ของไทยเป็น 9% (จากเดิม 8%) ส่วนปี 54 คงไว้ที่ 4% สะท้อนการเติบโตของเศรษฐกิจไทยใน 2Q53 ที่ดีกว่าคาด (โดย +9.1%YoY จากที่ประมาณการไว้ +8.0%YoY) หนุนโดยการใช้จ่ายภาครัฐและเอกชนที่เติบ โตสูง 25%QoQ และ 15%QoQ ตามลำดับ ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนทรงตัว สำหรับการ ชะลอตัวของการผลิตภาคอุตสาหกรรมและการส่งออกในเดือนก.ค.53 มองว่าจะเป็นเพียงชั่ว คราว เพราะจาก PMI Survey ระบุว่าการบริโภคของจีนและสหรัฐใน 3Q53 ยังแข็งแกร่ง นักเศรษฐศาสตร์ของ DBS ประมาณการว่าเศรษฐกิจไทยใน 3Q53 และ 4Q54 จะขยายตัว 8.6%YoY และ 6.2%YoY ตามลำดับ ศาลปกครองกลางนัดฟังคำสั่งว่าจะรับฟ้องกรณีกทช.จะเปิดประมูลใบอนุญาต 3G ใน ช่วงบ่ายวันนี้ โดยเลื่อนมาจากเมื่อวาน ทั้งนี้เมื่อวันที่ 3 ก.ย.53 ทางสหภาพแรงงานของกสท.ได้ ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองกลางเพื่อขอให้มีคำสั่งยกเลิกการประมูลใบอนุญาตระบบ 3G ของก ทช. หรือหากศาลเห็นว่ามีประเด็นที่เคลือบแคลงก็ขอให้ส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ทาง ด้านกทช.จะประกาศรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติในวันที่ 14 ก.ย. และจะเปิดประมูลระหว่างวันที่ 20- 28 ก.ย. โดยราคาประมูลเริ่มต้นอยู่ที่ 1.28 หมื่นล้านบาท ครม.เห็นชอบร่างกรอบเจรจาความร่วมมือพัฒนารถไฟความเร็วสูงระหว่างไทย-จีน โดยจะมี 3 เส้นทางหลัก คือ กรุงเทพฯ-หนองคาย, กรุงเทพฯ-ปาดังเบซาร์ และกรุงเทพฯ-ระยอง หลังจากนี้จะเสนอเรื่องให้รัฐสภาพิจารณาตามกรอบรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ความเห็นทีมกลยุทธ์ Retail : ความร่วมมือดังกล่าวนับเป็นการเริ่มต้นที่ดี แต่คาดว่าจะ ต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะเห็นเป็นรูปธรรม - FDI มุ่งหน้าแซงไทยเข้าเวียดนาม ผลการศึกษาของที่ประชุมสหประชาชาติว่าด้วย การค้าและการพัฒนา (UNCTAD) ระบุว่า กลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ที่สุดของโลกกำลังวางแผนที่จะ เพิ่มการลงทุนระหว่างประเทศในช่วง 2 หรือ 3 ปีข้างหน้า โดย UNCTAD ระบุว่า จีน, อินเดีย และบราซิล ครองอันดับ 1-3 ในกลุ่มประเทศเป้าหมายชั้นนำ สำหรับการลงทุนโดยตรงจากต่าง ชาติ (FDI) จนถึงสิ้นปี 2012 ส่วนสหรัฐลงมาอยู่ที่อันดับ 4 รัสเซียเป็นอันดับ 5 ด้านเม็กซิโก, อังกฤษ, เวียดนาม, อินโดนีเซีย, เยอรมนี เป็นอันดับ 6-10 และไทยเป็นอันดับ 11 ตามมาด้วยโป แลนด์, ออสเตรเลีย, ฝรั่งเศส และมาเลเซีย เป็นอันดับ 12-15 + PTTAR : GIM ดีขึ้นใน 2H53 & เดินหน้ารีไฟแนนซ์หนี้ลดดอกเบี้ยจ่าย ผู้บริหาร คาด GIM (ไม่รวมกำไร/ขาดทุนจากสต็อก) ใน 2H53 จะสูงกว่า 1H53 ที่ 5.58 US$/bbl เพราะความต้องการใช้ดีขึ้นตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย นอกจาก นั้นบริษัทยังมีแผนที่จะรีไฟแนนซ์หนี้วงเงิน 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทำให้ประหยัดดอกเบี้ยจ่ายได้ปี ละ 350 ล้านบาทด้วย แนะนำถือ (ทางเทคนิคมีแนวต้าน 26, 28 และแนวตัดขาดทุน 24) ที่มา อีไฟแนนซ์ไทย วันที่ 08/09/10 เวลา 14:43:51
จากคุณ |
:
(yai-cho)ไม่ใช่ (Genie Neung)
|
เขียนเมื่อ |
:
8 ก.ย. 53 14:45:11
|
|
|
|
|