ความคิดเห็นที่ 1 ไม่รุจะแนะนำอะไร .... ให้กำลังใจพี่ จขกท.ละกันฮะ .. จากคุณ : Duckcovery เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 21:48:40

ความคิดเห็นที่ 2 ถัวๆแล้วขาดทุนน่าจะประมาณ 4-5% ลองจับรวมๆกันแล้วขายออก ลองดู irpc แทนไหมครับ  4-5% ผมคิดว่าตัวนี้ทำได้นะครับ จากคุณ : โต้คลื่น เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 21:53:27

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้าจะลงทุนยาว รับเงินปันผล เกิน 10% ต่อปี ก็ CSL ครับ จากคุณ : สาระขัน เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 21:53:31

ความคิดเห็นที่ 4 แต่ละตัว...เป็นหุ้นที่ดี....ขาดทุนไม่เยอะ... กลับมาได้...ทุกตัวครับ....ผมมั่นใจ... คุณเข้าผิดจังหวะ....ไม่ดูราคาให้ดี...ว่าหุ้นที่ซื้อ/ก่อนหน้านี้มาจากราคาอะไร...ไม่ใช่อยากซื้อ..ก็ซื้อเลย...เชื่อนักวิเคราะห์อย่างเดียว... ไม่เห็นต้องกลุ้มใจ....ผมถือตัวหนึ่งขาดทุน 50 % มากกว่าคุณเยอะ....ไม่เห็นกลุ้มตรงไหน... เล่นหุ้นแล้ว...กลุ้มใจ...หงุดหงิด..นอนไม่หลับ... อย่าเล่นเลยครับ.... ไปทำอย่างอื่น....เหอะ... จากคุณ : เล้ง (แก้วบางจาก) เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 21:55:38

ความคิดเห็นที่ 5 ดูใน port ก็ไม่เลวร้ายอะไรครับ ถือยาวๆก่อนได้ครับ วันนี้ผมพึ่งลงดอย pttar 26  ติดมา ครึ่งปีได้ 55+ ตอนลงไปถึง 22 ผมก็ยังถือต่อไป เพราะผมมั่นใจที่ซื้อไป แล้วมันก็กลับมาได้จริงๆ + ได้ค่าดอกเบี้ยกลับมา 55+ จากคุณ : Artelrooy เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 21:56:14

ความคิดเห็นที่ 6 ไม่อยากจะว่านะครับ แต่ผมว่า bts นี่เสี่ยงมากๆลองไปดูผลประกอบการสิครับจะรู้ทันที ผมว่าถ้าเชื่อนักวิเคราะห์มากก็เล่นกองทุนรวมดีกว่าครับ เอาเงินให้เค้าเล่นให้เลยครับไม่ต้องคิดมาก จากคุณ : แมงเม่าหนีไฟ (kumta55) เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 21:56:27

ความคิดเห็นที่ 7 ฟังบทวิเคราะห์ต้องแยกแยะอ่ะครับ ส่วนไหนที่เป็นข้อเท็จจริง ส่วนไหนเป็นความเห็นของผู้วิเคราะห์ เอาส่วนที่เป็นข้อเท็จจริงไปใช้ร่วมกับปัจจัยอื่นๆ ประกอบการตัดสินใจของเรา เป็นกำลังใจให้ครับ จากคุณ : WindReturn เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 21:56:35

ความคิดเห็นที่ 8 อย่าลืมดูผลประกอบการ + กราฟที่ผ่านมาครับ แม่นที่สุดแล้วครับ นักวิเคราะห์ ถ้าแม่นคงไม่ต้องมานั่งวิเคราะห์ละครับ 55+ จากคุณ : Artelrooy เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 21:57:17

ความคิดเห็นที่ 9 ใจเย็นๆ ค่ะ ค่อยๆ คิด  คนอื่นเค้าติดเยอะกว่านี้อีกนะ สู้ๆ จากคุณ : nusarathi เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 21:58:02

ความคิดเห็นที่ 10 แนะนำไม่เป็น แต่มาให้กำลังใจ  ...อะไรๆ ก็ผิดพลาดกันได้ เราเองเคยบาดเจ็บมากกว่านี้ ยังต้องสู้ต่อไปเลย ทุกอย่างเป็นบทเรียน การเล่นหุ้น เป็นการลงทุน ที่มีความเสี่ยงสูง เมื่อพลาด ต้องทำใจ อย่ามัวไปโทษคุณพ่อเลย ขจก.เองก็เหอะ อาจโชคดีเลยเลยไม่เจ็บ แต่คุณพ่อพลาดไป ถ้าขจก.เอาแต่โทษท่านจนเป็นปากเสียง แล้วจะได้อะไร  หันไปร่วมปรึกษาหาทางแก้ ถ้าไม่ไหวขายทิ้ง หยุดเล่นหันไปทำอย่างอื่นดีกว่า เพื่อให้ความสัมพันธ์ของครอบครัวคืนมาเหมือนเดิม สิ่งนี้สำคัญกว่าเงินทองสู้ๆ  เป็นกำลังใจให้ทั้งคุณพ่อและคุณลูก จากคุณ : nareesom เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 22:07:23

ความคิดเห็นที่ 11 ผมไม่อยากซ้ำเติมนะ อ่านอย่างเข้าใจ ความเห็นผมนะ ผมว่าผิดถนัดเลย ถ้าพ่อคุณคิดจะหารายได้แบบว่าเอาไปใช้จ่ายประจำวันได้ด้วยการเล่นหุ้นครับ เพราะ ทุกวันนี้ คนที่เล่นหุ้นรายวัน หรือรายปักษ์ เป็นพวกเก็งกำไรทั้งนั้น หรือว่าไม่จริง หากเป็น VI ตัวจริง ซื้อตั้งแต่ 400 แล้วแหละครับ และถ้าเล่นแบบซื้อขายไม่ถึงเดือน ผมไม่เรียกว่า VI นะ แถมยังฟังนักวิเคราะห์อีก พวกนักวิเคราะห์ มันวิเคราะห์ตามเศรษฐกิจน่ะ คาดว่า GDP จะโตขึ้น คาดว่าค่าการกลั่นจะเพิ่ม.. ส่งออกจะโต เงินบาทจะแข็งค่าต่อ บลาๆๆ แต่ มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ VI เลยนะ ที่พวกนักวิเคราะห์มันพูดมาน่ะ คุณต้องกลับไปดูว่า มันเป็นธุรกิจอะไร มันคงและเติบโตหรือไม่ เป็นธุรกิจที่ไม่ตายง่ายๆ กระแสเงินสด อัตราการทำกำไร กำไรต่อส่วนผู้ถือหุ้นเติบโตมั้ย เงินที่ได้มาเขาเอาไปทำอะไร ทำให้งอกเงยกว่าเดิมมั้ย หรือว่าปันผล นโยบายปันผลเป็นอย่างไร ไม่ใช่ว่า "วันนี้ ดัชนีปิดที่ 937.04 จุด เพิ่มขึ้น +12.47 จุด มูลค่าการซื้อขาย 37,341.48 ล้านบาท   5 อันดับหลักทรัพย์ที่ซื้อขายมากทึ่สุด ได้แก่ PTT, BANPU, PTTAR, SCC, KTB ปัจจัยที่จะทำให้กระทบตลาดในวันพรุ่งนี้ ได้แก่ กรณี กสท. ยื่นฟ้องศาลพระภูมิ ให้ระงับการประมูล 3G และกรณีมาตรการค่าเงินบาท ที่ยั่งไม่ออกมาอย่างแน่ชัด รวมถึงช่วงๆ ที่ตกต้นไม้อาการสาหัส พรุ่งนี้ หากไม่ผ่านแนวต้าน 1,000 ให้ทยอยลด Port การลงทุน แต่ถ้าหากผ่าน 1,000 จุดไปแล้ว ให้ไปรอขายที่ 600 จุด"   ^ ^ ^ มานเกี่ยวกับว่า คุณจะเลือกหุ้นตัวไหนเข้า PORT มั้ย ถ้าฟังมันนะ พวก VI ต้องซื้อขายทุกวันแล้วล่ะ เล่นแบบนี้ ผมไม่เรียกว่า VI แต่ผมมองว่า เก็งกำไรแบบ "ไม่รู้" ด้วย เสี่ยงมากครับ บอกคุณควรจะอธิบายให้ท่านเข้าใจ บอกเหตุผล รวมถึงเก็บเงินไว้ในยามจำเป็น หรือเอาไว้ซื้อหุ้นตอนเกิดวิกฤติครับ รับรอง ชาตินี้ มีวิกฤติให้ซื้อแน่นอน แต่จะใจเย็น และเฝ้ามองหุ้นไว้มั้ย นั่นอีกเรื่อง VI ใช่รวยเพราะโชคช่วยนะครับ ด้วยความเป็นห่วง กลัวพ่อคุณจะจมอยู่กับหุ้น และอาจจะพาลถึงครอบครัวในไม่ช้า เป็นกำลังใจให้ครับ (เหมือนตบหัวแล้วลุบหลังนะ แต่อยากตรงไปตรงมา อ้อมโลกเหนื่อย) จากคุณ : worthneverdie เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 22:20:35

ความคิดเห็นที่ 12 สู้ต่อไปครับ ...  แต่ยังไงก็คุยกันดีๆนะครับ หนักเบาก็ยอมๆให้กันหน่อย อย่าใช้อารมณ์ หรือคำพูดที่ไม่ดีกับท่านนะครับ ... กลัวท่านจะเสียใจ ^^   ปล.เป็นกำลังใจให้พี่ Ploeauer และขอให้คุณพ่อและคุณแม่อายุยืนและสุขภาพแข็งแรงนะครับ จากคุณ : มิ่งกลิ้ง เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 22:24:54

ความคิดเห็นที่ 13 บอกพ่อนะว่าหยุดซื้อ ปล่อยทิ้งยาวๆไปเลย จากคุณ : บางแสน คลาสสิค เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 22:27:55

ความคิดเห็นที่ 14 ให้กำลังใจครับ ^_^ จากคุณ : apiwatt เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 22:35:18

ความคิดเห็นที่ 15 ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ ผมว่าผมเห็นใจและเข้าใจความรู้สึกของ จขกท. นะครับ มีหุ้นอยู่ในพอร์ท 7 ตัวแดงเกือบหมดในขณะที่บรรยากาศของการลงทุนเป็นกระทิงดุอยู่ตอนนี้ ใครที่เป็นเจ้าของพอร์ทแบบนี้ก็คงต้องนอนไม่หลับเป็นธรรมดา 2-3 ตัวที่ผมเห็นอยู่ในพอร์ทนั้นชัดเจนว่าเป็นหุ้นปั่น อีกหนึ่งตัวขาดทุนสะสมมา 2 ปี ถ้าเป็นผม ผมจะหยุดการลงทุนเพิ่ม และลดจำนวนหุ้นที่มีอยู่ให้เหลือเพียง 2-3 ตัวเพื่อรอเวลาที่เหมาะสมแล้วจำหน่ายออกไป ในกรณีนี้ถ้า จขกท. มีความจำเป็นต้องใช้เงินนะครับ แต่ถ้าหากเป็นเงินเย็นซึ่งยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินก้อนนี้ ก็ลองถือต่อไปเพราะหุ้นแต่ละตัวจะมีวัฏจักร หรือเวลาของมัน ราคาอาจจะปรับเพิ่มขึ้นช่วยให้เราลดอัตตราการขาดทุนได้ ด้วยความเครารพครับ จากคุณ : น้าหมีอ้วน เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 22:36:00

ความคิดเห็นที่ 16 bts นี่ vi แบบไหนครับ ช่วยอธิบายผมหน่อยเถอะัครับ จากคุณ : PureLife เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 22:45:09

ความคิดเห็นที่ 17 ถ้าคุณพ่อหน้ามืดขนาดนี้ ทางแก้คือเลิกเล่นเถอะครับ ถึงตอนนี้จะแก้ปัญหาเรื่อง port ลบไปได้ แต่ถ้าวิธีคิดยังผิด ไปเชื่อนักวิเคราะห์ทั้งหมด โดยที่ไม่ได้คิดตาม มีเท่าไหร่ก็เจ๊ง ครั้งหน้าไปแห่เล่นหุ้นตามกระแสโดยไม่คิดก็เหมือนเดิม ที่สำคัญหุ้นมันมีแนวรับ แนวต้าน ถ้าเชื่อเขาตามเขาแล้วผิดทางไม่ผ่านแนวต้าน ต้องสอนให้คุณพ่อ stop lose เป็นไม่งั้นก็ลำบาก อนาคตลงทุนอีกก็เจ็บอีก นี้ขนาดตลาดยังไม่ปรับฐานใหญ่นะ ไม่งั้นได้เห็น -10% แน่นอน เอาใจช่วยให้ผ่านไปได้ครับ คุณเองต้องศึกษาเยอะๆ ทำให้พ่อคุณมั่นใจในตัวคุณแล้วไปแนะนำท่านในทางที่ถุก ตอนชวนนั้นมันง่ายกว่าตอนที่จะแนะนำมากนัก เพราะคนมันโลภแล้วอะไรก็ฉุดไม่อยู่ คนที่ซื้อหุ้น ขายหุ้นนะง่าย แต่จะประสบความสำเร็จและยืนลงทุนในตลาดหุ้นได้นานหลายปีโดยไม่หมดตัวนั้นยาก จำไว้เลยนะครับถ้าเล่นหุ้นไม่ถึง 3 ปีหรือไม่เคยผ่านช่วงวิกฤติ อย่าได้แนะนำคนอื่นหรือเอาเงินครอบครัวมาเล่นหุ้น ผมเห็นเจ๊งมาเยอะแล้ว บางคนหน้ามืดเล่นจากเงินกู้ ขาดทุนจนต้องขายบ้านมาใช้หนี้ก็มีให้เห็น ตลาดขาขึ้นคนที่เล่นได้เงินก็คิดว่าตัวเองเก่งแล้ว แท้จริงแล้วก็ไม่ต่างจากเรือลำเล็กที่ถูกกระแสคลื่นพัดให้ลอยขึ้นไป ยิ่งคุณประมาท ก็จะถูกเอาคืนจนหมดตัวได้ตลอดเวลาแหละครับ ไม่เว้นแม้แต่นักวิเคราะห์ลองให้พวกนี้มาเล่นหุ้นก็ใช่ว่าจะรอดจากการเก็งกำไรของรายใหญ่ได้ตลอดไป เพราะเดี่ยวนี้เขาใช้ทั้งข่าว ใช้ทั้งเงินหนา ในการเล่นเก็งกำไร ทำให้:-)เม่ารายย่อยตัวน้อยยิ่งเล่นลำบากมากขึ้นไปอีก จากคุณ : coffee4you เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 22:49:05

ความคิดเห็นที่ 18 ขอติงคำแนะนำของท่านที่เหมือนจะเป็น VI นะครับ ผมไม่รู้สึกแปลกอะไรที่คุณพ่อของ จขกท มีพอร์ตดังที่แสดงให้ดุ เพราะคุณพ่อท่านก็ซื้อตามบทวิเคราะห์ ซึ่งก็มีทั้งถูก ทั้งไม่ถูก แต่อยากให้รู้ว่า ราคาเป้าหมายต้องดูด้วยว่ามันเป้าตอนไหน ตอนนี้ขยับใช้เป้าปี 54 นั่นหมายความว่าถึงสิ้นปี 54 ราคาควรจะเป็นเท่านั้น ผมไม่ทราบว่าการลงทุนตามนักวิเคราะห์มันผิดด้วยหรือ?? คุณแนะนำให้เขาไม่เชื่อใครเลย แล้วปฏิบัติตามสิ่งที่คุณคิดว่าถูกต้อง แน่ใจว่าสมควรหรือ?? การลงทุนในหุ้นมันมีหลายแบบ แต่ไม่ได้หมายความว่าการเป็น VI จะเลิศเลอ ดีที่สุด แล้วอย่าง George Soros เขาไม่ได้เป็น VI เหมือน Buffet แต่เขาก็รวย ทำไมคนก็ยังอยากเจริญรอยตามเขา คนอายุมากแล้ว ถามว่าจะมานั่งศึกษาเรื่องการเงิน บางทีหัวก็ไม่รับหรอกครับ แล้วการที่เขาต้องการเล่นหุ้นเพื่อเอาเงินมาเป็นค่าใช้จ่าย มันก็ไม่ผิด มันแล้วแต่คน เพราะผมเชื่อว่าคนในห้องนี้ก็มีพวกที่กู้หนี้ยืมสินมาเล่นหุ้น เขาก็ไม่ผิดนะ นั่นก็ชีวิตของเขา วิธีการของเขา ถ้าเขาเชื่อว่าเขาจะสามารถทำผลตอบแทนได้มากกว่าดอกเบี้ย คนบางคนเงินไม่เย็นขนาดที่จะถือหุ้นเอาไว้เป็นปีๆเพื่อให้ได้ผลตอบแทนได้ อยากบอก จขกท ว่า การลงทุน ควรเปิดรับทุกด้าน เอาทุกอย่างมาผสมผสานกัน ไม่มีอะไรดีที่สุด มีแต่สิ่งที่เหมาะสมกับสถานการณ์ขณะนั้นมากทึ่สุด ผมเข้าใจว่าคุณพ่อของคุณอาจคิดว่า อยากได้เงินเยอะๆ ใครก็อยากได้เงินเยอะๆทั้งนั้ น ยิ่งถ้าครอบครัวกำลังประสบปัญหา ก็ยิ่งจะอยากได้เงิน เพื่อเอามาแบ่งเบาภาระที่บ้าน อาจทำให้คิดอะไรไม่รอบคอบ หรือกล้าได้กล้าเสียมากเกินไป ทางที่ดีควรนั่งคุยกับคุณพ่อจะดีกว่า ว่าไม่ต้องรีบร้อน เพราะการที่คุณพ่อรีบซื้อหุ้นแสดงว่าคุณพ่ออาจฟังแต่นักวิเคราะห์ หรือดูแต่ปัจจัยพื้นฐาน ไม่ได้ศึกษาเรื่องจังหวะการเข้าซื้อหุ้น  ก็เลยทำให้ซื้อผิดจังหวะไปหน่อย แต่ดูหุ้นที่คุณพ่อคุณซื้อ ก็ไม่เห็นได้เลวร้ายอะไร เพราะถ้าดูพื้นฐาน ผมก็ไม่เห็นว่าหุ้นเหล่าดีจะแย่กว่าหุ้น N-PARK ตรงไหน ซึ่งอยากถามพวก VI เหมือนกันว่า อย่าง N-PARK ทำไมไม่มีใครออกมาเตือนว่าเป็นหุ้นไม่ดี เห็นชื่นชมกับคนที่ซื้อ 0.02 ไปขาย 0.05 ได้ เล่นหุ้น ขอให้มีหลักการ จะเชื่อเทคนิค เชื่อการดูอาการของหุ้น เชื่อพื้นฐาน จะเป็นแบบไหนก็เป็นได้ทั้งนั้น ไม่ผิด แต่ละแบบก็มีวิธีการลงทุนที่แตกต่างกันไป  ขอเพียงแต่อย่าซื่้อตามข่าวลือ หรือพวก "เขาบอกว่า" ก็โอเคแล้วล่ะครับ จากคุณ : wattanac เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 22:53:13

ความคิดเห็นที่ 19 แต่จริงๆแล้ว หุ้นที่มีอยู่พื้นฐานก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่นะ ส่วนจะถือต่อหรือตัดขาดทุนตรงนี้ มันอยู่ที่ความคิดของเราเองแล้วล่ะครับว่าจะเลือกแบบไหน อยากเป็นนักลงทุนหรือนักเล่นรอบอยู่ที่มุมมองของเราครับ จากคุณ : เที่ยวไปสะพายเป้ เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 23:59:45

ความคิดเห็นที่ 20 เข้าใจนะ เราว่าคนเป็นพ่อ นิสัยคงคล้ายๆกัน พ่อเราหาเงินเองเล่นเอง วิธีการเล่น คล้ายๆกันคือ ซื้อสุ่ม และใจร้อน ไม่เชื่อลูก แต่เชื่อคนอื่น ตอนหลังเริ่มยอมรับเรา แต่ไม่เปลี่ยนวิธีเล่น จากคุณ : WTKn เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 53 00:28:43

ความคิดเห็นที่ 21 แนะนำให้ไปหาหนังสือหุ้นมาอ่านครับ จากคุณ : yacht7 เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 53 00:32:21

ความคิดเห็นที่ 22 เป็นกำลังใจให้ จขกท. ครับ แนะนำว่า ไม่ควรลงทุนในหุ้นอย่างเดียว ในเวลานี้มันเสี่ยงเกินไป ควรลงทุนในด้านอื่นๆ เช่น สลากออมสิน กองทุนรวม และอื่นๆ ควบคู่กันไปด้วย แม้ผลตอบแทนจะน้อย แต่ความเสี่ยงน้อยกว่าหุ้นครับ จากคุณ : จอมโจรแมวเหมียว เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 53 08:39:35

ความคิดเห็นที่ 23 ต่อให้ใช้วิธีเดียวกัน แรงกดดันจากปัจจัยพื้นฐานของตัวเราเอง มันจะทำให้แต่ละคน  ต้องตัดสินใจแตกต่างกันครับ ผมอ่านดูแล้ว   คิดว่าเงินที่ครอบครัวคุณนำมาลงในหุ้น เป็นเงินที่ไม่มีปัจจัยพื้นฐานหนุนหลัง เพราะคุณพ่อตกงาน คุณแม่ป่วย  ต้องใช้เงินเก่ามาใช้จ่ายไปเรื่อยๆ ? แรงกดดันจากสภาพเช่นนี้   แค่เห็นหุ้นตกไม่ถึงสิบเปอร์เซนต์ก็จะเครียดสุดๆแน่นอน เพราะจะรู้สึกว่า  เงินเก็บก้อนสำคัญของเราหายไปเรื่อยๆ   โดยไม่มีเงินใหม่จากนอกตลาดเข้ามาเสริมค่าใช้จ่าย ผิดกับคนที่มีรายได้ด้านอื่นๆ ผมเชื่อว่า   ต่อให้หุ้นแบบวีไอ ตกไปยี่สิบเปอร์เซนต์ก็ยังรับได้ ปัญหาจึงไม่ได้อยู่ในตลาด  แต่อยู่ที่สภาพการเงินของเราเอง มีทางลดค่าใช้จ่ายลง และเพิ่มรายได้จากทางอื่นๆได้หรือเปล่า   น่าจะเป็นปัญหาที่สำคัญ เรื่องคุณพ่อเชื่อนักวิเคราะห์มากๆๆ ถ้าคุณกล้าพูดกับคุณพ่อตรงๆ ก็ถามไปเลยซิครับ ไหนบอกว่าตัวเอง เก่งกว่าเสี่ยเจริญ  หยั่งรู้พอๆกับขงเบ้ง แต่ทำไมไปฟังนักวิเคราะห์ซึ่งเก่งน้อยกว่าเสี่ยเจริญ   ฉลาดน้อยกว่าขงเบ้งไม่รู้กี่ร้อยเท่า เท่ากับว่า  กำลังเชื่อคนที่เก่งน้อยกว่าตัวเอง ใช่หรือเปล่า ? ผมคิดว่าตัวเอง เอาตัวรอดในตลาดหุ้นได้แล้ว ก็ยังต้องตัดแปะความเห็นนี้ไว้เตือนใจตัวเอง @ แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 53 09:26:39 แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 53 09:24:50 จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 53 09:23:31

ความคิดเห็นที่ 24 ผมอยากจะติ เรื่องหนึ่ง ผมว่าคุณรู้อยู่แล้ว เงื่อนไขคือเงินพ่อเงินร้อน เพราะพ่อตกงาน แม่ไม่สบาย ผมศึกษาหุ้นมา 3 ปี ผมยังไม่คิดว่าตัวเองจะถ่ายทอดให้คนอื่นได้เลย เพราะผมยังรู้สึกว่าผมยังโง่อยู่มาก แต่เจ้าของกระทู้ศึกษามา 5 เดือน แล้วบอกต่อ ความสำเร็จระยะสั้นจากการซื้อมาขายไป แล้วบอกต่อ มันอันตรายมากนะครับ ผมรู้จักคนๆหนึ่งทางเนต ได้คุยและแลกเปลี่ยนกันเรื่องกราฟ เขายังไม่รู้เรื่องกราฟดีเลย เล่นมาแค่ไม่กี่เดือน แต่โม้เก่ง แล้วก็อยากถ่ายทอด สรุปคนที่เรียนกับเขา ไม่ต้องพูดถึง เจตนาเขาอาจจะดี แต่ มันอันตรายมาก ฉะนั้นหากให้เขาเริ่มที่กระบวนท่า ยังไม่ฝึกลมปราณ ธาตุไฟจะแตก โดยส่วนใหญ่ผมจะแนะนำให้มือใหม่เข้าไปwww.thaivi.comก่อนเลย ให้รู้เรื่องธุรกิจ งบการเงิน เทรนธุรกิจบ้าง ให้รู้ว่าเราเล่นกับอะไร แล้วต่อไปค่อยมาฝึกเรื่องกราฟทางเทคนิค คือเราจะเล่นยังไงให้สอดคล้องกับเล่นอะไร หากคุณเป็นนักลงทุนVi ผมแนะนำว่าบอกพ่อคุณให้ลงเงินกับคุณจะดีกว่า แล้วบอกด้วยว่าซื้อตัวไหน เพราะอะไร อธิบาย และให้เห็นทั้งเขียว ทั้งแดง จนแกรู้สึกว่า เฮ้ยทำไมไม่ขายแดงขนาดนี้ เฮ้ยขึ้นเยอะ แล้วก็เฉยๆ ไม่พูดอีกและไม่สนใจกับการเปิดจอดูหุ้น เมื่อผลตอบแทนจากการอยู่เฉยๆมันดีขึ้นอย่างถนัดตา พ่อคุณจะเชื่อเองว่า วิธีการลงทุนแบบนี้นี่แหละ คือ สิ่งที่ถูกต้อง จากคุณ : ยิ้มไว้เมื่อหุ้นลง เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 53 12:17:59