ความคิดเห็นที่ 1 ความเห็นทางการเมืองของจขกท.อาจไม่ตรงกับเรา แต่ชอบความเห็นของท่านในกระทู้นี้ เราก็G3  ที่พ่อประสบความสำเร็จทางธุรกิจ แต่เราไม่ดูถูกคนจน  คนจนดีๆมีเยอะ  แถมจิตใจสูง จากคุณ : WTKn เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 19:04:35

ความคิดเห็นที่ 2 เถียงกันทําไม...คนขี้เกียจ กินเหล้า.....มักจะจน                ....คนขยัน อดออม........มักจะรวย ไม่มีอะไรร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก แต่ที่แน่ๆ....ไม่เกี่ยวกัจระบบการปกครอง ต่อให้เป็นระบบอะไร หากยัง จน เครียด กินเหล้า ขยันพนัน...ก็มักจะไม่รวย จากคุณ : bird_saimai เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 19:15:17

ความคิดเห็นที่ 3 บางคนไม่รวยซักที ... เพราะไม่รู้จักคำว่าพอ รวยเท่าไหร่ก็ไม่พอ... จากคุณ : มิ่งกลิ้ง เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 19:25:00

ความคิดเห็นที่ 4 ไม่เกียวกับการเมือง นี่สิของจริง เอากีบไปเลยจ้ะ พ่อตะวัน จากคุณ : SassyKate เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 19:33:26

ความคิดเห็นที่ 5 ผมว่าขึ้นอยู่กับขนาดธุรกิจที่คุณทำด้วย และเหตุผลของคุณก็มีส่วนนะ หากอยากเปิดใหญ่ ก็เจอพวกบิ๊กเบ้งหรือเข้ามาทำธุรกิจคนแรกๆ ขวางแน่ๆ หากขนาดเล็กร้านหมูปิ้ง คงแข่งเรื่องอื่นซะมากกว่า ผมเคยคิดจะขายหมูปิ้งนะ ไปถามเรื่องที่ขายกับเทศกิจ เขาไม่ให้ขาย ทั้งๆที่ตรงนั้นมีคนขาย เจ้าเดียว 2 บล๊อกเลยแหนะ.....แข่งขันกันไม่สมบูรณ์เพราะเส้นสาย อิอิ จากคุณ : ยิ้มไว้เมื่อหุ้นลง เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 19:36:30

ความคิดเห็นที่ 6 เวลาที่เขียนถึงว่าตนเองประสบความสำเร็จด้วยความมานะอดทน เราก็ดีใจและชื่นชมด้วย แต่ที่ไม่ชอบคือไปด่วนlรุปว่าคนที่ทำไม่ได้เท่ากับเรา คือ ขี้เกียจ โง่ หรืออะไรทำนองนั้น นิ้วคนเรายังไม่เท่ากัน ดังนั้น ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีโอกาสเท่าๆ กับที่เรามี จากคุณ : Louiz (Louiz) เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 19:40:15

ความคิดเห็นที่ 7 #3 หนับหนุน รวยเพราะพอ พอแล้วรวย ผมยังต้องหาเงินเพราะยังต้องกินต้องใช้ ถ้าผมเลิกกินเลิกใช้ผมก็ไม่หาตังหรอก ผมเป็นคนขี้เกียจ กะว่าจะเลี้ยงไก่สัก สิบตัว มีบ่อเลี้ยงปลา ปลูกผัก แบบพอเพียง ลูกต้องเรียนมหาลัย มันอยากมีรถขับ แล้วผมก็ชอบนอนห้องแอร์ แล้วมันจะแก้ปัญหายังงัยดี ถึงจะเพียงพอ จากคุณ : print_man99 เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 19:40:29

ความคิดเห็นที่ 8 ถึงจะไม่ชอบทัศนคติของจขกท.นี้ในห้องการเมือง แต่สำหรับที่นี่ คงต้องโหวตให้ ในฐานะที่มีจิตสำนึกที่ดี จากคุณ : hang around เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 19:46:08

ความคิดเห็นที่ 9 ผมเห็นวินมอเตอไซค์ หน้าหมู่บ้านผมครับเค้ารับงานทำเยอะแยะ วันนั้นผมเรียกเค้ามาซ่อมท่อประปาในบ้านครับ โอ้โหครับ  เค้าทำงานให้ผมเสร็จครับ  มีคนแนะนำมา บอกว่าช่างดี คิดค่าแรงโคตรแพง งานไม่ยอมเก็บ  แต่บอกว่าทำงานเสร็จเรียบร้อย สุดท้ายกรูต้องมาตามเก็บงานที่มันทำเลอะ อีกเกือบครึ่งวัน ผมเห็นหลายคนขยันแต่ไม่ได้เอาใจใส่ในงานที่ทำครับ ทำให้คนที่ว่าจ้างต้องมาตามเก็บงานอีก แล้วแบบนี้ลูกค้าที่ไหนจะอยากใช้บริการอีก สักแต่ว่าทำให้เสร็จๆไปไม่มีความเรียบร้อย แบบนี้ ขยันไปก็เหนื่อยเปล่า รวยยาก จากคุณ : emannigol เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 19:58:19

ความคิดเห็นที่ 10 ปิดหู ปิดตา ปิดปาก ฟังครึ่ง เชื่อครึ่ง เรื่องดีรับฟังไว้ เรื่องไม่ดีให้ผ่านไป ยากดีมีจน สุดท้าย ตายไป เอาอะไรไปไม่ได้ ทำชีวิตปัจจุบันให้เป็นสุขดีกว่าครับ ^_^ จากคุณ : apiwatt เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 20:29:34

ความคิดเห็นที่ 11 กิน ใช้จ่าย น้อยกว่า ที่หาได้ ก็รวยแล้ว ต่อให้มีหมื่นล้าน แต่กินใช้เกินตัว ก็ยังจนอยู่ดี แม้ว่าสถานะทางสังคมจะดีแค่ไหน ขับรถอะไร บ้านใหญ่แค่ไหน ก็คนละเรื่องนะ อย่างไมเคิลแจ๊กสัน เราคิดว่ารวยขนาดไหน ระดับโลก พอตายแล้ว ขายสมบัติหมด ก็ยังไม่พอจ่ายหนี้ ค้างหนี้อีก500ล้าน usd เหลือแต่ ลิขสิทธ์เพลง ให้เค้ามายึด แบบนี้เรียกว่า รวยแต่เปลือก.......... จากคุณ : Wai-ta-min เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 20:57:00

ความคิดเห็นที่ 12 ต้องถามตัวเองก่อนว่า มี หรือ ไม่มี ถ้าไม่มีก็พยายามให้มี แต่ถ้ามี ถามต่อว่า พอ หรือ ไม่พอ แล้วฝึกสะกดคำว่าพอ ให้พอดี จากคุณ : nyl_yai เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 21:11:40

ความคิดเห็นที่ 13 มีคำว่า "ศักยภาพ" เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแน่ ๆ จากคุณ : ฉลาดหน้าตาดีมีเงินใช้ เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 21:24:34

ความคิดเห็นที่ 14 จะรวยต้องเก่ง+เฮง ที่สำคัญ. ต้องมีเมียดี อิอิ จากคุณ : Mushroom Man เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 22:07:38

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณเพื่อนๆที่เข้ามาแลกเปลี่ยน คคห ครับ  โดยเฉพาะคุณเกด คุณ WTKn คุณ hang around  จากห้อง รดน  ที่ทัศนคติทางการเมืองอาจแตกต่างกันบ้าง  แต่จุดมุ่งหมายคือต้องการให้สังคมเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นเช่นกัน  ซึ่งผมถือว่าเรามาถูกจุดแล้ว จากคุณ : Sonnenaufgang เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 22:18:24

ความคิดเห็นที่ 16 ความขยันเป็นส่วนหนึ่ง แต่ที่สำคัญที่สุดคือ "ทัศนคติ" จากคุณ : GeneraX เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 22:30:51

ความคิดเห็นที่ 17 ทุกอย่างอยู่ที่.........จิตสำนึก.........ของแต่ละคน อยากรวยต้องชนะกิเลส ชนะใจตนเอง ถ้าทำไม่ได้ใน 2 ข้อนี้ ต่อให้อีก 100 ชาติก็ไม่มีทางรวย ทั่ง 2 ข้อนี้มันรวมทุกอย่างอยู่ในนั้นแล้ว (อดออม ขยัน ประหยัด อดทน คิดเป็น ทำจริง ไม่โกหกตัวเอง) ทำได้รวย จากคุณ : ฉลามบุก เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 22:57:21

ความคิดเห็นที่ 18 work hard ไม่พอ ต้อง work smart ด้วยนะครับ ^^ จากคุณ : Equivocate เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 23:07:07

ความคิดเห็นที่ 19 เลิศค่ะเลิศ จากคุณ : บางแสน คลาสสิค เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 23:13:56

ความคิดเห็นที่ 20 กระทู้ Mobile Technology ในสินธร 3G 3G 3G จากคุณ : บางแสน คลาสสิค เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 23:15:23

ความคิดเห็นที่ 21 ยังไม่รวยอยู่อย่างคนรวย จะไม่มีวันรวย ยังไม่จนอยู่อย่างคนจน จะไม่มีวันจน ถ้าขยัน ซื่อสัตย์ อดออม ยังไงก็มีโอกาสดีกว่า ฟันธง จากคุณ : หงส์แดง in UK เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 23:17:13

ความคิดเห็นที่ 22 ไม่รู้จะเบื่อกันหรือเปล่า กับประโยคนี้..(สารภาพว่าผมคลิกเข้ามาอ่านเพราะจำชื่อจขกท.ได้จากอีกห้องนึง) ถึงความเห็นทางการเมืองจะไม่ตรงกัน แต่ความเห็นในห้องนี้ระหว่างผมกับคุณตรงกันครับ.. จากคุณ : สามล้อถูกหวย เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 23:20:30

ความคิดเห็นที่ 23 ผมเป็นครอบครัวที่ "เกือบจะ" เป็น 3G เหมือนหลายๆท่าน รุ่นปู่ผมสร้างโรงงานเกือบจะยิ่งใหญ่ แต่ "คนทำ หรือ จะสู้ฟ้ากำหนด" ปู่ผมเสียตอนที่พ่อผมยังเด็กอยู่ สิ่งที่สืบทอดมามีแต่ ปณิธาน และจิตใจ ส่วนโรงงานโดนโกงไม่เหลือ ผมมีวันนี้ไม่ได้น้อยหน้าใคร และผมเข้าใจว่า "คนขยันไม่ได้รวยทุกคน แต่คนรวยทุกคนมักจะขยัน" <---- คุณเลือกได้ จากคุณ : SundayroyaL เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 23:32:00

ความคิดเห็นที่ 24 เห็นด้วยหลายเหตุผลที่จขกท.ยกมาครับ การค้าขาย การทำธุรกิจเล็กๆ สมัยนี้และหลายปีมานี้ ยากขึ้นมาก ยากอย่างที่คนตัวเล็กๆ มีเงินทุนหลักหมื่นอย่าได้ฝันจะตั้งตัวได้เลย นอกจากคุณจะเก่งด้านใดด้านหนึ่ง เก่งกว่าคนอื่น ยังพอมีทางบ้าง ผมมองดูก็รู้ สมัยก่อนหลายสิบปีก่อน หมูมาก แค่ขยัน รู้จักค้าขาย ยังไงก็ตั้งตัวได้ แถมรวยได้ไม่ยากนัก แต่ละจังหวัดนับได้เลย มีร้านขายอะไรอยู่กี่ร้าน คนแทบจะต้องง้อคนขาย หลายปีมานี้ ห้างยักษ์ใหญ่ผุดขึ้นทุกหัวระแหง ขายทุกอย่าง ที่คนต้องการ อำนาจเหนือกว่าตลาด เหนือกว่าผู้ผลิตด้วยซ้ำไป หันมามองคนตัวเล็กๆจำนวนมาก ที่สู้ ขยัน อดทน พยายาม วิ่งตลาดนัด เช่าร้านค้า หมุนจนหัวปั่น ถ้าคนพวกนี้เกิดทันและทำเมื่อสมัย10-20-30-40ปีก่อน รวยแทบทุกคน แต่ทุกวันนี้มันยากส์ ยากมาก วันนี้ดูข่าว น้ำท่วม ชาวนาที่อ่างทอง เกี่ยวข้าวที่เพิ่งออกรวง เกี่ยวไปร้องไห้ไปทั้งน้ำตา ดูแล้วก็สะเทือนใจ นี่แค่ที่เราเห็นทางสื่อ แต่คงมีอีกหลายล้านคน ที่ต้องเจอภัยธรรมชาติแบบนี้ ลงทุน ด้วยความรักในอาชีพ รักที่ดินของบรรพบุรุษ แล้วก็ขาดทุนสะสม  มีลูกก็ให้ไปทำงานในเมืองเถอะ เป็นชาวนามันลำบาก พอคนหนุ่มสาววัยแรงงาน เข้าเมืองใหญ่ เข้าโรงงาน มีลูกก็ส่งกลับมาให้คนแก่ดูแล เด็กขาดความอบอุ่น วันก่อนดูรายการนึง ครูยุ่ยบอกเด็กเล็กจนถึงชั้นมัธยม หลายแสนคนที่ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ นี่คงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งของคนจน ที่ไม่มีโอกาสได้ดูแลลูก จึงเกิดปัญหาสังคมตามมา พูดแล้วยาว ...พอก่อน จากคุณ : อมยิ้มไม่หวาน เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 00:29:38

ความคิดเห็นที่ 25 ผมเป็นคนนึงที่เถียงขาดใจ เรื่องการเปรียบเทียบยุคสมัย มันคนละจังหวะและเวลาจริงๆ อย่างตอนนี้อินเตอร์เน็ตถือว่าปรี๊ดมาก ทีนี้เจ้าไหนลงร้านก่อน ก็ฟาดเละกันไป แต่พวกที่มาทีหลัง ก็ไม่ขนมกรุบเหมือนรุ่นแรกๆแน่นอน การแข่งขันจะสาหัสขึ้น เพราะด้วยเงินลงทุนที่ไม่แรงเหมือนตอนแรกๆ คอมถูกลง เน็ตหาง่ายขึ้น แต่สวนทางกับค่าเช่าร้านนะ อันนั้น ก็ทะลุปรอดเช่นกัน ผมกับพี่ชาย เป็นตัวอย่างของการไม่ประสบความสำเร็จนะ ทำกิจการมาสองอย่าง ก็ไม่รอดทั้งสองอย่าง  ถ้ามองแบบเข้าข้างตัวเองก็คงประมาณว่าการพลาดคือประสบการณ์ที่ดีที่สุด คนไม่พลาดคือคนไม่เคยทำอะไร ใช่มั้ย แต่ก็จะโดนแย้งกลับมาว่า มันก็แค่ข้ออ้างของไอ้พวกขี้แพ้เท่านั้นแล้   จุกครับจุก จากคุณ : zong12 เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 01:02:20

ความคิดเห็นที่ 26 ขออนุญาตเล่าประสบการณ์ของตัวเองบ้าง ผมเกิดมาในครอบครัวคนจีนเป็นG3 เหมือนกับจขกท.ต้นเรื่องที่กระทู้ได้แตกมา คุณพ่อทำงานหนัก ไม่ฟุ่มเฟือย สอนให้อ่านหนังสือ ขยันตั้งใจเรียนเต็มที่ วันๆแทบจะไม่ได้ช่วยงานบ้านพ่อแม่เลย มีแต่นั่งอ่านหนังสืออย่างเดียว พอสอบก็ผลสอบดี คนอื่นก็ชื่นชมว่าเก่ง ผมก็ทะนงตัวเองว่าตัวเองเก่ง แถมยังดูถูกคนอื่นที่สอบได้ไม่ดี เพราะคิดว่าพวกเขานั้นไม่ขยันเอง ถึงได้สอบได้ห่วย ซึ่งผมก็มีความคิดแบบนี้เรื่อยๆจนถึงมหาวิทยาลัย จากคุณ : Metalloids เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 01:48:26

ความคิดเห็นที่ 27 ผมเป็นคนที่ชอบคุยกับคุณพ่อในทุกๆเรื่อง เนื่องจากคุณพ่อมีประสบการณ์มาก ทำงานมาแทบทุกอาชีพ (ตั้งแต่จับกังยันนักธุรกิจ) ได้คุยกันทั้งเรื่องสังคม การเมืองต่างๆ ซึ่งเวลาคุยกันจะคุยเหมือนเพื่อนมากกว่า วันหนึ่งผมเปิดประเด็นเรื่องคนจน ผม : พวกแรงงานกรรมกร ดูสิ วันๆเอาแต่กินเหล้า หาเงินมาได้ก็ลงขวดหมด แบบนี้เมื่อไหร่จะมีเงินสักที พ่อ : ที่เขากินเหล้าเพราะเขาทำงานมาทั้งวัน ร่างกายจะปวดมาก ทำยังไงก็นอนไม่หลับ หากอยากจะนอนหลับก็ต้องกินเหล้า ไม่งั้นเขาจะทำอย่างไร ผม : ??? บทสนทนานี้ฝังใจผมมาก ผมได้กลับเอาไปคิดคร่ำครวญดูพบว่า ผมไม่ได้ไป"สวมรองเท้า"ของเขา ผมไม่มีวันเข้าใจเขาเลย หากไม่มีคุณพ่อที่เคย"สวมรองเท้า"นั้นมาก่อน ผมก็คงเป็นคนที่คิดแบบเดิมตลอด ผมคิดย้อนกลับไป ที่ผมเรียนดี สอบได้ดีกว่าคนอื่น นั่นไม่ใช่เพราะผมขยันและเพื่อนๆขี้เกียจเพียงอย่างเดียว เพื่อนบางคน ต้องตื่นแต่เช้า เพื่อทำช่วยแม่น้ำเต้าหู้ขาย มีอยูช่วงหนึ่งแม่เขาล้มป่วย ก็ต้องมาขายเอง จนใกล้เวลาโรงเรียนเริ่มถึงมาโรงเรียนได้ บางวันหิ้วน้ำเต้าหู้มาขายเพื่อนๆอย่างไม่อาย เมื่อผมคิดย้อนไป ผมจึงพบว่าตัวเองโง่เง่าสิ้นดี คิดว่าตัวเองเก่ง ตัวเองขยันกว่าคนอื่น ถึงได้เรียนดี หารู้ไม่ว่า แต่ละคนมีพื้นฐานที่ต่างกัน จริงอยู่ว่าอาจมีบางคนที่ขี้เกียจถึงเรียนไม่เก่ง แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลทั้งหมด เพราะถามว่าหากเพื่อนที่ขายน้ำเต้าหู้ มาเรียนอย่างเดียวแบบผม เขาก็อาจเรียนดีกว่าผมก็ได้ ผมมองไป มีเจ้าสัวหลายคนที่เป็นคนจีนร่ำรวยล้นฟ้า แต่ผมก็เห็นคนจีนแก่ๆหลายๆคน ที่ยังต้องทำงานแรงงานอยู่เช่นกัน ซึ่งหากถามว่าคนเหล่านี้ไม่ขยันหรือ ก็อาจไม่ใช่ เพียงแต่ว่าเขาอาจจะขวนขวายหาโอกาสนั้นไม่เจอ มากกว่า จากคุณ : Metalloids เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 02:01:00

ความคิดเห็นที่ 28 ผมอ่านกระทู้อ้างอิง ผมว่าประเด็นไม่ได้อยู่ที่เขาสรุปว่าคนจนคือขี้เกียจหรอกครับ เขาแค่อยากบอกว่าคนเราอย่าโทษคนอื่น อยากมี อยากได้ต้องทำเอง ส่วนทำแล้วจะสำเร็จหรือไม่อันนี้ผมว่าใครๆก็ทราบครับว่ามันไม่มีการันตี อย่างไรก็ตามคนขยันก็ได้เปรียบ อย่างน้อยคนขยันถึงไม่รวยล้นผ้า แต่ไม่อดตายแน่ๆ ความจริงข้อนี้ยังใช้ได้จนปัจจุบันครับ แต่ผมก็เห็นด้วยว่าคนจนไม่ได้แปลว่าขี้เกียจ สำหรับผมคนที่ทำไม่สำเร็จ ไม่ใช่คนที่แย่อะไร เพียงแต่เขา "ไม่ได้ต้องการสิ้งนั้นมากพอ" คนเราจะทำอะไรก็จะเจออุปสรรคทั้งนั้น บางทีถ้าเราไม่ได้อยากได้ผลลัพธ์ขนาดนั้น เราก็ล้มเลิกไปทำอย่างอื่น มือไม่เคยว่างเหมือนกัน แต่มันไปเรื่อย ไม่ได้มุ่งมั่นกับเป้าหมายใดเป้าหมายหนึ่ง จากคุณ : Mr. Prodigy เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 02:07:12

ความคิดเห็นที่ 29 มีคนที่ผมรู้จักหลายคน ทำงานทุกวันไม่มีหยุด ทำงานจนผิวเกรียมเพราะแดดเผา มีที่นาเป็นของตัวเอง ฤดูทำนาก็ทำไป เมื่อทำนาเสร็จ ก็จะขับรถมอเตอร์ไซด์พ่วง ขายฮอตดอก ไส้กรอก ให้กับเด็กนักเรียน เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ การพนันไม่แตะ เคยพยายามที่จะเรียนมสท.เรื่องการเกษตร แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะรู้หนังสือน้อย บวกกับต้องทำงานทุกวันเลี้ยงดูภรรยาและลูก 3 คน ผมมองเขาแล้ว เขาเป็นคนที่ขยันมากคนหนึ่งเลยทีเดียว เมื่อเทียบกับที่คนที่ผมทำงานด้วยในบริษัทใหญ่ในกรุงเทพ แต่เขาก็มีกินน้อยกว่าคนนั้น ถ้าถามว่าเพราะเหตุใด เขาจึงยังไม่สามารถใช้ชีวิตที่สบายกว่านี้ ก็เพราะตัวเขานั้นขาดโอกาส นี่ล่ะครับ หากบอกว่าขณะนี้รัฐได้ส่งเสริมให้ทุกคนเรียนฟรี ลูกเขาคงลืมตาอ้าปากได้หากขยันแบบเขา ผมก็ไม่คิดเช่นนั้น เพราะการศึกษาในต่างจังหวัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอำเภอเล็กๆ จบออกมาก็ไม่สามารถที่จะหางานที่ดีได้ ก็ต้องใช้แรงงานแบบคนทั่วไปทำกัน สุดท้ายก็อาจวนกลับมาที่เก่า แต่ถามว่าทำไมคนจีน เสื่อผืนหมอนใบ ต่างกับคนไทยพื้นบ้านนัก ผมก็ยังบอกเหมือนเดิมล่ะครับว่า "ต้นทุนต่างกันมาก" จากคุณ : Metalloids เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 02:10:09

ความคิดเห็นที่ 30 ที่แน่ๆคือ เจ้าสัวเหล่านั้น สอนให้ลูกขยันเรียน ขยันอ่าน จากผล สืบตามไปหาเหตุ ก็จะได้ว่า เจ้าสัวเหล่านั้น เป็นคนขยันเรียน ขยันอ่าน จึงประสบความสำเร็จได้ จากคุณ : BonaPart เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 02:13:06

ความคิดเห็นที่ 31 ฉลาดทางโลก แต่ไม่ฉลาดทางธรรม โอกาสมันไม่ได้มาจากการเรียกร้อง  แต่โอกาสเกิดจากบุญกุศล และศักยภาพในตัวเราที่เราต้องสร้างขึ้นมาเอง ศึกษาธรรมะที่ถูก แล้วจะเริ่มเข้าใจชีวิต อดทน ค่อยๆทำ ชีวิตมันจะเปลี่ยนให้ดีขึ้นเอง จากคุณ : Ryuk เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 02:14:57

ความคิดเห็นที่ 32 ต้นทุนที่ผมว่านั้นคืออะไร? ต้นทุนนั้นก็คือ ความเป็นคนจีนล่ะครับ เคยได้ยินกันหรือไม่ "คนจีนเก่งค้าขาย" นี่ก็ถือว่าเป็นอีก1ต้นทุน เนื่องด้วยความเป็นคนจีน ทำให้ได้เปรียบคนไทย ถึงเริ่มจากไม่มีอะไร ความเป็นคนจีน ก็ยังทำให้ได้เปรียบอยูดี นอกจากเรื่องเชื้อชาติแล้ว คำสอนที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ ก็ทำให้แนวคิดของคนจีนไม่เหมือนคนไทยพื้นบ้าน ที่ก็เป็นเหมือนต้นทุนทางการศึกษาที่ต่างกันด้วยครับ จริงๆมันเป็นเรื่องเชื่อชาติ บางคนอาจแย้งว่าเชื่อชาติใดๆก็เหมือนกัน แต่ผมไม่คิดเช่นนั้น ทำไมนักวิทยศาสตร์ที่ได้รับรางวัลโนเบลมีคนยิวมากที่สุด ทั้งๆที่ประชากรน้อยกว่าหลายๆชาติ นายธนาคารส่วนใหญ่ในอเมริกาและรัสเซียทำไมถึงเป็นคนยิวเป็นส่วนใหญ่ นักวิ่งที่ได้เหรียญทองโอลิมปิกทำไมถึงเป็นคนผิวดำเป็นส่วนใหญ่ มันค่อนข้างจะบ่งชี้ว่า "ชาติกำเนิด" ย่อมมีส่วนร่วมไม่มากก็น้อย จากคุณ : Metalloids เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 02:16:31

ความคิดเห็นที่ 33 ผมว่า ไม่มีงานไหนในโลก ที่จะไม่มีเวลาว่างให้เราศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมได้หรอก ขี่มอ'ไซรับจ้าง เวลาว่างตรึม ขายฮอทดอก เวลาว่างตรึม ทำนา เวลาว่างตรึม เพราะฉะนั้น เรียนไม่จบเพราะรู้หนังสือน้อย เพราะต้องเลี้ยงลูกเลี้ยงเมีย ผมว่า ฟังไม่ขึ้นนะ จากคุณ : BonaPart เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 02:16:41

ความคิดเห็นที่ 34 สุดท้าย "เรื่องผู้นำ" ไม่ขอวิจารย์เรื่องผู้นำของไทย เพราะเดี๋ยวจะดราม่า แต่อยากขอยกสมาคมฟุตบอลของไทย หากใครดูติดตามฟุตบอลคงจะทราบกันดี นักเตะไทยหลายๆคน หากท่านติดตามฟุตบอลก็คงจะรู้ว่ามีนักเตะเก่งๆเยอะ เด็กเรามีศักยภาพ แต่ทำไมแค่มีหวังลุ้นเข้าบอลโลกถึงไม่มีลุ้นเลย? ลองไปถามแฟนบอล แทบจะไม่มีใครโทษนักเตะเลย ว่านักเตะไม่ขยันซ้อมเอง จะไปบอลโลกได้ไง แต่ส่วนใหญ่จะพุ่งเป้าไปที่สมาคม ไม่กล้าวิจารย์มาก เดี๋ยวโดนฟ้อง แต่เอาเป็นว่าขอให้ลองดูที่สมาคมฟุตบอลไทยดูก็แล้วกัน ก็จะเข้าใจว่าผู้นำ ก็มีส่วนสำคัญในการพัฒนาเช่นกัน แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 53 02:38:04 จากคุณ : Metalloids เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 02:23:22

ความคิดเห็นที่ 35 สรุปความคิดผม คนเราจนนั้นเพราะอะไรมีหลายสาเหต แต่แน่นอนว่าทำอย่างไรถึงจะลืมตาอ้าปากนั้นได้นั้นผมขอสรุปตามความคิดตัวเองดังนี้ 1.ผู้นำของประเทศพยายามให้โอกาสกับคนในประเทศ หาช่องทางที่จะทำให้เขานั้นมีโอกาสที่จะไขว่คว้ามากขึ้น 2.ตัวผู้อยู่ใต้การปกครอง ก็ต้องขยันหมั่นเพียร หาวิธีที่จะหยิบโอกาสนั้นออกมาให้ได้ จากคุณ : Metalloids เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 02:26:57

ความคิดเห็นที่ 36 สุดท้ายนี้ผมก็ขอให้ทุกๆคนในนี้เห็นโอกาสนั้น และหยิบมาให้ได้นะครับ แถม: ผมเคยคิดเล่นๆกัยตัวเองว่า ถ้าวันนี้อยู่ดีๆ ผมตกงาน เงินผมไม่เหลือสักบาท บ้านไม่มี คนรู้จักไม่มี แต่สติปัญญายังอยู่ครบ ผมจะอยู่อย่างไร เอาแค่ผมจะหาเงินไปกินข้าวมื้อต่อไปได้หรือไม่ คำตอบคือ ผมคงอดข้าวตายในไม่กี่วันนั้นเลยก็ได้ ไม่มีปัญญาที่จะหาทางไปจริงๆครับ เลยเอาคำถามไปถามคนที่ทำงาน และคนที่รู้จักอีกหลายๆคน แต่ละคนก็อึ้งและไม่พบทางออกเช่นกัน ผมเลยอยากให้ลองหลับตาแล้วคิดว่า ถ้าเราเป็นแบบนี้ เราจะมีทางออกจริงๆหรือ หวังว่าทุกคนคงได้รับคำตอบว่าจะอยูรอดได้หรือไม่ หากไม่ได้คิดแบบโกหกตัวเอง นอนหลับฝันดีทุกคนครับ จากคุณ : Metalloids เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 02:32:07

ความคิดเห็นที่ 37 "ผมเคยคิดเล่นๆกัยตัวเองว่า ถ้าวันนี้อยู่ดีๆ ผมตกงาน เงินผมไม่เหลือสักบาท บ้านไม่มี คนรู้จักไม่มี แต่สติปัญญายังอยู่ครบ ผมจะอยู่อย่างไร เอาแค่ผมจะหาเงินไปกินข้าวมื้อต่อไปได้หรือไม่" ผมจะสร้างตัวขึ้นมาใหม่ได้เร็วกว่าที่เคยทำได้ในอดีตเสียอีก เพราะสิ่งที่ผมใช้สร้างตัวขึ้นมา ยังอยู่กับผม แม้ว่าผมจะไม่เหลือเงินซักบาทก็ตาม จากคุณ : BonaPart เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 03:07:57

ความคิดเห็นที่ 38 ผมอ่านกระทู้ต้นเรื่องแล้วผมคิดต่างกับคุณ Sonnenaufgang (จขกท.นี้) เขาไม่ได้เหมาว่าคนที่ไม่รวยคือคนขี้เกียจนะครับ เขาก็อธิบายว่ามันมีหลายองค์ประกอบหลัก เช่น ไม่ควรแตะอบายมุข  ควรไขว่คว้าหาโอกาส ฯลฯ ------------------------------------------- ไม่ควรจะไปโทษฟ้าดิน โทษโชคชะตา โทษผู้อื่น เพราะเราไปกำหนดตามใจเราไม่ได้  และเป็นเพียงองค์ประกอบเล็กๆเท่านั้น สิ่งที่เรากำหนดได้อย่างแน่แท้ก็คือ ตัวเรา นั่นเองครับ -------------------------------------------------- ทุกยุคทุกสมัยก็จะมีคนที่พยายาม ขยันจนสร้างความมั่งคั่งได้ และทุกสมัยก็จะมีคนอยากรวย มั่งคั่ง แต่ขี้เกียจ (เช่นผม ) ---------------------------------------------------------- และที่สำคัญก็คือ คนที่ขยัน อย่างไรก็ไม่จนหรอกครับ (แค่อาจไม่รวย อิอิ)   จากคุณ : หมูอ้วนพุงดำ เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 04:08:00

ความคิดเห็นที่ 39 รวยแล้วมีความสุขก็ดี           รวยแล้วมีแต่ทุกข์ก็ไม่ดี จนเงินแต่รวยความสุขก็ยิ่งดี   จนเงินแล้วก็ทุกข์ยิ่งไม่ดี จากคุณ : นายไทยไฝ่รู้ เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 06:47:54

ความคิดเห็นที่ 40 . จากคุณ : นายไทยไฝ่รู้ เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 06:50:16

ความคิดเห็นที่ 41 เง้อ  โต๊ะสินธร แต่ไม่ค่อยคุ้นหูเลยนะ (มีที่คุ้นอยู่บ้างแต่น้อยจังแฮะ) ผิดวิกกันหรือเปล่า เอา ลากเข้าหน่อย ต้นทุนไม่เท่ากันนะครับ คนเลือกเกิดไม่ได้แต่เลือกที่จะเป็นได้ ต้นทุนน้อยลงทุนน้อยก็กำไร(ขาดทุนน้อย) ต้นทุนสูงกำไร(ขาดทุน)ก็สูงตาม ถ้านับจากตัวเลข แต่นับจากเปอร์เซนต์ก็อาจเท่ากัน แต่สุดท้ายคนรอบนอกจะจับจากยอดเงินที่ได้มา ไม่ได้นับจากเปอร์เซนต์ที่ได้มาครับ จากคุณ : เลือกมุมยืนมองต้นทุนดีๆ (ฮะ ว่าไงนะ) เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 07:31:33

ความคิดเห็นที่ 42 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมถ่ายภาพนี้ได้จากสวนลุมพินี  ในยามเช้าที่แดดจัด จากปกติ จะมีพ่อค้าขายล๊อตเตอรี่อยู่สี่ห้าเจ้า วันนี้น เจ้าอื่่นหลบแดดไปหมด  เหลืออยู่ที่เห็นในภาพ คนสู้ชีวิต  แม้จะไม่มีมือ   ก็ไม่บ่นร้องหาความยุติธรรมจากใคร ปัญหาสำหรับคนอื่น กลับเป็นโอกาส  ที่จะได้ยืนขายล๊อตเตอรี่เพียงเจ้าเดียว แม้แต่คนที่ไม่เคยคิดจะซื้อล็อตเตอรี่ ก็อาจจะเปลี่ยนใจซื้ออุดหนุน @ แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 53 07:56:25 จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 07:54:14

ความคิดเห็นที่ 43 อืมม์  เท่าที่ผมอ่านทู้ต้นฉบับ เขาไม่ได้ตำหนิอะไรนี่ครับ คุณจขกท.อ่อนไหวไปหรือเปล่าหนอ? สำหรับเรื่องโอกาสนั้น... ถ้าขาดโอกาสที่ดี แต่ถ้าเราขยัน..และรู้จักเก็บหอมรอมริบ ยังไงเราก็พอกินพอใช้พอเพียงแน่นอนครับ ไม่มีคำว่าจนหรอก แต่ถ้าเราขยัน ทว่าไม่รู้จักเก็บออม  ยังไงก็จน คนชั้นกลางเงินเดือนครึ่งแสนมากมายที่ทำงานหนักสุดๆแต่เป็นหนี้หัวบานมีให้เห็นเป็นตัวอย่างเยอะครับ จากคุณ : ผึ้งน้อยพเนจร เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 08:17:14

ความคิดเห็นที่ 44 อ่านแล้วเหนื่อย ไปทำงานต่อดีกว่า จากคุณ : กัดจัง เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 08:20:57

ความคิดเห็นที่ 45 เป็นความจริงของชีวิต ทุกคนก็อยากได้โอกาส แต่โอกาสมีไม่เพียงพอให้แก่ทุกคน ดังนั้นมันมักจะตกเป็นของคนที่มีความพร้อมมากกว่า เป็นหลักการของสังคมแบบทุนนิยม แทนที่จะน้อยเนื้อต่ำใจ เอาเวลามาพัฒนาตนเองให้มีความสามารถมากขึ้นจะดีกว่า อาชีพเฉพาะมีอีกมากมาย เช่น ช่างซ่อมรถ เลี้ยงปลาสวยงาม เพาะพันธุ์หมา ซึ่งถ้ามีความชำนาญในอาชีพของตัวเอง รายได้ก็จะตามมาเอง จากคุณ : Joy_Bune เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 08:39:14

ความคิดเห็นที่ 46 ผมอยากรู้ว่า ใครบ้างที่เล่น click2win ที่ทางตลาดหลักทรัพย์ให้เงินคนละ 5 ล้านบาทในการลงทุนหุ้น แล้ว ทุกคนสามารถทำกำไรจากการซื้อ-ขายหุ้นได้เท่ากันหรือไม่ครับ เชื่อว่า ทุกท่านคงมีคำตอบเหมือนกันเป็นเอกฉันท์ คือ ไม่มีทางทำกำไรเท่ากัน บางคนกำไรมหาศาล บางคนขาดทุนบักโกรก ในเมื่อทุกท่านอยู่ในเกมจำลองหุ้นเหมือนกัน ในระบอบเดียวกัน ในโอกาสเท่ากัน จำนวนเงินเหมือนกัน แล้วทำไมกับยากดีมีจน ร่ำรวยล้นฟ้าต่างกันละครับ ถ้ามามองความเป็นจริงของคนบนโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นประเทศไทย เชื้อชาติไหน ระบอบการปกครองแบบไหนก็ตาม มันไม่มีทางที่จะทำให้คนเราเท่าเทียมกันได้ ต่อให้มีโอกาส จำนวนเงินทุน ในระบบ ระบอบ และ เงินทุนเท่ากันหรอกครับ จริงไหม กลับกัน ถ้าถามว่า แล้วถ้าวัดกันที่ความสุขละ คนที่มีเงินน้อย ก็สุขในแบบที่มีน้อย สุขแบบพอเพียง เผลอๆ จะร่ำรวยความสุขมากกว่าคนที่มีเงินมากมายเป็นร้อยเป็นพันล้าน เสียอีก ความสุขมันปรุงแต่งด้วยใจได้ ไม่มีข้อแม้ในเรื่องฐานะความเป็นอยู่ แต่ความพอ หน่ะ ต่อให้ได้เงินคนละ 5 ล้านมาเล่นหุ้น เล่นไม่ดีเองขาดทุน เงิน 5 ล้านก็ไม่พอหรอกครับ ต่อให้เล่นดี กำไรเป็นหลัก 100 ล้าน ถ้าใจคิดว่าไม่พอ เงินที่ให้เล่น 5 ล้านก็ไม่พอหรอกครับ ถ้าเป็นโลกแห่งความเป็นจริง รัฐต้องให้เงินเท่าไหร่ถึงจะพอ สำหรับคนโลภ จากคุณ : เตร็ดเตร่ เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 08:48:51

ความคิดเห็นที่ 47 ^ ^ แก้ไขข้อความข้างบนนะครับ ที่ทำงานแก้ไม่ได้ ....... ไม่ว่าจะเป็นประเทศไหน เชื้อชาติไหน ระบอบการปกครองแบบไหนก็ตาม ....... จากคุณ : เตร็ดเตร่ เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 08:56:47

ความคิดเห็นที่ 48 ขยันไม่ใช้สมองเป็นได้แค่ควายไถนา ขยัน+สมอง เป็นได้แค่ลูกจ้าง/พนักงาน ขยัน+สมอง+โอกาส ถึงจะได้เป็นผู้บริหาร/เถ้าแก่ แตถ้าไม่ขยัน ไม่ใช้สมอง ก็เตรียมเป็นซากเน่าๆได้เลย ผมถึงพยายามเรียนป.ตรีให้จบเร็วๆ ถ้้าจบแล้วจะไม่กลับไปทำงานที่บ้าน จะหางานทำในกทม. จะลงหลักปักฐานในกทม. เพราะกทม.มีโอกาสมากที่สุดในไทย ถ้ามีโอกาสผมจะไปสิงคโปร์ครับ ขอโทษที่แรงนะครับ แต่ผมคิดว่าอยากให้ชีวิตเราดีขึ้น จะเสียเวลาไปกับสิ่งที่เรากำหนดไม่ได้ทำไม สู้เอาเวลามาทำในสิ่งที่เรากำหนดได้ดีกว่า อยากรวยแต่งอมืองอเท้า เงินคงตกใส่หัวสักวันแหละ แต่จะมีวันนั้นหรือเปล่า จากคุณ : ANUBIS[TJ] เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 09:50:18

ความคิดเห็นที่ 49 คนสองคนขยันเท่ากัน ทำงานเหมือนๆ กัน ก็ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จเท่าๆ กัน มันมีหลายปัจจัย แต่ไม่ควรไปโทษคนอื่น หรือรอคอยให้คนอื่นมาช่วย เพราะต่อให้มีใครเอาอาหารป้อน แต่เราขี้เกียจเคี้ยวขี้เกียจกิน ยังไงก็ไม่อิ่มครับ ถ้ามีใครชี้แหล่งน้ำให้ แต่เราไม่ยอมจับปลา ยังไงก็ไม่มีปลากินครับ จากคุณ : อยากลองเป็นสับปะรดดูสักที เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 10:07:18

ความคิดเห็นที่ 50 People are poor because they don't know what the word 'enough' means. Cheers, จากคุณ : My EyeS ArE OpeNeD. เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 10:14:00

ความคิดเห็นที่ 51 ยังไม่ได้อ่านแต่ขอให้ กีบ ไปก่อนเลย จากคุณ : เสือ_กลิ่นหอม เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 10:24:32

ความคิดเห็นที่ 52 เห็นด้วยครับ, ผมก็คิดว่าบรรพบุรุษ ผมก็ขยันกันทุกคน แต่ทุกวันนี้บ้านผมก็ไม่ได้รวย หนี้สินก็ยังมี แต่ก็พอมีพอกิน ไม่ได้เรียกว่าลำบากครับ คนขยัน = รวย สูตร นี้ผมจึงเห็นด้วยกับ จขกท ครับ , ไม่จริงเสมอไปครับ ผมว่ายุคนี้ต้อง คนขยัน + จังหวะและโอกาสที่ดี = รวย ครับ จากคุณ : boy_kung เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 10:35:31

ความคิดเห็นที่ 53 จนกะรวยมันก็อยู่ที่ความพอใจของแต่ละคนอีกเช่นกันจ้ะ จากคุณ : ผมไม่สนญาติเมียคุณ เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 10:40:39

ความคิดเห็นที่ 54 มีคนเค้าเคยบอกว่า เมื่อ โอกาส เจอกับ ความพร้อม คุณก็จะรวย ผมว่า หน้าที่เราคือเตรียมความพร้อมครับ ส่วนโอกาสนั้น เมื่อเรามีความพร้อมพอ เราจะรู้จังหวะของมันเอง แต่ถ้าเราผิดจังหวะ แล้วมี ความโลภเข้ามา ก็จะกลายเป็นเจ๊งแทนครับ : ) จากคุณ : tum426 เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 10:50:13

ความคิดเห็นที่ 55 หลายคนเห็นตรงกันว่านขยันแต่ขาดโอกาสก็เจริญยาก อันนี้จริงครับ แต่อยากให้มองที่มาของโอกาว่ามันไม่ใช่เรื่องดวงแน่นอน โอกาสเป็นของผู้ที่มองหามัน หาแล้วจะพบ ไม่วันนี้ก็วันหน้า ความขยันจะนำเราไปสู่โอกาสได้มากกว่าคนที่นอนอยู่บ้าน แต่ถ้าเราไม่ได้เปิดตามองมันอยู่แล้ว ก็คงลงเอยที่เราเดินผ่านไป จากคุณ : Mr. Prodigy เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 10:54:30

ความคิดเห็นที่ 56 เราอ่านกระทู้ต้นฉบับแต่ไม่ได้รู้สึกเหมือนจขกท. อ่านแล้วกลับรู้สึกว่าเป็น inspiration มากกว่า ทำให้รู้สึกอยากขยันทำงานและตั้งหน้าเก็บออม ^^ จากคุณ : teiris เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 11:14:37

ความคิดเห็นที่ 57 ตอบคุณ คห.ที่ ๓๘ อย่างที่บอกครับว่าเข้าใจจุดประสงค์ของ จขกท (เดิม) ในกระทู้นั้น   แต่มันติดตรงประโยคสุดท้านของ จขกท (เดิม) ที่ใช้คำว่า พวกขี้แพ้   ผมจึงรู้สึกรับไม่ได้ครับ  เลยอยากแสดงทัศนะในอีกด้านนึง  ให้จขกท(เดิม)ลองทบทวนมุมมองของผม จากคุณ : Sonnenaufgang เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 11:25:09

ความคิดเห็นที่ 58 สาเหตถพยายามทั้งชีวิตก็อาจจะยังไม่รวย (ไม่รวมขี้เกียจนะครับ) 1.ใจบุญ ศุลทาน บริจาคเยอะ ตั้งมูลนิธิ 2. ถูกหลอกครับ (โดยเฉพาะมิจฉาชีพ) หมดตัวมาก็หลายราย 3. ถูกโกง เช่น ลูกน้องโกง เพื่อนโกง ญาติโกง 4. ถูกสกัดดาวรุ่ง หรือ ถูกบริษัทที่ใหญ่กว่ากลั่นแกล้ง เช่นใช้วิธีดั้มราคา ทุ่มตลาด 5. ลอยตัวค่าเงินบาทครับ อันนี้เยอะครับ ผู้ประกอบการล้มละลายเกือบทั้งประเทศ เก่งๆอย่างคุณตัน โออิชิ ยังเอาตัวไม่รอดเลย แต่็ก็พื้นตัวมาได้ แต่เคยเจอหลายๆท่าน ที่ไปไม่กลับครับ โดนยึดหมดตัว บวกอายุมาก และอื่นๆ ส่วนด้านลบ ไม่ขอพูดนะครับ เพราะคนมองลบเยอะแล้ว ผมขอมองด้านบวกดีกว่า.. จากคุณ : shine-rise เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 12:21:59

ความคิดเห็นที่ 59 - ผมคิดว่าทั้งสองกระทู้เป็นเรื่องของภาพรวมโดยส่วนใหญ่ และการวางแผนด้วย - ขยันแบบ ตลกดังบางคน แล้วเป็นไง - ส่วนเรื่อง คนในอดีตขยันทำกินเพียงเล็กน้อยก็รวยได้แล้ว เพราะมีโอกาสได้ง่ายกว่าปัจจุบัน ...  ผมคิดว่าไม่เป็นธรรมกับคนรุ่นอดีตนะครับ เพราะเรากำลังใช้ความรู้ เทคโนโลยี สภาพสังคม ในปัจจุบัน ไปตัดสินคนในอดีต .... ในอนาคตคนรุ่นลูก หลายก็คงจะมาว่าเราอีกว่า โอกาสมีตั้งมากมายทำมัยคนรุ่นปู่รุ่นพ่อไม่สามารถทำได้ จากคุณ : ห้าแต้ม เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 12:28:04

ความคิดเห็นที่ 60 ขยันแต่โง่ ขยันแต่ไม่รู้จักหาโอกาส ขยันรู้จักหาโอกาส แต่ยังไม่พร้อม ไม่ได้ทำ ขยัน พร้อม ได้โอกาส ได้ทำ เจ๊ง คิดเป็นเรื่องปกติ สุดท้ายต้องรวย จากคุณ : พ่อไม้ เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 12:33:33

ความคิดเห็นที่ 61 วิเคราะห์แต่ action เถียงกันไม่จบหรอก เพราะมันเป็นผลของความคิด action อาจต่างกันบ้างไปตามเวลาหรือเหตุการณ์ อีกอย่าง action เป็นเพียงแค่ function หนึ่ง แต่ที่แน่ๆคนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่(ทุกด้าน!)จะมีมุมมอง ทัศนคติไม่เหมือนคนอื่นๆ ทัศนคติหรือมุมมองแบบคนเป็น winner ต่างกับ loser อย่างสิ้นเชิง ไม่ว่า loser จะอ้างอะไรจะโทษอะไร winner จะไม่อ้าง ถ้าไม่มีโอกาสต้องทำให้มี หรือต้องพร้อมสำหรับมัน ถ้าขาดอะไรก็ต้อง manage ให้มันได้มา ถ้าบอกว่าขยันแล้วยังไม่รวยหรือทำไม่ได้ ก็ต้องหาปัจจัยอื่นมาเสิรม 1 ไม่ได้ต้องหา 2, 2 ไม่ได้ต้องหา 3 มาช่วย ไม่ได้ก็หา 4 ไปเรื่อยๆ อย่าบอกว่าไม่เฮง คนเราไม่เฮงตลอดเวลา ไม่มีใครโชคร้ายตลอดเวลา เมื่อความเฮงมาต้องตักตวง เมื่อความซวยมาต้อง manage มัน บางทีสิ่งที่เราไม่รู้ตัวคือ เราชอบโทษนั่นโทษนี่ แต่เรามักลืมหรือไม่กล้าโทษตัวเองให้ถึงที่สุด! จากคุณ : modxyz เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 12:51:12

ความคิดเห็นที่ 62 เห็นแล้วอยากแสดงความคิดบ้าง จากคุณ : ษุภณัฏฐ์ เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 13:30:40

ความคิดเห็นที่ 63 บางทีคนเราก็ชอบหลงไปกับกับดักของเหตุผล ลองนึกภาพอย่างนี้ดีกว่า ครอบครัวจีนครอบครัวหนึ่ง มีลูกชาย 1 คน ลูกสาว 1 คน ทั้งๆ ที่ลูกสาวเป็นคนหัวดี แต่เพราะค่านิยมที่่ว่าลูกสาวต้องแต่งออก หัวหน้าครอบครัว จึงเลือกที่จะส่ง ลูกชายหัวไม่ดี ให้ไปเรียนสูงๆ แทน ผ่านไป 10 ปี ลูกสาว ไม่มีความรู้ กลายเป็นแม่ค้าขายข้าวแกง ส่วนลูกชาย จบปริญญาตรี สอบบรรจุได้เป็นข้าราชการ จากนั้นใช้เส้นสาย ก้าวไปสู่ตำแหน่งปลัดอำเภอ คนที่อยู่บน หอ คอยงาช้าง ก็จะเอาแต่เฝ้าตั้งคำถามว่า ชีวิตคุณเลือกได้ เป็นแม่ค้าขายข้าวแกงก็รวยได้ สุขสบายได้ ทำไมจะต้องมาตั้งคำถาม กับ มาตรฐานในครอบครัว ทำไมจะต้องมาถาม ถึงสิทธิอันพึงมีพึงได้ ในฐานะลูกคนหนึ่ง คนอย่างปลัดอำเภอ จะไปรู้อะไร ถึง สิทธิอันพึงมีพึงได้ เมื่อพี่สาว ตัดพ้อ ก็ไล่ให้ไปอยู่ครอบครัวอื่น ให้ไปหาพ่อใหม่ ให้ทำงานให้หนักสิ ทำงานหนัก แกก็สร้างครอบครัวได้ ให้ดูอากงอาม่า เป็นตัวอย่าง อย่างแก จะเรียนไปทำไม ดูลูกสาวบ้านนั้นสิ ส่งให้เรียนก็ไม่จบ เสียตังค์ไปมากมาย สุดท้ายก็ได้ผัวเป็นกุลี หากปลัดอำเภอ จะมีหัวใจของความเป็นมนุษย์ซักนิด เค้าควรจะได้คิดว่า พี่สาวคนนี้ ไม่ได้เรียกร้อง พ่อใหม่ เธอเพียงเรียกร้องในสิทธิอันพึงมีพึงได้ ก็เท่านั้น จะดีจะชั่วยังงัย ลูกที่ไหน มันจะไม่รักพ่อ ??? นี่ก็ไม่เกี่ยวกับการเมืองนะ แต่เกี่ยวกะคนที่เขียนว่าไม่เกี่ยวกับการเมืองน่ะ เผื่อจะได้คิดอะไรบ้าง ... และไหนๆ ก็เป็นห้องสินธร ใครที่ขาดทุนหุ้น เพราะหุ้นโดนปั่น โดนทุบ โดนผู้บริหารต้ม ก็อย่าไปเรียกร้องหาความรับผิดชอบใดๆ จากใคร เลยนะ เพราะคนอื่น เค้าก็รวยได้ เปิดร้านขายของชำ ก็รวยได้ 10 อันดับเศรษฐีหุ้นไทย ไม่มีใครที่รวยจากหุ้นซักคน (หมายถึง เล่นหุ้นเป็นอาชีพนะ เด๋วจะมีคนเถียงอีก) ไม่ต้องมาเล่นหุ้น ให้เค้าต้ม เค้าปั่น เค้าทุบ ซื้อพันธบัตร รัฐบาล ดอกเบี้ย 7% เค้าก็อยู่ได้ ดอกเบี้ยเดือนละ 70,000 ไม่ต้องเดือดร้อน หาเช้ากินค่ำ เบื่อพวกไร้เหตุผล ที่คิดว่าตัวเองมีเหตุผล มีศิลธรรม จริยธรรม สูงส่งเต็มประดาจริงๆ เค้าถึงว่าคนประเภทเดียวกันมันจะมาอยู่ด้วยกัน พวกที่ดีแต่ใช้ปากบริหารงานไปวันๆ ถึงสนับสนุนกันนี่งัย ชอบจริงๆ พวกนี้ หลอกใช้งานง่ายดี หึๆ ปล. ตอนนั้นไม่สะดวกจะโพสต์ตอบกระทู้แรก จนตอนนี้แตกประเด็นมากระทู้นี้แล้ว ... จากคุณ : อรุโณทัย เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 15:51:49

ความคิดเห็นที่ 64 เราว่า ทุกอย่างในโลกไม่มีอะไร100% คนดีก็ไม่ได้ดีไปทุกอย่าง คนชั่วก็ไม่ได้ชั่วไปทุกอย่าง จน รวย แค่เปลือก ถกไปก็เท่านั้น บางคนอาจพอใจที่ไม่ได้รวยอย่างคนอื่น แต่พอมี พอใช้ ที่เป็นประเด็นคือ กระทู้ต้นเรื่องเอาคำพูดคนคนเดียว ที่พูดไม่เข้าหู มาขยายความ แล้วใส่ความคิดเห็น เติมอารมณ์ส่วนตัวลงไปจนบานปลาย คนจน , คนขี้เกียจ , คนโง่  ไม่ได้แปลว่า คนชั่ว คนรวย ,  ขยัน ,  ฉลาด    ไม่ได้แปลว่า คนดี จะหาสาเหตุของความรวย,ความจนเพื่อใคร ทำตัวเองให้ดีที่สุด ก็พอ ***************************************************                  คำกลอนของหลวงพุทธทาสท่านได้กล่าวไว้ว่า                                   มองแต่แง่ดีเถิด       ๏ เขามีส่วนเลวบ้างช่างหัวเขา      จงเลือกเอาสิ่งที่ดีเขามีอยู่ เป็นประโยชน์โลกบ้างยังน่าดู              เรื่องที่ชั่วอย่าไปรู้ของเขาเลย จะหาคนที่มีดีเพียงส่วนเดียว               อย่าเที่ยวเสาะหาสหายเอ๋ย เหมือนเที่ยวหาหนวดเต่าตายเปล่าเอย   ฝึกให้เคยมองแต่ดีมีคุณจริง ๛ แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 53 18:52:31 จากคุณ : WTKn เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 18:48:49

ความคิดเห็นที่ 65 เบื่อเหมือนกันพวกที่คิดว่ารู้แจ้งเห็นจริง  คิดว่าตัวเองตาสว่างแล้วพลอยทำเป็นเป็นห่วงคนอื่นว่ายังตกอยู่ในวังวนเก่า แต่ลืมไปว่าคนส่วนใหญ่ของประเทศนี้เค้าคิดวิเคราะห์แล้ว่าเค้าเลือกอะไร จากคุณ : abyss_x เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 20:45:12

ความคิดเห็นที่ 66 ไอ้คนเขียนคนนั้นคงไม่เฉลียวพอหรอกครับ จากคุณ : guyver เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 21:56:13

ความคิดเห็นที่ 67 ความคิดเห็นที่ 2     เถียงกันทําไม...คนขี้เกียจ กินเหล้า.....มักจะจน               ....คนขยัน อดออม........มักจะรวย ไม่มีอะไรร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก แต่ที่แน่ๆ....ไม่เกี่ยวกัจระบบการปกครอง ต่อให้เป็นระบบอะไร หากยัง จน เครียด กินเหล้า ขยันพนัน...ก็มักจะไม่รวย จากคุณ : bird_saimai เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 19:15:17   ระบบไม่เกี่ยวได้ไงว่ะ เปรียบง่ายๆไทยกะพม่า ประชาธิปไตยกับเผด็จการ อันนี้ขอเถียง พูดว่าระบบไม่เกี่ยวกันนี้ไม่จริง Douglass north นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบลยัง บอกว่า ระบบเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนา พูดมาได้ แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 53 22:00:33 จากคุณ : guyver เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 21:59:47

ความคิดเห็นที่ 68 เวียตนาม อังกฤษ สิงคโปร์ แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 53 22:21:38 จากคุณ : abyss_x เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 22:21:15

ความคิดเห็นที่ 69 บางคน เงินน้อย ไม่ถือว่ารวย แต่เขาอาจจะพอใจที่มีเท่านั้น มีความสุขได้กับการมีอยู่เท่านั้น แบบ พอเพียง บางคน เงินมากมาย ก็ยังบอกไม่รวยยังต้องหา ขวนขวาย ทุศีล เพื่อ ผลประโยชน์และเงินตรา อำนาจ กีดกับคู่แข่งทุกวิธีทาง  เพราะ เขายังไม่รู้จักคำว่าพอ รวย หรือ รวยไม่พอ วัดกันได้ยาก จากคุณ : ก้นกบ เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 08:15:59

ความคิดเห็นที่ 70 จะประสพความสำเร็จหรือไม่นั้น ขยันอย่้างเดียวไม่พอต้องมีโอกาสด้วย เกิดเป็นลูกคนจน คงไม่มีอินเตอร์เน็ตเล่น ไม่มีหนังสืออ่าน ไม่ได้เปิดหูเปิดตา ต้องทำงานตั้งแต่ยังเล็ก กับเกิดมาเป็นลูกคนรวย เรียนโรงเรียนดีๆ สภาพแวดล้อมดีกว่า โอกาสประสพความสำเร็จก็มากกว่าแน่นอน แต่ในปัจจุบัน ระบบบ้านเรามันเป็นระบบที่คนที่อยู่สูงกว่าสร้างกำแพง ไม่ให้คนที่อยู่ต่ำกว่าข้ามมาได้ง่ายนัก ต้องบอกว่าเค้าโชคร้ายที่จน สมควรจะได้รับโอกาสทั้งการศีกษา สาธรณูปโภค และการเข้าถึงเงินทุนมากกว่้านี้ จากคุณ : k_jojo เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 13:42:53

ความคิดเห็นที่ 71 บางคนชีวิตรุ่นเขาอาจไม่ประสบความสำเร็จ แต่เขาอาจทำให้ลูกหลานเขาประสพความสำเร็จแทน นั้นก็มีถมไป ปลูกพืชหวังผลหลายครั้งก็ต้องใช้เวลา ไม่สบายตอนนี้ก็ไปสบายตอนอื่น ชีวิตพ่อแม่ ของคนรวยๆหลายคนก็ไม่ได้ประสพความสำเร็จหรืออยู่สุขสบาย แต่พวกเขาก็เลี้ยงดูสอนให้รุ่นถัดไปของเขา ประสพความสำเร็จก็มีเยอะ อยู่ที่ว่าจะมองมุมแบบไหน เอายุคตัวเองเป็นศูนย์กลางไว้ก่อน ? เฉพาะ บาง คห.ในนี้ ว่าไปแล้วระบบประเทศไทยก็ไม่ได้ห่วยอะไร  ประเทศก็พัฒนาไปเรื่อยๆได้ จะมาเรียกร้องให้เปลี่ยนแปลงทำเพื่อ ??? (เห็น แดงหลายคนอยากให้เป็น จีน ในตอนนี้โอ้โห ที่นั่น คนรวย--------คนจน อย่างแรงเลย) แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 16:39:01 แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 53 16:34:07 จากคุณ : ไหนๆก็ไหนๆ (A...) เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 16:32:23

ความคิดเห็นที่ 72 มาอีกแล้วพวกบอกว่าขึ้นอยู่กับระบบ แล้วแบบไหนมันดีล่ะครับพี่น้อง ประเทศที่เศรษฐกิจมหึมา อเมริกา ทุนนิยม ก็เห็นง่อิยๆอยู่ทุกวันนี้ จีน รัสเีซีย คอมมิวนิสนะนั่น ไหงโตเอ๊า โตเอา จะว่าเป็นเพราะระบบหรอ แล้วประเทศแถบแอฟริกาน่ะ ก็ได้ข่าวว่าทุนนิยมนะ ทำไมด้อยพัฒนาล่ะ แวบมาดูเวียาดนาม อ้าวนี่ก็คอมมิวนิสต์นี่นา ตลกไปใหญ่แล้ว ระบบไม่ดีพัฒนามาได้ยังไง ผมล่ะสงสัยจริง ว่าในอเมริกา จีน รัสเซีย แอฟริกาส่วนใหญ่ เวียดนาม คนในประเทศเหล่านั้นก็มีดีมีจน ถ้ามันขึ้นกับระบบมันก็ต้องรวย จนเหมือนๆกันทั้งประเทศสิ ใช่ม้าๆ (@_@) จากคุณ : ขอบฟ้าบูรพา เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 23:37:59

ความคิดเห็นที่ 73 ระบอบที่ดี สัดส่วนคนในประเทศกับรายได้ต้องสัมพันธ์กันครับ การเห็นคุณค่าในความเป็นมนุษย์ของคนต้องดีครับ แต่ประเทศนี้ที่พัฒนามาหลายสิบปี ตัวเลขบอกออกมาแล้วว่า ยิ่งพัฒนาในแนวทางนี้ สัดส่วนรายได้ของคนในประเทศนี้ยิ่งแย่ ต้องมาดูว่า ชนชั้นปกครอง ในประเทศนี้พัฒนาอย่างไร ประเทศที่มีทรัพยากรและภูมิประเทศแบบนี้ ถึงยังไม่เจริญสักที มัวแต่ตอiiหลบอกว่าคนจนส่วนใหญ่ในประเทศนี้ ขี้เกียจ ไม่ขยัน โง่ จน ไม่เหมือน G1G2 กรู (ที่อาจรวยจากการเอาเปรียบในการแย่งชิงทรัพยากรรวมของปรเะเทศ) พวกคนจนทั้งหลาย จงเจียมตัวและพอใจกับความจนของตัวเองไปซะ ปล่อยให้พวก ชนชั้นปกครอง กอบโกยและสร้างฐานปิระมิดต่อไป แทนที่จะมองว่า ทำอย่างไร จึงปรับฐานปิระมิดให้เหมือนประเทศที่เขาพัฒนาแล้วได้ โครงสร้างระบอบการปกครองแบบไทยๆ เป็นปัญหาหรือไม่ในเชิงวิชาการ เป็นเรื่องที่คนไทยต้องกลับไปศึกษาให้ลึกซึ้ง และอภิปรายถกเถียงในเชิงวิชาการได้ มากกว่าฉาบฉวยเรื่อง จน เครียด กินเหล้า โง่ บลาๆๆ ทั้งญี่ปุ่น สิงคโปร์ มาเลเซีย เขาใช้เวลานับจากหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เท่าๆ กับไทย อินโด ฟิลิปปินส์ ซึ่งสภาพภูมิประเทศไม่เอื้ออำนวยเท่า กำลังขยับแซง เวียดนาม ลาว กัมพูชา เริ่มหลังจากจบสงครามเย็น ตอนนี้ เหลือแต่ พม่า กับ ไทย นี่แหละ ประเทศจะพัฒนาได้ ระบอบการปกครอง(รูปแบบไหนก็ตาม) ต้องคำนึงถึงคนส่วนใหญ่ของประเทศจริงๆ ไม่ใช่ คำนึงถึงแต่ปาก แต่การกระทำตรงกันข้าม แก้ไขเมื่อ 11 ก.ย. 53 09:14:10 จากคุณ : BFattitude เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 08:52:00

ความคิดเห็นที่ 74 เปลี่ยนเป็นแบบประธานาธิบดี แล้วค้าปลีก/กลุ่มทุนต่างชาติ มันจะออกไปจากประเทศเหรอคะ เรื่องความเท่าเทียม จะญี่ปุ่น หรือ อเมริกา มันก็เป็นเรื่องไม่จริง ทั้งนั้นค่ะ ธุรกิจ ก็มีวัฎจักร มีวงจรของมันเหมือนกัน ทำไมไม่คิดมุมกลับบ้าน สมัยนี้จะทำการค้า ก็มีข้อได้เปรียบในปัจจุบันเรื่อง อินเตอร์เนท คอมพิวเตอร์ ซอฟท์แวร์ ต่างๆ เป็นตัวช่วย หรือมีไอเดียอะไรดีๆ และถ้าจังหวะดี ก็สามารถทำออกมา และกระจายได้กว้าง ไวกว่าสมัยก่อนมาก ยุคสมัยเปลี่ยนไป จะไปเทียบแต่ไอ้เรื่องเดิมๆ ตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนคงไม่ได้ ทัศนคติเป็นเรื่องสำคัญที่ทำให้เราล้าหลัง และแข่งขันกับคนอื่นยากค่ะ จากคุณ : WCT เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 12:13:43

ความคิดเห็นที่ 75 ประเทศที่จะเจริญได้ต้องมี 1. รัฐบาลต้องมีเสถียรภาพ 2. รัฐบาลมุ่งมั่นในการแก้ปัญหาและพัฒนาประเทศ ในเมื่อระบบที่เป็นอยู่ถึงมีรัฐบาลมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศ แต่ก็หาเสถียรภาพไม่ได้เลย เพราะว่าความมีเสถียรภาพของรัฐบาล อยู่ที่สถาบันทหารเท่านั้น ถ้าผิดใจทหารเมื่อไร รถถังก็จะออกมาว่อนกรุงอีกครั้ง ประเทศไทยมีการทำรัฐประหารถึง 22 ครั้ง มากที่สุดในโลก ถ้าตราบใดรัฐบาลยังหาเสถียรภาพไม่ได้ ประเทศก็ไม่มีวันพัฒนาหรอกครับ จากคุณ : k_jojo เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 53 03:19:21

ความคิดเห็นที่ 76 ความเห็นส่วนตัวจากที่ทำงานกับคนในระดับรากหญ้ามาพอสมควร ก็พอจะมองเห็นว่าทำไมบางคนถึงถีบตัวขึ้นมาได้ และในขณะที่บางคนยังคงเหมือนเดิม เหตุผลหลักๆขึ้นอยู่กับทัศนคติ คนที่เลิกงานก็กินเหล้าไม่เก็บเงินก็มีเยอะ  บางคนขยันจริงแต่ขาดสติปัญญา  บางคนไม่ขยันและยังขี้เกียจ ชีวิตรอคอยแต่ความช่วยเหลือของคนอื่นแทนที่จะพยายามดิ้นรนด้วยตัวเอง คนเหล่านี้ชีวิตของเค้าก็ย่ำอยู่กับที่ เช้าชามเย็นชามไปตลอดแหละค่ะ จากคุณ : -->+:+โชยุ&วาซาบิจัง+:+<-- เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 53 10:34:02

ความคิดเห็นที่ 77 ป๋าเทพ โพธิ์งาม หล่ะ  ไม่เคยเห็นแกขี้เกียจเลย  แต่แกก็ไม่รวยสักที จากคุณ : Thanomklom เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 53 10:56:33

ความคิดเห็นที่ 78 คห 27 น่าจะตอบไปหมดแล้วนะครับ จากคุณ : Thanomklom เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 53 11:33:19

ความคิดเห็นที่ 79 บ้านไหนจน  จะมีขี้อยู่ 3 กอง ขี้เกียจ ขี้ขโมย ขี้เล่น จากคุณ : เด็กน้อยตัวแสบ เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 53 12:12:26

ความคิดเห็นที่ 80 ดุเด็ดเผ็ดมันส์จริงๆครับ ทั้งกระทู้นี้และกระทู้ต้นเรื่อง ไม่รู้จะแสดงความคิดเห็นไงดี จากคุณ : kakashi (SteamPower) เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 53 13:17:25

ความคิดเห็นที่ 81 เห็นคนที่มีความคิดชนชั้นกลวงสุดโต่งแล้วอดคิดถึงเรื่องเล่าของ อ้วนสุด ในสามก๊กไม่ได้จริงๆ ตอนนั้นเกิดภัยแล้งอย่างหนักหนา บวกกับเกิดภัยธรรมชาติ ฝูงตั๊กแตนกัดกินพืชพรรณ แม้แต่ซากต้นข้าว ฟางข้าวยังกัดกิน ต้นไม้ยิ่งไม่เหลือใบ เหลือเปลือก วันหนึ่งมีขุนนางไปถามอ้วนสุดว่าจะแก้ปัญหานี้เช่นไรดี จึงจะเหมาะสม ? อ้วนสุดตอบทันทีอย่างฉะฉานว่า ในเมื่อต้นข้าว ต้นพืชไม่เหลือซากแล้วนั้น เหตุใดท่านจึงไม่บอกให้ชาวเมือง ชาวบ้าน ล้มม้า ล้มวัว ล้มควาย ต้มทานเล่า ? ขุนนางนั้นครุ่นคิด แม้แต่พืชพรรณยังไม่เหลือซาก วัว ควายจะเหลือรอดมาหาอะไรกิน.. นี่หรือผู้เป็นฮ่องเต้? เรื่องนี้ผมเทียบได้กับมุมมองของชนชั้นกลาง ชนชั้นสูงในเมือง มองปัญหาคนต่างจังหวัด ด้วยมุมมองแคบๆ ที่ตนเองไม่เคยประสบมาในชีวิต พิมพ์ข้อความสัก 10 นาที ยิ้มๆ เข้านอน ผมเห็นข้ออ้างที่ใช้บ่อยที่สุดคือ "ไม่ขยัน" พอโดนต่อต้านมากเข้าเพิ่มเรื่องเข้ามาอีกว่า "ไม่ใช้สมอง" "ไม่ขวนขวายหาโอกาส" นี่ก็ยืนยันความ "ไม่รู้" ของผู้พูดได้ดีมาก และรับประกันความไร้ประสบการณ์ของผู้พูดได้อย่างไร้ข้อกังขาเป็นอย่างยิ่ง ถ้าคุณไม่มีเงิน คุณจะหาโอกาสไหนเรียน คนที่ไม่เคยมีภาระที่ต้องส่งเสียน้องๆ ช่วยพ่อแม่ทำงานตั้งแต่เด็กเล็ก กลับมาสั่งสอนว่าทำไมไม่ไปหาความรู้? โดยที่ไม่เคยดูเลยว่าแม้แต่ความรู้ก็ต้องใช้เงินแลกมา ถ้าไม่มีเงินเอาอะไรใช้ไปเดินทางเรียนหนังสือ ทานข้าว ใช้เพื่อประทังชีวิตตนและทางบ้านได้? คุณอาจเห็นละครหลายเรื่อง สารคดีซักชิ้นเด็กชนบทเดินหลายกิโลฯไปเรียน สิ่งที่คนๆนั้นแบกบางทียังมีชีวิตของคนที่บ้าน ที่ไม่มีแม้แต่จะกินอะไรด้วยซ้ำ ไม่เข้าใจจริงๆว่าที่คิดแบบนี้เคยรู้หรือไม่ว่าชีวิต แบบไม่นิยายเป็นอย่างไร ส่วนเรื่องไม่ขวนขวายหาโอกาสยิ่งแล้วใหญ่ กลุ่มนายทุนที่ยึดครองที่ดินกว้านซื้อที่ในต่างจังหวัด ตั้งตนเป็นผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น ขูดรีดชาวบ้าน แถมยังผันตัวเองมาเ็ป็นผู้แทนเพื่อประชาชนอีก ผมว่าชีวิตคนเหล่านี้ไม่มีทางเลือก คุณก็ยังไปเรียกแอบอิงผู้มีอำนาจ โดยที่ไม่เคยรู้ว่ารัฐอ่อนแอแค่ไหนในการจัดการปัญหานี้ ...สลดใจยิ่งนัก พออยากมีทุนซักก้อนพัฒนาตัวเองหรือ? กู้เงินธนาคารได้หรือเปล่า แล้วเอาสินทรัพย์ที่ไหนไปใช้ค้ำ? ก็ไม่รอดต้องกู้หนี้นอกระบบมาเป็นทาส ซ้ำสองอีก ทีนี้คุณจงอภิปรายมาว่า คำว่า ขยัน อดออม ประหยัด ซื่อสัตย์ อะไรทั้งหลายนั่น มันแก้ปัญหานี้ตรงไหนครับ? อยากรู้มาก จากคุณ : UrmiaRest เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 53 22:41:45

ความคิดเห็นที่ 82 ความคิดเห็นที่ 72     มาอีกแล้วพวกบอกว่าขึ้นอยู่กับระบบ แล้วแบบไหนมันดีล่ะครับพี่น้อง ประเทศที่เศรษฐกิจมหึมา อเมริกา ทุนนิยม ก็เห็นง่อิยๆอยู่ทุกวันนี้ จีน รัสเีซีย คอมมิวนิสนะนั่น ไหงโตเอ๊า โตเอา จะว่าเป็นเพราะระบบหรอ แล้วประเทศแถบแอฟริกาน่ะ ก็ได้ข่าวว่าทุนนิยมนะ ทำไมด้อยพัฒนาล่ะ แวบมาดูเวียาดนาม อ้าวนี่ก็คอมมิวนิสต์นี่นา ตลกไปใหญ่แล้ว ระบบไม่ดีพัฒนามาได้ยังไง ผมล่ะสงสัยจริง ว่าในอเมริกา จีน รัสเซีย แอฟริกาส่วนใหญ่ เวียดนาม คนในประเทศเหล่านั้นก็มีดีมีจน ถ้ามันขึ้นกับระบบมันก็ต้องรวย จนเหมือนๆกันทั้งประเทศสิ ใช่ม้าๆ (@_@) จากคุณ : ขอบฟ้าบูรพา   เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 23:37:59   ถูกใจ : BonaPart, Chat5 อ่านแล้วก็เศร้าใจ จีนเทียบกับอเมริกาตอนนี้ก็ยังไม่ได้ที่แย่ๆก็เป็นแค่cycle นึงของเศรษฐกิจ จีนรวยวันนี้ได้เพราะคอมหรือทุนนิยมกลับไปคิดให้ดีดี จากคุณ : guyver เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 53 00:16:20

ความคิดเห็นที่ 83 อันนี้ตอบ คคห 72 นะ เเละคนอื่นที่อาจจะสับสน หรือดูเเต่ตัวเลข หรือคิดว่าประเทศที่พัฒนาเเล้วไม่มีคนจน ไม่มีอาชญากรรม ในโลกนี้ไม่มีที่ใหน เเละอะไรสมบูรณ์เเบบเด้อ เราต้องเเบ่งให้ชัดเจน ระหว่างประเทศกลุ่มต่างๆ จะพัฒนา ก็พัฒนาให้มันน่าอยู่ด้วย ไม่ใช่มีเเต่เงินอย่างเดียว เหมือนถ้าครอบครัวเรารวย เเต่ครอบครัวเราเเตกเเยก ก็ไม่ควรเอาอย่าง 1.  พัฒนาเเล้ว มีอำนาจ มัวเเต่ยุ่งเรื่องชาวบ้าน ซุกปัญหาไว้ใต้พรม อันนี้ต้องเมกา ญี่ปุ่น ดูเป็นเยี่ยง อย่าเอาอย่าง 2. อัตราการเจริญเติบโตสูง กำลังมาเเรง เเต่ต้องดูยาวๆ จีน เกาหลี เวียตนาม หรือพวกคอมเก่า รอดูฟองสบู่มันเเตก หรืออาจจะไม่ ก็ว่ากันไป เเต่การพัฒนาที่มุ่งผลด้านตัวเลขอย่างเดียว ไม่ได้เกิดประโยชน์ ระยะยาว จะมีปัญหาสังคมตามมา 3. ไม่มีการพัฒนาใดๆ ทั้งสิ้น การปกครองประเทศเป็นเเบบเผ่าชั้น เผ่าเธอ ทรัพยากรมากมี เเต่ มือใครยาวสาวได้สาวเอา มีปัญหาจัดการด้วยกระสุนปืนซะ ก็เเถวๆ อัฟริกาไง   !!!เเบบนี้ห้ามเอาอย่างเด็ดขาด!!! 4. กลุ่มสเเกนดิเนเวีย หรือยุโรปบางประเทศ อันนี้เเหละน่าเอาอย่าง ประเทศพัฒนาดี สวัสดิการดี ไม่พยามทำตัวโต คุยโว เบ่งให้คับโลก บางที คล้ายๆ กับว่าเรากำลังเถียงกันเรื่องสวรรค์ ว่าดีอย่างโน้น อย่างนี้ ทั้งๆ ที่ไม่มีใครเคยเห็น ไม่มีใครรู้จริง ก็เถียงกันไป จากคุณ : ~ papeete ~ เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 53 22:02:46